เสรีภาพในการเลือกเพศของเด็กชาย
                โดย ใช้แนวคิดปรัชญา ของ ฌอง-ปอล ซาร์ตร์


   ฉันเกิดในครอบครัวที่เคร่งคัดในประเพณี เป็นลูกชายคนแรกของบ้าน เป็นความหวังครอบครัวให้สืบสกุลและเป็นผู้นำ ของครอบครัว   

“มนุษย์มีสภาพความมีอยู่ (Existence) หรือสภาพความเป็นมนุษย์ มีตัวตนอันเป็นภาวะของการมีอยู่ที่สามารถกำหนดได้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนลักษณะ (Essence) ของมนุษย์นั้น หมายถึงส่วนที่เป็นความหมายของชีวิตมนุษย์จะต้องมีชีวิตอยู่ ต้องเผชิญหน้ากับตนเองและ ต้องใช้ชีวิตระหกระเหินอยู่ในโลกก่อน ต่อจากนั้น จึงหาคำจำกัดความให้กับตนเองได้ว่าตัวเองคือใครและมีลักษณะอะไร”


    ฉันมักจะถูกเลี้ยงดูมาให้เข้มแข็งเป็นผู้นำเหมือนเด็กชายปกติทั่วไปและมักจะได้ของที่เด็กผู้ชายอยากเล่นกันแต่ฉันมีความรู้สึกว่าไม่ชอบ

          “มนุษย์เป็นสิ่งให้คำจำกัดความไม่ได้ก็เพราะมนุษย์นั้นมีแต่ความว่างเปล่า (Man is nothing) เขาจะเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อมา และก็จะเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้ตัวเองเป็น ด้วยเหตุนี้เองเราจึงถือว่ามนุษย์ไม่มี “ธรรมชาติของมนุษย์” (Human Nature) เพราะไม่มีพระผู้เป็นเจ้าที่จะสร้างความคิดเห็นเช่นนี้ขึ้นมา”


ฉันจะชอบไปเล่นกับพี่สาว ทำให้ฉันอยากเลียนแบบการกระทำที่อ่อนโยนของพี่สาว เล่นของเล่นที่ผู้หญิงเล่น

‘’มนุษย์แต่ละคนจึงมีหน้าที่ที่จะเลือกสร้างลักษณะของตัวเอง
ตามแบบอย่างที่ตัวเองปรารถนา ดังนั้น มนุษย์ไม่ควรยอมรับสภาพหรือสิ่งซึ่งสังคมหรือคนอื่น
สร้างไว้ก่อนหน้ามาเป็นของตน มนุษย์แต่ละคนต้องสร้างสรรค์ความหมายในตนเองในแต่ละ
สถานการณ์ ยอมรับสภาพของตนในสิ่งแวดล้อมที่เป็นจริง ยอมรับปัญหาอันเกิดจากความมีอยู่
ของตน และการแก้ปัญหาก็ต้องยอมรับบนพื้นฐานของความมีอยู่ของตนเองด้วย (Solution)’’


    ฉันรู้สึกว่าการกระทำของเด็กผู้ชายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบและไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง

         ความเป็นตัวของตัวเอง (Individual) “เป็นความพยายามเข้าใจ ความมีอยู่ของปัจเจกชน ในลักษณะที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับจักรวาล และกลุ่มคนหรือคนที่มีชีวิตแตกต่างกับคนอื่น เป็นคนที่เข้าใจตัวเอง และยอมรับในความมีอยู่ของตัวเอง ในวิถีดำเนินชีวิตของตัวเอง” และเชื่อว่าเหตุผลหรือปัญญาความคิดของบุคคลจะต้องประกอบด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกความปรารถนาด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์


ฉันลองคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมาว่าฉันควรที่จะเลือกใช้ชีวิตเป็นผู้ชายแบบเดิมต่อไปหรือเลือกที่จะเป็นผู้หญิงแบบในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

       “ความกระวนกระวายใจ (Anguish) ความกระวนกระวายใจนั้นเป็นลักษณะที่ชี้ให้เห็นถึงความสำนึกรับผิดชอบต่อการใช้เสรีภาพในการเลือกและการตัดสินใจ เมื่อเราตัดสินใจเลือกกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว (รวมทั้งการเลือกที่จะไม่กระทำ) เราย่อมมีใจจดจ่อว่าสิ่งที่เลือกนั้น จะบังเกิดผลตามที่เราคิดไว้หรือไม่ ความกระวนกระวายใจจึงต้องเกิดขึ้น นั่นแสดงว่ามีความรับผิดชอบ แต่ถ้าหากเราเลือกและตัดสินใจกระทำอะไรลงไปแล้ว และไม่ยินดียินร้ายว่าอะไรจะเกิดขึ้น นั่นหมายถึงว่า เราไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เราเลือก”


   ฉันเริ่มมองเห็นตัวเองในแบบที่ฉันต้องการจะเป็น และรู้สึกฝืนกับสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่

“มนุษย์ทุกคนมีความกังวลใจ เพราะมนุษย์ไม่เพียงแต่เป็นผู้เลือกตัวเอง แต่มนุษย์ต้องเลือกผู้อื่นด้วยในขณะเดียวกัน มนุษย์ต้อง
รับผิดชอบอย่างมากต่อการเลือกนั้น ๆ ในบางครั้งเราอาจเห็นมนุษย์ไม่กังวลใจนั่นไม่ได้หมายความ
ว่าเขาไม่มีความกังวลใจแต่เป็นเพราะเขาพยายามปิดบังซ่อนเร้นความกังวลใจของเขาโดย
พยายามคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เท่ากับการไม่ยอมรับหรือหนีปัญหา”

ในวิชาพละฉันก็จะต้องไปเรียนกับเพื่อนผู้ชายและเพื่อนๆผู้ชายก็ชอบเล่นฟุตบอล จึงทำให้ฉันต้องมาเล่นและมีตำแหน่งเป็นผู้รักษาประตูบอลแต่ฉันก็ไม่ชื่นชอบ และไม่อยากเล่นบอลอีก

“เสรีภาพของมนุษย์อยู่เหนือสิ่งแวดล้อมเสมอ ผู้ที่ยอมเป็นทาสของสิ่งแวดล้อม ยอมให้สิ่งแวดล้อมกำหนดชะตากรรมให้แก่ชีวิตของตนสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น ย่อมไม่มีศักดิ์ศรีของมนุษย์เหลืออยู่”

  ในทุกๆวันมาโรงเรียนตอนเช้าแม่ก็จะมาส่งฉัน และฉันก็จะรอให้แม่กลับบ้านไปก่อนและก็จะรีบมาเล่นกับเพื่อนผู้หญิง เพราะแม่ไม่ชอบให้ฉันเล่นในกลุ่มผู้หญิง  

‘’ความไม่สบายใจ (Forlornness) มนุษย์ขาดที่พึ่ง รู้สึกว้าเหว่และไม่สบายใจความไม่สบายใจมักจะไปด้วยกันกับความกังวลใจเสมอความผิดหวังหรือความท้อแท้ใจ เกิดจากการที่มนุษย์ไม่ไว้ใจใคร ทำให้เกิดความไม่แน่ใจในความเป็นไปได้ของสิ่งที่จะเกิดขึ้น’’

ในวัยเด็กช่วงนั้นฉันก็แอบคิด ถึงความแตกแยกในเรื่องเพศเพราะตัวเราชอบเล่นกับเพื่อนผู้หญิงแต่เราเป็นผู้ชายก็รู้สึกแปลกๆที่อยู่กลุ่มเพื่อนผู้หญิง

“ซารตร์ ได้อธิบายว่า “ความคิดเช่นนี้ทำให้มนุษย์ท้อแท้ และอาจเปลี่ยนการกระทำได้” ดังนั้น คนเราจึงควรมี
ความเชื่อมั่น และไว้ใจในสิ่งต่าง ๆ บ้าง ไม่ว่าในปัจจุบันหรืออนาคต และต้องทำความตั้งใจต่อไป
เรื่อย ๆ ความหวังหรือความฝันมักทำให้เราผิดหวังได้ เพราะฉะนั้น ควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด”

ทำให้ตอนนั้นฉันรู้สึกแปลกแยกแตกต่างจากเพื่อนคนอื่นที่ไม่ได้เป็นแบบฉัน และฉันไม่อยากให้พ่อแม่ฉันรู้เพราะกลัวจะทำให้พวกท่านโกรธ

    “การทำลายเสรีภาพของบุคคลหนึ่งบุคคลใดจึงเท่ากับเป็นการลดทอนบุคคลนั้นให้เปลี่ยนสภาพจากการเป็นมนุษย์ไปเป็นวัตถุชิ้นหนึ่งมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวที่สามารถทำตัวเองให้ไม่เป็นสิ่งที่ตัวเองอยู่ และเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่เป็นอยู่ได้ เพราะมนุษย์มีความสามารถที่จะปฏิเสธหรือตัดขาดจากอดีตของตนที่เกิดและสิ้นสุดลงแล้ว”


  จนมาวันหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าตนเองต้องการจะได้รับความรักจากผู้ชายเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ และเริ่มที่คิดที่จะเลือกเปลี่ยนตนเองให้เป็นผู้หญิง

“การเลือกเป็นของมนุษย์” (The choice is ours and ours alone) มนุษย์มีเสรีภาพที่จะเลือก บุคลิกของมนุษย์เป็นผลมาจากการกระทำของตัวมนุษย์แต่ละคนเอง นั่นแสดงให้เห็นว่า
มนุษย์เป็นผู้สร้างตนเอง”


ฉันเริ่มศึกษาหาหนทางต่างๆเพื่อทำตามสิ่งที่ฉันคิดไว้ ฉันรับประทานยาฮอร์โมนเพื่อปรับสภาพร่างกายตนเองให้เป็นเหมือนเพศหญิง

   “Being for itself   ภวันต์สำหรับตนเอง ไม่เป็นอะไรตายตัว มีเสรีภาพที่จะเลือกเป็นอะไรก็ได้และจะเป็นอะไรก็ได้ ตามการเลือกของตนเอง”

สรีระร่างการของฉันเริ่มเปลี่ยนไป ความฝันกำลังจะกลายเป็นความจริง และมันเป็นสิ่งที่ฉันเลือกเอง

เสรีภาพ (Freedom) หมายถึง การพ้นจากการขัดขวาง การบังคับ การแทรกแซง หรือการใช้อำนาจทางอ้อมจากบุคคลหรือสิ่งอื่นๆ และหมายถึงกระบวนการเลือกอย่างเสรี และการกระทำตามความคิดริเริ่มของตนที่เกิดจากความตั้งใจ(Intention) ของตนเอง


        ฉันไม่สามารถปกปิดตัวตนของฉันต่อครอบครัวไปได้ตลอด เมื่อพ่อกับแม่ของฉันทราบความจริง เขาโกรธมาก และไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ฉันเลือกจะเป็นได้

ความรับผิดชอบ (Responsibility) หมายถึง การยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้กระทำอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยตัวเอง และยินดีรับผลของการกระทำนั้น และหมายถึงการใช้สติ สัมปชัญญะพิจารณาถึงความเหมาะสมของการกระทำในแต่ละครั้งด้วย


ฉันเลือกที่จะใช้ชีวิตไปในทางที่ฉันต้องการ และพร้อมจะรับผิดชอบต่อผลของการตัดสินใจเลือกครั้งนี้

การตัดสินใจ (Decision) หมายถึง การเลือกที่เกิดจากความตั้งใจ หรือ ความจงใจของตนเอง
“คนแต่ละคนเลือกเองว่าจะทำตามคำสั่งหรือกฎเกณฑ์ต่างๆของ
สังคมหรือไม่ ถ้าหากสิ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายเสรีภาพของมนุษย์เราก็ควรต่อต้านเพื่อให้คนในสังคมมีชีวิตเยี่ยงอิสรชน มีเสรีภาพในการเลือกมากขึ้น”


จากการเลือกในครั้งนี้ ฉันสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมได้โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

“ดังนั้นการเลือกความเป็นจริงของมนุษย์ การแสดงออกของมนุษย์ จึงหมายถึง การที่มนุษย์ได้เลือกแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้เลือกก็มิได้หมายความว่าเขาไม่เลือกแต่เป็นเพราะเขาเลือกที่จะไม่เลือก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องยอมรับการกระทำของเขาและรับผิดชอบต่อการเลือกของเขาเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จะเห็นได้ว่า
มนุษย์มีเสรีภาพควบคู่ไปกับความรับผิดชอบนั่นเอง”


   ในขณะเดียวกันนี้ ฉันต้องรับผลจากการเลือกของตัวเองที่ตามมาด้วย

      “การไปสู่อนาคตต้องมีการเลือกสถานการณ์ สิ่งที่เป็นอนาคตก็คือ
สถานการณ์ ที่เราเลือกให้คุณค่าแก่สถานการณ์นั้น ในขณะเดียวกันก็ได้ละทิ้งสถานการณ์บางสถานการณ์ไป อนาคตเกิดจากการที่ตัวมนุษย์ได้วางแผนการไปสู่สถานการณ์ที่เลือก”


ฉันได้ออกมาใช้ชีวิต ซึ่งเป็นชีวิตที่ฉันได้เลือกเอง และไม่รู้สึกเสียใจเลยกับผลของสิ่งที่ฉันได้ตัดสินใจเลือกลงไป

“เราต้องพยายามดิ้นรนต่อสู้ สร้างสรรค์ชีวิตของเราโดยไม่ท้อถอย
หรือบ่นว่าตำหนิสภาวะเช่นนี้ที่ติดตัวมาแต่เกิด ถึงแม้ว่าไม่มีใครจะเลือกเกิดได้ตามใจชอบ แต่เมื่อเกิดมาแล้ว เรามีเสรีภาพที่จะเลือกทัศนคติต่อการเกิดนั้น”


  การเลือกที่จะเป็นเพศหญิงของฉันในตอนนี้เปรียบดั่งการก้าวผ่านการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต และฉันก็พอใจไปกับผลสำเร็จของตนเอง

             “คนจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง และขณะเดียวกันก็จะต้องรับผิดชอบต่อคนทุก ๆ คน ในการเลือกนั้นโดยสามัญสำนึก มนุษย์แต่ละคนย่อมจะเลือกสิ่งที่ดีกว่าเสมอ เมื่อต่างคนต่างเลือกในสิ่งที่ดีกว่าเช่นนี้ ในสังคมก็ย่อมจะมีแต่สิ่งที่ดีที่ทุกคนได้เลือกแล้ว”

ครั้งหนึ่งกับการเกิดมาเป็นมนุษย์พร้อมความว่างเปล่า การเลือกเป็นผู้หญิงของฉันได้เติมเต็มความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์

       “ถึงแม้ว่าอนาคตจะมีลักษณะเปิดกว้างกำหนดให้ตายตัวแน่นอนไม่ได้ แต่อนาคตก็เป็นศักยภาพของเราที่จะปั้นแต่งชีวิตมีความหมาย การตัดสินใจเลือกแต่ละครั้งของเราในปัจจุบัน มีส่วนกำหนดทิศทางและลักษณะของชีวิตที่เราจะมีต่อไปในภายภาคหน้า ดังนั้นเราจึงต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของเราอย่างเต็มที่”