มหาสงครามชิงพิภพ ตอนที่ ๑ จุดเริ่มต้นของสงคราม บทที่ ๒ ปฐมศึกชิงนางหงส์

กระทู้สนทนา
หงส์ปรากฏ

“ ทำไม เจ้าจะฆ่าพี่สาวเจ้าหรือไง ”  
      เฮอร์ไมโอนี่ถามแหย่ ๆ ไวร์มาร์คยิ้มแล้วตอบกลับไป
        “ ฮ่า พี่ของน้องไม่ได้เป็นเหมือนพี่ ซะหน่อย จะได้พาไปฆ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
    เฮอร์ไมโอนี่ฟังแล้วหน้าแดง เซียนสราญรมย์กับเทพีกชกรแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แล้วไวร์มาร์คก็พูดขึ้นว่า
        “ น้องขอโทษที น้องแค่จะให้ท่านแม่ฟ้าพญาหงส์เป็นผู้คุ้มกันพี่ฮาโมเท่านั้น ”
        “ คุ้มกัน ? คุ้มกันทำไมล่ะ ”
    เฮอร์ไมโอนี่ถามแบบงงๆ เซียนสราญรมย์เลยเล่าเรื่องของอควอโลให้ฟัง เฮอร์ไมโอนี่ฟังแล้วก็ดีดนิ้วดังเป๊าะ
        “ งั้นเจ้าก็คิดถูกแล้วล่ะ  เพราะแม่ฟ้าพญาหงส์คนนี้นะ เป็นคนที่ข้าคิดว่าเป็นหญิงที่เกรงขามที่สุดเลยนะ นางเป็นคนแรกนอกจากท่านพี่ ที่อ่านใจข้าออก ข้าเนี่ย เป็นอันกระดิกตัวไม่ได้เลย ดีว่าดรีมเป็นคนเรียบร้อยอยู่แล้ว เลยไม่ประหม่า เวลาที่อยู่ใกล้นาง แต่กับข้าเงี้ย นางมองข้าตลอดเวลาเลย ไม่ห่างตา ข้าจะทำอะไรผิดนิด ผิดหน่อย นางเป็นอันต้องว่าข้าตลอด ตอนไปสมัครเรียนนะนางไม่เห็นจะเจ้ากฎเจ้าระเบียบขนาดนี้ พอรู้ว่าข้า ชื่อ เฮอร์ไมโอนี่ น้องสาวเซียนสราญรมย์เท่านั้นแหละ นางเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีเลย ”
        “ สงสัยว่านางจะรู้ว่าเจ้าแก่นกะโหลกกะลาเล่ามั้ง ฮ่า ข้าอยากจะเจอ แม่ฟ้าพญาหงส์ซะแล้วสิ ”
    เซียนสราญรมย์หัวเราะ อมยิ้ม ไวร์มาร์คก็เลยพูดขึ้นว่า
        “ ฮ่า ดีเลย ข้าว่าจะไปเกลี้ยกล่อมพี่ฮาโมให้ไปอยู่ที่นั่นสักพัก พอเริ่มเพลาๆเรื่องนี้แล้ว ค่อยออกมา ออ แล้วแม่ฟ้าเนี่ย เค้ารับสมัครนักเรียนอยู่ไหมล่ะ ข้าจะไปให้พี่ฮาโมไปสมัคร ”
    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มตลกๆ แล้วตอบไปว่า
        “ ก็คงรับมั้ง  ข้าว่านางคงรับอีกเรื่อยๆน่ะแหละ ไม่น่าจะเต็มไว เพราะมีแค่ข้ากับดรีมสองคนเอง ”
        “ สองคน บ้าไปแล้ว แต่ก็ดี งั้นหลานไปเมืองดีกว่าไปให้พี่ฮาโมมาเรียนบ้าง ออ ดรีม เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้พี่จะมาใหม่ ”
    ไวร์มาร์คกล่าวกับเฮอร์ไมโอนี่  แล้วหันมาคำนับเซียนสราญรมย์  ก่อนจะหันไปลาดรีม เซียนสราญรมย์ผงึกหน้าเป็นอันว่าเข้าใจ ไวร์มาร์คคำนับก่อนเดินออกมาจากเมือง  แล้วก็แวะคำนับเทพสุริยัน เทพสุริยันลูบศีรษะไวร์มาร์คเบาๆ แล้วไวร์มาร์คก็ควบม้ากลับเมืองทันที   ระหว่างทางเขาก็บังเอิญพบกับศัตรูที่เพิ่งจากกันมาไม่นาน นั่นคือ อควอโลนั่นเอง ไวร์มาร์คไม่ได้แสดงทีท่าตกใจหรือหวาดกลัวแต่ประการใด  เขาเหยาะม้าเข้าไปใกล้ อควอโลซึ่งอยู่กับแม่ทัพถึง ๘ ตน อควอโลยิ้มมุมปาก โบกมือให้แม่ทัพแหวกทางออกไป ผายมือให้ไวร์มาร์คเดินเข้ามา
        “ มาหาข้าหรือ ไวร์มาร์ค ”
        “ เกรงว่าจะไม่ใช่ น้องบังเอิญผ่านมาเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจมาหาท่านหรอก ”
    ไวร์มาร์คตอบ อควอโลเหยาะม้านำหน้าไปสัก ๒-๓ วา แล้วหันมาพูดว่า
“ ถ้ายังคงเป็นเช่นเดิม ตามข้ามา ไม่งั้นเจ้าไม่มีวันออกจากป่านี้ได้แน่ ฮ่า ”
“น้องคงเชื่อท่านได้นะ มา  เราไปสังสรรค์กัน ”
    ไวร์มาร์คตอบกลับ อควอโลยิ้มแล้วพาไวร์มาร์คไปในค่าย ค่ายของอควอโลนั้นใช้ไม้สักทองเป็นรั้วกั้นรอบนอก คะเนจากสายตาคงประมาณ ๕๐ ไร่เศษ ซึ่งที่ไวร์มาร์คก่อความวุ่นวายไปเมื่อวานเป็นเพียงค่ายพักทหารเท่านั้น ทหารอยู่ในค่าย ล้วนสวมเกราะกันทุกคน เพื่อเตรียมพร้อมตลอดเวลา ซึ่งเกราะเป็นเกราะชนิดพิเศษ สร้างจากเนื้อโลหะ ๙ ชนิด  เบาเป็นพิเศษ แต่คงความแกร่งไว้เหมือนเดิม ค่ายมีเสบียงพร้อมเพรียง แสดงว่าเตรียมบุกเต็มที่ แต่จากสายตาคาดว่ามีเพียง ๙,๐๐๐ เศษเท่านั้น อควอโลพอไวร์มาร์คมาหยุดหน้ากระโจมของตัวเขาเอง  เป็นกระโจมที่สูงราว ๒ วา กว้างพอให้ได้นอนพักกันเป็น สิบๆคน แล้วก็โอ่อ่าเท่าที่ในป่าจะทำได้ ตกแต่งเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน  ไวร์มาร์คลงจากม้าแล้วก็เดินเข้าไปนั่ง อควอโลเดินเข้าตามไป ก่อนนั่งสั่งทหารจัดเตรียมเครื่องเสวยชุดใหญ่ให้ไวร์มาร์ค ไวร์มาร์ครับมาแล้วมองหน้าอควอโล อควอโลพยักหน้าให้กิน  ไวร์มาร์คยกน้ำจัณฑ์ขึ้นดื่ม แล้วหยิบเนื้อหมูป่ากิน
        “ น้องก็คิดว่าพี่จะโกรธน้องซะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ”
        “ ข้าก็โกรธ ไวร์มาร์ค เพียงแต่ข้าอยากจะเลี้ยงเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง เจ้าก็รู้นี่ ว่าเราคงไม่ได้พบกันแบบเป็นมิตรแล้ว ต่อไป คงระแวงกันไม่สิ้นสุด ฮ่าฮ่าฮ่า ”
    อควอโลพูดพลางยกน้ำขึ้นดื่ม  ไวร์มาร์คยกเนื้อคาไว้แล้วพูดว่า
        “ พี่คงนึกเรื่องนี้มาก่อนจะยกทัพมาแล้วสิ น้องไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพี่ต้องทำอย่างนี้ ”
    อควอโลไม่พูด แต่เรียกทหารเข้ามาแล้วส่งไปว่า
        “ จงนำแว่นแก้วสูรกานต์รำพึงเข้ามาให้ข้าที ”
    ไวร์มาร์คถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้ยินอควอโลพูด
        “ แว่นแก้วสูรกานต์รำพึง นั่นมันหนังสือนำทางของยมทูตนี่ ท่านพี่ มันมาอยู่กับท่านพี่ได้อย่างไร ”
        “ ออ ข้าลืมบอกไป ตอนนี้ทางสภาชั้นสูงอเทวพิชิตได้ทำการเปิดประชุมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ ๑๐๐ ปี เพื่อลงมติให้นำกำลังเพื่อยึดอำนาจของฝ่ายมนุษย์ได้เต็มที่ โดยเสียงมติเป็นเอกฉันท์ อีก ๒๘ เดือน ทางอาวุโสสภาจะทำพิธีคืนชีพท่านบรมมาร อควอโลมาโดส เพื่อบัญชาการกองกำลัง โดยช่วงนี้ให้ข้าเป็นผู้บัญชาการสูงสุดไปเป็นการชั่วคราว โดยกองกำลังที่เจ้าเห็นเป็น ๑ กองสิบ โดย  ๙ กองสิบเป็น๑ กองร้อย   ๘ กองร้อยเป็น ๑ กองพัน   ๕ กองพัน เป็น ๑กองพล โดยทั้งหมดมีทั้งสิ้น ๗ กองพล เป็นเพื่อต้านการโจมตี และ ป้องกันพวกมนุษย์ที่ทำหน้าที่เป็นปราการคุณธรรม โดยจะเรียนเชิญราชันย์อสูรทมิฬ มาเพื่อประมือกับดาบสวรรค์โดยทันทีที่ต้องการ โดย ตรึงกำลังด้านใต้ไว้ทั้งสิ้น ๒ กองพล ๓ กองพัน โดยแว่นแก้วอสูรกานต์รำพึงอันนี้ เป็น ๑ ใน ๗ ของทั้งหมดที่ใช้ในกองทัพ เพื่อติดต่อสื่อสาร  โดยมีมารยมทูตเป็นสื่อกลาง ”
    ไวร์มาร์คถึงกับตลึงกินไม่ลง เมื่ออควอโลอธิบายจบ ไวร์มาร์ควางอาหารแล้วยิ้มแบบไม่เชื่อ อควอโลผงึกหน้า ไวร์มาร์คถึงกับพูดไม่ออก แต่ก็พยายามพูดออกไปว่า
        “ งั้นน้องก็คงจะต้องขอตัว อ่า แล้วที่ท่านพี่บอกว่าจะมาสู่ขอพี่ฮาโมล่ะ ท่านพี่ทำไปเพื่ออะไร ”
        “ ไวร์มาร์ค มันเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง ”
    ไวร์มาร์คอึ้งไปซักพักแล้วยกถ้วยน้ำจัณฑ์ขึ้นดื่มหมดถ้วยจนชาไปทั้งหัว แล้วลุกขึ้นจะออกจากกระโจม โดยหันมาบอกกับอควอโลว่า
        “ งั้นน้องก็อยากจะบอกกับพี่ว่า น้องขอดื่มถ้วยเมื่อซักครู่นี้เป็นครั้งสุดท้ายทดแทนมิตรภาพทั้งหมดที่มีให้กัน น้องขอลา ”
    อควอโลยกถ้วยขึ้นดื่มแล้วยกให้ไวร์มาร์คพร้อมพูดว่า “ เช่นกัน น้องชาย ฮ่าฮ่าฮ่า ”
    ไวร์มาร์คขึ้นม้าซึ่งทหารของอควอโลเตรียมไว้ให้แล้ว แล้วควบออกจากค่ายทหารโดยเร็ว เขาครุ่นคิดตลอดเวลาที่ควบม้ากลับนพเก้านคร ทั้งเรื่องการจัดการกองทัพ การแจ้งข่าวสารการยกพลครั้งใหญ่ของเหล่ามาร การจัดการเรื่องของฮาโมนิก้า อีกทั้งเรื่องของเทพีกชกรที่เขาพึ่งจะเริ่มความสัมพันธ์มาหยกๆ เขาขมวดคิ้วตลอดทาง จนถึงหน้านพเก้านคร  ไวร์มาร์คเหยาะม้าย่องเข้านพเก้านคร เก็บม้าและเข้าไปในท้องพระโรง ซึ่งเป็นเวลาเสวยพระกายาหารค่ำของไฟร์ ซึ่งเมื่อเข้าไปก็พบพระบรมวงศานุวงศ์ของสกุลอหังการ์ เขาต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อพลันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันสังสรรค์อาหารค่ำประจำตระกูลซึ่งปฏิบัติกันทุกๆ ๙ ปี ไฟร์ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะกล่าวขึ้น
        “ ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมเสียแล้วว่าเจ้าเป็นคนของสกุลอหังการ์ ”
    ไวร์มาร์คค่อยๆเดินมานั่งแล้วก็เริ่มทานอาหารแล้วก็ส่ายสายตาสำรวจรอบๆ ตรงข้ามเขาคือฮาโมนิก้า ถัดไปเป็น ไลล่า เซลาเดียส เจนน่า เฮอร์ไมโอนี่ ลูน่า ส่วนข้างๆ ตัวเขา คือ อาเธอร์ เซียนสราญรมย์ กราด้า คุนก้า ลีน่า ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือวงศ์วานสายพระชนก และพระชนนี โดย เซลาเดียส เจนน่า ลีน่า ลูน่า เป็นญาติฝ่ายไลล่า  และอาเธอร์ เซียนสราญรมย์ กราด้า คุนก้า เป็นญาติฝ่ายเมก้า โดยงานเลี้ยงสังสรรค์นี้ เป็นงานเลี้ยงเพื่อพบปะกันในครอบครัวเพื่อสังสรรค์สนทนากัน เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาเพื่อให้วงศ์วานนั้นสนิทสนมกลมเกลียวกันตลอดไป ซึ่งการทานอาหารก็ดำเนินต่อไปจนอาเธอร์พูดขึ้นมาว่า
        “ อืม หลานไวร์มาร์คไปไหนมาล่ะ ไหนลองเล่าให้ลุงฟังหน่อยสิ ”
        “ อ่า ท่านลุงอย่าไปถามเขาเลยเพคะ ขนาดงานสังสรรค์ของตระกูลที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่เขาเกิดยังลืมเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อตอนกลางวัน "
    ฮาโมนิก้าพูดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม ไลล่าก็ยิกแขนฮาโมนิก้า นางร้องโอ๊ยเบาๆ อาเธอร์จึงถามไวร์มาร์คซ้ำคำถามเดิม ไวร์มาร์คจึงตอบว่า
        “ อ่า หลานไปหาท่านเซียนสราญรมย์นะพ่ะย่ะค่ะ ท่านเซียนเป็นพยานได้ ”
        “ อืม ใช่ๆ ข้าเป็นพยานได้ อือ แล้วนี่ ลุงยังไม่ได้บอกฮาโมนิก้าเรื่องฝึกวิชาเลย ”
    เซียนสราญรมย์ตอบ แล้วก็หันมามองฮาโมนิก้า ฮาโมนิก้าจึงถามกลับไปว่า
        “ ฝึกวิชา วิชาอะไรนะเพคะ ”
        “ วิชาหงส์อมตะน่ะ ”
    เซียนสราญรมย์ตอบ
        “ หงส์อมตะ ” เสียงทุกคนพูดพร้อมกัน เซลาเดียสพูดก่อนว่า
        “ นี่พี่ท่าน น้องว่าหลานยังไม่พร้อมที่จะเรียนวิชาอะไรแบบนี้นะคะ ”
        “ ฮ่า เซเลียส( เป็นชื่อเล่นที่เซียนสราญรมย์ใช้เรียกเซลาเดียส ) เจ้าก็รู้นะ ว่าหลานฮาโมนะฝึกได้ถึงขั้น ๑๒ เชียวนะ ”
    เซียนสราญรมย์ตอบ กราด้าพูดมาว่า
        “ แล้วพี่ท่านจะให้หลานฮาโมไปเรียนกับใครล่ะพ่ะย่ะค่ะ ”
        “ แม่ฟ้าพญาหงส์ ”
    เซียนสราญรมย์กล่าวตอบ กราด้าพูดขึ้นอีกว่า
        “ เราจะเชื่อใจแม่ฟ้าที่พี่ท่านว่าได้หรือ ”
        “ พี่ท่านอย่าบอกนะว่าคนที่พี่ท่านหมายถึง คือ แม่ฟ้าพญาหงส์ แห่ง ราชสรรค์วิทาไพรี คนนั้น ”
    คุนก้ากล่าวขึ้น เฮอร์ไมโอนี่กล่าวตอบแทนว่า
        “ ใช่เพคะ ท่านอารู้จักหรือเพคะ ”
         “ ใช่ นางผู้นี่มีวิชาหงส์อมตะที่ลึกล้ำมาก อาเคยประมือกับนางมา ๒ ครั้ง ครั้งแรกเกิดจากการเข้าใจผิด ครั้งที่สอง นางอยากจะทดสอบข้า วิชานางลึกล้ำมาก ข้าได้ยินมาว่านางใช้ขั้นที่ ๑๔ สู้กับข้า ซึ่งมันยากเกินพรรณนา มันเป็นเหมือนเราหลงไปในอากาศทีมืดดำ พลังทั้งหมดเหมือนถูกนางดูดกลืนสลายไปสิ้น แต่ถึงกระนั้นนางก็เป็นคนมีเมตตามาก อ่า เท่าที่อารู้ นางเป็นสตรีนภาบันดาล( มาจากสรวงสวรรค์ )รุ่นปัจจุบันด้วย ”
    คุนก้าตอบ ไฟร์ซึ่งนิ่งเงียบฟังอย่างตั้งใจต้องพูดขึ้นมาว่า
        “ สตรีนภาบันดาล นางเป็นรุ่นรองจากท่านย่าหรอกหรือ ”
        “ อืม ใช่ ท่านอัยกาโอซีริส เป็นสตรีฟ้าบันดารรุ่นก่อนนี่ ตั้งแต่ท่านย่าสิ้นพระชนม์ ก็ไม่มีข่าวสตรีฟ้าบันดาลอีกเลย อ่า สงสัยข้าจะต้องหาทางเจอนางให้ได้ซะแล้ว ฮ่า ”    
    เซียนสราญรมย์พูดขึ้น ฮาโมนิก้าก็เลยพูดขึ้นว่า
        “ แล้วท่านอา ท่านลุง ท่านป้า ท่านน้า มีความเห็นอย่างไรบ้างล่ะเพคะ ”
        “ นี่ ไปเรียนเถอะ ข้ากับดรีมก็ไปเรียนนะ ”
    เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมหันมาขยิบตาให้ไวร์มาร์ค ไวร์มาร์คพยักหน้าตอบ ซึ่งทุกๆคนก็เริ่มเห็นด้วยกันตามๆกัน มีเพียงเซลาเดียสที่ยังนั่งนิ่งไม่พูดอะไร เซียนสราญรมย์จึงหันไปถาม
        “ เซเลียส เจ้าเป็นอะไร ”
        “ น้องยังสงสัยน่ะคะ ว่าแม่ฟ้าพญาหงส์คนนี้จะเป็นคนๆเดียวกับที่น้องเจอเมื่อวานซืนหรือปล่าว ”
    เซลาเดียสตอบ เซียนสราญรมย์ถึงกับหยุดคิดไปสักพัก ไลล่าจึงถามขึ้นว่า
        “ พี่ท่านเจอกับเขาด้วยเหตุอะไร ”
        “ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ”
    เซลาเดียสเริ่มเล่าเรื่อง
    ๓ วันก่อน ขณะที่เซลาเดียสกำลังหาสมุนไพรอยู่ที่เขตทุ่งกว้างอุดรไพรีพ่าย ซึ่งเป็นเขตอันอุดมไปด้วยสมุนไพรทั้งมีพิษ และมีคุณ ขณะที่คณะของเซลาเดียสกำลังหาหญ้าทะเลซัด ซึ่งเป็นพืชที่ใช้ผสมยาอายุวัฒนะ แต่ก็เป็นต้นไม้ที่เคลื่อนที่ได้ มันจะอาศัยอยู่ไนที่ๆมันจะปลอดภัย ซึ่งส่วนใหญ่ มันมักจะอาศัยใกล้สัตว์ที่อันตรายต่อสัตว์อื่น ซึ่งในอุดรไพรีพ่ายนี้มีเพียงตัวเดียว คือ ราชสีห์เขี้ยวยาว ระหว่างที่เซลาเดียสสั่งพลแม่นธนูเตรียมสังหารราชสีห์เขี้ยวยาวอยู่นั่นเอง นางก็ก็เห็นสตรีนางหนึ่งร่อนจากฟากฟ้ามาที่หน้าราชสีห์เขี้ยวยาว มันลุกขึ้นคำรามเสียงสนั่นทุ่ง ต้นไม้แถบนั้น ถึงกับแตกออกเป็นสองเสี่ยง หญิงนางนั้นยังยืนสงบ แต่เสื้อผ้าปลิ่วว่อน เหล่าทหารและนางธารกำนัลที่เซลาเดียสพามา ต่างนำมือมาป้องหู เซลาเดียสแผ่มือสองข้างออก อ่านอาคมสร้างเขตกำบังขึ้นมาเพื่อต้านเสียงของราชสีห์เขี้ยวยาว โดยพอต้านเสียงนั้นได้ นางก็หันมาดูหญิงนางนั้นอีกครั้ง  ก็เห็นหญิงนางนั้นกำลังยื่นมือใส่ราชสีห์เขี้ยวยาว นางเปล่งพลังออกมาโดยสะบัดมือออก ราชสีห์เขี้ยวยาวถึงกับถลาออกจากที่เดิมไปร่วมๆ ๕ วา หญิงนางนั้นยื่นมือมาหยิบหญ้าทะเลซัด เซลาเดียสจึงออกมา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่