☼ ☼
23:: ปัญหาเก่ายังไม่ไป ปัญหาใหม่ก็เข้ามา ☼ ☼
เช้าวันนี้เนี่ยเหวินและเฉินชงหมิงแต่งกายดุจชาวบ้านป่าสวมหมวกปีกกว้างกันแดดปรากฏกายขึ้นในตลาดชานเมืองลั่วหยัง ทั้งสองพักรับประทานอาหารบนร้านเล็กๆข้างทาง ระหว่างนั้นก็ปรากฏศิษย์บ้านเทพเจ้าสองคนเดินแวะเข้ามาในร้าน ทรุดลงนั่งที่โต๊ะถัดไปจากนั้นสั่งน้ำชากับเถ้าแก่ร้าน
เฉินชงหมิงพอเห็นพวกมัน ก็จดจำได้ว่าหนึ่งในสองคนนั้นก็คือ ศิษย์เอกของศัตรูผู้ฆ่าพ่อและน้องชายแล้วป้ายความผิดให้เขาแบกรับมลทินนั่นเอง ถึงกับมีสีหน้าพลุ่งพล่านเดือดดาลขึ้น
เนี่ยเหวินสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของเฉินชงหมิงออกอย่างรวดเร็ว รีบยื่นมือกดบนแขนของเขาเป็นเชิงเตือนสติให้ใจเย็นๆ ก่อนส่งเสียงเบาๆถาม
“ เป็นไรไป ? “
เฉินชงหมิงจึงส่งเสียงทางลมปราณกล่าวว่า
“ คนชุดเขียวที่นั่งทางซ้ายมือ คือฉีเซียะ ศิษย์คู่ใจของเจ้ามารเฒ่าเจี่ยคุน ส่วนอีกคนข้าไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อน คาดว่าคงเป็นศิษย์ใหม่ที่มันเพิ่งรับไว้ “
แล้วก็จริงอย่างที่เขาคาดไว้ อีกคนเป็นศิษย์คนเล็กของเจี่ยคุน นามฟงจิ้ง
คนทั้งสองเพราะมัวกังวลต่อภารกิจที่ตนได้รับ จึงไม่ทันได้สนใจชาวบ้านป่าสองคนที่โต๊ะข้างๆ ฟงจิ้งยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้าตนเอง กล่าวอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ แผ่นดินนี้ออกกว้างไพศาล จะไปตามหานางได้ที่ไหน พวกเราก็สืบเสาะค้นหากันมาหลายวันแล้วนะ ยังไม่ได้แม้ร่องรอยอะไรเลย ศิษย์พี่ใหญ่..ที่แท้อาจารย์ให้พวกเราไปตามหานางเพื่ออะไร ? “
ฉีเซียะมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ตำหนิเสียงเย็นชา
“ หน้าที่ของพวกเราคือทำตามคำสั่งอาจารย์ ไยต้องถามหาเหตุผล “
ฟงจิ้งพอฟังได้แต่รีบหุบปากลง ยามนั้นเถ้าแก่ร้านยกน้ำชากับขนมเปี๊ยะจานหนึ่งออกมา ฉีเซียะขบคิดเล็กน้อยค่อยถามกับเถ้าแก่ว่า ในรอบเดือนที่ผ่านมา พบเห็นชายหนุ่มกับเด็กสาวคู่หนึ่งเดินทางผ่านมาทางนี้บ้างไหม
เถ้าแก่พอฟังต้องหัวร่อบอกว่า ที่นี่เป็นร้านอาหารริมทางหลวง มีคนแปลกหน้าสัญจรผ่านทางไปมาทุกวัน อย่าว่าแต่ในรอบหนึ่งเดือน กระทั่งในหนึ่งสัปดาห์ก็มีหนุ่มสาวแวะเข้าร้านผ่านมามากมาย ตนไหนเลยจดจำได้ นอกจากคนคู่นั้นเป็นตัวประหลาดหรือมีอะไรพิเศษผิดแผกคนทั่วไป ก็อาจจะพอนึกออกบ้าง
ฉีเซียะผงกศีรษะ กล่าวว่า
“ ถ้าหากท่านพบเห็นพวกเขาย่อมต้องรู้สึกสะดุดตา เพราะเด็กสาวที่พวกเรากำลังตามหานางนั้นอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี มีใบหน้าหมดจดงดงามแตกต่างจากเด็กสาวชาวบ้านทั่วไป ส่วนชายหนุ่มที่มากับนาง ก็มีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคายท่วงท่าสง่างามเช่นกัน ”
เถ้าแก่ยืนนึก จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมาบอกว่า ยังไม่เคยเจอหนุ่มสาวที่ว่าเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาก็หน้าตาดูทั่วๆไปไม่ได้สะดุดตาจนให้ชวนจดจำ ฉีเซียะจึงโบกมือให้เถ้าแก่เป็นเชิงหมดคำถาม ค่อยหันมาบอกฟงจิ้งให้รีบรับประทาน จากนั้นชำระเงินค่าอาหารแล้วชักชวนกันออกเดินทางกันต่อ
ทั้งสองพอจากไป เนี่ยเหวินค่อยเอ่ยถามกับเฉินชงหมิงที่นั่งเงียบสีหน้าขมวดคิ้วครุ่นคิดตลอดเวลา
“ คิดอะไรอยู่หรือ ? รึว่าเจ้าทราบว่าพวกมันกำลังตามหาใคร ? “
เฉินชงหมิงผงกศีรษะ
“ ข้าคิดว่าพอจะคาดเดาได้.. เชื่อว่าคนที่พวกมันกำลังตามหาต้องเป็นสหายรักสองคนของข้าเอง พวกเขาสองพี่น้องเคยช่วยชีวิตข้าไว้ จากนั้นบ้านช่องประสบชะตากรรมเพราะข้า ข้าจึงชวนพวกเขามาเป็นแขกที่บ้านเทพเจ้า แล้วก็เพราะนาง.. ข้ากับอาหยุนจึงมีเรื่องบาดหมางใจกัน .. แต่ก่อนที่ข้าจะเกิดเรื่องขึ้น สองคนนั้นอยู่ๆก็หายสาบสูญไป...”
เอ่ยถึงตอนท้าย อดถอนทอดใจมิได้ พึมพำว่า
“ แต่เรื่องนี้มิอาจโทษตำหนินาง.. เพราะจะว่าไปก็หาใช่ความผิดของนางไม่ “
“ เจ้าพึมพำอันใดของเจ้า ? “
เนี่ยเหวินไม่ทราบฟังไม่ชัดหรือไม่เข้าใจ เฉินชงหมิงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องเหล่านั้นอีก จึงส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีอะไร จากนั้นกล่าวอย่างครุ่นคิด
“ แต่ข้าไม่เข้าใจ… เจี่ยคุนให้ศิษย์ทั้งสองคนออกตามหาพวกเขาสองพี่น้องไปทำไมกัน หรือเป็นเพราะสองคนนั่นเป็นเพื่อนข้า มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า พวกมันจึงไม่ยอมละเว้น ..หรือว่าเพราะพวกเขาไปก่อเรื่องใดเอาไว้ ? “
...................................
หลังจากรับประทานอาหาร.. เนี่ยเหวินและเฉินชงหมิงค่อยเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง คืนนั้นเช่าห้องพักในโรงเตี๊ยมดอกเหมยค้างคืน เมื่อเข้าสู่ห้องพัก เนี่ยเหวินงับปิดประตูจนสนิทแล้วหันกายมากล่าวว่า
“ เห็นบางจุดในตัวเมืองยังมีใบปิดประกาศจับตัวเจ้าอยู่ นี่แสดงว่าเจี่ยคุนยังไม่ยอมเลิกราต่อเจ้า บัดนี้เราเข้าใกล้บ้านเทพเจ้าแล้ว จำต้องระมัดระวังมากขึ้น แล้วนี่เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ ? “
เฉินชงหมิงสีหน้าเลื่อนลอยส่งเสียงดังอืมในลำคอ กล่าวอย่างหดหู่
“ ข้าจากบ้านไปเดือนเศษ มิทราบศพท่านพ่อกับอาหยุนได้รับการกลบฝังอย่างไร ข้าคิดอยากไปกราบไหว้พวกเขาสักครั้ง.. แล้วถือโอกาสนี้เข้าไปสืบดูสถานการณ์ภายในบ้าน ว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยอย่างไรบ้าง “
“ ทำแบบนั้นเสี่ยงอันตรายเกินไป “
“ ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วไหนเลยจะได้ลูกเสือ “
เนี่ยเหวินกอดอกพลางเบือนหน้าไปทางหน้าต่างอย่างครุ่นคิด ค่อยหันกลับมาพยักหน้า
“ ก็ได้.. ในเมื่อเจ้าตกลงใจอยากทำแบบนั้นก็แล้วแต่เจ้า เวลานี้เพิ่งพลบค่ำ พวกเรางีบหลับเอาแรงสักสองชั่วยาม จากนั้นคืนนี้ยามสองค่อยลอบเข้าไป...”
........................................
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 23 : ปัญหาเก่ายังไม่ไป ปัญหาใหม่ก็เข้ามา ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
ขอขอบคุณรูปประกอบจาก google
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
เช้าวันนี้เนี่ยเหวินและเฉินชงหมิงแต่งกายดุจชาวบ้านป่าสวมหมวกปีกกว้างกันแดดปรากฏกายขึ้นในตลาดชานเมืองลั่วหยัง ทั้งสองพักรับประทานอาหารบนร้านเล็กๆข้างทาง ระหว่างนั้นก็ปรากฏศิษย์บ้านเทพเจ้าสองคนเดินแวะเข้ามาในร้าน ทรุดลงนั่งที่โต๊ะถัดไปจากนั้นสั่งน้ำชากับเถ้าแก่ร้าน
เฉินชงหมิงพอเห็นพวกมัน ก็จดจำได้ว่าหนึ่งในสองคนนั้นก็คือ ศิษย์เอกของศัตรูผู้ฆ่าพ่อและน้องชายแล้วป้ายความผิดให้เขาแบกรับมลทินนั่นเอง ถึงกับมีสีหน้าพลุ่งพล่านเดือดดาลขึ้น
เนี่ยเหวินสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของเฉินชงหมิงออกอย่างรวดเร็ว รีบยื่นมือกดบนแขนของเขาเป็นเชิงเตือนสติให้ใจเย็นๆ ก่อนส่งเสียงเบาๆถาม
“ เป็นไรไป ? “
เฉินชงหมิงจึงส่งเสียงทางลมปราณกล่าวว่า
“ คนชุดเขียวที่นั่งทางซ้ายมือ คือฉีเซียะ ศิษย์คู่ใจของเจ้ามารเฒ่าเจี่ยคุน ส่วนอีกคนข้าไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อน คาดว่าคงเป็นศิษย์ใหม่ที่มันเพิ่งรับไว้ “
แล้วก็จริงอย่างที่เขาคาดไว้ อีกคนเป็นศิษย์คนเล็กของเจี่ยคุน นามฟงจิ้ง
คนทั้งสองเพราะมัวกังวลต่อภารกิจที่ตนได้รับ จึงไม่ทันได้สนใจชาวบ้านป่าสองคนที่โต๊ะข้างๆ ฟงจิ้งยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้าตนเอง กล่าวอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ แผ่นดินนี้ออกกว้างไพศาล จะไปตามหานางได้ที่ไหน พวกเราก็สืบเสาะค้นหากันมาหลายวันแล้วนะ ยังไม่ได้แม้ร่องรอยอะไรเลย ศิษย์พี่ใหญ่..ที่แท้อาจารย์ให้พวกเราไปตามหานางเพื่ออะไร ? “
ฉีเซียะมีสีหน้าเคร่งขรึมลง ตำหนิเสียงเย็นชา
“ หน้าที่ของพวกเราคือทำตามคำสั่งอาจารย์ ไยต้องถามหาเหตุผล “
ฟงจิ้งพอฟังได้แต่รีบหุบปากลง ยามนั้นเถ้าแก่ร้านยกน้ำชากับขนมเปี๊ยะจานหนึ่งออกมา ฉีเซียะขบคิดเล็กน้อยค่อยถามกับเถ้าแก่ว่า ในรอบเดือนที่ผ่านมา พบเห็นชายหนุ่มกับเด็กสาวคู่หนึ่งเดินทางผ่านมาทางนี้บ้างไหม
เถ้าแก่พอฟังต้องหัวร่อบอกว่า ที่นี่เป็นร้านอาหารริมทางหลวง มีคนแปลกหน้าสัญจรผ่านทางไปมาทุกวัน อย่าว่าแต่ในรอบหนึ่งเดือน กระทั่งในหนึ่งสัปดาห์ก็มีหนุ่มสาวแวะเข้าร้านผ่านมามากมาย ตนไหนเลยจดจำได้ นอกจากคนคู่นั้นเป็นตัวประหลาดหรือมีอะไรพิเศษผิดแผกคนทั่วไป ก็อาจจะพอนึกออกบ้าง
ฉีเซียะผงกศีรษะ กล่าวว่า
“ ถ้าหากท่านพบเห็นพวกเขาย่อมต้องรู้สึกสะดุดตา เพราะเด็กสาวที่พวกเรากำลังตามหานางนั้นอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี มีใบหน้าหมดจดงดงามแตกต่างจากเด็กสาวชาวบ้านทั่วไป ส่วนชายหนุ่มที่มากับนาง ก็มีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคายท่วงท่าสง่างามเช่นกัน ”
เถ้าแก่ยืนนึก จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมาบอกว่า ยังไม่เคยเจอหนุ่มสาวที่ว่าเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาก็หน้าตาดูทั่วๆไปไม่ได้สะดุดตาจนให้ชวนจดจำ ฉีเซียะจึงโบกมือให้เถ้าแก่เป็นเชิงหมดคำถาม ค่อยหันมาบอกฟงจิ้งให้รีบรับประทาน จากนั้นชำระเงินค่าอาหารแล้วชักชวนกันออกเดินทางกันต่อ
ทั้งสองพอจากไป เนี่ยเหวินค่อยเอ่ยถามกับเฉินชงหมิงที่นั่งเงียบสีหน้าขมวดคิ้วครุ่นคิดตลอดเวลา
“ คิดอะไรอยู่หรือ ? รึว่าเจ้าทราบว่าพวกมันกำลังตามหาใคร ? “
เฉินชงหมิงผงกศีรษะ
“ ข้าคิดว่าพอจะคาดเดาได้.. เชื่อว่าคนที่พวกมันกำลังตามหาต้องเป็นสหายรักสองคนของข้าเอง พวกเขาสองพี่น้องเคยช่วยชีวิตข้าไว้ จากนั้นบ้านช่องประสบชะตากรรมเพราะข้า ข้าจึงชวนพวกเขามาเป็นแขกที่บ้านเทพเจ้า แล้วก็เพราะนาง.. ข้ากับอาหยุนจึงมีเรื่องบาดหมางใจกัน .. แต่ก่อนที่ข้าจะเกิดเรื่องขึ้น สองคนนั้นอยู่ๆก็หายสาบสูญไป...”
เอ่ยถึงตอนท้าย อดถอนทอดใจมิได้ พึมพำว่า
“ แต่เรื่องนี้มิอาจโทษตำหนินาง.. เพราะจะว่าไปก็หาใช่ความผิดของนางไม่ “
“ เจ้าพึมพำอันใดของเจ้า ? “
เนี่ยเหวินไม่ทราบฟังไม่ชัดหรือไม่เข้าใจ เฉินชงหมิงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องเหล่านั้นอีก จึงส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีอะไร จากนั้นกล่าวอย่างครุ่นคิด
“ แต่ข้าไม่เข้าใจ… เจี่ยคุนให้ศิษย์ทั้งสองคนออกตามหาพวกเขาสองพี่น้องไปทำไมกัน หรือเป็นเพราะสองคนนั่นเป็นเพื่อนข้า มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า พวกมันจึงไม่ยอมละเว้น ..หรือว่าเพราะพวกเขาไปก่อเรื่องใดเอาไว้ ? “
...................................
หลังจากรับประทานอาหาร.. เนี่ยเหวินและเฉินชงหมิงค่อยเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง คืนนั้นเช่าห้องพักในโรงเตี๊ยมดอกเหมยค้างคืน เมื่อเข้าสู่ห้องพัก เนี่ยเหวินงับปิดประตูจนสนิทแล้วหันกายมากล่าวว่า
“ เห็นบางจุดในตัวเมืองยังมีใบปิดประกาศจับตัวเจ้าอยู่ นี่แสดงว่าเจี่ยคุนยังไม่ยอมเลิกราต่อเจ้า บัดนี้เราเข้าใกล้บ้านเทพเจ้าแล้ว จำต้องระมัดระวังมากขึ้น แล้วนี่เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ ? “
เฉินชงหมิงสีหน้าเลื่อนลอยส่งเสียงดังอืมในลำคอ กล่าวอย่างหดหู่
“ ข้าจากบ้านไปเดือนเศษ มิทราบศพท่านพ่อกับอาหยุนได้รับการกลบฝังอย่างไร ข้าคิดอยากไปกราบไหว้พวกเขาสักครั้ง.. แล้วถือโอกาสนี้เข้าไปสืบดูสถานการณ์ภายในบ้าน ว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยอย่างไรบ้าง “
“ ทำแบบนั้นเสี่ยงอันตรายเกินไป “
“ ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วไหนเลยจะได้ลูกเสือ “
เนี่ยเหวินกอดอกพลางเบือนหน้าไปทางหน้าต่างอย่างครุ่นคิด ค่อยหันกลับมาพยักหน้า
“ ก็ได้.. ในเมื่อเจ้าตกลงใจอยากทำแบบนั้นก็แล้วแต่เจ้า เวลานี้เพิ่งพลบค่ำ พวกเรางีบหลับเอาแรงสักสองชั่วยาม จากนั้นคืนนี้ยามสองค่อยลอบเข้าไป...”
........................................