ความในใจของฉัน ….ถึงลูกชายสองตัวที่ไม่เอาไหน ( เรื่องราวของเจค กับ ทริกเกอร์ น้องหมาจอมกวน )

กระทู้สนทนา


http://ppantip.com/topic/30333673
ความในใจของฉัน ….ถึงลูกชายสองตัวที่ไม่เอาไหน    (  เรื่องราวของเจค  กับ ทริกเกอร์   น้องหมาจอมกวน  )

บ่ายแก่ๆในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ฉันหลงใหล   เพราะอากาศ ไม่หนาว หรือร้อนจนเกินไป  ต้นหมากรากไม้ ที่เหี่ยวเฉา  ตายไปเพราะความหนาว   หรือที่ไม่ตาย แต่ซ่อนซุกตัวเอง  รอจนหน้าหนาวผ่านพ้น   ก็โผล่หน้าจากดินขึ้นมา ยิ้มรับแสงตะวัน  ทั้งทักทาย  มวลเหล่าเพื่อนดอกไม้ด้วยกัน  
“ เป็นไงเพื่อน  สบายดี”  

เพราะอากาศอบอุ่น  สบายๆ   อย่างที่บอก   ฉันก็เลยออกไปนั่งอ่านหนังสือ  ที่มุมสงบ  ภายในสระว่ายน้ำ  ด้านที่มีชายคายื่นออกมานิดๆพอให้ได้หลบแดด   ใกล้กับต้นปาล์มเขียวขจี  กับดอกไม้หลายหลากสีที่เสนอหน้าสลอนในกระถาง

หากปัจจัยสี่คือ    เงิน   อาหาร เครื่องนุ่งห่ม  ยารักษาโรค   แล้วละก็     ปัจจัยที่ห้า สำหรับฉัน   ก็คือ หนังสือ
เพราะฉันจะมีความสุขทุกครั้งที่อ่าน
ได้คิดตาม…
ได้หลุดออกจากโลกแห่งความเป็นจริง  ที่บางครั้ง  ไม่ค่อยจะโสภา    กระโดดไปสู่โลกแห่งความฝัน  ที่สวย และโสภากว่าเป็นไหนๆ  

วันนี้ฉันไม่ได้อ่าน  เขาชื่อกานต์ ,  แต่ปางก่อน  ,  อย่าลืมฉัน,  คือรักและหวัง, ทะเลและกาลเวลา    หรือว่า  พันธุ์หมาบ้า
แต่ฉันอ่าน    สงครามและสันติภาพ    โดยเลโอ ตอลสตอย     (   War & Peace  ,  Leo Tolstoy )
ที่ซ่อนซุกอยู่ที่ชั้นใส่หนังสือจนฝุ่นจับหนา  ฉันไปปัดฝุ่นเห็นเข้า  เลยหยิบเอา มาอ่าน

สงครามและสันติภาพ    คือหนึ่งในหนังสือหลายๆเล่ม     ที่ฉันหลงใหล  ตามประสาหนอนหนังสือ  ที่เห็นหนังสือไม่ได้   เป็นต้องกระโจนเข้าใส่  

“ฮึ่มๆ”
“แฮ่งๆ”

เสียงคุ้น ๆดังมาจากมุมใกล้ๆ  จะใครเสียอีก   ถ้าไม่ใช่เจ้าหมาตัวแสบทั้งสองตัว  ที่ฉันเพิ่งจะให้กระดูกไปคนละอัน   เพราะมันทำตัวน่ารัก   ไม่มีปัญหาได้เกินหนึ่งชั่วโมง  
“เกิดอะไรขึ้น  เจค ,  ทริก   “ ฉันตะโกนถามดังๆ  เจ้าสองตัวไม่รอช้า   วิ่งกรูมาหยุดที่รั้วสระด้านนอก  แย่งกัน ฟ้องฉัน

“พี่เจคหาเรื่องผมก่อน”    ทริกเกอร์ เริ่ม
“ไอ้ทริก  ต่างหากที่เป็นฝ่ายเริ่มต้น  “  เจคโต้   ตาหูแดง ทำท่าจะร้องไห้    ( ขานี้ ใจน้อย ชอบชกต่อย   )  

ฉันถอนใจออกมายาวๆ  ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสองตัว  หมู่นี้   ทะเลาะกันแทบทุกวัน   ไม่ได้การ   เรื่องมาถึงขั้นนี้   จะทำหูทวนลม วางเฉย    มันก็คงจะทะเลาะกันไม่เลิกรา   ส่วนตัวฉันเอง   ถ้าต้องอ่านหนังสือไป ฟังหมาทะเลาะกันไป    ต่อให้อัจฉริยะอย่างไร  ก็อ่านไม่รู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละ  
ปล่อยปละละเลยมานาน   เห็นทีจะต้องออกนั่งบรรลังก์ศาลไคฟง    สวมวิญญาท่านซาลาเปา    เอ๊ย   เปาบุ้นจิ้น   ตัดสินคดี   หมางี่เง่า  เสียแล้ว  

“ทะเลาะอะไรกัน   เกิดอะไรขึ้น  ว่ามา”  ฉันถามทั้งคู่   ดูเอาเถอะ  มันเกรงใจฉันที่ไหน  ขนาดต่อหน้า   ยังฮึ่มฮั่มใส่กัน     ไม่ได้การ   ดีกับมันมามาก    ถึงเวลาต้องกำราบ  ขืนปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆ   นอกจะจะเสียการปกครอง  ดีไม่ดี   ยังจะเสียหมา อีกด้วย    (  เสียหมา   หนักกว่าเสียคนค่ะ   )

“เจคเริ่มก่อน  “ ฉันร้องบอกเจค  เจค ขยับปากทำท่าจำพูด  แต่โดนเจ้าทริกเกอร์ตัดหน้า
“ให้พี่เจค พูดก่อน    เกิดพี่เจคโขมยคำพูด ของผมไปพูดไปหมด    แล้วผมจะเอาอะไรไปบอกคุณผู้หญิงล่ะ  ”  เจ้าทริกหมาเรื่องมาก  ค้านเสร็จก็ค้อนประหลับประเหลือก   ยังดีที่ไม่สะบัดบ๊อบ  
“คุณผู้หญิง  ให้ไอ้บ้าพูดก่อนก็ได้  สำหรับผม  ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย จะพูดก่อน พูดหลัง  สบายมาก”  เจค  ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว  ต่อให้   ฉันได้ยินก็มองเจคอย่างชื่นชม  ไม่เสียแรงที่อบรม

ไม่ใช่มีแต่คนเท่านั้นที่ดีได้
หมาเองก็ดีได้เช่นกัน

“ว่ามาทริกเกอร์  เรื่องราวมันเป็นอย่างไร    “” ฉันร้องบอก  เจ้าทริก หมาเรื่องมาก
“เรื่องนี้   พี่เจคผิดเห็นๆ   คืองี้ครับ  ผมเห็นหนู  วิ่งผ่านหน้า    ผมก็วิ่งไล่จับมัน   แต่มันวิ่งไปทางพี่เจค   ผมตะโกนให้พี่เจค ช่วย แต่พี่เจคบอก   พี่เจคไม่ใช่แมว   แต่เป็นหมา    ถ้าผมอยากจับหนู   ก็เรื่องของผม  พูดแล้วพี่เจคก็นอนเหยียดยาว หนูก็เลยวิ่งหายไปไหนก็ไม่รู้   พูดแล้ว  โมโหสุดๆ  ”

“ก็ผมเป็นหมา  ไม่ใช่แมว   คุณผู้หญิงเคยเห็นหมา  จับหนูไหมครับ  ผมถามหน่อย” เจคหันมาถามฉัน  ที่นั่งงง
   เพราะไม่คิดว่าจะเจอกับคำถามนี้จากเจค  

“แล้วใครเป็นคนกำหนดเหรอพี่เจค   ว่าต้องเป็นแมวเท่านั้น  ถึงจะจับหนูได้”  เจ้าทริกลอยหน้าลอยตา ถามกวนๆ  
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ถูกของมัน  ฉันคิด แต่ไม่ได้พูดออกมา   เพราะขืนพูด    กลัวมันจะได้ใจ

“คุณผู้หญิง ดูมันซิครับ   มันกวนประสาทอย่างนี้   แล้วจะไม่ให้ผมเครียดได้อย่างไร    “ เจคฟ้องฉันดังๆ    หยุดหายใจนิดหนึ่ง  ก็พูดต่อไปเร็วๆ   รู้ดี  ขืนช้า   โดนเจ้าทริกตัดหน้าแน่ๆ
“ ไหนๆก็ไหนๆ   ผมขอถามคุณผู้หญิง หน่อยเถอะ  คุณผู้หญิง กับคุณผู้ชายคิดอย่างไร  ถึงไปเอาไอ้เด็กบ้ามาอยู่กับผม  ทั้งที่แต่ก่อน ผมอยู่ของผมตามลำพัง  อย่างมีความสุข     แต่พอไอ้บ้านี่มาอยู่ด้วย   ความสุขผมก็หายไป  ”  ฉันอ้าปากจะตอบเจค  แต่ไม่ทัน เพราะโดนเจ้าทริกตัดหน้าเสียก่อน

“พี่เจคแน่ใจเหรอ     “
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่  ไอ้ทริก พูดมาก เดี๋ยวโดนเตะ     ” เจคขู่ตอนท้าย แต่ทริกเกอร์ไม่สนใจ  ค้านยิ้มๆ
“พี่เจคก็เป็นอย่างนี้ทุกที  พอผมพูดแทงใจดำเข้าหน่อย ก็จะเตะ  พี่เจค เก่งก็แต่ใช้กำลัง ”     เจ้าทริกพูดเท่านั้น ก็หันขวับมาทางฉัน  ฟ้องฉอดๆ  
“ ผมไม่ได้ฟ้องนะครับคุณผู้หญิง  แค่เล่าสู่กันฟังเฉยๆ   ขอให้ฟ้าร้อง  ฟ้าแลบ  พี่เจค เป็นต้องสติแตก   กระโดดหลบหลังผม  ทั้งที่ผมตัวนิดเดียว  พี่เจคปิดผมมิด    ผมเตือนไม่รู้กี่หน  แต่พี่เจคไม่ฟัง   ชอบมาหลบข้างหลัง   เคราะห์หามยามร้าย  ฟ้าเกิดผ่ามาโดนผม  ตัวผมก็เกรียมเท่านั้น ”   ( ทริกเกอร์    อย่างเราไม่ใช่เกรียม   แต่เขาเรียกว่า  ดำเป็นตอตะโก    )

“ตายซะเถอะ  ไอ้ทริก”    เจค ที่โดนทริกเกอร์นำความลับมาเปิดเผย   ร้องออกมาดังๆอย่างสติแตก   พร้อมกับ ยื่นขาหน้ามาตรงๆ    เป้าหมายคือปากเล็กๆของเจ้าทริก ที่สามหาว     แต่ขาเจคไปไม่ถึงเป้าหมาย  เพราะฉันยื่นมือไปคว้าไว้ทัน   นับประสาอะไรกับขาเจค    กับแมลงวันตัวกระจ้อย  ที่มาโฉบไปมาใกล้ชามก๋วยเตี๋ยวฉัน  ฉันหงุดหงิดขึ้นมา  ยังตวัดตะเกียบในมือ ส่งเจ้าแมลงวันเคราะห์ร้ายเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ    ก่อนจะคว้าไป่จิ่ว   Baijiu    หรือเหล้าขาวในจอกกระดกกลั้วคอ  
คนธรรมดา  ไม่มีวันทำได้  แต่ที่ฉันทำได้   เพราะฉันท่องยุทธจักรมานาน   ช่ำชองทั้งดาบ  หอก  ทวน   ง้าว  หรือแม้แต่ตะเกียบก็ใช้ได้คล่องแคล่วไม่แพ้กัน    ( ท่องยุทธจักร  จากหนังสือ  และภาพยนตร์   )

ไม่ได้การเสียแล้ว   เห็นทีฉันจะต้องหยุด ความบาดหมางใจของเจ้าสองตัว  ให้เร็วที่สุดโดยสันติวิถี  แต่หากใช้วิธีนี้ไม่ได้ผล  ดีไม่ดี  ฉันอาจจะต้องใช้ตะเกียบสั่งสอนมัน    เบาๆ  ไม่ถึงตาย  ฮ่าๆๆๆๆ

คิดสมอารมณ์หมาย ฉันก็ไล่ตะเพิดเจ้าทริก ให้ไปไกลๆ   เจ้าทริกหน้าเหรอหรา เพราะงง  แต่ฉันไม่สนใจ  ไล่มันดังๆ แต่พอมันยังไม่ทำตามที่ฉันสั่ง    ฉันเลยเงื้อมือ  เท่านั้น  ไอ้วายร้าย  ก็วิ่งไปหลบที่บันได   ตัวสั่นงันงก  เพราะรู้ฤทธิ์สงค์  ของฝ่ามือพิฆาต เป็นอย่างดี   (   ราคาคุยทั้งนั้น   )

ส่วนเหตุผล    ที่ฉันมาอบรมลูกชายที่ละตัว   เพราะเป็นยุทธวิธี    ว่าด้วยการปกครอง     ด้วย ฉันเล็งเห็นแล้วว่า
ขืนอบรมทั้งคู่พร้อมหน้า    ถ้าเกิดฉันพูดอะไรไม่ดีกับเจค   เจคจะไม่แค่เสียหน้า   แต่ยังโดนไอ้น้องชายตัวร้ายล้อเลียน   และในมุมกลับกัน   เจคเองก็คงจะเป็นอย่างทริกเกอร์    หากฉันว่าทริกเกอร์แรงๆ   แม้ความจริง  มันจะเป็นหมาที่นิสัยไม่ดีก็เถอะ


เมื่ออยู่กันตามลำพัง ฉันก็ควักมือเจคให้มานั่งใกล้ๆ   ซึ่งเจคก็ทำตามอย่างว่าง่าย  
“เจค    วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้แล้วแล้วละ  “  ฉันเริ่มต้นเรียบๆ      เจคไม่พูด  ทำตาปริบๆ

“ฟังฉันให้ดีๆนะ เจค     การที่ฉันและคุณผู้ชาย   เอาเจ้าทริกเกอร์มาอยู่ด้วย   ฉันรู้  ว่าทำให้เจค  ลำบากใจ    แต่เจค  ต้องเข้าใจฉัน   กับคุณผู้ชายบ้างนะ
เจคยังจำตอนที่คุณผู้ชาย ไปเอาเจคมาจากมูลนิธินั่นได้ไหม  ตอนนั้น   เจคอยู่ในกรงแคบๆ  กับเพื่อนร่วมชะตากรรมเป็นร้อย   รอให้ผู้มีคนใจดี  รับไปเลี้ยง  แต่ถ้าไม่มีใครมารับเจคหรือเพื่อนๆ  ในเวลาที่เขากำหนด  คืออาทิตย์ หรือสองอาทิตย์  เขาก็จะฆ่าเจคกับเพื่อนด้วยการฉีดยาให้ตาย    เขาทำอย่างนั้น  ไม่ใช่ว่าเพราะเขาใจร้าย   แต่มูลนิธิมีที่จำกัด

แต่เจคก็รอดพ้นจากที่นั่นมาได้ เพราะคุณผู้ชาย   ทริกเกอร์เองก็มาจากมูลนิธิเหมือนกัน    แม้จะคนละที่กับเจค  ตอนนั้นทริกเกอร์เองก็เกือบถูกฆ่าเหมือนกัน   ดีว่าน้องสะใภ้ฉันที่เป็นอาษาสมัคร  ไปพบทริกเกอร์  ก็เลยเอามาไว้ที่บ้าน  แล้วเรียกฉันกับคุณผู้ชายไปดูทริกเกอร์   แล้ว ถามเราสองคน ว่าจะเอาทริกเกอร์มาเลี้ยงหรือเปล่า     ฉันกับคุณผู้ชายสงสาร   ก็เลยเอามันมาเลี้ยงเหมือนกับเจคนี่ไง     “    ฉันหยุดนิดหนึ่ง   มองเจค ที่นั่งนิ่งๆ   ก้มหน้างุด    ฉันถอนใจเบาๆ  ก่อนจะพูดต่อไป     ( เพราะเจค พูดไม่ได้    ฉันเลยพูดอยู่ข้างเดียว  )  

“การอยู่รวมกัน    มันไม่ใช่เรื่องง่าย    ฉันรู้ และเข้าใจเรื่องนี้ดี   แต่ถ้าเรารู้จักเอาใจเขา มาสู่ใจเรา  หัดประนีประนอม   เอาหูไปนาเอาตาไปไร่   แกล้งทำเป็นไม่เห็นเรื่องไม่ดีของอีกฝ่าย    มองแต่ในสิ่งที่ดี ของเขา   ถึงจะขัดแย้งกันบ้าง    แต่ก็ไม่มาก  
เจคลอง  มองย้อนไปถึงวันที่ทริกเกอร์ยังไม่มาอยู่ด้วยซิ     ตอนนั้น   เจคนั่งดูแม่น้ำตามลำพัง  เดินเหงาๆ     กินข้าวโดยไมมีใครกินเป็นเพื่อน    แต่พอมีทริกมาอยู่ด้วย  เจคมีเพื่อนกิน    เพื่อนเล่น    และแม้แต่ตอนที่เจค อกหัก   เจ้าทริกเกอร์  ที่เจคเรียกมันว่าไอ้เด็กเหลือขอ  ก็มานั่งข้างๆคอยปลอบใจ   บอกเจค  ไม่ให้คิดมาก   “    ฉันหยุดพูด มองไปยังเจค  ที่ทำตาปริบๆ    ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้     ( อีกแล้ว   )

“เข้ามาใกล้ๆฉันหน่อยซิเจค   ”   ฉันร้องเรียกเจค  เจคก็ทำตามอย่างว่าง่าย   ฉันยิ้มให้เจค พร้อมกับโน้มตัวไปหา   ก้มลงกอดลูกชายตัวโต แต่ใจเท่าปลาซิว   พร้อมกับบอกความในใจ ที่อยากบอกมานาน   แต่มัวยุ่งๆ  ก็เลยไม่ได้บอกสักที  

“ฉันรู้ดี  นะเจค  ว่าบางครั้งเราแอบ น้อยใจฉัน  กับคุณผู้ชาย    เพราะเจคคิดว่า   ฉันกับ คุณผู้ชายรักทริกเกอร์มากกว่าเรา  แต่ความจริง  มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลยนะ
ฟังฉันให้ดีๆนะเจค    คุณผู้ชาย  กับ ฉัน  รักเราสองตัวเท่าๆกัน    โดยเฉพาะฉัน    ลงถ้าได้รักใครแล้ว รักจริง    แล้วก็รักนาน   เรายัง   จำที่ฉันบอกเราบ่อยๆ   ได้ไหม  

เราไม่ใช่หมาในฝันของฉัน    ไม่ได้เพอร์เฟคเลิศเลออะไร     แต่ฉันก็รักเรา  
Just the way you are   รัก….    เพราะเราเป็นเรา  

เจคเจอประโยคนี้จากฉันไป  ก็น้ำหูน้ำตาไหล  เบียดตัวเข้าหา  
“ผมเข้าใจแล้วครับ คุณผู้หญิง  ต่อไปนี้  ผมจะเป็นหมาที่ดี  จะไม่ทำให้คุณผู้หญิงขัดใจ  “ ( คนเขียนพูดค่ะ   อ่านเอาจากสีหน้าของเจค)

“ขอบใจนะเจค  ขอบใจที่เข้าใจ” ฉันพูดแค่นั้น  ก็กระชับวงแขนที่กอดเจคแน่นๆ  ฉันว่า  ถ้าทำได้   เจคเองก็คงอยากจะกอดตอบฉันบ้างเหมือนกัน

บอกความในใจกับเจคไปแล้ว  ฉันก็ไล่เจคไปข้างนอก    แล้วเรียกทริกเกอร์ที่เดินป้วนเปี้ยน  สวนสนามอยู่ข้างนอกเข้ามาแทน    ฉันบอกเจคอย่างไร    ฉันก็บอกกับทริกเกอร์อย่างนั้น    ซึ่งมันก็รับฟังฉันดี     ยังความแปลกใจมาสู่ฉันไม่น้อย  เพราะคิดว่ามันจะค้านและขัด    หรือเถียงฉอดๆตามนิสัยของมัน  

สงบศึกหมาน้อยกลอยใจเรียบร้อย   อีกทั้งเปิดเผยความในใจ ที่อัดอั้นออกไปจนหมดสิ้น   ฉันก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก  คราวนี้ถึงตาย  ก็นอนตายตาหลับ

ส่วนเจ้าสองตัวนั่น   หลังจากถูกฉันอบรมเรียบร้อย   ก็วิ่งปุเรงๆตามกันไป ก่อนจะหายไปที่มุมด้านโน้น   มันคงจะไปปรับความเข้าใจกัน  ฉันคิดอย่างยินดี   แล้วก็กลับมานั่งอ่าน    สงครามและสันติภาพ ต่อ  หากครู่ต่อมา   หูทั้งสองของฉันก็แว่วเสียงนั้น

ฮึ่มๆ
แฮ่งๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่