คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
การให้ความสะดวกผู้โดยสารที่มีเด็กเล็ก พระภิกษุ คนชรา ผู้พิการเป็นเรื่องจำเป็น
เพราะบุคลเหล่านั้นมีความสามารถไม่เท่าบุคคลทั่วไป
เค้าสามารถเดินไปขึ้นเครื่องได้เร็วเท่าคนทั่วไปไม๊?
การไปต่อแถวร่วมกับผู้อื่น มีแต่จะทำให้ผู้โดยสารทั่วไปด้านหลังช้ามาขัน
การให้บุคคลเหล่านี้ขึ้นเครื่องก่อน ก็ไม่ทำให้ผู้โดยสารเสียสิทธิอดขึ้นเครื่องแต่ประการใด
เมื่อไม่กี่วันนี้ผมพาญาติซึ่งต้องนั่งรถเข็นกลับจาก ตปท. ผ่าน ตม.ช่อง foreign passport
เพราะมันว่าง เพราะบริการฝร่งนักบินคนเดียว
โดยคนไทยที่อยู่ในแถวติดๆกัน ซึ่งต่อแถวยาวมาพูดแหลมว่า "อ่านป้ายไม่ออกหรือ?"
ผมเลยสวนไปว่า "อ่านออก แล้วจะทำไม" ทาง ตม.ท่านก็บริการให้ ยังบอกว่าให้เลี้ยวขวา
เปิดประตูออฟฟิศ ตม. ลิฟท์อยู่ซ้ายมือเลย
คนไทยสมัยนี้ ขนาดคนแก่นั่งรถเข็นยังอิจฉาเลย
เพราะบุคลเหล่านั้นมีความสามารถไม่เท่าบุคคลทั่วไป
เค้าสามารถเดินไปขึ้นเครื่องได้เร็วเท่าคนทั่วไปไม๊?
การไปต่อแถวร่วมกับผู้อื่น มีแต่จะทำให้ผู้โดยสารทั่วไปด้านหลังช้ามาขัน
การให้บุคคลเหล่านี้ขึ้นเครื่องก่อน ก็ไม่ทำให้ผู้โดยสารเสียสิทธิอดขึ้นเครื่องแต่ประการใด
เมื่อไม่กี่วันนี้ผมพาญาติซึ่งต้องนั่งรถเข็นกลับจาก ตปท. ผ่าน ตม.ช่อง foreign passport
เพราะมันว่าง เพราะบริการฝร่งนักบินคนเดียว
โดยคนไทยที่อยู่ในแถวติดๆกัน ซึ่งต่อแถวยาวมาพูดแหลมว่า "อ่านป้ายไม่ออกหรือ?"
ผมเลยสวนไปว่า "อ่านออก แล้วจะทำไม" ทาง ตม.ท่านก็บริการให้ ยังบอกว่าให้เลี้ยวขวา
เปิดประตูออฟฟิศ ตม. ลิฟท์อยู่ซ้ายมือเลย
คนไทยสมัยนี้ ขนาดคนแก่นั่งรถเข็นยังอิจฉาเลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เอากันตามเหตุผลเป็นหลักครับ กรณีคุณแม่ลูกอ่อนต้องทำความเข้าและเปิดใจกว้างก่อนคิดไปทีละขั้น
1.คุณแม่ลูกอ่อนไม่เผื่อเวลาเลย โดยปกติเราต้องเผื่อเวลาในการเชคอินอย่างน้อย 2 ช.ม.
2.น้ำหนักของกระเป่าเกิน ผิดเข้าไปอีก
3.คุณแม่ลูกอ่อนใช้อารมณ์กับพนักงานก่อนทั้งๆที่ตัวเองเป็นผ่ายผิด อันนี้หนักสุด
(การเป็นบุคคลที่ได้รับการปฎิบัติพิเศษกว่าคนอื่น คนท้อง เด็ก คนชรา พระ/เณร ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิไปให้อารมณ์กับคนอื่น)
ฝ่ายพนักงาน
1.ยินยอมให้คุณแม่แซงคิวได้ (พนักงานไม่ได้ใจดำนะครับให้แซงคิวได้) แต่คนที่ต่อแถวอยู่นับสิบๆคนเค้าคงไม่ใจดีแบบพนักงานทุกคนมั้ยครับ
2.คุณแม่พกของมาเกินน้ำที่กำหนดไว้ พนักงานก็ทำตามขั้นตอน
3.มีการติคุณแม่ไปชุดใหญ่ (จะถือว่าผิดมั้ยคงยากต้องไปยินกับหูว่าพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาอย่างไร)
บทสรุปคือคุณแม่ยกเลิกเที่ยวบินและไปใช้บริการเที่ยวบินอื่น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเอื้ออาทร หรือ การรักษาสิทธิ์ มันเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ การใช้อารมณ์
จากประสบการณ์ในการขึ้นรถสาธารณะ ถ้ามีคนชรา พระ คนท้องขึ้นมาส่วนใหญ่จะรีบลุกให้นั่งทันที ไม่เคยเห็นคนท้อง หรือคนชรา ยืนบนรถสาธารณะเลยครับ เปิดใจกว้างไว้ครับ ส่วนที่คุณเห็นมาตั้งกระทู้นั่นแค่ 00.01 %
1.คุณแม่ลูกอ่อนไม่เผื่อเวลาเลย โดยปกติเราต้องเผื่อเวลาในการเชคอินอย่างน้อย 2 ช.ม.
2.น้ำหนักของกระเป่าเกิน ผิดเข้าไปอีก
3.คุณแม่ลูกอ่อนใช้อารมณ์กับพนักงานก่อนทั้งๆที่ตัวเองเป็นผ่ายผิด อันนี้หนักสุด
(การเป็นบุคคลที่ได้รับการปฎิบัติพิเศษกว่าคนอื่น คนท้อง เด็ก คนชรา พระ/เณร ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิไปให้อารมณ์กับคนอื่น)
ฝ่ายพนักงาน
1.ยินยอมให้คุณแม่แซงคิวได้ (พนักงานไม่ได้ใจดำนะครับให้แซงคิวได้) แต่คนที่ต่อแถวอยู่นับสิบๆคนเค้าคงไม่ใจดีแบบพนักงานทุกคนมั้ยครับ
2.คุณแม่พกของมาเกินน้ำที่กำหนดไว้ พนักงานก็ทำตามขั้นตอน
3.มีการติคุณแม่ไปชุดใหญ่ (จะถือว่าผิดมั้ยคงยากต้องไปยินกับหูว่าพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาอย่างไร)
บทสรุปคือคุณแม่ยกเลิกเที่ยวบินและไปใช้บริการเที่ยวบินอื่น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเอื้ออาทร หรือ การรักษาสิทธิ์ มันเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ การใช้อารมณ์
จากประสบการณ์ในการขึ้นรถสาธารณะ ถ้ามีคนชรา พระ คนท้องขึ้นมาส่วนใหญ่จะรีบลุกให้นั่งทันที ไม่เคยเห็นคนท้อง หรือคนชรา ยืนบนรถสาธารณะเลยครับ เปิดใจกว้างไว้ครับ ส่วนที่คุณเห็นมาตั้งกระทู้นั่นแค่ 00.01 %
แสดงความคิดเห็น
การเอื้ออาทรต่อผู้อื่น กับการรักษาสิทธิ์ของตัวเอง ตอนนี้สังคมเรากำลังเปลี่ยนแปลงค่านิยมไปรึเปล่า
มีหลายcomment พูดถึงว่า แม่ลูกอ่อนไม่ควรแซงคิว เป็นการเบียดเบียนคนอื่น ควรมีการจัดการตัวเองที่ดีกว่านี้ต่างๆ นานา
ขณะที่อีกกลุ่มนึงก็มีความคิดเห็นว่า เด็กเล็กควรได้สิทธิ์
จริงๆแล้วที่เคยเห็นในต่างประเทศ หรือสายการบิน full service ผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมเด็กเล็ก ผู้โดยสารสูงวัย คนป่วย ได้สิทธิ์เท่าเทียมกับผู้โดยสาร first class และ bussiness class ในการขึ้นเครื่อง แม้แต่ตรวจคนเข้าเมือง บางประเทศยังได้สิทธิ์ลัดคิวด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่ยังอำนวยความสะดวกให้
ช่วงก่อนก็มีกระทู้ถามว่าทำไมต้องลุกให้คนท้องบนรถโดยสารสาธารณะ คนท้องควรได้สิทธิพิเศษรึเปล่า
แต่ที่น่าแปลกใจกว่ากระทู้คุณแม่ลูกอ่อนคือ กระทู้ที่ว่า พระควรได้สิทธิ์ที่นั่งพิเศษ หรือ สิทธิ์ในการลัดคิวรึเปล่า
เท่าที่เคยเห็น ในสนามบิน หรือแม้แต่ รพ. เองพระภิกษุ แม่ชี ต่างก็ได้รับการดูแลเป็นกรณีพิเศษ ในจุดนี้ คนส่วนใหญ่ต่างยอมรับ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครออกมามีความคิดเห็นแนวนี้ แต่ในยุคนี้ยังมีคนมีคำถามว่านักบวชควรได้สิทธิพิเศษรึเปล่า
จริงๆการรักษาสิทธิ์ มันไปลดความเอื้ออาทรต่อคนที่มีข้อจำกัดต่างๆ รึเปล่า
การแซงคิวเป็นเรื่องไม่ดี เราควรรักษาสิทธิ์ของตัวเอง แต่ว่าคนที่มีข้อจำกัดต่างๆล่ะ เราไม่ควรมีน้ำใจกับพวกเขาหรอ
อีกหน่อยจะมีคนตั้งคำถามเรื่องทำไมต้องมีที่จอดรถคนพิการรึเปล่า