บางครั้งสิ่งที่เราเห็น ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไปหรอกนะ ( เรื่องของน้องหมา เจค กับ ทริกเกอร์ )
http://ppantip.com/topic/34373006
1.
ฉันเป็นคนตื่นเช้า ตีห้าครึ่ง หรือหกโมงก็ตื่นแล้ว พอลืมตาก็ไม่รอช้า แปรงฟัน ล้างหน้าเรียบร้อย ชงกาแฟให้ตัวเองหนึ่งถ้วย ด้วยเครื่องชงกาสุดแฟไฮเทค แค่กดปุ่มทำงานปุ๊บ เดี๋ยวเดียวก็ได้กิน
ได้กาแฟเรียบร้อยก็ผันผาย ออกจากครัวมุ่งหน้าไปที่ห้องใต้ดิน เพื่อเปิดบ้านให้เจ้าสองตัวที่พำนักอยู่ที่นั่น ปล่อยให้มันออกมาวิ่งรับลม ทำกิจส่วนตัวอย่างทุกวัน ระหว่างทางที่เดินไปนั้น ก็ฮึมฮัม วอท อะ วันเดอร์ฟูล เวิลด์ ของ หลุยส์ อาร์มสตรอง พร้อมกับจิบกาแฟไปพลาง อย่างเบิกบาน และมีความสุข
หากแต่ว่าวันนี้ ตารางชีวิตได้เปลี่ยนไปจากทุกวัน เพราะเมื่อคืนไปปาร์ตี้ กว่าจะกลับถึงบ้านร่วมตีสอง เช้านี้เลยตื่นร่วมเก้าโมง จะกินกาแฟก็ไม่ทัน เดี๋ยวไอ้สองตัวนั้น ปวดหนักปวดเบา หิวข้าว ขึ้นมาจะว่าไง
รัก และห่วงหมา กว่าตัวเอง ช่างเป็นเจ้านายที่แสนดี และเสียสละอะไรอย่างนี้ ไม่แน่นะ เผลอๆสิ้นปี อาจจะได้รับโล่ห์ เจ้าของหมาดีเด่นประจำปีกับเขาก็ได้นะ
“เจค, ทริกเกอร์ “เรียกชื่อนำไปก่อน แล้วจึงก้าวเข้าไปในห้องเจ้าสองตัว เจ้าสองตัวเห็นคุณผู้หญิง ก็วิ่งมาต้อนหน้าต้อน แหกปากแข่งกันลั่น
“Good morning” ( มันไม่ได้พูดหรอกค่ะ คนเขียนพูดเองเออเอง คิดไปเองทั้งหมดทั้งมวล) ท่าทางของมัน ตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ไม่รู้ว่าเพราะดีใจที่เห็นหน้าคุณผู้หญิง หรือดีใจที่จะได้อาหารเช้า แถมได้ออกไปวิ่งรับอรุณ
คุณผู้หญิงของที่อารมณ์ไม่ดี เป็นทุน ไม่ทักทายอย่างทุกวัน หากแต่ก้าวยาวๆไปที่กระป๋องใส่อาหาร ทำท่าจะเปิด แต่มีอันต้องชะงัก เมื่อหันไปเห็นพรม ที่ปูให้สองตัวนอนชายขาดรุ่ย แถมไม่ได้อยู่ในที่ทาง ดันไปอยู่ที่หน้าประตูหมา ( dog doors)
พรมไม่มีขา จะเดินไปที่หน้าประตูไม่ได้ จะต้องมีผู้นำไป รวดเร็วเท่าความคิด คุณผู้หญิงหันขวับ มายังหมาสองตัว
หน้าตาของคุณผู้หญิงยามนี้ ราวกับเรแกน เด็กสาว ที่โดนวิญญาณที่ชั่วร้ายสิง ในหนังเรื่อง ดิเอ็กซ์โซซิส (The Exorcist)
เจค กับ ทริกเกอร์ เห็นความตายรออยู่ข้างหน้า พร้อมใจถอยกรูด ไปยืนติดข้างฝา ใจระทึก
คุณผู้หญิง ที่วันนี้ ไม่ใจดีอย่างทุกวัน ย่างสามขุมเข้าไปหา หมาชะตาขาดทั้งคู่ พอไปยืนท้าวเอวตรงหน้า ก็ตวาดถามดังๆ
“ใคร เป็นคนลากพรมไปที่ประตู ถ้าไม่อยากเจ็บตัว บอกมาเดี๋ยวนี้ “ ตะโกนถามดังๆ ชนิดไม่เกรงว่าต่อมทอนซิลจะแตก
เจคอ้าปากจะบอก ว่าตัวการคือไอ้ทริก เพราะเห็นกับตา แต่อนิจจา เจคไม่เคยทันทริกเกอร์เสียที
“พี่เจคทำครับ ผมเห็นเต็มสองตาเลยครับ” ไอ้ทริก ฟ้องฉอดๆ และคงกลัวว่าหากพูดเฉยๆ คุณผู้หญิงจะไม่เชื่อ เลยจัดแจงเอาเท้าข้างนั้นยกขึ้น แล้วชี้ไปที่เจคถี่ๆ
“ไอ้ทริก ” เจคเรียกชื่อดังๆ ทำท่าจะเข้าไปทุบ ( ความจริงจะเตะ แต่ทุบฟังดูสุภาพกว่า )
“หยุด ” คุณผู้หญิงร้องบอกหมาเคราะห์กำลังจะร้ายสองตัว ก่อนจะออกคำสั่ง
“ไปพบฉันที่หน้าบันได เดี๋ยวนี้”พูดจบก็สะบัดหน้ากลับ คอแทบหลุด ก้าวออกไปจากห้องเร็วๆ ไปยืนรอ จัดการเจ้าหมาสองตัวที่บันได
ในเวลาต่อมา เจค กับ ทริกเกอร์ ก็มานั่งจ๋องคู่กันต่อหน้าคุณผู้หญิง ที่นั่งไขว่ห้างที่บันไดขั้นที่สาม หน้าตาเอาเรื่อง
ใบหน้าเจคหม่นหมอง และใจยิ่งหม่นไปกว่า เพราะถึงตัวเองจะไม่ได้ทำ แต่หลักฐานมัดตัวเห็นๆ
หลักฐานที่ว่า ก็คือพรม ที่ทั้งใหญ่ และหนัก แถมความยาวของมัน เทียบกับลำตัวไอ้ทริกแล้วเกือบสองเท่า ซึ่งเมื่อเทียบรูปร่างระหว่างเจค กับทริกเกอร์ ใครมาเห็นก็ต้องว่าเจคทำทั้งนั้นแหละ เพราะทริก ตัวเล็กนิดเดียว คงทำไม่ได้ ( น้อยไปซิ )
“ฉันจะถามเราสองคน เอ๊ย สองตัว เป็นครั้งสุดท้าย บอกมาเร็วๆว่าใครเป็นคนทำ”
“พี่เจคซิครับ ผมตัวนิดเดียว ถ้าผมลากพรมผืนใหญ่ขนาดนั้นได้ ผมก็ไม่ใช่หมา แต่เป็นซุปเปอร์หมา เอ๊ยซุปเปอร์แมนแล้วละครับคุณผู้หญิง” ทริกลอยหน้า แถมยืนกราน กระต่ายขาเดียว
เจคหันไปมอง ไอ้ทริก อยากจะยันสักโครม แต่ที่ไม่ทำ เพราะเหตุผลสองข้อ ข้อแรก เกรงใจคุณผู้หญิง ส่วนข้อที่สอง สิ่งที่เจ้าทริกพูดมา แม้ว่าจะโกหกเห็นๆ แต่ก็มีเหตุมีผลมารองรับ พรมที่ทั้งใหญ่ และหนัก ใครมาเห็นร้อยทั้งร้อยก็ต้องคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แม้แต่เจคเองก็เถอะ ถึงตอนนี้ยังแอบคล้อยตามไปกับเหตุผลของไอ้ทริกเสียมิได้
เจคถอนใจยาว คิดเงียบๆ งานนี้ เจคจะรอดก็ต้องมีปาฏิหาริย์มาช่วยเท่านั้น ซึ่งปฏิหาริย์ที่ว่า มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ นานๆจะเกิดเสียที ถ้าโชคดีจริงๆ
เฮ้อ!!!
เมื่อเจคไม่พูด คุณผู้หญิงไม่พูดอะไรเหมือนกัน ลุกขึ้นช้าๆ บอกกับไอ้สองตัว
“อย่าไปไหนนั่งอยู่นี่ เดี๋ยวฉันมา”
คุณผู้หญิงหายเข้าไปในบ้าน สักครู่ก็ลงบันไดมาหาไอ้หมาสองตัว ที่ไม่ได้นั่งรอ แต่วิ่งไล่กันไปรอบๆ เจคค่ะ ที่วิ่งไล่ โกรธ ที่ไอ้ทริกใส่ความ
“มานี่”
เจ้าสองตัวชะงัก วิ่งกลับมานั่งตรงหน้า
“มีอะไรจะพูด หรือแก้ตัว ว่ามา นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเราแล้วนะ ที่จะพูดความจริง“ คุณผู้หญิง ร้องบอก ผู้ต้องสงสัยทั้งสอง ที่นั่งทำตาปริบๆ
“ไม่ครับ ผมไม่มีอะไรจะพูด คุณผู้หญิงว่าไง ผมก็ว่างั้น” เจคหมาปากหนัก พูดน้อย เอ่ยอย่างปลงๆ(เจค จะหลุดคอนเซ็ปตพระเอกบ้าง ก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ อิๆๆ )
เมื่อเจคพูดอย่างนั้น คุณผู้หญิงเลยร้องบอกเจ้าสองตัวดังๆ
“ทริก เข้าไปอยู่ในบ้าน ส่วนเจค ไปกับฉัน” น้ำเสียงอันเฉียบขาด และหน้าตาอันขึงขัง ทำเอาเจ้าหมาสองตัวจึงไม่กล้าบิดพลิ้ว เจค เดินตามคุณผู้หญิงไปต้อยๆ ส่วนเจ้าทริกวิ่งปรู๊ดไปที่ประตูบ้านหมา ก่อนจะเข้าไปในนั้น มันหันมาร้องบอกกับเจคยิ้มๆ
“โชคดีนะพี่เจค เชื่อผมเถอะ คุณผู้หญิงจะทุบ หรือตี อย่างไร ก็คงไม่ถึงตายหรอกนะ อิๆๆ” พูดจบ หัวเราะคิกๆ แล้วกระโดดผลุงเข้าไปในบ้านหมา
ทริกเกอร์คิดว่า คุณผู้หญิงพาพี่เจคไปตี แต่ความจริง คุณผู้หญิงกลับพาเจค ไปเดินเล่นที่สนามกอล์ฟเก่าข้างบ้าน ก่อนนั้น ตอนที่มีเจคตัวเดียว คุณผู้หญิงมักจะพาเจคไปเดินเล่นรับลม ดูต้นไม้ วิ่งจับผีเสื้อ แต่พอมีทริกเกอร์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง จูงไปเดินสองตัว ไม่สะดวก
เพราะคุณผู้หญิงเคยทำอยู่หลายครั้ง ตอนแรกก็เดินดีๆ แต่พอเจ้าสองตัวตื่นเต้น วิ่งสลับกัน จากตอนแรกจูงมัน ตอนหลังกลายเป็นว่า มันจูงคุณผู้หญิง แล้วพาวิ่งกระเซอะกระเซิง ล้มลุกคลุกคลาน ได้ให้อับอายฟ้าดินอยู่หลายหน
ตอนหลังจึงเปลี่ยนแนว พาไปทีละตัว แต่ถึงขนาดพาไปทีละตัว พองานยุ่ง ธุรกิจรัดตัว ไม่มีเวลา ก็ปล่อยให้เจ้าสองตัวนั่งจ๋องอยู่ที่สนามอย่างเหงาๆ
ซึ่งพอเห็นภาพนั้นทีไร ก็ให้รู้สึกแย่ทีนั้น เพราะการปล่อยให้มันนั่งเหงาๆ ไม่พากันไปเดินเล่น กับผูกมันกับเสาตากแดดตากลม ตากฝน ราวกับนักโทษ ถึงอย่างแรกจะดูแย่น้อยกว่า แต่อย่างไรก็ยังดูแย่อยู่ดี
*สัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นหมา หรือแมว เอาเขามาเลี้ยง จะต้องรัก ถ้าไม่รัก คิดว่าจะดูแลไม่ได้ ก็อย่าเอามา แล้วไอ้ที่ชอบเอามาล่าม ติดเสา ไม่ให้ไปไหน ถ้าพวกมันพูดได้ มันคงจะถาม เราผิดข้อหาอะไร ถึงทำกับเราแบบนี้ เพราะนักโทษ ก่อนจะถูก จองจำ ลงโทษ ยังต้องผ่านขบวนการยุติธรรม เป็นขั้นตอน มิใช่อยู่ๆนึกจะลงโทษก็ทำได้
“จะรออะไรละเจคไปวิ่งเล่นซิ “ ฉันร้องบอกเจคที่มองงงๆ พอหายงง เจคก็ออกวิ่ง ไล่จับผีเสื้อ และสูดอากาศอันบริสุทธิ์
สนามหลังบ้าง หรือหน้าบ้าน ไหนเลยจะมาสู้สนามกอล์ฟ ที่กว้างใหญ่สุดลูกตา ท่ามกลางแมกไม้ และท้องฟ้าสีครามได้ละ
เจควิ่งไปรอบๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย โดยมีฉันมองดูย่างมีความสุข พร้อมกับบอกตัวเอง ต่อไปนี้ แม้จะยุ่งอย่างไร ก็ จะหาเวลาอันน้อยนิด พาเจค พาทริกมาวิ่งเล่นให้มากขึ้น
“ทริกออกมาเร็วๆ” ฉันร้องเรียกเจ้าทริกดังๆ เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังจากพาเจคไปเดินเล่น ทริกเกอร์ที่หลบอยู่ในห้อง ได้ยินไม่รอช้า กระโดดตุ๊บออกมาจากประตูหมา มานั่งจ๋องตรงหน้า ยิงฟันขาว
“พี่เจค อวัยวะยังอยู่ครบสามสิบสองอยู่เหรอนี่” ทริกหันไปถามเจคที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เจคไม่ตอบ ยิ้มมุมปากนิดๆ รอดูความหายนะของเจ้าทริกที่ใกล้เข้ามารอมร่อ พร้อมกับหัวเราะในใจ ดังมาก
“มานี่ทริก มาใกล้ๆฉันหน่อย”
“ว๊าย มาจับผมทำไมครับเนี่ย “ เจ้าทริกแหกปากร้องถาม ดิ้นขลุกๆในมือมาร เอ๊ย มือคุณผู้หญิงที่ยื่นมาคว้าหมับเมื่อมันไปหาตามที่คุณผู้หญิงรีเควซ
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก ทำผิด ไม่ยอมรับ ก็ผิดพออยู่แล้ว แต่นี่ยังเล่นโยนความผิดให้พี่เจค เจ้าทริก เราคิดว่าฉันความจำเสื่อมหรือไง ฉันกับคุณผู้ชายเห็นเราพยายามจะเอาพรมออกจากประตูหมา นับครั้งไม่ถ้วน ส่วนที่ไม่เห็นไม่รู้เท่าไหร่ เรื่องแย่ๆ ร้ายๆ ไม่มีใครที่ไหนจะทำได้ดี นอกจากเราหรอกนะ ไอ้ทริก “
“คุณผู้หญิงเข้าใจผิด ผมเปล่าๆ” ( เปล่า ซะ เมื่อ ไหร่)
“หุบปาก”คุณผู้หญิงพูดเท่านั้น ก็อุ้มเจ้าทริกขึ้นบันได ไปที่ระเบียงด้านนั้น ไปถึงก็เอาเชือกที่เตรียมอยู่แล้ว ล่ามเจ้าทริกไว้กับเสา แล้วหันไปคว้ากะละมังอาบน้ำ เจ้าทริกเห็นเช่นนั้น ก็เดาออกออกเดี๋ยวนั้น ว่าตัวเองกำลังจะพบ กับอะไรในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ผมผิดไปแล้วครับ ผมสัญญา ต่อไปผมจะไม่ทำผิดอีก อย่าอาบน้ำผมเลย ผมไม่ชอบอาบน้ำ ฮือๆๆ”
เจ้าทริกร้องแรก แหกปากลั่น จะวิ่งหนี แต่ไปไม่ไหนไม่ได้ วิ่งวนไปวนมา ล้มลุกคลุกคลาน เห็นแล้ว น่าสงสารยิ่ง ( 55555 )
“เสียใจ ฉันคงทำอย่างที่เราขอไม่ได้ อ้อ แล้วรับรู้เอาไว้ซะด้วย วันนี้ ฉันจะไม่แค่อาบน้ำให้เราอย่างเดียวหรอกนะ แต่จะจัดให้เราชุดใหญ่ อาบน้ำเสร็จ แปรงฟัน ขัดขี้ไคล เอาให้ครบเครื่องไปเลยนะทริก ยู้ฮูๆ”
“จ๊าก ผมไม่เอา “ เจ้าทริกร้องแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้น ขาทั้งสี่ชี้ฟ้าชักดิ้นชักงอ
เจคที่นั่งดูอยู่ข้างๆ หัวเราะจนน้ำตาไหล สะใจสุดๆ
2
ปัญหาที่เราสองคนประสพในเวลานี้ คงไม่พ้นเรื่องเจ้าหมาไม่เอาไหนสองตัว ร่วมด้วยช่วยกัน ขุดดินใต้บันไดหลังบ้าน
ตอนแรกที่มีเจคตัวเดียว ก็กินวงแค่คืบ แต่พอได้เจ้าทริกมาเป็นผู้ช่วย จากคืบ กลายเป็นศอก และคงจะเป็นวา เป็นไร่ในไม่ช้า
หากแต่ข้อแตกต่างระหว่างเจค กับทริกเกอร์ ก็คือ
เจคโดนดุ จะหงอ และหยุดขุด หันไปทำอะไรสักพัก พอเราเผลอ ก็จะขุดใหม่ ผิดกับเจ้าทริกเกอร์ หมาบ้าพลัง มันขุดทั้งที่เราสองคนถือไม้ขู่ฟ่อๆ อยู่ในมือนั่นแหละ เอากันมันซิ
วันเกิดเหตุ เวลาประมาณห้าโมงเศษๆ คุณผู้ชายลงไปที่สระน้ำ เพื่อจะไปเก็บใบไม้ที่ลอยฟ่องอยู่ในสระ เสร็จแล้วก็จะว่ายน้ำสักเที่ยวสองเที่ยว เป็นการคลายเครียด จากนั้นก็จะไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ หากเมื่อลงบันไดไปที่สระ มีอันชะงัก เพราะเหลือบไปหลุมใหญ่พอกับอุกาบาตรที่ใต้บันได
“เป็นไปไม่ได้” คุณผู้ชายร้องออกมาดังๆ ไอ้ตัวแสบทั้งสองขุดดินที่ใต้บันไดหลังบ้าน กินเนื้อที่กว้าง ห้ามอย่างไรไม่ฟัง
ดังนั้น พอมาทำบันไดด้านข้างทอดไปยังสระน้ำ จึงป้องกันด้วยการเอาทรายลง เอาก้อนกรวดมาโรย พร้อมกับปลูกต้นปาล์มเล็กๆสี่ต้น ทำขนาดนี้ ให้รู้ไปซิว่า มันยังจะกล้าทำอีกไหม
“ผมว่ามันคงไม่ขุดอีกแล้วละ เพราะถ้าขุด ฟันมันต้องหักแน่ๆ เพราะก้อนกรวดแข็งยังกับอะไร “ เขาพูดอย่างมั่นใจ
ซึ่งมันก็เป็นอย่างเขาว่า เรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้
วันที่เราหวาดหวั่น เกรงว่ามันจะมา แล้วมันก็มา อย่างที่เรากลัวจริงๆ
คุณผู้ชายมองดูเจ้าทริกที่กำลังก้มๆ เงยอยู่ใกล้ต้นปาล์มต้นที่เอียงกระเท่ทำมุม45 องศา เจคยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ กรวดทราย โดนขุ้ยกระเด็นขึ้นมาตรงทางเดินเลอะไปหมด
“เจค ทริก “ คุณผู้ชายจิกเรียกเจ้าสองตัวหลังจากสติคืนกลับมาอีกครั้ง
ไอ้สองตัวได้ยินเสียงเรียกก็หันมามองพร้อมๆกัน ในขณะที่คุณผู้ชายก้าวยาวๆไปหา ความที่โกรธ เตะก้อนกรวดที่เกลื่อนทางเท้า อันเป็นผลพวงจากการขุดคุ้ยของมันกระเด็นหวือไปในอากาศ ( ขู่ๆนิดๆ )
“ขุดดิน อีกแล้วใช่ไหม” คุณผู้ชายตะคอกถามดังๆ อีกนิดจะถึงตัว เจค ไม่พูดอะไรสักคำ หมุนตัวกลับวิ่งห้อไปหลบในห้องหมาใกล้ๆ แต่ทริกเกอร์ กลับวิ่งหน้าเริดมาหา พร้อมกับยิ้มแฉ่ง
“เรียกผม เหรอครับ"
บางครั้งสิ่งที่เราเห็น ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไปหรอกนะ ( เรื่องของน้องหมา เจค กับ ทริกเกอร์ )
http://ppantip.com/topic/34373006
1.
ฉันเป็นคนตื่นเช้า ตีห้าครึ่ง หรือหกโมงก็ตื่นแล้ว พอลืมตาก็ไม่รอช้า แปรงฟัน ล้างหน้าเรียบร้อย ชงกาแฟให้ตัวเองหนึ่งถ้วย ด้วยเครื่องชงกาสุดแฟไฮเทค แค่กดปุ่มทำงานปุ๊บ เดี๋ยวเดียวก็ได้กิน
ได้กาแฟเรียบร้อยก็ผันผาย ออกจากครัวมุ่งหน้าไปที่ห้องใต้ดิน เพื่อเปิดบ้านให้เจ้าสองตัวที่พำนักอยู่ที่นั่น ปล่อยให้มันออกมาวิ่งรับลม ทำกิจส่วนตัวอย่างทุกวัน ระหว่างทางที่เดินไปนั้น ก็ฮึมฮัม วอท อะ วันเดอร์ฟูล เวิลด์ ของ หลุยส์ อาร์มสตรอง พร้อมกับจิบกาแฟไปพลาง อย่างเบิกบาน และมีความสุข
หากแต่ว่าวันนี้ ตารางชีวิตได้เปลี่ยนไปจากทุกวัน เพราะเมื่อคืนไปปาร์ตี้ กว่าจะกลับถึงบ้านร่วมตีสอง เช้านี้เลยตื่นร่วมเก้าโมง จะกินกาแฟก็ไม่ทัน เดี๋ยวไอ้สองตัวนั้น ปวดหนักปวดเบา หิวข้าว ขึ้นมาจะว่าไง
รัก และห่วงหมา กว่าตัวเอง ช่างเป็นเจ้านายที่แสนดี และเสียสละอะไรอย่างนี้ ไม่แน่นะ เผลอๆสิ้นปี อาจจะได้รับโล่ห์ เจ้าของหมาดีเด่นประจำปีกับเขาก็ได้นะ
“เจค, ทริกเกอร์ “เรียกชื่อนำไปก่อน แล้วจึงก้าวเข้าไปในห้องเจ้าสองตัว เจ้าสองตัวเห็นคุณผู้หญิง ก็วิ่งมาต้อนหน้าต้อน แหกปากแข่งกันลั่น
“Good morning” ( มันไม่ได้พูดหรอกค่ะ คนเขียนพูดเองเออเอง คิดไปเองทั้งหมดทั้งมวล) ท่าทางของมัน ตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ไม่รู้ว่าเพราะดีใจที่เห็นหน้าคุณผู้หญิง หรือดีใจที่จะได้อาหารเช้า แถมได้ออกไปวิ่งรับอรุณ
คุณผู้หญิงของที่อารมณ์ไม่ดี เป็นทุน ไม่ทักทายอย่างทุกวัน หากแต่ก้าวยาวๆไปที่กระป๋องใส่อาหาร ทำท่าจะเปิด แต่มีอันต้องชะงัก เมื่อหันไปเห็นพรม ที่ปูให้สองตัวนอนชายขาดรุ่ย แถมไม่ได้อยู่ในที่ทาง ดันไปอยู่ที่หน้าประตูหมา ( dog doors)
พรมไม่มีขา จะเดินไปที่หน้าประตูไม่ได้ จะต้องมีผู้นำไป รวดเร็วเท่าความคิด คุณผู้หญิงหันขวับ มายังหมาสองตัว
หน้าตาของคุณผู้หญิงยามนี้ ราวกับเรแกน เด็กสาว ที่โดนวิญญาณที่ชั่วร้ายสิง ในหนังเรื่อง ดิเอ็กซ์โซซิส (The Exorcist)
เจค กับ ทริกเกอร์ เห็นความตายรออยู่ข้างหน้า พร้อมใจถอยกรูด ไปยืนติดข้างฝา ใจระทึก
คุณผู้หญิง ที่วันนี้ ไม่ใจดีอย่างทุกวัน ย่างสามขุมเข้าไปหา หมาชะตาขาดทั้งคู่ พอไปยืนท้าวเอวตรงหน้า ก็ตวาดถามดังๆ
“ใคร เป็นคนลากพรมไปที่ประตู ถ้าไม่อยากเจ็บตัว บอกมาเดี๋ยวนี้ “ ตะโกนถามดังๆ ชนิดไม่เกรงว่าต่อมทอนซิลจะแตก
เจคอ้าปากจะบอก ว่าตัวการคือไอ้ทริก เพราะเห็นกับตา แต่อนิจจา เจคไม่เคยทันทริกเกอร์เสียที
“พี่เจคทำครับ ผมเห็นเต็มสองตาเลยครับ” ไอ้ทริก ฟ้องฉอดๆ และคงกลัวว่าหากพูดเฉยๆ คุณผู้หญิงจะไม่เชื่อ เลยจัดแจงเอาเท้าข้างนั้นยกขึ้น แล้วชี้ไปที่เจคถี่ๆ
“ไอ้ทริก ” เจคเรียกชื่อดังๆ ทำท่าจะเข้าไปทุบ ( ความจริงจะเตะ แต่ทุบฟังดูสุภาพกว่า )
“หยุด ” คุณผู้หญิงร้องบอกหมาเคราะห์กำลังจะร้ายสองตัว ก่อนจะออกคำสั่ง
“ไปพบฉันที่หน้าบันได เดี๋ยวนี้”พูดจบก็สะบัดหน้ากลับ คอแทบหลุด ก้าวออกไปจากห้องเร็วๆ ไปยืนรอ จัดการเจ้าหมาสองตัวที่บันได
ในเวลาต่อมา เจค กับ ทริกเกอร์ ก็มานั่งจ๋องคู่กันต่อหน้าคุณผู้หญิง ที่นั่งไขว่ห้างที่บันไดขั้นที่สาม หน้าตาเอาเรื่อง
ใบหน้าเจคหม่นหมอง และใจยิ่งหม่นไปกว่า เพราะถึงตัวเองจะไม่ได้ทำ แต่หลักฐานมัดตัวเห็นๆ
หลักฐานที่ว่า ก็คือพรม ที่ทั้งใหญ่ และหนัก แถมความยาวของมัน เทียบกับลำตัวไอ้ทริกแล้วเกือบสองเท่า ซึ่งเมื่อเทียบรูปร่างระหว่างเจค กับทริกเกอร์ ใครมาเห็นก็ต้องว่าเจคทำทั้งนั้นแหละ เพราะทริก ตัวเล็กนิดเดียว คงทำไม่ได้ ( น้อยไปซิ )
“ฉันจะถามเราสองคน เอ๊ย สองตัว เป็นครั้งสุดท้าย บอกมาเร็วๆว่าใครเป็นคนทำ”
“พี่เจคซิครับ ผมตัวนิดเดียว ถ้าผมลากพรมผืนใหญ่ขนาดนั้นได้ ผมก็ไม่ใช่หมา แต่เป็นซุปเปอร์หมา เอ๊ยซุปเปอร์แมนแล้วละครับคุณผู้หญิง” ทริกลอยหน้า แถมยืนกราน กระต่ายขาเดียว
เจคหันไปมอง ไอ้ทริก อยากจะยันสักโครม แต่ที่ไม่ทำ เพราะเหตุผลสองข้อ ข้อแรก เกรงใจคุณผู้หญิง ส่วนข้อที่สอง สิ่งที่เจ้าทริกพูดมา แม้ว่าจะโกหกเห็นๆ แต่ก็มีเหตุมีผลมารองรับ พรมที่ทั้งใหญ่ และหนัก ใครมาเห็นร้อยทั้งร้อยก็ต้องคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แม้แต่เจคเองก็เถอะ ถึงตอนนี้ยังแอบคล้อยตามไปกับเหตุผลของไอ้ทริกเสียมิได้
เจคถอนใจยาว คิดเงียบๆ งานนี้ เจคจะรอดก็ต้องมีปาฏิหาริย์มาช่วยเท่านั้น ซึ่งปฏิหาริย์ที่ว่า มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ นานๆจะเกิดเสียที ถ้าโชคดีจริงๆ
เฮ้อ!!!
เมื่อเจคไม่พูด คุณผู้หญิงไม่พูดอะไรเหมือนกัน ลุกขึ้นช้าๆ บอกกับไอ้สองตัว
“อย่าไปไหนนั่งอยู่นี่ เดี๋ยวฉันมา”
คุณผู้หญิงหายเข้าไปในบ้าน สักครู่ก็ลงบันไดมาหาไอ้หมาสองตัว ที่ไม่ได้นั่งรอ แต่วิ่งไล่กันไปรอบๆ เจคค่ะ ที่วิ่งไล่ โกรธ ที่ไอ้ทริกใส่ความ
“มานี่”
เจ้าสองตัวชะงัก วิ่งกลับมานั่งตรงหน้า
“มีอะไรจะพูด หรือแก้ตัว ว่ามา นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเราแล้วนะ ที่จะพูดความจริง“ คุณผู้หญิง ร้องบอก ผู้ต้องสงสัยทั้งสอง ที่นั่งทำตาปริบๆ
“ไม่ครับ ผมไม่มีอะไรจะพูด คุณผู้หญิงว่าไง ผมก็ว่างั้น” เจคหมาปากหนัก พูดน้อย เอ่ยอย่างปลงๆ(เจค จะหลุดคอนเซ็ปตพระเอกบ้าง ก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ อิๆๆ )
เมื่อเจคพูดอย่างนั้น คุณผู้หญิงเลยร้องบอกเจ้าสองตัวดังๆ
“ทริก เข้าไปอยู่ในบ้าน ส่วนเจค ไปกับฉัน” น้ำเสียงอันเฉียบขาด และหน้าตาอันขึงขัง ทำเอาเจ้าหมาสองตัวจึงไม่กล้าบิดพลิ้ว เจค เดินตามคุณผู้หญิงไปต้อยๆ ส่วนเจ้าทริกวิ่งปรู๊ดไปที่ประตูบ้านหมา ก่อนจะเข้าไปในนั้น มันหันมาร้องบอกกับเจคยิ้มๆ
“โชคดีนะพี่เจค เชื่อผมเถอะ คุณผู้หญิงจะทุบ หรือตี อย่างไร ก็คงไม่ถึงตายหรอกนะ อิๆๆ” พูดจบ หัวเราะคิกๆ แล้วกระโดดผลุงเข้าไปในบ้านหมา
ทริกเกอร์คิดว่า คุณผู้หญิงพาพี่เจคไปตี แต่ความจริง คุณผู้หญิงกลับพาเจค ไปเดินเล่นที่สนามกอล์ฟเก่าข้างบ้าน ก่อนนั้น ตอนที่มีเจคตัวเดียว คุณผู้หญิงมักจะพาเจคไปเดินเล่นรับลม ดูต้นไม้ วิ่งจับผีเสื้อ แต่พอมีทริกเกอร์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง จูงไปเดินสองตัว ไม่สะดวก
เพราะคุณผู้หญิงเคยทำอยู่หลายครั้ง ตอนแรกก็เดินดีๆ แต่พอเจ้าสองตัวตื่นเต้น วิ่งสลับกัน จากตอนแรกจูงมัน ตอนหลังกลายเป็นว่า มันจูงคุณผู้หญิง แล้วพาวิ่งกระเซอะกระเซิง ล้มลุกคลุกคลาน ได้ให้อับอายฟ้าดินอยู่หลายหน
ตอนหลังจึงเปลี่ยนแนว พาไปทีละตัว แต่ถึงขนาดพาไปทีละตัว พองานยุ่ง ธุรกิจรัดตัว ไม่มีเวลา ก็ปล่อยให้เจ้าสองตัวนั่งจ๋องอยู่ที่สนามอย่างเหงาๆ
ซึ่งพอเห็นภาพนั้นทีไร ก็ให้รู้สึกแย่ทีนั้น เพราะการปล่อยให้มันนั่งเหงาๆ ไม่พากันไปเดินเล่น กับผูกมันกับเสาตากแดดตากลม ตากฝน ราวกับนักโทษ ถึงอย่างแรกจะดูแย่น้อยกว่า แต่อย่างไรก็ยังดูแย่อยู่ดี
*สัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นหมา หรือแมว เอาเขามาเลี้ยง จะต้องรัก ถ้าไม่รัก คิดว่าจะดูแลไม่ได้ ก็อย่าเอามา แล้วไอ้ที่ชอบเอามาล่าม ติดเสา ไม่ให้ไปไหน ถ้าพวกมันพูดได้ มันคงจะถาม เราผิดข้อหาอะไร ถึงทำกับเราแบบนี้ เพราะนักโทษ ก่อนจะถูก จองจำ ลงโทษ ยังต้องผ่านขบวนการยุติธรรม เป็นขั้นตอน มิใช่อยู่ๆนึกจะลงโทษก็ทำได้
“จะรออะไรละเจคไปวิ่งเล่นซิ “ ฉันร้องบอกเจคที่มองงงๆ พอหายงง เจคก็ออกวิ่ง ไล่จับผีเสื้อ และสูดอากาศอันบริสุทธิ์
สนามหลังบ้าง หรือหน้าบ้าน ไหนเลยจะมาสู้สนามกอล์ฟ ที่กว้างใหญ่สุดลูกตา ท่ามกลางแมกไม้ และท้องฟ้าสีครามได้ละ
เจควิ่งไปรอบๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย โดยมีฉันมองดูย่างมีความสุข พร้อมกับบอกตัวเอง ต่อไปนี้ แม้จะยุ่งอย่างไร ก็ จะหาเวลาอันน้อยนิด พาเจค พาทริกมาวิ่งเล่นให้มากขึ้น
“ทริกออกมาเร็วๆ” ฉันร้องเรียกเจ้าทริกดังๆ เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังจากพาเจคไปเดินเล่น ทริกเกอร์ที่หลบอยู่ในห้อง ได้ยินไม่รอช้า กระโดดตุ๊บออกมาจากประตูหมา มานั่งจ๋องตรงหน้า ยิงฟันขาว
“พี่เจค อวัยวะยังอยู่ครบสามสิบสองอยู่เหรอนี่” ทริกหันไปถามเจคที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เจคไม่ตอบ ยิ้มมุมปากนิดๆ รอดูความหายนะของเจ้าทริกที่ใกล้เข้ามารอมร่อ พร้อมกับหัวเราะในใจ ดังมาก
“มานี่ทริก มาใกล้ๆฉันหน่อย”
“ว๊าย มาจับผมทำไมครับเนี่ย “ เจ้าทริกแหกปากร้องถาม ดิ้นขลุกๆในมือมาร เอ๊ย มือคุณผู้หญิงที่ยื่นมาคว้าหมับเมื่อมันไปหาตามที่คุณผู้หญิงรีเควซ
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก ทำผิด ไม่ยอมรับ ก็ผิดพออยู่แล้ว แต่นี่ยังเล่นโยนความผิดให้พี่เจค เจ้าทริก เราคิดว่าฉันความจำเสื่อมหรือไง ฉันกับคุณผู้ชายเห็นเราพยายามจะเอาพรมออกจากประตูหมา นับครั้งไม่ถ้วน ส่วนที่ไม่เห็นไม่รู้เท่าไหร่ เรื่องแย่ๆ ร้ายๆ ไม่มีใครที่ไหนจะทำได้ดี นอกจากเราหรอกนะ ไอ้ทริก “
“คุณผู้หญิงเข้าใจผิด ผมเปล่าๆ” ( เปล่า ซะ เมื่อ ไหร่)
“หุบปาก”คุณผู้หญิงพูดเท่านั้น ก็อุ้มเจ้าทริกขึ้นบันได ไปที่ระเบียงด้านนั้น ไปถึงก็เอาเชือกที่เตรียมอยู่แล้ว ล่ามเจ้าทริกไว้กับเสา แล้วหันไปคว้ากะละมังอาบน้ำ เจ้าทริกเห็นเช่นนั้น ก็เดาออกออกเดี๋ยวนั้น ว่าตัวเองกำลังจะพบ กับอะไรในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ผมผิดไปแล้วครับ ผมสัญญา ต่อไปผมจะไม่ทำผิดอีก อย่าอาบน้ำผมเลย ผมไม่ชอบอาบน้ำ ฮือๆๆ”
เจ้าทริกร้องแรก แหกปากลั่น จะวิ่งหนี แต่ไปไม่ไหนไม่ได้ วิ่งวนไปวนมา ล้มลุกคลุกคลาน เห็นแล้ว น่าสงสารยิ่ง ( 55555 )
“เสียใจ ฉันคงทำอย่างที่เราขอไม่ได้ อ้อ แล้วรับรู้เอาไว้ซะด้วย วันนี้ ฉันจะไม่แค่อาบน้ำให้เราอย่างเดียวหรอกนะ แต่จะจัดให้เราชุดใหญ่ อาบน้ำเสร็จ แปรงฟัน ขัดขี้ไคล เอาให้ครบเครื่องไปเลยนะทริก ยู้ฮูๆ”
“จ๊าก ผมไม่เอา “ เจ้าทริกร้องแค่นั้นก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้น ขาทั้งสี่ชี้ฟ้าชักดิ้นชักงอ
เจคที่นั่งดูอยู่ข้างๆ หัวเราะจนน้ำตาไหล สะใจสุดๆ
2
ปัญหาที่เราสองคนประสพในเวลานี้ คงไม่พ้นเรื่องเจ้าหมาไม่เอาไหนสองตัว ร่วมด้วยช่วยกัน ขุดดินใต้บันไดหลังบ้าน
ตอนแรกที่มีเจคตัวเดียว ก็กินวงแค่คืบ แต่พอได้เจ้าทริกมาเป็นผู้ช่วย จากคืบ กลายเป็นศอก และคงจะเป็นวา เป็นไร่ในไม่ช้า
หากแต่ข้อแตกต่างระหว่างเจค กับทริกเกอร์ ก็คือ
เจคโดนดุ จะหงอ และหยุดขุด หันไปทำอะไรสักพัก พอเราเผลอ ก็จะขุดใหม่ ผิดกับเจ้าทริกเกอร์ หมาบ้าพลัง มันขุดทั้งที่เราสองคนถือไม้ขู่ฟ่อๆ อยู่ในมือนั่นแหละ เอากันมันซิ
วันเกิดเหตุ เวลาประมาณห้าโมงเศษๆ คุณผู้ชายลงไปที่สระน้ำ เพื่อจะไปเก็บใบไม้ที่ลอยฟ่องอยู่ในสระ เสร็จแล้วก็จะว่ายน้ำสักเที่ยวสองเที่ยว เป็นการคลายเครียด จากนั้นก็จะไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ หากเมื่อลงบันไดไปที่สระ มีอันชะงัก เพราะเหลือบไปหลุมใหญ่พอกับอุกาบาตรที่ใต้บันได
“เป็นไปไม่ได้” คุณผู้ชายร้องออกมาดังๆ ไอ้ตัวแสบทั้งสองขุดดินที่ใต้บันไดหลังบ้าน กินเนื้อที่กว้าง ห้ามอย่างไรไม่ฟัง
ดังนั้น พอมาทำบันไดด้านข้างทอดไปยังสระน้ำ จึงป้องกันด้วยการเอาทรายลง เอาก้อนกรวดมาโรย พร้อมกับปลูกต้นปาล์มเล็กๆสี่ต้น ทำขนาดนี้ ให้รู้ไปซิว่า มันยังจะกล้าทำอีกไหม
“ผมว่ามันคงไม่ขุดอีกแล้วละ เพราะถ้าขุด ฟันมันต้องหักแน่ๆ เพราะก้อนกรวดแข็งยังกับอะไร “ เขาพูดอย่างมั่นใจ
ซึ่งมันก็เป็นอย่างเขาว่า เรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้
วันที่เราหวาดหวั่น เกรงว่ามันจะมา แล้วมันก็มา อย่างที่เรากลัวจริงๆ
คุณผู้ชายมองดูเจ้าทริกที่กำลังก้มๆ เงยอยู่ใกล้ต้นปาล์มต้นที่เอียงกระเท่ทำมุม45 องศา เจคยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ กรวดทราย โดนขุ้ยกระเด็นขึ้นมาตรงทางเดินเลอะไปหมด
“เจค ทริก “ คุณผู้ชายจิกเรียกเจ้าสองตัวหลังจากสติคืนกลับมาอีกครั้ง
ไอ้สองตัวได้ยินเสียงเรียกก็หันมามองพร้อมๆกัน ในขณะที่คุณผู้ชายก้าวยาวๆไปหา ความที่โกรธ เตะก้อนกรวดที่เกลื่อนทางเท้า อันเป็นผลพวงจากการขุดคุ้ยของมันกระเด็นหวือไปในอากาศ ( ขู่ๆนิดๆ )
“ขุดดิน อีกแล้วใช่ไหม” คุณผู้ชายตะคอกถามดังๆ อีกนิดจะถึงตัว เจค ไม่พูดอะไรสักคำ หมุนตัวกลับวิ่งห้อไปหลบในห้องหมาใกล้ๆ แต่ทริกเกอร์ กลับวิ่งหน้าเริดมาหา พร้อมกับยิ้มแฉ่ง
“เรียกผม เหรอครับ"