.....พระยาวชิรปราการเห็นว่าขืนอยู่ช่วยป้องกันพระนครต่อไป ก็ไม่มีประโยชน์อันใด และเชื่อว่ากรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่าในครั้งนี้เป็นแน่ ดังนั้นในช่วงพลบค่ำวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อัฐศก (พ.ศ. 2309 ) พระยาวชิรปราการได้พาเหล่าทหารเอกคือ พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงพิชัยราชา (ต่อมาเป็นพระพิชัยดาบหัก) หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี พร้อมสมัครพรรคพวกประมาณ ๕๐๐ นาย ตีฝ่าวงล้อมออกจากค่ายพิชัยมุ่งออกไปจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตีออกมาทางบ้านหันตรา (ทุ่งหัตรา อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปัจจุบัน) กองทัพพม่าบางส่วนได้ไล่ติดตามมาทันที่บ้านข้าวเม่า บ้านส้มบัณฑิต (ในเขตอำเภออุทัย) และต่อสู้กันจนถึงเที่ยงคืนพม่าก็ถอยทัพกลับไป
+++ทหารแค่500.... ตีฝ่าวงล้อม จากจุดนี้จะเหลือสักเท่าไหร่ (ต้องตายกันบ้างแหละ)
แล้วพอพม่า ตามไปทัน รบกันอีก ..ก็ให้สงสัยว่า พม่ามันยกตามไปกี่คนฟระ ถึงต้องถอยกลับ (ตีกรุงแตกได้ แต่เอาชนะกองร้อยไม่ได้)
ที่สงสัยก็คือ ทหารที่หนีออกไปมันแค่500จริงๆหรอ ทำไมบางตำราบอก1000
ตกลงจะเชื่ออันไหนได้มากกว่ากัน...?????
อ่านประวัติของพระเจ้าตากสินมหาราชแล้ว ข้าก็ใคร่สงสัย
.....พระยาวชิรปราการเห็นว่าขืนอยู่ช่วยป้องกันพระนครต่อไป ก็ไม่มีประโยชน์อันใด และเชื่อว่ากรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่าในครั้งนี้เป็นแน่ ดังนั้นในช่วงพลบค่ำวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อัฐศก (พ.ศ. 2309 ) พระยาวชิรปราการได้พาเหล่าทหารเอกคือ พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงพิชัยราชา (ต่อมาเป็นพระพิชัยดาบหัก) หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี พร้อมสมัครพรรคพวกประมาณ ๕๐๐ นาย ตีฝ่าวงล้อมออกจากค่ายพิชัยมุ่งออกไปจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตีออกมาทางบ้านหันตรา (ทุ่งหัตรา อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปัจจุบัน) กองทัพพม่าบางส่วนได้ไล่ติดตามมาทันที่บ้านข้าวเม่า บ้านส้มบัณฑิต (ในเขตอำเภออุทัย) และต่อสู้กันจนถึงเที่ยงคืนพม่าก็ถอยทัพกลับไป
+++ทหารแค่500.... ตีฝ่าวงล้อม จากจุดนี้จะเหลือสักเท่าไหร่ (ต้องตายกันบ้างแหละ)
แล้วพอพม่า ตามไปทัน รบกันอีก ..ก็ให้สงสัยว่า พม่ามันยกตามไปกี่คนฟระ ถึงต้องถอยกลับ (ตีกรุงแตกได้ แต่เอาชนะกองร้อยไม่ได้)
ที่สงสัยก็คือ ทหารที่หนีออกไปมันแค่500จริงๆหรอ ทำไมบางตำราบอก1000
ตกลงจะเชื่ออันไหนได้มากกว่ากัน...?????