บทที่ 4 : ประมุขคนใหม่แห่งพรรคมาร
หลันเหลยวิ่งกลับมายังเรือนที่พัก เหวินฮั่นกุนก็ตามเข้ามาด้วยคาดคั้นถามเรื่องที่นางออกไปพบคนชื่อ "พี่ตงลิ้ม " ในศาลเจ้าร้าง
" ถ้าเจ้าไม่เล่าความจริงออกมา.. ข้าจะไปฟ้องบอกอาจารย์ "
" ก็เชิญไปฟ้องเลยซี่ ...ไปบอกอาจารย์ด้วยเลยก็ได้ว่า ข้าแอบออกไปพรอดรักกับผู้ชายที่นั่นทุกคืน..."
" นี่เจ้า..."
เหวินฮั่นกุนโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ " ไร้ยางอายจริงๆ..พูดออกมาได้ไง..."
" แล้วไง.. "
" บอกมานะ.. มันเป็นใคร ? "
" เขาจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับท่าน "
เด็กสาวยื่นหน้าเข้ามา ลอยหน้าร้องสวนตอบเขาอย่างคึกคะนอง
" ฮึ..อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าท่าน น่ารักกว่าท่าน.. แล้วข้าก็ชอบเขามากกว่าท่าน.. . ทำไม อิจฉาเขาหรือ ที่เขาดีกว่าท่านตั้งมากมาย ใช่มั้ยๆ ? “
“ หยุดได้แล้ว ! ”
เหวินฮั่นกุนถูกนางก่อกวนยั่วโทสะจนสุดระงับ ยามลืมตัวถึงกับตวาดดังๆ ยื่นมือคว้าไหล่ของนางเขย่าโดยแรงคราหนึ่ง แล้วเหวี่ยงออกไป
ร่างบางถึงกับหมุนคว้างไปฟุบกับเตียง เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูเปิดกว้าง เหวินเอ้อเหนียงเข้ามาพอดี สีหน้าหญิงงามวัยกลางคนตระหนกตกใจอย่างยิ่ง กรากเข้ามาตบหน้าลงโทษลูกชายดังฉาดใหญ่
" เลวมาก...เจ้าทำอะไร... ทำไมทำกับคุณหนูแบบนี้..? "
หลันเหลยพอดิ้นรนลุกขึ้นมาได้ ก็ร้องไห้โฮวิ่งเข้าไปสวมกอดเหวินเอ้อเหนียง
เหวินฮั่นกุนขบริมฝีปากแน่น ก้มศีรษะต่ำเล็กน้อย ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น...
-------------------------
ในที่สุดคู่กรณีทั้งสองก็มานั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าให้ซิมฮงตัดสิน เหวินเอ้อเหนียงแค้นใจบุตรชายอย่างยิ่ง ร่ำร้องบอกให้ซิมฮงลงโทษแรงๆได้โดยไม่ต้องเห็นแก่หน้านาง
ซิมฮงถึงกับถอนใจ
" พวกเจ้าทั้งสองแม้ทะเลาะกันมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ฮั่นกุน... ไหนเจ้าอธิบายมาก่อนสิ... ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ ? "
เหวินฮั่นกุนสีหน้าราบเรียบเย็นชาไร้ความรู้สึกใด พอฟังอดเหลือบไปมองหลันเหลยแว่บหนึ่งมิได้ หากแต่ลังเลเล็กน้อย..หาได้กล้าเอ่ยปากออกมาไม่
หลันเหลยแค่นเสียงว่า
" ก็ฟ้องท่านปู่ไปเลยซี ... ว่าข้าออกไปพบผู้ชายมากลางดึก "
" หา..."
ผู้ใหญ่ทั้งสองถึงกับตกตะลึงกับคำพูดของเด็กสาว ซิมฮงหน้าเคร่งเครียดลง
" ไหนอะไรอธิบายรายละเอียดมาซิ "
เหวินฮั่นกุนได้แต่กล่าวช้าๆ
" เมื่อครู่ข้าเห็นนางทำลับๆล่อๆ ออกไปข้างนอกมืดๆค่ำๆ ดังนั้นจึงแอบสะกดรอยตามออกไป ค่อยทราบว่านางออกไปหาคนผู้หนึ่งที่ศาลเจ้าร้าง..."
ซิมฮงหันขวับมาทางหลานสาว
" แล้วเจ้ามีคำแก้ตัวว่ากระไร … คนที่เจ้าไปหาที่ศาลเจ้าเป็นใคร ? "
หลันเหลยแสยะปากใส่เหวินฮั่นกุนคราหนึ่ง ค่อยยืดอกขึ้นเล่าทุกอย่างตามความเป็นจริง
" หลายวันก่อนข้าพบเห็นคนผู้หนึ่งถูกโจรภูเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจึงช่วยเขาไว้ พาไปรักษาตัวที่ศาลเจ้าร้าง แล้วข้าก็เอายา เอาอาหารไปให้เขาทุกคืน... ถ้าข้าไม่ช่วยเขาก็คงต้องตาย หรือว่า..ข้าช่วยคนก็มีความผิดด้วย ? "
ซิมฮงพอฟังต้องถอนใจ
" แล้วทำไมต้องทำปกปิดลับๆล่อๆ ? "
" ก็ท่านปู่สั่งพวกเราไว้ว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพวกชาวยุทธจักร ข้ากลัวท่านจะห้าม ก็เลยต้องแอบช่วยเขาไว้..."
" ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด ? "
" อาการเขาทุเลาลง จึงจากไปแล้ว..."
เหวินฮั่นกุนฟังนางเล่าออกมาถึงกับมองนางอย่างงุนงง ถามอย่างไม่เข้าใจ
" แล้วทำไมเจ้าไม่บอกให้ข้าฟังแบบนี้ตั้งแต่แรก ? "
หลันเหลยเมินหน้าใส่เขาไม่ยอมตอบ ซิมฮงกล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
" เหลยเอ๋อ...ช่วยคนนั้นเป็นสิ่งดี ปู่เจ้าไม่ใช่คนใจดำอำมหิต ที่จะนิ่งดูดายมองคนตายต่อหน้าโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วย เพียงแต่เจ้าแอบช่วยคนไว้แบบนี้ อาจทำให้ใครเข้าใจผิดได้ บ้านเมืองมีจารีตประเพณี เจ้าเองก็โตเป็นสาวมิใช่เด็กแล้ว แอบออกไปเจอบุรุษกลางค่ำกลางคืนหาใช่เรื่องดีงามไม่ ไม่เพียงอาจมีอันตราย ทั้งยังอาจเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่เพียงเท่านั้น...ฮั่นกุนเขาหวังดีต่อเจ้า..ทำไมเจ้าต้องไปยั่วโทสะให้เขาเข้าใจผิด..."
เด็กสาวกล่าวอย่างแค้นใจ
" เฮอะ...ในสายตาของเขา ข้าหลันเหลยมีอะไรดีสักอย่างบ้างหรือ... อธิบายไปก็เท่านั้น ใจเขาคิดเลยเถิดไปแล้ว พูดไปก็เหนื่อยปากเปล่า..."
เหวินฮั่นกุนหันมากล่าวอย่างละอายใจ
" หลันเหลย..ขอโทษนะที่เข้าใจเจ้าผิดไป "
หลันเหลยสะบัดหน้าเมินไปอีกทางอีกครั้ง ไม่ยอมรับการขออภัย
ซิมฮงชมดูจนส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าเรื่องราวทั้งหลายเกิดจากการเข้าใจผิดกัน จึงบอกให้ยุติเลิกแล้วต่อกันเพียงแค่นี้ ค่อยบอกให้ทุกคนกลับไปนอนพักผ่อนกันได้...
------------------
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 4 : ประมุขคนใหม่แห่งพรรคมาร ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลันเหลยวิ่งกลับมายังเรือนที่พัก เหวินฮั่นกุนก็ตามเข้ามาด้วยคาดคั้นถามเรื่องที่นางออกไปพบคนชื่อ "พี่ตงลิ้ม " ในศาลเจ้าร้าง
" ถ้าเจ้าไม่เล่าความจริงออกมา.. ข้าจะไปฟ้องบอกอาจารย์ "
" ก็เชิญไปฟ้องเลยซี่ ...ไปบอกอาจารย์ด้วยเลยก็ได้ว่า ข้าแอบออกไปพรอดรักกับผู้ชายที่นั่นทุกคืน..."
" นี่เจ้า..."
เหวินฮั่นกุนโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ " ไร้ยางอายจริงๆ..พูดออกมาได้ไง..."
" แล้วไง.. "
" บอกมานะ.. มันเป็นใคร ? "
" เขาจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับท่าน "
เด็กสาวยื่นหน้าเข้ามา ลอยหน้าร้องสวนตอบเขาอย่างคึกคะนอง
" ฮึ..อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าท่าน น่ารักกว่าท่าน.. แล้วข้าก็ชอบเขามากกว่าท่าน.. . ทำไม อิจฉาเขาหรือ ที่เขาดีกว่าท่านตั้งมากมาย ใช่มั้ยๆ ? “
“ หยุดได้แล้ว ! ”
เหวินฮั่นกุนถูกนางก่อกวนยั่วโทสะจนสุดระงับ ยามลืมตัวถึงกับตวาดดังๆ ยื่นมือคว้าไหล่ของนางเขย่าโดยแรงคราหนึ่ง แล้วเหวี่ยงออกไป
ร่างบางถึงกับหมุนคว้างไปฟุบกับเตียง เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูเปิดกว้าง เหวินเอ้อเหนียงเข้ามาพอดี สีหน้าหญิงงามวัยกลางคนตระหนกตกใจอย่างยิ่ง กรากเข้ามาตบหน้าลงโทษลูกชายดังฉาดใหญ่
" เลวมาก...เจ้าทำอะไร... ทำไมทำกับคุณหนูแบบนี้..? "
หลันเหลยพอดิ้นรนลุกขึ้นมาได้ ก็ร้องไห้โฮวิ่งเข้าไปสวมกอดเหวินเอ้อเหนียง
เหวินฮั่นกุนขบริมฝีปากแน่น ก้มศีรษะต่ำเล็กน้อย ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น...
-------------------------
ในที่สุดคู่กรณีทั้งสองก็มานั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าให้ซิมฮงตัดสิน เหวินเอ้อเหนียงแค้นใจบุตรชายอย่างยิ่ง ร่ำร้องบอกให้ซิมฮงลงโทษแรงๆได้โดยไม่ต้องเห็นแก่หน้านาง
ซิมฮงถึงกับถอนใจ
" พวกเจ้าทั้งสองแม้ทะเลาะกันมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ฮั่นกุน... ไหนเจ้าอธิบายมาก่อนสิ... ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ ? "
เหวินฮั่นกุนสีหน้าราบเรียบเย็นชาไร้ความรู้สึกใด พอฟังอดเหลือบไปมองหลันเหลยแว่บหนึ่งมิได้ หากแต่ลังเลเล็กน้อย..หาได้กล้าเอ่ยปากออกมาไม่
หลันเหลยแค่นเสียงว่า
" ก็ฟ้องท่านปู่ไปเลยซี ... ว่าข้าออกไปพบผู้ชายมากลางดึก "
" หา..."
ผู้ใหญ่ทั้งสองถึงกับตกตะลึงกับคำพูดของเด็กสาว ซิมฮงหน้าเคร่งเครียดลง
" ไหนอะไรอธิบายรายละเอียดมาซิ "
เหวินฮั่นกุนได้แต่กล่าวช้าๆ
" เมื่อครู่ข้าเห็นนางทำลับๆล่อๆ ออกไปข้างนอกมืดๆค่ำๆ ดังนั้นจึงแอบสะกดรอยตามออกไป ค่อยทราบว่านางออกไปหาคนผู้หนึ่งที่ศาลเจ้าร้าง..."
ซิมฮงหันขวับมาทางหลานสาว
" แล้วเจ้ามีคำแก้ตัวว่ากระไร … คนที่เจ้าไปหาที่ศาลเจ้าเป็นใคร ? "
หลันเหลยแสยะปากใส่เหวินฮั่นกุนคราหนึ่ง ค่อยยืดอกขึ้นเล่าทุกอย่างตามความเป็นจริง
" หลายวันก่อนข้าพบเห็นคนผู้หนึ่งถูกโจรภูเขาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจึงช่วยเขาไว้ พาไปรักษาตัวที่ศาลเจ้าร้าง แล้วข้าก็เอายา เอาอาหารไปให้เขาทุกคืน... ถ้าข้าไม่ช่วยเขาก็คงต้องตาย หรือว่า..ข้าช่วยคนก็มีความผิดด้วย ? "
ซิมฮงพอฟังต้องถอนใจ
" แล้วทำไมต้องทำปกปิดลับๆล่อๆ ? "
" ก็ท่านปู่สั่งพวกเราไว้ว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพวกชาวยุทธจักร ข้ากลัวท่านจะห้าม ก็เลยต้องแอบช่วยเขาไว้..."
" ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด ? "
" อาการเขาทุเลาลง จึงจากไปแล้ว..."
เหวินฮั่นกุนฟังนางเล่าออกมาถึงกับมองนางอย่างงุนงง ถามอย่างไม่เข้าใจ
" แล้วทำไมเจ้าไม่บอกให้ข้าฟังแบบนี้ตั้งแต่แรก ? "
หลันเหลยเมินหน้าใส่เขาไม่ยอมตอบ ซิมฮงกล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
" เหลยเอ๋อ...ช่วยคนนั้นเป็นสิ่งดี ปู่เจ้าไม่ใช่คนใจดำอำมหิต ที่จะนิ่งดูดายมองคนตายต่อหน้าโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วย เพียงแต่เจ้าแอบช่วยคนไว้แบบนี้ อาจทำให้ใครเข้าใจผิดได้ บ้านเมืองมีจารีตประเพณี เจ้าเองก็โตเป็นสาวมิใช่เด็กแล้ว แอบออกไปเจอบุรุษกลางค่ำกลางคืนหาใช่เรื่องดีงามไม่ ไม่เพียงอาจมีอันตราย ทั้งยังอาจเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่เพียงเท่านั้น...ฮั่นกุนเขาหวังดีต่อเจ้า..ทำไมเจ้าต้องไปยั่วโทสะให้เขาเข้าใจผิด..."
เด็กสาวกล่าวอย่างแค้นใจ
" เฮอะ...ในสายตาของเขา ข้าหลันเหลยมีอะไรดีสักอย่างบ้างหรือ... อธิบายไปก็เท่านั้น ใจเขาคิดเลยเถิดไปแล้ว พูดไปก็เหนื่อยปากเปล่า..."
เหวินฮั่นกุนหันมากล่าวอย่างละอายใจ
" หลันเหลย..ขอโทษนะที่เข้าใจเจ้าผิดไป "
หลันเหลยสะบัดหน้าเมินไปอีกทางอีกครั้ง ไม่ยอมรับการขออภัย
ซิมฮงชมดูจนส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าเรื่องราวทั้งหลายเกิดจากการเข้าใจผิดกัน จึงบอกให้ยุติเลิกแล้วต่อกันเพียงแค่นี้ ค่อยบอกให้ทุกคนกลับไปนอนพักผ่อนกันได้...
------------------