ไอ้หมูหันมองไปทางกลุ่มที่อยู่ด้านหลัง เพื่อหาที่มาของเสียง แต่ก็ไม่มีใครสบตา ต่างคนก็ก้มหน้า ก้มตาตัดยาง ไอ้หมูคิดในใจว่าตัวเองคงหูแว่วและไม่ได้คิดอะไร นั่งทำงานของตัวเองไป พอมีงานอะไรให้ทำก็พอได้ฆ่าเวลาให้ผ่านไปได้โดยไม่ยาก
จนเลยล่วงมาจน 9 โมงครึ่ง ไอ้วุธ กับ ไอ้ยา ที่มีหน้าที่เข็นรถไปเอางานใหม่กลับมา แล้วทุกคนในบ้านก็เริ่มจัดเตรียมข้าวแกงเพื่อกินอาหารเช้ากัน ไอ้หมูถูกเรียกให้มาร่วมวง
“อย่ายอมมันนะ” เสียงปริศนาดังจากทิศทางเดิม ขณะที่ไอ้หมูกำลังลุกขึ้นไปกินข้าว
ไอ้หมูหันไปทางต้นเสียงอย่างฉับไว แต่ก็เหมือนเดิม หาเจ้าของเสียงไม่ได้ ไอ้หมูได้แต่ยืนงง จนไอ้บอยตะโกนเรียกซ้ำมันจึงรีบวิ่งไป แต่ในใจยังคงสงสัยที่มาของเสียงอยู่ แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง
ขณะนั่งกินข้าวก็ยังคงคาใจ สายตามองไปที่กลุ่มที่มาของเสียงนั้น ก็ไม่มีท่าทีว่าใครจะน่าสงสัย และความหมายของ “อย่ายอมนะ” นี่ก็ยิ่งทำให้ไอ้หมูไม่เข้าใจไปใหญ่
หลังจากกินข้าวเสร็จเป็นที่เรียบร้อย น้าแมวผู้มีหน้าที่ล้างจาน ก็รวบรวมจาน ชามไปล้าง โดยที่ไอ้หมูอาสาขอไปช่วย ไอ้หมูตัดสินใจเล่าเรื่องเสียงประหลาดที่หาเจ้าของเสียงไม่ได้ให้น้าแมวฟัง น้าแมวทำหน้าอึ้งๆ และก็หัวเราะกลบเกลื่อน แล้วแกล้งอำไอ้หมูต่อว่าโดนผีหลอกแล้วมั้ง
ไอ้หมูกลับมานั่งทำงานที่เดิมได้ไม่นาน ไอ้บอยก็เรียกมันมาช่วยตรวจงานที่กำลังจะออกแทน คอยช่วยนับจำนวน ช่วยเอางานเข้ากล่อง โดยมีไอ้วุธ กับไอ้ยา คอยช่วยยกงานที่บรรจุเรียบร้อยเรียงขึ้นรถเข็น ในใจของไอ้หมูตอนนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีภาษีดีกว่าคนใหม่ คนไหนๆ ยิ่งมันหันไปมองคนใหม่ที่มาพร้อมกันที่กำลังฝึกแถวอยู่กลางสนามปูนร้อนๆ ทำให้มันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ จนลืมเรื่องเสียงปริศนาไป
พอมีงานให้ทำ มีหน้าที่รับผิดชอบ เลยทำให้หนึ่งวันเต็มๆที่แดนใหม่นี้ดูผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ไม่ทันไรก็ได้เวลาอาบน้ำ กินข้าว เตรียมตัวขึ้นนอนกันแล้ว วันนี้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นขึ้นเรือนนอนไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่นัก สามารถเอาขนม เอาของกินขึ้นไปกินได้
จริงๆแล้ว ก็ควรอนุญาตเพราะขึ้นเรือนนอนกับครบเรียบร้อยก็แค่เกือบๆ 5 โมง และยังต้องใช้เวลาบนเรือนนอนก็อีกหลายชั่วโมง แต่มื้อเย็นกินกันไปตอน 3 โมงครึ่ง 4 โมง กว่าจะเช้าก็คงหิวกัน แต่ก็อย่างว่าพอเจอเจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวด พวกคนคุกก็ขนกันเต็มที่เลย ขนของขึ้นไปกิน ขนของผิดกฎแอบยัดใส่ขนมปังบ้าง ใส่กระติกน้ำบ้าง จนบางทีก็ดูจะเกินไป
ไอ้หมูเริ่มวางใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กินอิ่ม นอนสบาย งานสบาย โดยไม่ทันระแวงอะไร ขึ้นเรือนนอนมาก็นอนดูทีวี สักพักก็ไปดูกลุ่มที่สักลายกัน พอสวดมนต์เสร็จก็มากินของว่างที่เตรียมขึ้นมา กินเสร็จก็ไปนั่งเล่นหมากรุก ช่างมีความสุขเสียจริงๆ
วันเวลาผ่านไปนับสัปดาห์ จนไอ้หมูได้จำแนกกองงานมาที่กองงานยางอย่างเต็มตัว หน้าที่หลักก็ยังเหมือนเดิมคือคอยเดินเก็บงาน ตรวจงาน และตอนนี้ก็ได้งานเพิ่มคือคอยเร่งยอด คนที่มีแน้วโน้วจะทำไม่ทันยอด
“ เอ้าๆๆ ไวไวหน่อยครับ เพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้ยอด นี่บ่ายสองแล้ว งานต้องออกครับ” ไอ้หมูเสียงดัง สั่งเร่งงาน
“ กลุ่ม 4 หัวหน้ากลุ่มช่วยดูด้วยครับ งานส่งมาต้องซ่อมเยอะเลย” ไอ้หมูตำหนิ พร้อมก้มหยิบงานที่ต้องแก้ขึ้นมาโชว์
น้าพจน์นั่งมองการทำงานของไอ้หมูเงียบๆ นึกยิ้มในใจว่า เป็นไปที่มันเดินเกมไว้ ต้องทำให้ไอ้หมูรู้สึกตัวเองมีอำนาจ และตอนนนี้ควรถึงเวลาที่มันจะเดินเกมขั้นต่อไปแล้ว ขั้นต่อไปของน้าพจน์คือ เวลานอน น้าพจน์ก็จะเริ่มเอาขาก่ายบ้าง แกล้งนอนดิ้นไปกอดไอ้หมูบ้าง เพื่อดูปฎิกิริยาว่าไอ้หมูมีท่าทีขัดขืนหรือไม่
จริงๆไอ้หมูมันก็อยากขัดขืนนั่นหล่ะ แต่มันเกรงใจและเห็นว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไร มันก็เลย ปล่อยเลยตามเลย ให้น้าพจน์นอนกอดมัน เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน
จนกลางดึกคืนนึงน้าพจน์เริ่มได้ใจ และกำลังจะรุกเกมขั้นต่อไป น้าพจน์กอดไอ้หมูเหมือนเดิม แต่คราวนี้น้าพจน์แนบตัวไอ้หมู แนบเอาอวัยะเพศของมัน ให้ตรงก้นของไอ้หมูเลยทีเดียว ไอ้หมูรู้สึกตัวสะดุ้งตื่น มันไม่ได้ไร้เดียงสาจนขนาดไม่รู้ว่าน้าพจน์กำลังจะทำอะไร
“เฮ้ย!! น้าพจน์จะทำไรผมหน่ะ” ไอ้หมูพูดพร้อมลุกพรวดขึ้นนั่ง
“หมูจะเสียงดังทำไม ช่วยน้าหน่อยไม่ได้หรอ น้ามีอารมณ์หน่ะ นะไม่มีใครรู้หรอก” น้าพจน์พูดเสียงเรียบๆแต่แข็งกร้าว
“ผมไปนอนหน้าบล็อกดีกว่าครับ” ไอ้หมูพูด พร้อมลุกเดินตรงไปหลังห้อง
น้าพจน์นั่งมองแล้วแอบยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน แต่ในหัวคิดขั้นตอนเดิมๆ ที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วนับต่อนับ ไอ้หมูไม่ใช่คนแรกที่แสดงกิริยาแบบนี้ใส่น้าพจน์ ทั้งหมดนี้มันเป็นไปตามที่น้าพจน์คาดการณ์ไว้ ยังไม่มีอะไรนอกเหนือการควบคุม !!
ส่วนทางด้านไอ้หมู ถึงตัวจะนอนแต่ใจของมันคิดสับสนมากมาย เริ่มคิดว่าสิ่งต่างๆที่มันเข้าใจว่าโชคดีนั้น มันไม่ใช่แล้ว ผลของความโชคดีที่มันเข้าใจ กำลังเริ่มกลับมาคิดค่าบริการกับมันแล้ว
แล้วมันก็เริ่มคิดว่าคงต้องออกจากบ้านน้าพจน์นี้แล้ว เริ่มวางแผนให้กับตัวเอง ว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ในคุกนี้ได้ด้วยตัวมันเอง คิดๆๆๆ จนมันเผลอหลับไป หารู้ไม่ว่า ยังมีสิ่งที่น้าพจน์กำลังจะดำเนินการต่อ มันลงทุนไปเยอะแล้วคงไม่ยอมให้ไอ้หมูจากมันไปอย่างง่ายๆแน่นอน
เช้านี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม ไอ้หมูต้องไปต่อแถวอาบน้ำรวมกับคนคุกอื่นๆ เข้าแถวกินข้าวเช้าตามเวลา ไอ้หมูชินกับแกงซื้อซะแล้ว เลยทำให้มื้อนี้ไอ้หมูกินได้ไม่มากเลย พอเข้ากองงานก็ไม่ได้มีหน้าที่เหมือนเดิมแล้ว ต้องลงไปนั่งตัดงานทำยอดเหมือนคนอื่นๆ
“ให้ไวๆ ก่อนเที่ยงตรวจงานรอบแรกนะ ใครไม่ได้ครึ่งยอด โดนซ่อมนะครับ” ไอ้ยาพูดเสียงดัง
เกมการบีบเริ่มขึ้นแล้ว ไอ้หมูถูกซ่อมด้วยการลุกนั่งทุกวัน วันนึงนับร้อยครั้ง ตามจำนวนยอดที่ทำไม่ทัน ไหนจะโดนแกล้งส่งงานยากๆให้ทำ หากทำเสียก็โดนซ่อมอีก ขึ้นห้องก็ต้องนอนหน้าบล็อค ร้อนก็ร้อนพัดลมเพดานไปไม่ถึง กลิ่นห้องน้ำก็คละคลุ้งเข้าจมูกตลอด หลับๆตื่นๆ นอนไม่สบายเหมือนก่อน ในความคิดตอนนี้ไอ้หมูคิดถึงพ่อและแม่เหลือเกิน ได้แต่ให้กำลังตัวเองว่า คนอื่นอยู่ได้ มันก็ต้องอยู่ได้
เกมการบีบของน้าพจน์เริ่มหนักข้อขึ้น น้าพจน์ส่งไอ้บอยไปคุยกับพ่อค้าเถื่อนในแดน ที่ตั้งร้านเถื่อนอยู่ใต้บันไดตึกกองงาน ไอ้บอยมองเห็นเจ้าของร้านก็เดินตรงเข้าไปหาทันที ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้หรั่งคอลายนั่นเอง
“น้าหรั่งๆ ขอคุยอะไรด้วยครับ” ไอ้บอยพูด ขณะเดินเข้าไปหน้าร้าน
“ว่าไงบอย มีไรกับน้าหรอ” เสียงต่ำๆของไอ้หรั่งถาม
“มาคุยตรงนี้ได้ไหมครับน้า” ไอ้บอยพูดพร้อมจูงมือไอ้หรั่งออกมาจากบริเวณ
ทั้งสองคนคุยซุบซิบๆ ถึงแผนการณ์ที่น้าพจน์บอกไอ้บอยมา สักพักนึง ไอ้หรั่งก็เดินกลับมานั่งที่เดิม และเอานิ้วชี้ขวามาคลึงที่จมูก แล้วก็ถอนหายใจเฮือกเล็กๆ
“ เอกๆๆ มาหาน้าหน่อย” ไอ้หรั่ง ตะโกนเรียก ลูกน้องคนสนิท
ไอ้เอก ชายร่างใหญ่ ดูกำยำแข็งแรง อายุราวๆ 30 ปี นอกจากลายสักที่เต็มจนล้นแขนล้นขาแล้ว ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมันอีกอย่างคือ มันสักหนังตาบนทั้ง 2 ข้างเป็นรูปเปลวไฟ จนใครๆต้องเรียกมันว่า “เอกตาไฟ” ไอ้เอกหนึ่งในนักทำรอบ เข้านอกคุกมากกว่าอยู่ข้างนอกเสียอีก ไอ้เอกกับไอ้หรั่งสนิทกันเหมือนคนในครอบครัว รู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี เพราะเจอกันในคุกมาหลายรอบแล้ว ไอ้เอกคือคนที่ไอ้หรั่งไว้ใจมอบมรดกร้านเถื่อนของมันให้ ตอนที่ปล่อยไปรอบที่แล้ว
ระหว่างที่กำลังฟังคำอธิบายจากไอ้หรั่ง ไอ้เอกนั่งพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ และเข้าใจลึกเข้าไปถึงที่ว่า งานนี้มันต้องเป็นคนจัดการเอง เพราะน้าหรั่งมันรู้จักกับไอ้หมู เลยออกจะกระดากหากน้าหรั่งจะเป็นคนจัดการ แต่เมื่อมีรายได้เข้ามาเกี่ยว ไอ้หรั่งมีหรือจะปล่อยให้หลุดมือไป ต้องสนใจทำไมกับคนๆนึงที่เพิ่งจะรู้จักกัน
ไอ้เอกเริ่มงานของมันทันทีตอนมื้อเที่ยง ซึ่งนั่นก็เหมาะ เพราะวันนี้อาหารที่โรงเลี้ยงเป็น ข้าวต้มกับผักดอง ซึ่งน่าเบื่อและจำเจ ไม่ค่อยมีใครเข้าไปกินมากนัก แต่สำหรับไอ้หมูตอนนี้ทุกมื้อสำคัญมาก ไม่มีอาหารดีดีมารออีกแล้ว มีอะไรให้กินก็ต้องกิน
“ผัดซีอิ๊วๆ 2 ถุง บุหรี่ซอง ญาติมาค่อยเคลียร์” ไอ้เอกโฆษณาสินค้าเสียงดัง ในระหว่างที่หลายคนลงจากตึกกองงาน เพื่อไปกินข้าวเที่ยง
ในขณะนั้นเองไอ้เอกเหลือบไปเห็นเป้าหมายของมัน
“นายๆ เอาผัดซีอิ๊วไปกินถุงสิ ญาติมาค่อยเคลียร์กัน” ไอ้เอกพูดขณะวิ่งไปยัดถุงผัดซีอิ๊วใส่มือไอ้หมู
“ไม่ครับพี่ ผมไม่มีเงิน” ไอ้หมูตอบอย่างฉับไว
“ไม่เป็นไรๆ ญาติมาเมื่อไหร่ค่อยมาเคลียร์ ช่วยหน่อยๆ ของเหลือเยอะเลย” ไอ้เอกพูดเสียงดูเป็นมิตร
“เออ...แต่ไม่รู้ญาติจะมา”ไอ้หมูพูด
ยังไม่ทันจบประโยคไอ้เอกก็วิ่งไปไปเอาของที่ร้านมัน วิ่งไปยัดใส่มือคนอื่นต่อ ในใจไอ้หมูไม่อยากได้ แต่อีกใจก็บอกมันว่าไม่เป็นไรมั้ง เพราะมันก็ไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่นัก ข้าวต้มกับผักดอง เดี๋ยวพ่อแม่มันมาเยี่ยมก็ค่อยเคลียร์ อย่างที่พ่อค้าบอก
จากการที่มันติดกับรสชาติแกงซื้อ ตอนที่อยู่กับน้าพจน์ เลยทำให้มันเริ่มเข้าหาการเซ็นต์แกงมากินแทบทุกมื้อ ผ่านไปนับเดือนหนี้สินของไอ้หมูเริ่มพอกพูน จากหลักร้อย เป็นหลักพัน
“เฮ้ย...นายๆ ญาตินายไม่มาเป็นเดือนแล้ว หนี้สินก็พันกว่าแล้ว เอาไงดี” ไอ้เอกถามไอ้หมูเสียงเข้ม ขณะที่ไอ้หมูกำลังเดินลงจากตึกกองงาน
“ครับๆ พี่ เดี๋ยวผมจะเขียนจดหมายไปที่บ้าน ให้เค้ารีบมาเยี่ยมเลยครับ” ไอ้หมูตอบ เสียงแหยงๆ พร้อมหันมองหาน้าหรั่ง เพื่อจะได้ให้น้าหรั่งช่วยพูดประวิงเวลา แต่หาไม่เห็น
“แน่ใจนะ เราให้นาย 2 อาทิตย์ ถ้าญาติไม่มา รู้นะจะเจออะไร” ไอ้เอกกำชับเสียงกร้าว
“ครับๆ” ไอ้หมูตอบแล้วรีบเดินจากมาทันที
อากาศที่ว่าร้อนตอนนี้ ไม่ร้อนเท่าในใจของไอ้หมูเลย อย่างแรกที่มันต้องทำคือ เขียนจดหมายหาพ่อแม่มัน แต่มันไม่มีแม้แต่กระดาษ ไหนจะซอง และแสตมป์อีก ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายหมด มันจะไปขอจากใครดี ไอ้หมูนั่งตัดงานแบบไม่มีสมาธิเลย จนเหลือบไปเห็น น้าแมวกำลังเอากองจานไปล้าง ไอ้หมูเลยซุ่มแอบลงไปหาน้าแมวที่อ่างน้ำ แต่เหตุการณ์นี้ก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของน้าพจน์ไปได้
ไอ้หมูรู้ดีว่าสถานะของน้าแมวในบ้านไม่ใช่จะดีนัก ไม่ต่างจากเด็กรับใช้ อาจจะทำให้น้าแมวลำบากได้ แต่มันก็ไม่รู้จะไปหาอุปกรณ์เขียนจดหมายได้ที่ไหนแล้ว เพราะมันจำได้ว่าน้าแมวเคยเขียนจดหมายหาที่บ้านบ่อยๆ น่าจะหาให้มันได้สักชุด
“น้าจะลองหาให้นะ แต่ห้ามให้น้าพจน์รู้นะหมู” น้าแมวกำชับก่อนเดินกลับขึ้นไปเก็บจาน
“ครับ ๆๆ ขอบคุณครับน้า” ไอ้หมูรับคำอย่างดีใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
หลังจากไอ้หมูได้ของครบ มันก็รีบเขียนจดหมายหาพ่อแม่ให้มาเยี่ยมมันด่วน แต่ในเนื้อความจดหมายจะเขียนว่าเป็นหนี้เป็นสินไม่ได้ ไม่งั้นมันจะโดนเรียกไปสอบ พาลจะเป็นเรื่องใหญ่ เลยได้แต่บรรยายความคิดถึงพ่อแม่ บรรยายว่ามันสำนึกผิดแล้ว ถ้าออกไปจะช่วยพ่อแม่ทำงาน มันอยากเจอหน้าพ่อแม่ ให้มาเยี่ยมมันเร็วๆหน่อย
หลังจากส่งจดหมายลงตู้รับได้ 3 วันแล้ว ไอ้หมูก็จดจ่อกับการฟังเสียงประกาศรายชื่อเยี่ยมญาติอยู่ตลอด เพราะเวลาที่ไอ้เอกให้มาเริ่มจะหมดลงทุกทีแล้ว ในเวลาที่เป็นหนี้เช่นนี้ มันทำให้วันหนึ่งวัน ผ่านไปได้รวดเร็วเสียเหลือเกิน ความเครียดของไอ้หมูมากขึ้นทุกวัน สวนทางกับเวลาเส้นตายที่ไอ้เอกกำหนด
จนถึงวันสุดท้ายที่ไอ้เอกขีดเส้นตายไว้
(ติดตามต่อในตอนที่ 5/3 ครับ)
การเข้าคุกอย่างไรให้ถูกวิธีและอยู่รอดปลอดภัย ตอนที่ 5/3 หน้าอ่อน (เมียที่ไม่เต็มใจ)
จนเลยล่วงมาจน 9 โมงครึ่ง ไอ้วุธ กับ ไอ้ยา ที่มีหน้าที่เข็นรถไปเอางานใหม่กลับมา แล้วทุกคนในบ้านก็เริ่มจัดเตรียมข้าวแกงเพื่อกินอาหารเช้ากัน ไอ้หมูถูกเรียกให้มาร่วมวง
“อย่ายอมมันนะ” เสียงปริศนาดังจากทิศทางเดิม ขณะที่ไอ้หมูกำลังลุกขึ้นไปกินข้าว
ไอ้หมูหันไปทางต้นเสียงอย่างฉับไว แต่ก็เหมือนเดิม หาเจ้าของเสียงไม่ได้ ไอ้หมูได้แต่ยืนงง จนไอ้บอยตะโกนเรียกซ้ำมันจึงรีบวิ่งไป แต่ในใจยังคงสงสัยที่มาของเสียงอยู่ แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง
ขณะนั่งกินข้าวก็ยังคงคาใจ สายตามองไปที่กลุ่มที่มาของเสียงนั้น ก็ไม่มีท่าทีว่าใครจะน่าสงสัย และความหมายของ “อย่ายอมนะ” นี่ก็ยิ่งทำให้ไอ้หมูไม่เข้าใจไปใหญ่
หลังจากกินข้าวเสร็จเป็นที่เรียบร้อย น้าแมวผู้มีหน้าที่ล้างจาน ก็รวบรวมจาน ชามไปล้าง โดยที่ไอ้หมูอาสาขอไปช่วย ไอ้หมูตัดสินใจเล่าเรื่องเสียงประหลาดที่หาเจ้าของเสียงไม่ได้ให้น้าแมวฟัง น้าแมวทำหน้าอึ้งๆ และก็หัวเราะกลบเกลื่อน แล้วแกล้งอำไอ้หมูต่อว่าโดนผีหลอกแล้วมั้ง
ไอ้หมูกลับมานั่งทำงานที่เดิมได้ไม่นาน ไอ้บอยก็เรียกมันมาช่วยตรวจงานที่กำลังจะออกแทน คอยช่วยนับจำนวน ช่วยเอางานเข้ากล่อง โดยมีไอ้วุธ กับไอ้ยา คอยช่วยยกงานที่บรรจุเรียบร้อยเรียงขึ้นรถเข็น ในใจของไอ้หมูตอนนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีภาษีดีกว่าคนใหม่ คนไหนๆ ยิ่งมันหันไปมองคนใหม่ที่มาพร้อมกันที่กำลังฝึกแถวอยู่กลางสนามปูนร้อนๆ ทำให้มันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ จนลืมเรื่องเสียงปริศนาไป
พอมีงานให้ทำ มีหน้าที่รับผิดชอบ เลยทำให้หนึ่งวันเต็มๆที่แดนใหม่นี้ดูผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ไม่ทันไรก็ได้เวลาอาบน้ำ กินข้าว เตรียมตัวขึ้นนอนกันแล้ว วันนี้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นขึ้นเรือนนอนไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่นัก สามารถเอาขนม เอาของกินขึ้นไปกินได้
จริงๆแล้ว ก็ควรอนุญาตเพราะขึ้นเรือนนอนกับครบเรียบร้อยก็แค่เกือบๆ 5 โมง และยังต้องใช้เวลาบนเรือนนอนก็อีกหลายชั่วโมง แต่มื้อเย็นกินกันไปตอน 3 โมงครึ่ง 4 โมง กว่าจะเช้าก็คงหิวกัน แต่ก็อย่างว่าพอเจอเจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวด พวกคนคุกก็ขนกันเต็มที่เลย ขนของขึ้นไปกิน ขนของผิดกฎแอบยัดใส่ขนมปังบ้าง ใส่กระติกน้ำบ้าง จนบางทีก็ดูจะเกินไป
ไอ้หมูเริ่มวางใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กินอิ่ม นอนสบาย งานสบาย โดยไม่ทันระแวงอะไร ขึ้นเรือนนอนมาก็นอนดูทีวี สักพักก็ไปดูกลุ่มที่สักลายกัน พอสวดมนต์เสร็จก็มากินของว่างที่เตรียมขึ้นมา กินเสร็จก็ไปนั่งเล่นหมากรุก ช่างมีความสุขเสียจริงๆ
วันเวลาผ่านไปนับสัปดาห์ จนไอ้หมูได้จำแนกกองงานมาที่กองงานยางอย่างเต็มตัว หน้าที่หลักก็ยังเหมือนเดิมคือคอยเดินเก็บงาน ตรวจงาน และตอนนี้ก็ได้งานเพิ่มคือคอยเร่งยอด คนที่มีแน้วโน้วจะทำไม่ทันยอด
“ เอ้าๆๆ ไวไวหน่อยครับ เพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้ยอด นี่บ่ายสองแล้ว งานต้องออกครับ” ไอ้หมูเสียงดัง สั่งเร่งงาน
“ กลุ่ม 4 หัวหน้ากลุ่มช่วยดูด้วยครับ งานส่งมาต้องซ่อมเยอะเลย” ไอ้หมูตำหนิ พร้อมก้มหยิบงานที่ต้องแก้ขึ้นมาโชว์
น้าพจน์นั่งมองการทำงานของไอ้หมูเงียบๆ นึกยิ้มในใจว่า เป็นไปที่มันเดินเกมไว้ ต้องทำให้ไอ้หมูรู้สึกตัวเองมีอำนาจ และตอนนนี้ควรถึงเวลาที่มันจะเดินเกมขั้นต่อไปแล้ว ขั้นต่อไปของน้าพจน์คือ เวลานอน น้าพจน์ก็จะเริ่มเอาขาก่ายบ้าง แกล้งนอนดิ้นไปกอดไอ้หมูบ้าง เพื่อดูปฎิกิริยาว่าไอ้หมูมีท่าทีขัดขืนหรือไม่
จริงๆไอ้หมูมันก็อยากขัดขืนนั่นหล่ะ แต่มันเกรงใจและเห็นว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไร มันก็เลย ปล่อยเลยตามเลย ให้น้าพจน์นอนกอดมัน เป็นแบบนี้อยู่หลายคืน
จนกลางดึกคืนนึงน้าพจน์เริ่มได้ใจ และกำลังจะรุกเกมขั้นต่อไป น้าพจน์กอดไอ้หมูเหมือนเดิม แต่คราวนี้น้าพจน์แนบตัวไอ้หมู แนบเอาอวัยะเพศของมัน ให้ตรงก้นของไอ้หมูเลยทีเดียว ไอ้หมูรู้สึกตัวสะดุ้งตื่น มันไม่ได้ไร้เดียงสาจนขนาดไม่รู้ว่าน้าพจน์กำลังจะทำอะไร
“เฮ้ย!! น้าพจน์จะทำไรผมหน่ะ” ไอ้หมูพูดพร้อมลุกพรวดขึ้นนั่ง
“หมูจะเสียงดังทำไม ช่วยน้าหน่อยไม่ได้หรอ น้ามีอารมณ์หน่ะ นะไม่มีใครรู้หรอก” น้าพจน์พูดเสียงเรียบๆแต่แข็งกร้าว
“ผมไปนอนหน้าบล็อกดีกว่าครับ” ไอ้หมูพูด พร้อมลุกเดินตรงไปหลังห้อง
น้าพจน์นั่งมองแล้วแอบยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน แต่ในหัวคิดขั้นตอนเดิมๆ ที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วนับต่อนับ ไอ้หมูไม่ใช่คนแรกที่แสดงกิริยาแบบนี้ใส่น้าพจน์ ทั้งหมดนี้มันเป็นไปตามที่น้าพจน์คาดการณ์ไว้ ยังไม่มีอะไรนอกเหนือการควบคุม !!
ส่วนทางด้านไอ้หมู ถึงตัวจะนอนแต่ใจของมันคิดสับสนมากมาย เริ่มคิดว่าสิ่งต่างๆที่มันเข้าใจว่าโชคดีนั้น มันไม่ใช่แล้ว ผลของความโชคดีที่มันเข้าใจ กำลังเริ่มกลับมาคิดค่าบริการกับมันแล้ว
แล้วมันก็เริ่มคิดว่าคงต้องออกจากบ้านน้าพจน์นี้แล้ว เริ่มวางแผนให้กับตัวเอง ว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ในคุกนี้ได้ด้วยตัวมันเอง คิดๆๆๆ จนมันเผลอหลับไป หารู้ไม่ว่า ยังมีสิ่งที่น้าพจน์กำลังจะดำเนินการต่อ มันลงทุนไปเยอะแล้วคงไม่ยอมให้ไอ้หมูจากมันไปอย่างง่ายๆแน่นอน
เช้านี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม ไอ้หมูต้องไปต่อแถวอาบน้ำรวมกับคนคุกอื่นๆ เข้าแถวกินข้าวเช้าตามเวลา ไอ้หมูชินกับแกงซื้อซะแล้ว เลยทำให้มื้อนี้ไอ้หมูกินได้ไม่มากเลย พอเข้ากองงานก็ไม่ได้มีหน้าที่เหมือนเดิมแล้ว ต้องลงไปนั่งตัดงานทำยอดเหมือนคนอื่นๆ
“ให้ไวๆ ก่อนเที่ยงตรวจงานรอบแรกนะ ใครไม่ได้ครึ่งยอด โดนซ่อมนะครับ” ไอ้ยาพูดเสียงดัง
เกมการบีบเริ่มขึ้นแล้ว ไอ้หมูถูกซ่อมด้วยการลุกนั่งทุกวัน วันนึงนับร้อยครั้ง ตามจำนวนยอดที่ทำไม่ทัน ไหนจะโดนแกล้งส่งงานยากๆให้ทำ หากทำเสียก็โดนซ่อมอีก ขึ้นห้องก็ต้องนอนหน้าบล็อค ร้อนก็ร้อนพัดลมเพดานไปไม่ถึง กลิ่นห้องน้ำก็คละคลุ้งเข้าจมูกตลอด หลับๆตื่นๆ นอนไม่สบายเหมือนก่อน ในความคิดตอนนี้ไอ้หมูคิดถึงพ่อและแม่เหลือเกิน ได้แต่ให้กำลังตัวเองว่า คนอื่นอยู่ได้ มันก็ต้องอยู่ได้
เกมการบีบของน้าพจน์เริ่มหนักข้อขึ้น น้าพจน์ส่งไอ้บอยไปคุยกับพ่อค้าเถื่อนในแดน ที่ตั้งร้านเถื่อนอยู่ใต้บันไดตึกกองงาน ไอ้บอยมองเห็นเจ้าของร้านก็เดินตรงเข้าไปหาทันที ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้หรั่งคอลายนั่นเอง
“น้าหรั่งๆ ขอคุยอะไรด้วยครับ” ไอ้บอยพูด ขณะเดินเข้าไปหน้าร้าน
“ว่าไงบอย มีไรกับน้าหรอ” เสียงต่ำๆของไอ้หรั่งถาม
“มาคุยตรงนี้ได้ไหมครับน้า” ไอ้บอยพูดพร้อมจูงมือไอ้หรั่งออกมาจากบริเวณ
ทั้งสองคนคุยซุบซิบๆ ถึงแผนการณ์ที่น้าพจน์บอกไอ้บอยมา สักพักนึง ไอ้หรั่งก็เดินกลับมานั่งที่เดิม และเอานิ้วชี้ขวามาคลึงที่จมูก แล้วก็ถอนหายใจเฮือกเล็กๆ
“ เอกๆๆ มาหาน้าหน่อย” ไอ้หรั่ง ตะโกนเรียก ลูกน้องคนสนิท
ไอ้เอก ชายร่างใหญ่ ดูกำยำแข็งแรง อายุราวๆ 30 ปี นอกจากลายสักที่เต็มจนล้นแขนล้นขาแล้ว ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมันอีกอย่างคือ มันสักหนังตาบนทั้ง 2 ข้างเป็นรูปเปลวไฟ จนใครๆต้องเรียกมันว่า “เอกตาไฟ” ไอ้เอกหนึ่งในนักทำรอบ เข้านอกคุกมากกว่าอยู่ข้างนอกเสียอีก ไอ้เอกกับไอ้หรั่งสนิทกันเหมือนคนในครอบครัว รู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี เพราะเจอกันในคุกมาหลายรอบแล้ว ไอ้เอกคือคนที่ไอ้หรั่งไว้ใจมอบมรดกร้านเถื่อนของมันให้ ตอนที่ปล่อยไปรอบที่แล้ว
ระหว่างที่กำลังฟังคำอธิบายจากไอ้หรั่ง ไอ้เอกนั่งพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจ และเข้าใจลึกเข้าไปถึงที่ว่า งานนี้มันต้องเป็นคนจัดการเอง เพราะน้าหรั่งมันรู้จักกับไอ้หมู เลยออกจะกระดากหากน้าหรั่งจะเป็นคนจัดการ แต่เมื่อมีรายได้เข้ามาเกี่ยว ไอ้หรั่งมีหรือจะปล่อยให้หลุดมือไป ต้องสนใจทำไมกับคนๆนึงที่เพิ่งจะรู้จักกัน
ไอ้เอกเริ่มงานของมันทันทีตอนมื้อเที่ยง ซึ่งนั่นก็เหมาะ เพราะวันนี้อาหารที่โรงเลี้ยงเป็น ข้าวต้มกับผักดอง ซึ่งน่าเบื่อและจำเจ ไม่ค่อยมีใครเข้าไปกินมากนัก แต่สำหรับไอ้หมูตอนนี้ทุกมื้อสำคัญมาก ไม่มีอาหารดีดีมารออีกแล้ว มีอะไรให้กินก็ต้องกิน
“ผัดซีอิ๊วๆ 2 ถุง บุหรี่ซอง ญาติมาค่อยเคลียร์” ไอ้เอกโฆษณาสินค้าเสียงดัง ในระหว่างที่หลายคนลงจากตึกกองงาน เพื่อไปกินข้าวเที่ยง
ในขณะนั้นเองไอ้เอกเหลือบไปเห็นเป้าหมายของมัน
“นายๆ เอาผัดซีอิ๊วไปกินถุงสิ ญาติมาค่อยเคลียร์กัน” ไอ้เอกพูดขณะวิ่งไปยัดถุงผัดซีอิ๊วใส่มือไอ้หมู
“ไม่ครับพี่ ผมไม่มีเงิน” ไอ้หมูตอบอย่างฉับไว
“ไม่เป็นไรๆ ญาติมาเมื่อไหร่ค่อยมาเคลียร์ ช่วยหน่อยๆ ของเหลือเยอะเลย” ไอ้เอกพูดเสียงดูเป็นมิตร
“เออ...แต่ไม่รู้ญาติจะมา”ไอ้หมูพูด
ยังไม่ทันจบประโยคไอ้เอกก็วิ่งไปไปเอาของที่ร้านมัน วิ่งไปยัดใส่มือคนอื่นต่อ ในใจไอ้หมูไม่อยากได้ แต่อีกใจก็บอกมันว่าไม่เป็นไรมั้ง เพราะมันก็ไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่นัก ข้าวต้มกับผักดอง เดี๋ยวพ่อแม่มันมาเยี่ยมก็ค่อยเคลียร์ อย่างที่พ่อค้าบอก
จากการที่มันติดกับรสชาติแกงซื้อ ตอนที่อยู่กับน้าพจน์ เลยทำให้มันเริ่มเข้าหาการเซ็นต์แกงมากินแทบทุกมื้อ ผ่านไปนับเดือนหนี้สินของไอ้หมูเริ่มพอกพูน จากหลักร้อย เป็นหลักพัน
“เฮ้ย...นายๆ ญาตินายไม่มาเป็นเดือนแล้ว หนี้สินก็พันกว่าแล้ว เอาไงดี” ไอ้เอกถามไอ้หมูเสียงเข้ม ขณะที่ไอ้หมูกำลังเดินลงจากตึกกองงาน
“ครับๆ พี่ เดี๋ยวผมจะเขียนจดหมายไปที่บ้าน ให้เค้ารีบมาเยี่ยมเลยครับ” ไอ้หมูตอบ เสียงแหยงๆ พร้อมหันมองหาน้าหรั่ง เพื่อจะได้ให้น้าหรั่งช่วยพูดประวิงเวลา แต่หาไม่เห็น
“แน่ใจนะ เราให้นาย 2 อาทิตย์ ถ้าญาติไม่มา รู้นะจะเจออะไร” ไอ้เอกกำชับเสียงกร้าว
“ครับๆ” ไอ้หมูตอบแล้วรีบเดินจากมาทันที
อากาศที่ว่าร้อนตอนนี้ ไม่ร้อนเท่าในใจของไอ้หมูเลย อย่างแรกที่มันต้องทำคือ เขียนจดหมายหาพ่อแม่มัน แต่มันไม่มีแม้แต่กระดาษ ไหนจะซอง และแสตมป์อีก ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายหมด มันจะไปขอจากใครดี ไอ้หมูนั่งตัดงานแบบไม่มีสมาธิเลย จนเหลือบไปเห็น น้าแมวกำลังเอากองจานไปล้าง ไอ้หมูเลยซุ่มแอบลงไปหาน้าแมวที่อ่างน้ำ แต่เหตุการณ์นี้ก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของน้าพจน์ไปได้
ไอ้หมูรู้ดีว่าสถานะของน้าแมวในบ้านไม่ใช่จะดีนัก ไม่ต่างจากเด็กรับใช้ อาจจะทำให้น้าแมวลำบากได้ แต่มันก็ไม่รู้จะไปหาอุปกรณ์เขียนจดหมายได้ที่ไหนแล้ว เพราะมันจำได้ว่าน้าแมวเคยเขียนจดหมายหาที่บ้านบ่อยๆ น่าจะหาให้มันได้สักชุด
“น้าจะลองหาให้นะ แต่ห้ามให้น้าพจน์รู้นะหมู” น้าแมวกำชับก่อนเดินกลับขึ้นไปเก็บจาน
“ครับ ๆๆ ขอบคุณครับน้า” ไอ้หมูรับคำอย่างดีใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
หลังจากไอ้หมูได้ของครบ มันก็รีบเขียนจดหมายหาพ่อแม่ให้มาเยี่ยมมันด่วน แต่ในเนื้อความจดหมายจะเขียนว่าเป็นหนี้เป็นสินไม่ได้ ไม่งั้นมันจะโดนเรียกไปสอบ พาลจะเป็นเรื่องใหญ่ เลยได้แต่บรรยายความคิดถึงพ่อแม่ บรรยายว่ามันสำนึกผิดแล้ว ถ้าออกไปจะช่วยพ่อแม่ทำงาน มันอยากเจอหน้าพ่อแม่ ให้มาเยี่ยมมันเร็วๆหน่อย
หลังจากส่งจดหมายลงตู้รับได้ 3 วันแล้ว ไอ้หมูก็จดจ่อกับการฟังเสียงประกาศรายชื่อเยี่ยมญาติอยู่ตลอด เพราะเวลาที่ไอ้เอกให้มาเริ่มจะหมดลงทุกทีแล้ว ในเวลาที่เป็นหนี้เช่นนี้ มันทำให้วันหนึ่งวัน ผ่านไปได้รวดเร็วเสียเหลือเกิน ความเครียดของไอ้หมูมากขึ้นทุกวัน สวนทางกับเวลาเส้นตายที่ไอ้เอกกำหนด
จนถึงวันสุดท้ายที่ไอ้เอกขีดเส้นตายไว้
(ติดตามต่อในตอนที่ 5/3 ครับ)