อวิชชา มันผ่องใส ครอบโลกธาตุ ไม่มีที่สิ้นสุด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

อวิชชามีความผ่องใส สว่างไสวเป็นแก้วใส ความว่างไม่มีที่สิ้นสุด ความสว่างไสวของจิตก็ไม่มีที่สิ้นสุด ตัวผ่องใสเป็นแก้วเป็นอวิชชาแท้ อวิชชาแท้มันครอบโลกธาตุ ทุกปรมาณูของความว่างมีความผ่องใสเป็นอวิชชาแท้ อวิชชาอยู่ที่ใจ ธรรมชาติของใจครอบคลุมโลกธาตุ สัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายเกิดตาย อยู่ในใจของสัตว์เอง ตัวจิตที่สว่างไสวคืออวิชชาแท้ ใจมีเครื่องมือคืออวิชชามีความผ่องใสเป็นแก้ว ปรุงแต่งเป็นสังขาร เกิดผัสสะเป็นวิญญาณ วิญญาณรู้เกิดเป็นเวทนา เวทนาเกิดเป็นตัณหา ตัณหาเกิดเป็นอุปทาน อุปทานเกิดเป็นภพ ภพเกิดเป็นชาติ ชาติเกิดเป็นชรา-มรณะ ทั้งหมดเป็นวังวนไม่รู้จบ ที่อยู่ในใจของสัตว์
อวิชชาจะถูกทำลายลงได้ด้วยนิพพาน หรือ บรรลุธรรมสำเร็จพระอรหันตมรรค วิชชาบังเกิดประหัตประหารอวิชชา ดับลงพรึบ อรหันตผลบังเกิดแทน กงล้อเวียนว่ายตายเกิดถูกทำลาย ความว่างไม่มีประมาณเพียงใด วิมุติความสว่างแจ้งในใจก็ไม่มีประมาณเพียงนั้น
อวิชชา มันละเอียดมาก ละเอียดเป็นปรมาณูเลยทีเดียว มีอยู่ในความว่างขั้นกลางทุกปรมาณูของความว่าง ครอบโลกธาตุ ถ้าให้มานั่งนับว่าตัวผ่องใสนั้นในความว่างมีเพียงใด ก็ต้องตอบว่า มีมีมากกว่าฝุ่นละอองในอากาศ มีมากจนอดอัศจรรย์ใจไม่ได้ ทำไมใจมันสว่างไสวครอบโลกธาตุ มันผ่องใสนัก แต่เมื่อมันดับพรึบลงไป วิมุติบังเกิด อวิชชาตัวผ่องใสกลายเป็นก้อนขี้หมาไปเลย!!!

เอาชนะมารที่แท้จริงก็ไม่ใช่ไครอื่น คือ การเอาชนะใจตนนั้นเอง ธรรมชาติของใจ มันครอบคลุมโลกธาตุ วิญญาณแต่ละดวงมันคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติใจ เมื่อใจเปิดออกย่อมเห็นวิญญาณทั้งปวง วิญญาณทั้งปวงก็เวียนวายตายเกิดในธรรมชาติของใจทั้งสิ้น วิญญาณทั้งปวงล้วนแต่เป็นสังขารที่ใจปรุงแต่งสร้างขึ้นเพราะมีอวิชชาด้วยกันทั้งสิ้น แต่เมื่อใจสัตว์ทั้งปวงถึงที่สุดแห่งทุกข์ ก็จะรวมเป็นสิ่งเดียวกันเรียกว่าพระนิพพาน ส่วนใจสัตว์ตนใดยังไม่หมดอวิชชา ก็ย่อมเวียนเกิดเวียนตาย ในธรรมชาติภายในใจนั้นเอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
วิญญาณทั้งปวงล้วนแต่เป็นสังขารที่ใจปรุงแต่งสร้างขึ้นเพราะมีอวิชชาด้วยกันทั้งสิ้น

เพราะ(จิต มี)อวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
......................
จขกท. ใช้คำว่า ใจ ผมใช้คำว่า จิต คำนี้ใช้เพื่อสื่อความหมายคล้ายกัน
คำว่าจิต วิญญาณ ใช้ในที่ต่างกัน บางครั้งก็ความหมายต่างกัน  บางที่บอกวิญญาณคือ จิต  จำแนกตามอายตนะที่จิตเกิดรับอารมณ์
แต่บางที่บอกวิญญาน คือ สิ่งที่หยั่งลงในครรภ์ เป็นปัจจัยแก่นามรูป ทำให้นามรูปเติบโต ซึ้งคล้ายกับแนวทางปฏิจจสมุปบาทข้างต้น จึงเห็นได้ว่า วิญญาณ ที่จำแนกตามอายตนะ มีความหมายต่างจากวิญญาณอย่างหลัง เพราะอย่างแรกต้องมีอายตนะก่อน แต่อย่างหลังยังไม่มีอายตนะ (แต่อย่างไรก็ตาม ตามแนวอธิบายของหลวงปู่ดุลย์ วิญญาณนั้น ท่านเรียกว่า รูปวิญญาณ เป็นที่อยู่ของจิต ซึ่งมีสุขุมรูปอายตนะเกิดอยู่แล้ว(เทียบแล้วน่าจะเป็นพิมพ์เขียว เมื่อวิญญาณเป็นปัจจัยแก่นามรูป จึงได้สร้างอายตนะขึ้น) จิตนี้ จึงเทียบได้กับ จิตเดิมแท้ หรือจิตหนึ่ง ซึ่งถูกคุมขังในรูปวิญญาณ วิญญาณที่ลงมาปฏิสนธิ เรียกว่า ปฏิสนธิวิญญาณ หลังจุติปฏิสนธิแล้ว เรียกว่า ภวังคจิต เป็นตัวรักษาภพชาติ เป็นเครื่องชี้สนับสนุนแนวบรรยายเรื่อง รูปวิญญาณ เพราะเป็นตัวควบคุมรูปนามต่อไป และเมื่อจุติรูปวิญญาณก็เคลื่อนไปเกิดใหม่ เมื่อจุติรูปวิญญาณจะเปลี่ยนสภาพเปลี่ยนคุณภาพ แล้วแต่วิบากกรรม ซึ่งคุณภาพของรูปวิญญาณนั้น จะเป็นตัวกำหนดภพชาติใหม่ ซึ่งก็จะกลายเป็นปฏิสนธิวิญญาณใหม่ และเป็นภวังคจิตในภพใหม่ต่อไป
        ลักษณะของรูปวิญญาณ ที่อธิบายนี้ ในพราหมจึงเห็นว่าวิญญาณเที่ยงแท้ ไม่มีวันตาย  ของพุทธเราก็เห็นเหมือนกัน ต่างกันแต่วิญญาณในพุทธนั้นเกิดดับ ตกอยู่ในไตรลักษณ์
        ในขันธ์ ๕ วิญญาณนั้น พิจารณาแล้ว เห็นว่า ใกล้เคียงกับ รูปวิญญาณมากที่สุด  ไม่ใช่เพียงแค่วิญญาณที่จำแนกตามอายตนะเท่านั้น
(รูปวิญญาณ ตามความหมายของ ลป.ดุลย์)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่