☼ ☼ 8 :: องค์หญิงผู้สาปสูญ ☼ ☼
ทางด้านหมู่บ้านเทพเจ้า...
เฉินชงหมิงสองพี่น้องกำลังถกเถียง ถึงสาเหตุที่หลันเหลยทิ้งจดหมายไว้แล้วจากไป โดยเฉพาะเฉินชิงหยุนสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา เดินไปเดินมาบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด
“ หลันเหลยจู่ๆ ก็จากไป คงต้องเป็นเพราะคนแซ่เหวินบีบบังคับนางอย่างแน่นอน คนผู้นี้ปากกับใจว่าคนละอย่าง มันไม่พอใจหลันเหลยไม่สนใจมัน ไยต้องกลั่นแกล้งพลัดพรากเราสองคนด้วย... ”
เฉินชงหมิงเอ่ยเตือน
“ อาหยุน อย่าวู่วามเที่ยวเดาส่งเดชสิ ข้าคิดว่าฮั่นกุนคงมิใช่คนอย่างนั้น...”
เฉินชิงหยุนหันขวับมาร้องบอกอย่างฉุนเฉียว
“ ข้าจะไปตามหาหลันเหลย ถามนางให้รู้เรื่อง ว่านางถูกบังคับหรือไม่ ถ้าเหวินฮั่นกุนทำอะไรหลันเหลยของข้า ข้าจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด .... ”
กล่าวจบสะบัดหน้าออกมา เฉินชงหมิงเรียก “ อาหยุน ” คิดห้ามปราม พลันบ่าวไพร่ก็เข้ามารายงานว่า ที่ห้องโถงมีสองพ่อลูกคู่หนึ่งมารอพบประมุขบ้านเทพเจ้า
เฉินชงหมิงออกไปที่ห้องโถง พบว่าคนทั้งสองก็คือชายกลางคนผู้พกพากระบี่ดำ กับบุตรสาวนั่นเอง ทันทีที่พบเห็นกระบี่ดำที่สะพายหลัง ชายหนุ่มชะงักใช้ความคิดเล็กน้อย ค่อยยิ้มพลางประสานมือกล่าวว่า
“ ที่แท้เป็นเทพกระบี่พระกาฬ หวังสงอิงที่เลื่องลือ ผู้อาวุโสให้เกียรติมาเยือนถึงบ้านเทพเจ้า ขออภัยที่ผู้เยาว์มิทันได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ.... ”
หวังสงอิงกล่าวเสียงราบเรียบ
“ บุรุษหนุ่ม เจ้าคือ..?. ”
“ ผู้เยาว์ เฉินชงหมิง เป็นคุณชายใหญ่แห่งบ้านเทพเจ้า... ”
“ ที่แท้เป็นคุณชายใหญ่แห่งบ้านเทพเจ้า บิดาเจ้าล่ะ... ”
“ ท่านพ่อกำลังฝึกวิชา ช่วงนี้ไม่ออกมาพบผู้คน จึงให้ผู้เยาว์ออกมาต้อนรับผู้อาวุโสแทน หวังว่าผู้อาวุโสคงไม่ถือสา... ”
“ คุณชายใหญ่กล่าวถ่อมตนไปแล้ว.... ”
เฉินชงหมิงเชิญสองพ่อลูกนั่งลงดื่มน้ำชา ค่อยกล่าวว่า
“ บ้านเทพเจ้าของเรา ส่งเทียบเชิญไปทั่วบู๊ลิ้ม นี่ยังมีอีกหลายวันจึงจะถึงวันงาน นับว่าท่านผู้อาวุโสได้มาถึงเป็นบุคคลแรกทีเดียว.... ”
เด็กสาวที่ติดตามหวังสงอิงมาโพล่งขึ้น
“ ใครบอกท่านว่า เรามาเรื่องงานชุมนุมบู๊ลิ้ม... ”
เฉินชงหมิงงงงันวูบ
“ โกวเนี้ยท่านนี้คือ... ?”
หวังสงอิงหันไปปรามบุตรสาวอย่าเสียมารยาท ค่อยแนะนำต่อเฉินชงหมิง ว่านางชื่อ หวังอี้หลิง จากนั้นกล่าวว่า
“ พวกเรามาที่นี่มิใช่เพราะเรื่องงานชุมนุมบู๊ลิ้ม แต่เรามาตามหาคนผู้หนึ่ง.... ”
“ หาคน ? ผู้ใดหรือ ? ”
“ เป็นเด็กสาวนางหนึ่ง นางอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี รูปร่างส่วนสูงเกือบเท่า ๆ กับบุตรีของเรา นางรูปโฉมงดงามน่ารักมาก ....ฟังว่านางพักอยู่ในบ้านเทพเจ้า..... ”
เฉินชงหมิงอึ้งไปวูบ ในใจแม้พอคาดเดาได้ แต่ยังคงเลียบเคียงถามอย่างระมัดระวัง
“ นางชื่ออะไร ? ”
“ ข้าไม่ทราบ ...แต่ท่านคงรู้จักนางกระมัง... ”
“ หากข้าคาดเดามิผิด นางคงเป็นคนเดียวกับสหายของข้า สหายหญิงของข้าคนนี้ยังเยาว์วัยนิสัยค่อนข้างซุกซน มิทราบที่แท้นางไปล่วงเกินอันใดผู้อาวุโส ... หากนางไปก่อเรื่องอันใดไว้ ข้าพเจ้ายินดีชดใช้ค่าเสียหาย และขอขมาต่อท่านแทนนางจะได้หรือไม่..... ”
อี้หลิงรับฟังจนแย้มยิ้มกล่าวว่า
“ ดูท่านางคงมีความสำคัญต่อคุณชายใหญ่ไม่น้อย สินะ.... ”
หวังสงอิงส่ายหน้าหันมาดุเบาๆ
“ อย่าเสียมารยาท ”
ค่อยหันมาทางเฉินชงหมิง รีบกล่าวว่า
“ คุณชายใหญ่อย่าได้เข้าใจผิด เรากับนางมิได้มีเรื่องบาดหมางใดกัน เพียงรูปโฉมของนางคลับคล้ายกับบุตรสาวสหายข้าคนหนึ่ง ข้าจึงอยากจะได้พบหน้าสนทนาสักครั้ง เพื่อว่าบางทีนางอาจเป็นบุตรสาวสหายที่หายสาบสูญไปคนนั้นก็ได้....... ”
เฉินชงหมิงฉุกใจคิด ส่งเสียงอืมในคอเบาๆ กล่าวว่า
“ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ.. งั้นก็ช่างบังเอิญยิ่งนัก หลันเหลยเองก็เป็นกำพร้า บิดานางถูกพรรคบัวขาวฆ่าตาย ตั้งแต่นางยังเล็กๆ ส่วนมารดาก็ล้มป่วยเสียชีวิต ตลอดมานางอยู่ในความดูแลของปู่นาง นี่เป็นประวัติเคร่าๆ ของนางที่ข้าทราบมา... ”
หวังสงอิงสีหน้าปลาบปลื้มยินดี โพล่งว่า
“ งั้นก็คงไม่ผิดคนแน่...คุณชายใหญ่เมื่อครู่บอกท่านบอกว่า นางมีชื่อว่ากระไร ? ”
“ นางชื่อหลันเหลย...ซิมหลันเหลย.. ”
หวังสงอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดในใจ
“ นางใช้แซ่ซิมหรือ ?.. ซิมหลันเหลย หรือว่าปู่นางคือ..ใช่..ต้องเป็นเขาแน่นอน.... ”
คำนึงถึงตรงนี้ ค่อยเบือนหน้ามากล่าวว่า
“ คุณชายใหญ่...ขอให้ข้าได้พบกับนางสักครั้งเถอะ.... ”
เฉินชงหมิงถอนใจ กล่าวอย่างผิดหวัง
“ ขออภัย.. นางจากไปตั้งแต่เมื่อเช้ามืด เพียงทิ้งไว้แต่จดหมายฉบับเดียวเท่านั้น ”
อี้หลิงโพล่งว่า
“ แต่เราเพิ่งพบนางในตัวเมืองเมื่อตอนสายๆ ของวันนี้เอง.... ”
เฉินชงหมิงพอฟังดวงตาทอประกายยินดี กล่าวว่า
“ งั้นก็แสดงว่านางอาจยังคงอยู่ภายในเมืองนี้...เวลานี้ข้าส่งคนออกไปตามหานางอยู่ หากผู้อาวุโสไม่รังเกียจ ก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนดีหรือไม่ หากมีข่าวของหลันเหลยจะได้แจ้งให้ท่านทราบ และถ้ายังไงก็จะได้อยู่ร่วมงานชุมนุมชาวบู๊ลิ้มกับพวกเราเสียด้วยเลย... ”
หวังสงอิงขบคิดเล็กน้อย จึงผงกศีรษะรับคำ
“ งั้นก็ต้องขอรบกวนคุณชายใหญ่แล้ว ”
.................................
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 8 : องค์หญิงผู้สาปสูญ ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณ :ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต]
ทางด้านหมู่บ้านเทพเจ้า...
เฉินชงหมิงสองพี่น้องกำลังถกเถียง ถึงสาเหตุที่หลันเหลยทิ้งจดหมายไว้แล้วจากไป โดยเฉพาะเฉินชิงหยุนสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา เดินไปเดินมาบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด
“ หลันเหลยจู่ๆ ก็จากไป คงต้องเป็นเพราะคนแซ่เหวินบีบบังคับนางอย่างแน่นอน คนผู้นี้ปากกับใจว่าคนละอย่าง มันไม่พอใจหลันเหลยไม่สนใจมัน ไยต้องกลั่นแกล้งพลัดพรากเราสองคนด้วย... ”
เฉินชงหมิงเอ่ยเตือน
“ อาหยุน อย่าวู่วามเที่ยวเดาส่งเดชสิ ข้าคิดว่าฮั่นกุนคงมิใช่คนอย่างนั้น...”
เฉินชิงหยุนหันขวับมาร้องบอกอย่างฉุนเฉียว
“ ข้าจะไปตามหาหลันเหลย ถามนางให้รู้เรื่อง ว่านางถูกบังคับหรือไม่ ถ้าเหวินฮั่นกุนทำอะไรหลันเหลยของข้า ข้าจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด .... ”
กล่าวจบสะบัดหน้าออกมา เฉินชงหมิงเรียก “ อาหยุน ” คิดห้ามปราม พลันบ่าวไพร่ก็เข้ามารายงานว่า ที่ห้องโถงมีสองพ่อลูกคู่หนึ่งมารอพบประมุขบ้านเทพเจ้า
เฉินชงหมิงออกไปที่ห้องโถง พบว่าคนทั้งสองก็คือชายกลางคนผู้พกพากระบี่ดำ กับบุตรสาวนั่นเอง ทันทีที่พบเห็นกระบี่ดำที่สะพายหลัง ชายหนุ่มชะงักใช้ความคิดเล็กน้อย ค่อยยิ้มพลางประสานมือกล่าวว่า
“ ที่แท้เป็นเทพกระบี่พระกาฬ หวังสงอิงที่เลื่องลือ ผู้อาวุโสให้เกียรติมาเยือนถึงบ้านเทพเจ้า ขออภัยที่ผู้เยาว์มิทันได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ.... ”
หวังสงอิงกล่าวเสียงราบเรียบ
“ บุรุษหนุ่ม เจ้าคือ..?. ”
“ ผู้เยาว์ เฉินชงหมิง เป็นคุณชายใหญ่แห่งบ้านเทพเจ้า... ”
“ ที่แท้เป็นคุณชายใหญ่แห่งบ้านเทพเจ้า บิดาเจ้าล่ะ... ”
“ ท่านพ่อกำลังฝึกวิชา ช่วงนี้ไม่ออกมาพบผู้คน จึงให้ผู้เยาว์ออกมาต้อนรับผู้อาวุโสแทน หวังว่าผู้อาวุโสคงไม่ถือสา... ”
“ คุณชายใหญ่กล่าวถ่อมตนไปแล้ว.... ”
เฉินชงหมิงเชิญสองพ่อลูกนั่งลงดื่มน้ำชา ค่อยกล่าวว่า
“ บ้านเทพเจ้าของเรา ส่งเทียบเชิญไปทั่วบู๊ลิ้ม นี่ยังมีอีกหลายวันจึงจะถึงวันงาน นับว่าท่านผู้อาวุโสได้มาถึงเป็นบุคคลแรกทีเดียว.... ”
เด็กสาวที่ติดตามหวังสงอิงมาโพล่งขึ้น
“ ใครบอกท่านว่า เรามาเรื่องงานชุมนุมบู๊ลิ้ม... ”
เฉินชงหมิงงงงันวูบ
“ โกวเนี้ยท่านนี้คือ... ?”
หวังสงอิงหันไปปรามบุตรสาวอย่าเสียมารยาท ค่อยแนะนำต่อเฉินชงหมิง ว่านางชื่อ หวังอี้หลิง จากนั้นกล่าวว่า
“ พวกเรามาที่นี่มิใช่เพราะเรื่องงานชุมนุมบู๊ลิ้ม แต่เรามาตามหาคนผู้หนึ่ง.... ”
“ หาคน ? ผู้ใดหรือ ? ”
“ เป็นเด็กสาวนางหนึ่ง นางอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี รูปร่างส่วนสูงเกือบเท่า ๆ กับบุตรีของเรา นางรูปโฉมงดงามน่ารักมาก ....ฟังว่านางพักอยู่ในบ้านเทพเจ้า..... ”
เฉินชงหมิงอึ้งไปวูบ ในใจแม้พอคาดเดาได้ แต่ยังคงเลียบเคียงถามอย่างระมัดระวัง
“ นางชื่ออะไร ? ”
“ ข้าไม่ทราบ ...แต่ท่านคงรู้จักนางกระมัง... ”
“ หากข้าคาดเดามิผิด นางคงเป็นคนเดียวกับสหายของข้า สหายหญิงของข้าคนนี้ยังเยาว์วัยนิสัยค่อนข้างซุกซน มิทราบที่แท้นางไปล่วงเกินอันใดผู้อาวุโส ... หากนางไปก่อเรื่องอันใดไว้ ข้าพเจ้ายินดีชดใช้ค่าเสียหาย และขอขมาต่อท่านแทนนางจะได้หรือไม่..... ”
อี้หลิงรับฟังจนแย้มยิ้มกล่าวว่า
“ ดูท่านางคงมีความสำคัญต่อคุณชายใหญ่ไม่น้อย สินะ.... ”
หวังสงอิงส่ายหน้าหันมาดุเบาๆ
“ อย่าเสียมารยาท ”
ค่อยหันมาทางเฉินชงหมิง รีบกล่าวว่า
“ คุณชายใหญ่อย่าได้เข้าใจผิด เรากับนางมิได้มีเรื่องบาดหมางใดกัน เพียงรูปโฉมของนางคลับคล้ายกับบุตรสาวสหายข้าคนหนึ่ง ข้าจึงอยากจะได้พบหน้าสนทนาสักครั้ง เพื่อว่าบางทีนางอาจเป็นบุตรสาวสหายที่หายสาบสูญไปคนนั้นก็ได้....... ”
เฉินชงหมิงฉุกใจคิด ส่งเสียงอืมในคอเบาๆ กล่าวว่า
“ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ.. งั้นก็ช่างบังเอิญยิ่งนัก หลันเหลยเองก็เป็นกำพร้า บิดานางถูกพรรคบัวขาวฆ่าตาย ตั้งแต่นางยังเล็กๆ ส่วนมารดาก็ล้มป่วยเสียชีวิต ตลอดมานางอยู่ในความดูแลของปู่นาง นี่เป็นประวัติเคร่าๆ ของนางที่ข้าทราบมา... ”
หวังสงอิงสีหน้าปลาบปลื้มยินดี โพล่งว่า
“ งั้นก็คงไม่ผิดคนแน่...คุณชายใหญ่เมื่อครู่บอกท่านบอกว่า นางมีชื่อว่ากระไร ? ”
“ นางชื่อหลันเหลย...ซิมหลันเหลย.. ”
หวังสงอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดในใจ
“ นางใช้แซ่ซิมหรือ ?.. ซิมหลันเหลย หรือว่าปู่นางคือ..ใช่..ต้องเป็นเขาแน่นอน.... ”
คำนึงถึงตรงนี้ ค่อยเบือนหน้ามากล่าวว่า
“ คุณชายใหญ่...ขอให้ข้าได้พบกับนางสักครั้งเถอะ.... ”
เฉินชงหมิงถอนใจ กล่าวอย่างผิดหวัง
“ ขออภัย.. นางจากไปตั้งแต่เมื่อเช้ามืด เพียงทิ้งไว้แต่จดหมายฉบับเดียวเท่านั้น ”
อี้หลิงโพล่งว่า
“ แต่เราเพิ่งพบนางในตัวเมืองเมื่อตอนสายๆ ของวันนี้เอง.... ”
เฉินชงหมิงพอฟังดวงตาทอประกายยินดี กล่าวว่า
“ งั้นก็แสดงว่านางอาจยังคงอยู่ภายในเมืองนี้...เวลานี้ข้าส่งคนออกไปตามหานางอยู่ หากผู้อาวุโสไม่รังเกียจ ก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนดีหรือไม่ หากมีข่าวของหลันเหลยจะได้แจ้งให้ท่านทราบ และถ้ายังไงก็จะได้อยู่ร่วมงานชุมนุมชาวบู๊ลิ้มกับพวกเราเสียด้วยเลย... ”
หวังสงอิงขบคิดเล็กน้อย จึงผงกศีรษะรับคำ
“ งั้นก็ต้องขอรบกวนคุณชายใหญ่แล้ว ”
.................................