ความรู้สึกจากการได้ดู Cartel Land และ Sicario ครับ ...
v
v
v
v
Cartel (kär-tĕl′)
n. เป็นรากศัพท์ภาษาเยอร์มัน แปลว่า องค์กรอิสระที่ใช้รวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ มักใช้ร่วมกันกับคำว่า Drug Cartel ซึ่งหมายถึงองค์กรค้ายาเสพย์ติด
มนุษย์ทุกคนเริ่มต้นชีวิตด้วยความตั้งใจที่จะเป็นคนดี แต่แล้วประสบการณ์และสิ่งที่เจอในชีวิตก็ค่อยๆเปลี่ยนตัวตนของเขาให้กลายเป็นอย่างอื่นไป จะดีขึ้น จะแย่ลงก็แล้วแต่สิ่งที่เจอที่ทำให้เกิดการปรับตัวเพื่อที่จะอยู่ได้ในโลกแห่งความจริง
เหมือนแก้วน้ำแก้วหนึ่ง ถ้าเราก็หยดสีลงไปหนึ่งหยด สีนั้นจะค่อยๆฟุ้งกระจายแล้วค่อยๆเปลี่ยนสีน้ำในแก้วนั้นไปทีละน้อย หากสีหยดนั้นคือความดี สีของน้ำจะค่อยๆเปลี่ยนไปในทิศทางของสีที่สังคมเห็นพ้องต้องกันว่าคือสีแห่งความดี แต่ถ้าหากสีหยดนั้นคือความชั่ว สีของน้ำจะค่อยๆเปลี่ยนไปในทิศทางที่เราเห็นพ้องต้องกันว่าคือความชั่วร้ายเช่นกัน เป็นเรื่องยากที่มนุษย์อย่างเราจะเจอแต่เรื่องดีๆในชีวิต และเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าที่แม้ว่าคนๆหนึ่งจะเจอแต่เรื่องดีๆ ก็ไม่ได้มีอะไรจะมารับประกันได้ว่าคนๆนั้น จะเป็นคนดีเสมอไป มนุษย์เราส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นสีเทา มีหยดสีทั้งดีและไม่ดีผสมปนเปอยู่ แล้วทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเพียงว่า การที่เราเลือกที่จะแสดงอะไรออกมาสู่สายตาของคนในสังคม และผู้คนในสังคมรอบตัวจะตัดสินเรายังไง
ข้อแตกต่างของ Cartel Land กับ Sicario แตกต่างกันเพียงว่า Sicario คือเรื่องปรุงแต่ง และถูกทำขึ้นเพื่อความบันเทิง หากแต่ Cartel Land คือสารคดีที่ทำมาจากเรื่องจริง ถ่ายจากสถานที่จริง เหตุการณ์จริงๆ และสัมภาษณ์ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ของสงครามยาเสพย์ติดระหว่างแก้งค์ค้ายาเสพย์ติดกับรัฐบาลเม็กซิโก ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานานกว่า 10 ปี ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คงเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่เมื่อประเทศๆหนึ่งเป็นประเทศที่พัฒนา ที่มีรายได้และกำลังซื้อมากกว่า แล้วอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านที่ด้อยกว่า ประเทศเพื่อนบ้านนั้นๆก็ย่อมหาช่องทางในการทำมาหากินด้วยกิจการที่ไม่ดีเพื่อมากอบโกยรายได้จากเรา โดยเฉพาะยาเสพย์ติด แต่ยาเสพย์ติดสำหรับประเทศเม็กซิโกไม่ได้มีปัญหาแค่การขายกับเสพย์เท่านั้น แต่ปัญหากลับขยายใหญ่ไปถึงการเรืองอำนาจอิทธิพลมืด การข่มขู่ การฆ่ายกครัวแล้วทิ้งศพประจาน การที่ต้องอยู่ภายใต้ความกลัว ภายใต้การเรืองอำนาจของแก้งค์ค้ายาเสพย์ติด ในทุกวันๆชาวบ้านต้องอยู่กับความกลัว ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเองเมื่อไหร่ และในเมื่อกฏหมายและอำนาจรัฐไม่สามารถปกป้องอะไรประชาชนได้ ก็เลยทำให้มีคนกลุ่มหนึ่ง ลุกขึ้นมาเพื่อต่อสู้และรวบรวมอาสาสมัครเพื่อต่อต้านกับอิทธิพลมืดเหล่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่นานคนกลุ่มนั้น ก็ได้กลายเป็นวีรบุรุษของประชาชน และมีอาสาสมัครเพิ่มมากยิ่งขึ้นในทุกๆเมืองที่เขาไป หาแนวร่วม มอบอาวุธให้ แล้วออกกวาดล้างพวกแก้งค์ค้ายาเสพย์ติด แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ ก็คือมนุษย์อยู่วันยังค่ำ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสีเทา ที่แม้แต่แก้งค์ค้ายาเองยังบอกว่า “เขาจะทำสิ่งนี้ตราบเท่าที่พระเจ้าจะอนุญาติ” ซึ่งถือว่าเป็นตลกร้าย ที่แม้แต่คนค้ายายังศรัทธาในพระเจ้าซะขนาดนี้ เพราะมนุษย์ทุกๆคนทำเพื่อความอยู่รอด จริงอยู่ว่าจุดเริ่มต้นของมนุษย์ทุกคนคือการเป็นคนดี แต่ปลายทางของเรามักจะพาเราไปสู่ตัวตนอื่นเสมอ หยดสีที่เปลี่ยนคนจากน้ำสะอาดกลายเป็นสีผสม สุดท้ายแล้วความจริงก็เป็นสีเทา
ความเรียลในการถ่ายทำๆให้ Cartel Land ดูน่าติดตามกว่า Sicario มาก และทำให้ Sicario กลายเป็นเรื่องสมมุติไปเลย แต่อย่างไรก็ดี ภาพศพจริงๆที่มีอยู่เยอะ อาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเห็นอะไรแบบนี้ซักเท่าไหร่ และความเป็นจริงอีกอย่างที่ต้องระวังไว้ก็คือ แม้ว่า Cartel Land จะเป็นสารคดีที่ถ่ายทำและรวบบวมเรื่องราว / ข้อมูลต่างๆ จากของจริง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนทำหนังไม่ได้บิดเบือนให้เราเชื่อในสิ่งที่เขาอยากให้เราเชื่อเสมอไป
อย่าลืมว่า “โลกนี้เป็นสีเทา”
ฝากบล็อกด้วยนะครับ
https://nospoil.wordpress.com/2016/01/05/cartel-land-vs-sicario/
Cartel Land vs. Sicario
v
v
v
v
Cartel (kär-tĕl′)
n. เป็นรากศัพท์ภาษาเยอร์มัน แปลว่า องค์กรอิสระที่ใช้รวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ มักใช้ร่วมกันกับคำว่า Drug Cartel ซึ่งหมายถึงองค์กรค้ายาเสพย์ติด
มนุษย์ทุกคนเริ่มต้นชีวิตด้วยความตั้งใจที่จะเป็นคนดี แต่แล้วประสบการณ์และสิ่งที่เจอในชีวิตก็ค่อยๆเปลี่ยนตัวตนของเขาให้กลายเป็นอย่างอื่นไป จะดีขึ้น จะแย่ลงก็แล้วแต่สิ่งที่เจอที่ทำให้เกิดการปรับตัวเพื่อที่จะอยู่ได้ในโลกแห่งความจริง
เหมือนแก้วน้ำแก้วหนึ่ง ถ้าเราก็หยดสีลงไปหนึ่งหยด สีนั้นจะค่อยๆฟุ้งกระจายแล้วค่อยๆเปลี่ยนสีน้ำในแก้วนั้นไปทีละน้อย หากสีหยดนั้นคือความดี สีของน้ำจะค่อยๆเปลี่ยนไปในทิศทางของสีที่สังคมเห็นพ้องต้องกันว่าคือสีแห่งความดี แต่ถ้าหากสีหยดนั้นคือความชั่ว สีของน้ำจะค่อยๆเปลี่ยนไปในทิศทางที่เราเห็นพ้องต้องกันว่าคือความชั่วร้ายเช่นกัน เป็นเรื่องยากที่มนุษย์อย่างเราจะเจอแต่เรื่องดีๆในชีวิต และเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าที่แม้ว่าคนๆหนึ่งจะเจอแต่เรื่องดีๆ ก็ไม่ได้มีอะไรจะมารับประกันได้ว่าคนๆนั้น จะเป็นคนดีเสมอไป มนุษย์เราส่วนใหญ่แล้วจึงเป็นสีเทา มีหยดสีทั้งดีและไม่ดีผสมปนเปอยู่ แล้วทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเพียงว่า การที่เราเลือกที่จะแสดงอะไรออกมาสู่สายตาของคนในสังคม และผู้คนในสังคมรอบตัวจะตัดสินเรายังไง
ข้อแตกต่างของ Cartel Land กับ Sicario แตกต่างกันเพียงว่า Sicario คือเรื่องปรุงแต่ง และถูกทำขึ้นเพื่อความบันเทิง หากแต่ Cartel Land คือสารคดีที่ทำมาจากเรื่องจริง ถ่ายจากสถานที่จริง เหตุการณ์จริงๆ และสัมภาษณ์ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ของสงครามยาเสพย์ติดระหว่างแก้งค์ค้ายาเสพย์ติดกับรัฐบาลเม็กซิโก ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานานกว่า 10 ปี ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คงเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่เมื่อประเทศๆหนึ่งเป็นประเทศที่พัฒนา ที่มีรายได้และกำลังซื้อมากกว่า แล้วอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านที่ด้อยกว่า ประเทศเพื่อนบ้านนั้นๆก็ย่อมหาช่องทางในการทำมาหากินด้วยกิจการที่ไม่ดีเพื่อมากอบโกยรายได้จากเรา โดยเฉพาะยาเสพย์ติด แต่ยาเสพย์ติดสำหรับประเทศเม็กซิโกไม่ได้มีปัญหาแค่การขายกับเสพย์เท่านั้น แต่ปัญหากลับขยายใหญ่ไปถึงการเรืองอำนาจอิทธิพลมืด การข่มขู่ การฆ่ายกครัวแล้วทิ้งศพประจาน การที่ต้องอยู่ภายใต้ความกลัว ภายใต้การเรืองอำนาจของแก้งค์ค้ายาเสพย์ติด ในทุกวันๆชาวบ้านต้องอยู่กับความกลัว ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเองเมื่อไหร่ และในเมื่อกฏหมายและอำนาจรัฐไม่สามารถปกป้องอะไรประชาชนได้ ก็เลยทำให้มีคนกลุ่มหนึ่ง ลุกขึ้นมาเพื่อต่อสู้และรวบรวมอาสาสมัครเพื่อต่อต้านกับอิทธิพลมืดเหล่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่นานคนกลุ่มนั้น ก็ได้กลายเป็นวีรบุรุษของประชาชน และมีอาสาสมัครเพิ่มมากยิ่งขึ้นในทุกๆเมืองที่เขาไป หาแนวร่วม มอบอาวุธให้ แล้วออกกวาดล้างพวกแก้งค์ค้ายาเสพย์ติด แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ ก็คือมนุษย์อยู่วันยังค่ำ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสีเทา ที่แม้แต่แก้งค์ค้ายาเองยังบอกว่า “เขาจะทำสิ่งนี้ตราบเท่าที่พระเจ้าจะอนุญาติ” ซึ่งถือว่าเป็นตลกร้าย ที่แม้แต่คนค้ายายังศรัทธาในพระเจ้าซะขนาดนี้ เพราะมนุษย์ทุกๆคนทำเพื่อความอยู่รอด จริงอยู่ว่าจุดเริ่มต้นของมนุษย์ทุกคนคือการเป็นคนดี แต่ปลายทางของเรามักจะพาเราไปสู่ตัวตนอื่นเสมอ หยดสีที่เปลี่ยนคนจากน้ำสะอาดกลายเป็นสีผสม สุดท้ายแล้วความจริงก็เป็นสีเทา
ความเรียลในการถ่ายทำๆให้ Cartel Land ดูน่าติดตามกว่า Sicario มาก และทำให้ Sicario กลายเป็นเรื่องสมมุติไปเลย แต่อย่างไรก็ดี ภาพศพจริงๆที่มีอยู่เยอะ อาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเห็นอะไรแบบนี้ซักเท่าไหร่ และความเป็นจริงอีกอย่างที่ต้องระวังไว้ก็คือ แม้ว่า Cartel Land จะเป็นสารคดีที่ถ่ายทำและรวบบวมเรื่องราว / ข้อมูลต่างๆ จากของจริง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนทำหนังไม่ได้บิดเบือนให้เราเชื่อในสิ่งที่เขาอยากให้เราเชื่อเสมอไป
อย่าลืมว่า “โลกนี้เป็นสีเทา”
ฝากบล็อกด้วยนะครับ
https://nospoil.wordpress.com/2016/01/05/cartel-land-vs-sicario/