ข่าวการจับกุมตัว เอล ชาโป กุซมัน ราชาค้ายาเสพติดชาวเม็กซิโก (อีกครั้ง) ช่างประจวบเหมาะพอดีกับที่หนังสารคดีเรื่อง Cartel Land เข้าฉายในบ้านเรา เอล ชาโป เคยเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้กรณีแหกคุกอย่างเอิกเกริกด้วยการขุดอุโมงค์ใต้ดินความยาวกว่า1.5 กิโลเมตรหลบหนีลอยนวล แน่นอนว่าเขาทำคนเดียวไม่ได้ ไม่มีทางเลยที่เจ้าหน้าที่จะไม่รู้เห็นเป็นใจ
เป็นที่ทราบกันดีว่าตำรวจกับแก๊งค้ายาในเม็กซิโกมีสายสัมพันธ์ลับๆ ภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า พวกเดียวกัน การถ่ายหนังในประเทศนี้จึงเสี่ยงอันตรายมาก แต่ แม็ตธิว ไฮเนแมน ผู้กำกับหนุ่มบ้าบิ่นกว่านั้น เขาเข้าไปคลุกวงในอยู่กับกองกำลังป้องกันตัวเองรัฐมิโชอากังนานหลายเดือนเพื่อถ่ายทำสารคดีที่ว่าด้วยสถานการณ์ยาเสพติดและความรุนแรงบริเวณรอยต่อของสหรัฐฯกับทางตอนใต้เม็กซิโก พื้นที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพรมแดนมิคสัญญี บ้านป่าเมืองเถื่อนอันไร้ขื่อแปโดยสิ้นเชิง
ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ทิม เนเลอร์ โฟลีย์ หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนชายแดนซึ่งหมดศรัทธาต่อภาครัฐตั้งทีมดูแลบ้านเกิดขึ้นมา พวกเขาซื้ออาวุธ อุปกรณ์ อาหาร ด้วยตัวเอง คอยเฝ้าไม่ให้เพื่อนบ้านขนยาเสพติดหรือแรงงานเถื่อนเข้าสู่ประเทศ ขณะเดียวกันอีกฟากหนึ่งใน รัฐมิโชอากัง ประเทศเม็กซิโก อัศวินเทมพลาร์ แก๊งค์ค้ายารายใหญ่กำลังเหิมเกริมหนัก มันทั้งผลิตยา ค้ามนุษย์ ลักพาตัว ทรมานผู้คน เข่นฆ่าชาวบ้านราวกับเป็นผักปลาโดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย
เมื่อตำรวจ กองทัพ หรือ รัฐบาล พึ่งพาไม่ได้ โฆเซ มิเรเลส หมอประจำชุมชนจึงไม่ทนอีกต่อไป เขารวบรวมคนในเมืองจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับแก๊งค์ค้ายาชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันในนาม กองกำลังป้องกันตนเอง เพื่อดูแลครอบครัวและบ้านเกิด ซึ่งยิ่งนานวันก็ยิ่งมีชาวบ้านมาเข้าร่วมเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเขายึดคืนเมืองจากแก๊งค้าย้าได้เกือบทั้งรัฐ กระนั้นด้วยวิธีแบบศาลเตี้ยดังกล่าวก็ทำให้รัฐบาลเม็กซิโกต้องยื่นมือเข้ามาจัดการกับวิกฤตการณ์อันยุ่งเหยิงครั้งนี้
Cartel Land เป็นสารคดีที่จริงจนคุณต้องขนลุก แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็มีความเหมือนภาพยนตร์แอ็คชั่นทริลเลอร์เอามากๆ ให้ความรู้สึกตื่นตะลึง ลุ้นระทึกกว่า Sicario ซะอีก การตีแผ่ขบวนการประชาชนลุกฮือที่เกิดขึ้นในสองประเทศสะท้อนถึงความล้มเหลวของสองชาติ ข้อมูลต่างๆในหนังเจาะลึกยิ่งกว่ารายงานข่าวทุกสำนักในสหรัฐฯกับเม็กซิโกรวมกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการตบหน้า บารัค โอบามา กับ เอนริเก เปญญา นิเอโต สองผู้นำแห่งทวีปอเมริกาฉาดใหญ่
ชอบตรงที่ผู้กำกับไม่ได้พยายามโน้มน้าวความคิดผู้ชมว่าใครดีใครชั่ว เหล่านี้ทุกคนต่างรู้แก่ใจ ที่น่าสนใจคือแก๊งค้ายามีเหตุผลปลอมๆมาเข้าข้างตัวเองในการทำความเลวได้หน้าชื่นตาบาน ซึ่งบางตอนเราเกือบคล้อยตามคำพูดพวกเขา ทิม เนเลอร์ โฟลีย์ คืออเมริกันชนชายขอบที่ไม่ได้รับการเหลียวแล สิ่งที่เขาทำเพื่อส่วนรวมมีคนรับรู้น้อยมาก ตรงกันข้ามกับ โฆเซ มิเรเลส หมอนี่น่าไปแสดงหนัง บุคลิกของเขาโดดเด่นมาก แก่แต่ยังเท่ ช่วงหนึ่งเขาโด่งดังมีชื่อเสียงจนถูกเชิดชูให้เป็นฮีโร่ของประเทศเลยทีเดียว
จุดที่ต้องชื่นชมนอกจากความกล้าของผู้กำกับเป็นการถ่ายภาพและตัดต่อ ภาพในหนังสวยงามมาก(ฟ้าผ่ากลางทะเลทราย) มันคือหนังชีวิตที่มีฉากหลังเป็นดินแดนเวิ้งว้างในตะวันตกคล้ายกับยุคคาวบอยสมัยก่อน การลำดับภาพตัดสลับข้ามไปมาเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศทำได้ยอดเยี่ยม เล่าเรื่องออกมาสนุก ดนตรีประกอบเข้ากับบรรยากาศดี หลายฟุตเทจน่าทึ่งว่าทีมงานเข้าไปถ่ายในสถานที่แบบนั้นได้อย่างไร ประโยคเด็ดในหนังของ ทิม เนเลอร์ ที่ว่า "ถ้าไม่ใช่ผมทำ แล้วจะเป็นใคร" ถูกตอบโต้อย่างเจ็บแสบด้วยประโยคของหัวหน้าทีมผลิตยาที่ว่า "ต่อให้เราไม่ทำ ก็มีคนอื่นทำอยู่ดี"
Cartel Land คือการเสี่ยงตายของทั้ง ทิม เนเลอร์ โฟลีย์ , โฆเซ มิเรเลส ที่ปรากฏตัวในจอ และ แม็ตธิว ไฮเนแมน ผู้กำกับหลังกล้องที่มีแต่เสียงในจอ เริ่มต้นหนังพาเราจมดิ่งไปกับความเศร้าของเหยื่อความรุนแรง ก่อนจะทำให้เราฮึกเหิมในฉากชาวบ้านถือไม้ ก้อนหิน บางคนมือเปล่า รวมตัวกันช่วยเหลือกองกำลังป้องกันตนเองด้วยการขับไล่ทหารออกจากพื้นที่ และนำเราไปสู่บทสรุปอันน่าหดหู่กับชะตากรรมของผู้คน รวมถึงคำพูดส่งท้ายของแก๊งค้ายาในชุดกองกำลังอาสารัฐบาลที่ว่า ยาเสพติดจะคงอยู่ตลอดไป (มันคือคำพูดเดียวกับที่ เอล ชาโป เคยให้สัมภาษณ์ไว้) น่าแปลกที่คราวนี้เราดันเชื่อ
คะแนน 9/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต
https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ตัวอย่างหนัง
http://movie.bugaboo.tv/watch/231945/?link=4
รีวิวหนัง : Cartel Land พรมแดนมิคสัญญี
ข่าวการจับกุมตัว เอล ชาโป กุซมัน ราชาค้ายาเสพติดชาวเม็กซิโก (อีกครั้ง) ช่างประจวบเหมาะพอดีกับที่หนังสารคดีเรื่อง Cartel Land เข้าฉายในบ้านเรา เอล ชาโป เคยเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้กรณีแหกคุกอย่างเอิกเกริกด้วยการขุดอุโมงค์ใต้ดินความยาวกว่า1.5 กิโลเมตรหลบหนีลอยนวล แน่นอนว่าเขาทำคนเดียวไม่ได้ ไม่มีทางเลยที่เจ้าหน้าที่จะไม่รู้เห็นเป็นใจ
เป็นที่ทราบกันดีว่าตำรวจกับแก๊งค้ายาในเม็กซิโกมีสายสัมพันธ์ลับๆ ภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า พวกเดียวกัน การถ่ายหนังในประเทศนี้จึงเสี่ยงอันตรายมาก แต่ แม็ตธิว ไฮเนแมน ผู้กำกับหนุ่มบ้าบิ่นกว่านั้น เขาเข้าไปคลุกวงในอยู่กับกองกำลังป้องกันตัวเองรัฐมิโชอากังนานหลายเดือนเพื่อถ่ายทำสารคดีที่ว่าด้วยสถานการณ์ยาเสพติดและความรุนแรงบริเวณรอยต่อของสหรัฐฯกับทางตอนใต้เม็กซิโก พื้นที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพรมแดนมิคสัญญี บ้านป่าเมืองเถื่อนอันไร้ขื่อแปโดยสิ้นเชิง
ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ทิม เนเลอร์ โฟลีย์ หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนชายแดนซึ่งหมดศรัทธาต่อภาครัฐตั้งทีมดูแลบ้านเกิดขึ้นมา พวกเขาซื้ออาวุธ อุปกรณ์ อาหาร ด้วยตัวเอง คอยเฝ้าไม่ให้เพื่อนบ้านขนยาเสพติดหรือแรงงานเถื่อนเข้าสู่ประเทศ ขณะเดียวกันอีกฟากหนึ่งใน รัฐมิโชอากัง ประเทศเม็กซิโก อัศวินเทมพลาร์ แก๊งค์ค้ายารายใหญ่กำลังเหิมเกริมหนัก มันทั้งผลิตยา ค้ามนุษย์ ลักพาตัว ทรมานผู้คน เข่นฆ่าชาวบ้านราวกับเป็นผักปลาโดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย
เมื่อตำรวจ กองทัพ หรือ รัฐบาล พึ่งพาไม่ได้ โฆเซ มิเรเลส หมอประจำชุมชนจึงไม่ทนอีกต่อไป เขารวบรวมคนในเมืองจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับแก๊งค์ค้ายาชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันในนาม กองกำลังป้องกันตนเอง เพื่อดูแลครอบครัวและบ้านเกิด ซึ่งยิ่งนานวันก็ยิ่งมีชาวบ้านมาเข้าร่วมเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเขายึดคืนเมืองจากแก๊งค้าย้าได้เกือบทั้งรัฐ กระนั้นด้วยวิธีแบบศาลเตี้ยดังกล่าวก็ทำให้รัฐบาลเม็กซิโกต้องยื่นมือเข้ามาจัดการกับวิกฤตการณ์อันยุ่งเหยิงครั้งนี้
Cartel Land เป็นสารคดีที่จริงจนคุณต้องขนลุก แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็มีความเหมือนภาพยนตร์แอ็คชั่นทริลเลอร์เอามากๆ ให้ความรู้สึกตื่นตะลึง ลุ้นระทึกกว่า Sicario ซะอีก การตีแผ่ขบวนการประชาชนลุกฮือที่เกิดขึ้นในสองประเทศสะท้อนถึงความล้มเหลวของสองชาติ ข้อมูลต่างๆในหนังเจาะลึกยิ่งกว่ารายงานข่าวทุกสำนักในสหรัฐฯกับเม็กซิโกรวมกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการตบหน้า บารัค โอบามา กับ เอนริเก เปญญา นิเอโต สองผู้นำแห่งทวีปอเมริกาฉาดใหญ่
ชอบตรงที่ผู้กำกับไม่ได้พยายามโน้มน้าวความคิดผู้ชมว่าใครดีใครชั่ว เหล่านี้ทุกคนต่างรู้แก่ใจ ที่น่าสนใจคือแก๊งค้ายามีเหตุผลปลอมๆมาเข้าข้างตัวเองในการทำความเลวได้หน้าชื่นตาบาน ซึ่งบางตอนเราเกือบคล้อยตามคำพูดพวกเขา ทิม เนเลอร์ โฟลีย์ คืออเมริกันชนชายขอบที่ไม่ได้รับการเหลียวแล สิ่งที่เขาทำเพื่อส่วนรวมมีคนรับรู้น้อยมาก ตรงกันข้ามกับ โฆเซ มิเรเลส หมอนี่น่าไปแสดงหนัง บุคลิกของเขาโดดเด่นมาก แก่แต่ยังเท่ ช่วงหนึ่งเขาโด่งดังมีชื่อเสียงจนถูกเชิดชูให้เป็นฮีโร่ของประเทศเลยทีเดียว
จุดที่ต้องชื่นชมนอกจากความกล้าของผู้กำกับเป็นการถ่ายภาพและตัดต่อ ภาพในหนังสวยงามมาก(ฟ้าผ่ากลางทะเลทราย) มันคือหนังชีวิตที่มีฉากหลังเป็นดินแดนเวิ้งว้างในตะวันตกคล้ายกับยุคคาวบอยสมัยก่อน การลำดับภาพตัดสลับข้ามไปมาเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศทำได้ยอดเยี่ยม เล่าเรื่องออกมาสนุก ดนตรีประกอบเข้ากับบรรยากาศดี หลายฟุตเทจน่าทึ่งว่าทีมงานเข้าไปถ่ายในสถานที่แบบนั้นได้อย่างไร ประโยคเด็ดในหนังของ ทิม เนเลอร์ ที่ว่า "ถ้าไม่ใช่ผมทำ แล้วจะเป็นใคร" ถูกตอบโต้อย่างเจ็บแสบด้วยประโยคของหัวหน้าทีมผลิตยาที่ว่า "ต่อให้เราไม่ทำ ก็มีคนอื่นทำอยู่ดี"
Cartel Land คือการเสี่ยงตายของทั้ง ทิม เนเลอร์ โฟลีย์ , โฆเซ มิเรเลส ที่ปรากฏตัวในจอ และ แม็ตธิว ไฮเนแมน ผู้กำกับหลังกล้องที่มีแต่เสียงในจอ เริ่มต้นหนังพาเราจมดิ่งไปกับความเศร้าของเหยื่อความรุนแรง ก่อนจะทำให้เราฮึกเหิมในฉากชาวบ้านถือไม้ ก้อนหิน บางคนมือเปล่า รวมตัวกันช่วยเหลือกองกำลังป้องกันตนเองด้วยการขับไล่ทหารออกจากพื้นที่ และนำเราไปสู่บทสรุปอันน่าหดหู่กับชะตากรรมของผู้คน รวมถึงคำพูดส่งท้ายของแก๊งค้ายาในชุดกองกำลังอาสารัฐบาลที่ว่า ยาเสพติดจะคงอยู่ตลอดไป (มันคือคำพูดเดียวกับที่ เอล ชาโป เคยให้สัมภาษณ์ไว้) น่าแปลกที่คราวนี้เราดันเชื่อ
คะแนน 9/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ตัวอย่างหนัง http://movie.bugaboo.tv/watch/231945/?link=4