☼ ☼ 10:: ถูกตราหน้า..ศิษย์ทรยศ ☼ ☼
เฉินชงหมิงเดินค้นหาเจี่ยคุนแทบทุกซอกทุกมุมของห้องใต้ดิน แต่ก็หาไม่พบ ต้องรู้สึกประหลาดใจสงสัยอย่างยิ่ง พึมพำ
“ เอ.. อารองหายไปไหนนะ หรือว่าออกไปทำธุระข้างนอก ? “
ในความครุ่นคิด สองเท้าพาตนเองหวนกลับมายังห้องศิลาเมื่อครู่อีกครั้ง เพิ่งก้าวพ้นประตูเข้ามา สายตาพอกวาดมองเห็นสภาพสยดสยองของน้องชาย พริบตานั้นอากัปกิริยาทุกอย่างก็พลันชะงักค้าง รู้สึกมือเท้าเย็นเฉียบ หัวใจสั่นสะท้านปานจะขาดรอน ยืนอึ้งตกตะลึงงุนงงราวไม่เชื่อสายตาตนเอง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
โดยไม่รู้ตัว.. เคลื่อนตัวเข้าไปหาร่างที่นั่งจมกองเลือดอยู่ข้างหน้าอย่างคนสติเลื่อนลอย
ในใจมีแต่คำร่ำร้อง
ไม่จริง.. นั่นไม่ใช่อาหยุน..เป็นไปไม่ได้…!
ทรุดเข่าลงข้างๆร่างไร้วิญญาณ ยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าเย็นซีดที่ชะโลมเต็มไปด้วยคราบเลือด คำตอบตรงหน้าพอแน่ชัด นี่คือเฉินชิงหยุนน้องชายของเขาจริงๆ น้ำตาระอุอุ่นก็ไหลรินลงนองหน้า
“ อาหยุน.. ใครทำร้ายเจ้า...ใครทำให้เจ้าเป็นแบบนี้ ? “
เฉินชงหมิงเขย่าร่างนั้นเรียกหา แต่เมื่อไร้คำตอบจากร่างที่อ่อนปวกเปียกนั้น หัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบจนแทบแหลกสลาย มือยิ่งเขย่าแรงขึ้น แรงขึ้น ตะเบ็งเสียงเรียกดังกว่าเดิม
“ อาหยุน เจ้าตื่นขึ้นมา... อาหยุน... บอกข้าใครทำร้ายเจ้า ? ”
มันตายแล้ว... !
เขาบอกกับตัวเอง ทั้งที่ใจยังคงไม่อาจจะยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้
ความเคลือบแคลงต่อการตายของบิดายังไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ บัดนี้คนกลับถูกฆ่าตาย.. ชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถแก้ตัวปรับความเข้าใจกับมันได้อีกแล้ว หรือจะต้องให้มันพกพาความเข้าใจผิดระหว่างพี่น้องไปยังปรภพเช่นนี้ ?
มือหนึ่งโอบร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอด อีกมือเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้น้องด้วยปลายนิ้วที่สั่นระริก ในใจทั้งปวดร้าวรันทด ทั้งหดหู่เวทนา สุดท้าย..ปิดเปลือกตาให้มัน บอกเสียงสั่นเครือ
“ ฟังนะอาหยุน.. ข้าไม่ได้ฆ่าท่านพ่อ เจ้าอย่าโกรธข้าได้ไหม ข้าให้สัญญา.. ข้าจะสืบหาคนที่ทำร้ายเจ้า และล้างแค้นให้เจ้า.. นอนตาหลับเถอะนะ..”
ดวงตาที่เหลือกโพลง..เพิ่งได้รับการปิดให้หลับพริ้ม เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องลับพลันถูกเปิดจากด้านนอก ร่างคนสามคนก้าวพรวดพราดเข้ามา
เป็นเจี่ยคุน หลิวเจิ้น และฉีเซียะ !
“ ท่านประมุข ! “
“ คุณชายรอง ! “
“ พวกเรา...มาช้าเกินไป “
ทั้งหมดพอเข้ามาก็ยืนตะลึงอยู่หน้าประตู หลิวเจิ้น กับฉีเซียะพอได้สติค่อยถลาเข้าไป คุกเข่าลงข้างๆศพของเฉินเซ่าเทียน ส่วนเจี่ยคุนเคลื่อนกายเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าร่างสองพี่น้อง
เฉินชงหมิงระงับความเศร้าเสียใจอย่างช้าๆ เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยคุนอย่างขอความช่วยเหลือ
ณ เวลานี้จิตใจของเขาทั้งงุนงง ทั้งคุมแค้น ทั้งเจ็บปวดรวดร้าว เขารู้แต่เพียงว่า ..มีเพียงอารองผู้นี้เท่านั้น ที่เสมือนเป็นเสาหลักในใจของเขา อีกฝ่ายเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่เข้าใจเขา เป็นคนเดียวรับทราบความจริงทั้งหมด และสามารถช่วยอธิบายความบริสุทธิ์ของเขาต่อชนชาวโลกได้
เขาเงยหน้าขึ้นปากอยากจะร้องถาม อยากจะตัดพ้อ ว่าเมื่อครู่นี้อีกฝ่ายหายไปไหนมา
แต่เสียงเรียกหา “อารอง” เพิ่งหลุดพ้นริมฝีปาก เขาก็พลันพบว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไม่ถูกต้อง !
ประกายตาซึ่งเคยอ่อนโยน เปี่ยมด้วยแววการุณย์เอ็นดู บัดนี้ปลาสนาการไปสิ้น สีหน้าของอารองในเวลานี้.. นิ่งขรึม สายตาทอแววตำหนิเย็นชา มองเขาอย่างรังเกียจเคียดแค้น ราวกับเขาเป็นฆาตกรโหดโฉดชั่วก็ไม่ปาน
ฉีเซียะผละจากศพของประมุขบ้านเทพเจ้า หลั่งน้ำตานองหน้า ถาโถมเข้ามาราวหมายจะฉีกกระชากเลือดเนื้อ แต่เมื่อถูกเจี่ยคุนยื่นมือขวางไว้ จึงได้แต่ร่ำร้องดังๆอย่างโกรธแค้น
“ เฉินชงหมิง .. เจ้าสารเลว คิดไม่ถึง.. เจ้าฆ่าได้แม่กระทั่งพ่อบังเกิดเกล้า และน้องชายร่วมสายเลือด .. เจ้ามันสมควรตาย ! “
เฉินชงหมิงผุดลุกยืนขึ้นอย่างงุนงง ส่ายหน้าร้องปฏิเสธอย่างตกใจ
“ ไม่..ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขา “
หลิวเจิ้นปาดน้ำตา พลางกรากเข้ามาอีกคน กระชากเสียงว่า
“ เฮอะ..หลักฐานเห็นอยู่ทนโท่ เจ้ายังคิดแก้ตัวอีกหรือ...”
“ ใช่ “ ฉีเซียะร้องสนับสนุน “ เจ้าลงมือสังหารท่านประมุข คุณชายรองคงเข้ามาเห็นศพ จึงถูกเจ้าฆ่าปิดปากอีกคน “
หลิวเจิ้นถอนใจ ก้มมองศพของเฉินชิงหยุนแล้วกล่าวอย่างเสียใจ
“ พวกเราผิดเอง.. พวกเราควรจะเข้ามาพร้อมกับคุณชายรอง ไม่น่าปล่อยเขามาเองเพียงลำพัง ... “
ในตอนท้าย ค่อยเบือนหน้าไปทางเจี่ยคุณ กล่าววิงวอน
“ ท่านอารอง.. ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับคุณชายรองด้วย... ล้างแค้นให้ท่านประมุขกับคุณชายรองด้วย... ”
เฉินชงหมิงถูกกล่าวหาจนสมองงุนงงเลอะเลือน พริบตานั้นรู้สึกเหมือนถูกจับโยนใส่เข้าไปในม่านหมอกปริศนา กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาจะเอาคำตอบอะไรไปอธิบายแก้ตัวต่อผู้อื่นได้ ?
การตายของบิดามีเพียงอารองที่รับรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เวลานี้อีกฝ่ายกำลังมองเขาอย่างโทษตำหนิ ราวเข้าใจผิดคิดว่าเขาฆ่าเฉินชิงหยุนจริงๆก็ไม่ปาน สายตาที่จิกมองมา เปรียบคล้ายค้อนเหล็กมหึมาทุบใส่ศีรษะของเขาจนในหัวลั่นอื้ออึงอล
“ อารอง.. โปรดฟังข้า...”
เขาคุกเข่าลงวิงวอน หากแววตาของอีกฝ่ายยังคงแข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนลง กล่าวเสียงเย็นชา
“ ชงหมิง...คิดไม่ถึง.. ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะอำมหิตเพียงนี้ “
“ ไม่.. อารอง..ข้าไม่ได้....”
“ ไม่ต้องแก้ตัวอีกแล้ว ! “
เจี่ยคุนตวาดเสียงกราดเกรี้ยว
นับตั้งแต่เล็กจนโต.. นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกอารองตวาดแบบนี้ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับมือสั่นขาอ่อนระทวย งกเงิ่นทำอะไรไม่ถูก
“ ความบาดหมางระหว่างเจ้ากับอาหยุน อาเซียะกับอาเจิ้นเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้าไม่อยากจะเชื่อ.. คิดไม่ถึงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้เจ้าถึงกับลงมือฆ่าน้อง ..สารเลว.. เจ้ามันไม่คู่ควรเป็นคนตระกูลเฉิน ข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ...”
“ อารอง...”
เฉินชงหมิงครางอย่างปวดร้าว... แม้แต่อารอง...ผู้ที่เขาไว้ใจ รักและเคารพที่สุด เสมือนดังบิดาคนที่สองก็เข้าใจเขาเช่นนี้หรือ.. แล้วนี่.. เขาจะแก้ตัวอย่างไรได้อีก ?
“ จับกุมเจ้าศิษย์ทรยศผู้นี้ไว้ ! “
เจี่ยคุนออกคำสั่งเสียงเครียด ขาดคำฉีเซียะและหลิวเจิ้นก็ถลันเข้าไปคว้าจับแขนเฉินชงหมิงไว้คนสะข้าง คร่ากุมเขาไว้อย่างรวดเร็ว
คำศิษย์ทรยศ..จากปากของผู้เป็นยี่ซือเจ่ก (อารอง) สะกดเฉินชงหมิงจนเจ็บปวดขมขื่นใจแทบไม่มีเรี่ยวแรงดิ้นรนขัดขืน หากยังคงเพ่งตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาวิงวอนอีกครั้ง
“ อารอง.. ท่านเข้าใจผิด โปรดฟังข้าอธิบาย “
“ ไม่จำเป็น “
เจี่ยคุนตัดบทเสียงเย็นเฉียบ
“ ถ้าเจ้าอยากจะพูดอะไร อีกสักครู่ ก็ไปพูดอธิบายต่อเหล่าพี่น้องในสำนักที่ห้องโถงใหญ่ก็แล้วกัน อาเซียะกับอาเจิ้น..คุมตัวมันออกไป ! “
ศิษย์ทั้งสองส่งเสียงรับคำ หิ้วปีกเฉินชงหมิงคนละข้าง ลากพาออกจากห้องลับ ในขณะที่เจียคุน ก้มลงอุ้มศพของเฉินชิงหยุนไปวางบนเตียงศิลาเคียงข้างกับศพเฉินเซ่าเทียน จากนั้นค่อยทรุดนั่งลงอย่างสลดรันทด คร่ำครวญเบาๆ
“ โธ่.. พี่ใหญ่ อาหยุน...ไม่น่าเลย “
......................................................
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 10: ถูกตราหน้า..ศิษย์ทรยศ ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณ :ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต]
เฉินชงหมิงเดินค้นหาเจี่ยคุนแทบทุกซอกทุกมุมของห้องใต้ดิน แต่ก็หาไม่พบ ต้องรู้สึกประหลาดใจสงสัยอย่างยิ่ง พึมพำ
“ เอ.. อารองหายไปไหนนะ หรือว่าออกไปทำธุระข้างนอก ? “
ในความครุ่นคิด สองเท้าพาตนเองหวนกลับมายังห้องศิลาเมื่อครู่อีกครั้ง เพิ่งก้าวพ้นประตูเข้ามา สายตาพอกวาดมองเห็นสภาพสยดสยองของน้องชาย พริบตานั้นอากัปกิริยาทุกอย่างก็พลันชะงักค้าง รู้สึกมือเท้าเย็นเฉียบ หัวใจสั่นสะท้านปานจะขาดรอน ยืนอึ้งตกตะลึงงุนงงราวไม่เชื่อสายตาตนเอง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
โดยไม่รู้ตัว.. เคลื่อนตัวเข้าไปหาร่างที่นั่งจมกองเลือดอยู่ข้างหน้าอย่างคนสติเลื่อนลอย
ในใจมีแต่คำร่ำร้อง
ไม่จริง.. นั่นไม่ใช่อาหยุน..เป็นไปไม่ได้…!
ทรุดเข่าลงข้างๆร่างไร้วิญญาณ ยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าเย็นซีดที่ชะโลมเต็มไปด้วยคราบเลือด คำตอบตรงหน้าพอแน่ชัด นี่คือเฉินชิงหยุนน้องชายของเขาจริงๆ น้ำตาระอุอุ่นก็ไหลรินลงนองหน้า
“ อาหยุน.. ใครทำร้ายเจ้า...ใครทำให้เจ้าเป็นแบบนี้ ? “
เฉินชงหมิงเขย่าร่างนั้นเรียกหา แต่เมื่อไร้คำตอบจากร่างที่อ่อนปวกเปียกนั้น หัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบจนแทบแหลกสลาย มือยิ่งเขย่าแรงขึ้น แรงขึ้น ตะเบ็งเสียงเรียกดังกว่าเดิม
“ อาหยุน เจ้าตื่นขึ้นมา... อาหยุน... บอกข้าใครทำร้ายเจ้า ? ”
มันตายแล้ว... !
เขาบอกกับตัวเอง ทั้งที่ใจยังคงไม่อาจจะยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้
ความเคลือบแคลงต่อการตายของบิดายังไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ บัดนี้คนกลับถูกฆ่าตาย.. ชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถแก้ตัวปรับความเข้าใจกับมันได้อีกแล้ว หรือจะต้องให้มันพกพาความเข้าใจผิดระหว่างพี่น้องไปยังปรภพเช่นนี้ ?
มือหนึ่งโอบร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอด อีกมือเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้น้องด้วยปลายนิ้วที่สั่นระริก ในใจทั้งปวดร้าวรันทด ทั้งหดหู่เวทนา สุดท้าย..ปิดเปลือกตาให้มัน บอกเสียงสั่นเครือ
“ ฟังนะอาหยุน.. ข้าไม่ได้ฆ่าท่านพ่อ เจ้าอย่าโกรธข้าได้ไหม ข้าให้สัญญา.. ข้าจะสืบหาคนที่ทำร้ายเจ้า และล้างแค้นให้เจ้า.. นอนตาหลับเถอะนะ..”
ดวงตาที่เหลือกโพลง..เพิ่งได้รับการปิดให้หลับพริ้ม เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องลับพลันถูกเปิดจากด้านนอก ร่างคนสามคนก้าวพรวดพราดเข้ามา
เป็นเจี่ยคุน หลิวเจิ้น และฉีเซียะ !
“ ท่านประมุข ! “
“ คุณชายรอง ! “
“ พวกเรา...มาช้าเกินไป “
ทั้งหมดพอเข้ามาก็ยืนตะลึงอยู่หน้าประตู หลิวเจิ้น กับฉีเซียะพอได้สติค่อยถลาเข้าไป คุกเข่าลงข้างๆศพของเฉินเซ่าเทียน ส่วนเจี่ยคุนเคลื่อนกายเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าร่างสองพี่น้อง
เฉินชงหมิงระงับความเศร้าเสียใจอย่างช้าๆ เงยหน้าขึ้นมองเจี่ยคุนอย่างขอความช่วยเหลือ
ณ เวลานี้จิตใจของเขาทั้งงุนงง ทั้งคุมแค้น ทั้งเจ็บปวดรวดร้าว เขารู้แต่เพียงว่า ..มีเพียงอารองผู้นี้เท่านั้น ที่เสมือนเป็นเสาหลักในใจของเขา อีกฝ่ายเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่เข้าใจเขา เป็นคนเดียวรับทราบความจริงทั้งหมด และสามารถช่วยอธิบายความบริสุทธิ์ของเขาต่อชนชาวโลกได้
เขาเงยหน้าขึ้นปากอยากจะร้องถาม อยากจะตัดพ้อ ว่าเมื่อครู่นี้อีกฝ่ายหายไปไหนมา
แต่เสียงเรียกหา “อารอง” เพิ่งหลุดพ้นริมฝีปาก เขาก็พลันพบว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไม่ถูกต้อง !
ประกายตาซึ่งเคยอ่อนโยน เปี่ยมด้วยแววการุณย์เอ็นดู บัดนี้ปลาสนาการไปสิ้น สีหน้าของอารองในเวลานี้.. นิ่งขรึม สายตาทอแววตำหนิเย็นชา มองเขาอย่างรังเกียจเคียดแค้น ราวกับเขาเป็นฆาตกรโหดโฉดชั่วก็ไม่ปาน
ฉีเซียะผละจากศพของประมุขบ้านเทพเจ้า หลั่งน้ำตานองหน้า ถาโถมเข้ามาราวหมายจะฉีกกระชากเลือดเนื้อ แต่เมื่อถูกเจี่ยคุนยื่นมือขวางไว้ จึงได้แต่ร่ำร้องดังๆอย่างโกรธแค้น
“ เฉินชงหมิง .. เจ้าสารเลว คิดไม่ถึง.. เจ้าฆ่าได้แม่กระทั่งพ่อบังเกิดเกล้า และน้องชายร่วมสายเลือด .. เจ้ามันสมควรตาย ! “
เฉินชงหมิงผุดลุกยืนขึ้นอย่างงุนงง ส่ายหน้าร้องปฏิเสธอย่างตกใจ
“ ไม่..ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขา “
หลิวเจิ้นปาดน้ำตา พลางกรากเข้ามาอีกคน กระชากเสียงว่า
“ เฮอะ..หลักฐานเห็นอยู่ทนโท่ เจ้ายังคิดแก้ตัวอีกหรือ...”
“ ใช่ “ ฉีเซียะร้องสนับสนุน “ เจ้าลงมือสังหารท่านประมุข คุณชายรองคงเข้ามาเห็นศพ จึงถูกเจ้าฆ่าปิดปากอีกคน “
หลิวเจิ้นถอนใจ ก้มมองศพของเฉินชิงหยุนแล้วกล่าวอย่างเสียใจ
“ พวกเราผิดเอง.. พวกเราควรจะเข้ามาพร้อมกับคุณชายรอง ไม่น่าปล่อยเขามาเองเพียงลำพัง ... “
ในตอนท้าย ค่อยเบือนหน้าไปทางเจี่ยคุณ กล่าววิงวอน
“ ท่านอารอง.. ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับคุณชายรองด้วย... ล้างแค้นให้ท่านประมุขกับคุณชายรองด้วย... ”
เฉินชงหมิงถูกกล่าวหาจนสมองงุนงงเลอะเลือน พริบตานั้นรู้สึกเหมือนถูกจับโยนใส่เข้าไปในม่านหมอกปริศนา กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาจะเอาคำตอบอะไรไปอธิบายแก้ตัวต่อผู้อื่นได้ ?
การตายของบิดามีเพียงอารองที่รับรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เวลานี้อีกฝ่ายกำลังมองเขาอย่างโทษตำหนิ ราวเข้าใจผิดคิดว่าเขาฆ่าเฉินชิงหยุนจริงๆก็ไม่ปาน สายตาที่จิกมองมา เปรียบคล้ายค้อนเหล็กมหึมาทุบใส่ศีรษะของเขาจนในหัวลั่นอื้ออึงอล
“ อารอง.. โปรดฟังข้า...”
เขาคุกเข่าลงวิงวอน หากแววตาของอีกฝ่ายยังคงแข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนลง กล่าวเสียงเย็นชา
“ ชงหมิง...คิดไม่ถึง.. ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะอำมหิตเพียงนี้ “
“ ไม่.. อารอง..ข้าไม่ได้....”
“ ไม่ต้องแก้ตัวอีกแล้ว ! “
เจี่ยคุนตวาดเสียงกราดเกรี้ยว
นับตั้งแต่เล็กจนโต.. นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกอารองตวาดแบบนี้ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับมือสั่นขาอ่อนระทวย งกเงิ่นทำอะไรไม่ถูก
“ ความบาดหมางระหว่างเจ้ากับอาหยุน อาเซียะกับอาเจิ้นเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้าไม่อยากจะเชื่อ.. คิดไม่ถึงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้เจ้าถึงกับลงมือฆ่าน้อง ..สารเลว.. เจ้ามันไม่คู่ควรเป็นคนตระกูลเฉิน ข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ...”
“ อารอง...”
เฉินชงหมิงครางอย่างปวดร้าว... แม้แต่อารอง...ผู้ที่เขาไว้ใจ รักและเคารพที่สุด เสมือนดังบิดาคนที่สองก็เข้าใจเขาเช่นนี้หรือ.. แล้วนี่.. เขาจะแก้ตัวอย่างไรได้อีก ?
“ จับกุมเจ้าศิษย์ทรยศผู้นี้ไว้ ! “
เจี่ยคุนออกคำสั่งเสียงเครียด ขาดคำฉีเซียะและหลิวเจิ้นก็ถลันเข้าไปคว้าจับแขนเฉินชงหมิงไว้คนสะข้าง คร่ากุมเขาไว้อย่างรวดเร็ว
คำศิษย์ทรยศ..จากปากของผู้เป็นยี่ซือเจ่ก (อารอง) สะกดเฉินชงหมิงจนเจ็บปวดขมขื่นใจแทบไม่มีเรี่ยวแรงดิ้นรนขัดขืน หากยังคงเพ่งตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาวิงวอนอีกครั้ง
“ อารอง.. ท่านเข้าใจผิด โปรดฟังข้าอธิบาย “
“ ไม่จำเป็น “
เจี่ยคุนตัดบทเสียงเย็นเฉียบ
“ ถ้าเจ้าอยากจะพูดอะไร อีกสักครู่ ก็ไปพูดอธิบายต่อเหล่าพี่น้องในสำนักที่ห้องโถงใหญ่ก็แล้วกัน อาเซียะกับอาเจิ้น..คุมตัวมันออกไป ! “
ศิษย์ทั้งสองส่งเสียงรับคำ หิ้วปีกเฉินชงหมิงคนละข้าง ลากพาออกจากห้องลับ ในขณะที่เจียคุน ก้มลงอุ้มศพของเฉินชิงหยุนไปวางบนเตียงศิลาเคียงข้างกับศพเฉินเซ่าเทียน จากนั้นค่อยทรุดนั่งลงอย่างสลดรันทด คร่ำครวญเบาๆ
“ โธ่.. พี่ใหญ่ อาหยุน...ไม่น่าเลย “
......................................................