วันอาทิตย์ 13.05 น.
เมฆดำกลุ่มก้อนใหญ่ คืบคลานปกคลุมทั่วบริเวณเรือนจำ มันมาพร้อมกับเสียงคำราม ครืน ครืน ที่ดัง กึกก้อง และลมที่พัด กระโชกแรง เหมือนประหนึ่งว่า ฟ้าจะถล่มรั่วลงมาเสียให้ได้ นี่คงจะเป็นฝนแรกในรอบปี หลังจากผ่านอากาศที่ร้อนอบอ้าว มาหลายเดือน
ท่ามกลางความวุ่นวายของฟ้าฝนนั่นเอง ที่ลานหน้าโรงเลี้ยง บริเวณที่ใช้เข้าแถวรอกินข้าว
มีกลุ่มนักโทษ 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 กว่าคน ยืนประจันหน้ากัน หน้าตาท่าทางของแต่ละคนขตึง ในมือของทุกคนมีอาวุธหลากหลาย ทั้งเหล็กแหลม ท่อนเหล็ก ท่อนไม้ ตามถนัดมือ และตามที่พอจะหาได้ในเรือนจำ
ทั้ง 2 ฝ่าย ยืนท่าทางเตรียมพร้อม รอเพียงสัญญาณจากพ่อบ้าน ที่อยู่ด้านหน้า
ไอ้หรั่งคอลาย ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่ม แสดงให้รู้ฐานะของมัน ทันทีที่มันย้ายแดนมาอยู่แดนคดีทั่วไป มันก็กลับมารับตำแหน่งพ่อบ้านเดิมที่เคยฝากให้ ไอ้เอกตาไฟ ลูกน้องคนสำคัญดูแลแทน
ไอ้หรั่ง ยืนจังก้า โดยที่มือทั้ง 2 ข้าง กำเหล็กปลายแหลมยาว พ้นมือกำ มาเกือบๆ 3 นิ้ว เห็นจะได้ และเหล็กแหลมนั้น ยังถูกพันให้ติดมือด้วยเศษผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กแหลมหลุดออกจากมือ เพราะหากพลาดเพียงไม่กี่วินาที นั่นหมายถึงชีวิต เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของมัน มันผ่านเรื่องแบบนี้มานักต่อนักแล้ว
“ขอให้ผู้ต้องขัง บริเวณหน้าโรงเลี้ยง วางอาวุธ และนอนราบลงกับพื้น เอามือวางบนท้าทอย ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้นั่งลงและอยู่ในความสงบ” เสียงประกาศดังจากที่ทำการแดน
ไอ้หรั่งใช้หางตา ชำเลืองไปทางที่ทำการแดน
“เปาะ แปะ ๆ” เสียงเม็ดฝนที่ตกเริ่ม ที่กระทบกับหลังคากระเบื้อง ถี่ขึ้นๆ
“ฮืดดดดด ฮืออออ” เสียงลากลมหายใจเข้าออกแรงๆของ ไอ้หรั่ง
“ ลุยโว้ย!!” ไอ้หรั่งตะโกน ให้สัญญาณ พร้อมกับวิ่งและกำเหล็กแน่น เข้าหากลุ่มนักโทษอีกกลุ่มทันที พวกมันที่ด้านหลังก็วิ่งกรูตามกันไป
พร้อมกันนั้นฝนก็เริ่มลงเม็ดใหญ่ หนักขึ้น ไปทั่วบริเวณ....
48 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
วันศุกร์ เวลา 13.05 น.
หลังจากหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว นักโทษก็เริ่มทยอยเดินกลับเข้ากองงานตามที่ตนสังกัด
ที่ใต้บันได หน้าตึกกองงาน ที่ๆร้านค้าย่อมๆ ของไอ้หรั่ง
“ มาๆ เอาขนมเขนิม ไปกินบนกองงานกัน บ่ายแล้ว ถุงละ 20 ไปเลย” ไอ้เอกตาไฟร้องเรียกลูกค้า มือพลางโบกกวัก กลุ่มคนที่กำลังเดินขึ้นกองงาน
“ บิลผมเท่าไหร่แล้วพี่ “ ชายร่างเล็กหนึ่งในลูกค้า ถามไอ้เอก
“ อ่อ อุทิศ เดี๋ยวพี่ดูบัญชี นิดนึง” ไอ้เอกพูดพลาง กลางสมุดรายชื่อลูกค้า
“ นี่ไงๆ 260 เอง เอาไปๆ อีก 2 ถุง 300 พอดี ญาติมาค่อยเคลียร์”ไอ้เอกพูด พร้อมส่งขนมเต้าส่วน และบัวลอย ให้ลูกค้า
ที่ใกล้ๆกันนั่นเอง ไอ้หรั่งนั่งถอดเสื้อหลังพิงเสา มือเปิดสมุดรายชื่อลูกค้า ไล่ดูรายชื่อลูกค้าที่เก็บเงินไม่ได้ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้ววางสมุดลง พร้อมถอนหายใจเบาๆ
ไอ้หรั่งลุกขึ้นยืน พร้อมเอานิ้วชี้ขึ้นมาคลึงวนที่ปลายจมูกตัวเอง สายตามองไปทางไอ้เอก ที่กำลังขมักเขม่นขายของให้ได้มากที่สุด เพราะเวลาก็เคลื่อนมาถึงบ่ายแล้ว แต่ของที่รับมาขาย ยังเต็มตะกร้าอยู่เลย
แล้วมันก็เปลี่ยนเป้าสายตาออกไปทางหน้าที่ทำการแดน หวังในใจลึกๆ ให้เสียงประกาศเรียกรายชื่อญาติมาขอเยี่ยมในรอบบ่ายนี้ มีชื่อลูกหนี้ของมัน สักคน สองคนก็ยังดี ให้พอได้มีเงินมาหมุนหน่อย
การจะเป็นพ่อค้าในคุก ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ลงทุนกาแฟ 1 ถุง ครีมเทียม 1 ถุง น้ำตาลอีก 1 ถุง ก็เริ่มเปิดร้านกาแฟได้แล้ว แต่ที่ยากคือการอยู่ให้รอด ที่สำคัญคือเรื่องการตามเก็บเงินลูกหนี้ให้ได้ และมีเงินหมุนพอ
การซื้อขายกันเองในนี้ จะเป็นแบบการกินก่อน แล้วจ่ายทีหลัง จึงเกิดปัญหาการเก็บหนี้ไม่ได้ ทำให้พ่อค้ามือใหม่ หลายๆราย เปิดได้ไม่นาน แล้วก็ต้องปิดไป
แต่กับไอ้หรั่งผู้ช่ำชองระบบคุกเป็นอย่างดี ค้าขายอยู่ในคุก จนเรียกได้ว่ามืออาชีพ เข้าคุกที่ไหน รอบที่เท่าไหร่ ก็ยึดอาชีพพ่อค้ามาตลอด หาเงินได้มากกว่าตอนที่อยู่ข้างนอกเสียอีก บางรอบที่ปล่อยตัวออกไป มีเงินเก็บออกไปครึ่งแสนก็มีมาแล้ว
การทำงานของมันจะมีขั้นตอนที่คล้ายกัน ในทุกๆรอบ มันจะเริ่มจากวันแรกที่เข้ามาเลยทีเดียว เริ่มจากการสังเกตดูตั้งแต่ตอนที่อยู่แดนแรกรับเลย ดูๆเอาว่าใครที่ญาติมาเยี่ยมบ่อยๆ และเป็นคนที่ติดคุกรอบแรก เพราะยังไม่ค่อยรู้เหลี่ยมคุกดี
เมื่อได้เป้าหมายที่ต้องการ มันก็จะเริ่มเข้าไปตีสนิท ช่วยเหลือดูแล และชักชวนให้มาอยู่บ้านเดียวกัน โดยบ่อยครั้ง ขั้นตอนแรกนี้ก็มักจะสำเร็จด้วยดี เพราะคนไม่เคยเข้าคุก พอมาเจอเอกลักษณ์ ลายสักเต็มตัวจนถึงคอ ที่การันตีได้เลยว่า ช่ำชองคุก และบุคลิกขรึมๆ ไม่ว่อกแว่ก ดูน่าเชื่อถือ ทำให้เป้าหมายมั่นใจว่า ไอ้หรั่งคงจะทำให้เค้าอยู่ในคุกได้อย่างไม่ลำบากแน่นอน
การเข้าคุกอย่างไร ให้ถูกวิธี และอยู่รอดปลอดภัย ตอนที่ 7 พ่อค้า ซามูไร สงครามแก๊งค์ ( คุกคือที่ทำกิน ) 1
เมฆดำกลุ่มก้อนใหญ่ คืบคลานปกคลุมทั่วบริเวณเรือนจำ มันมาพร้อมกับเสียงคำราม ครืน ครืน ที่ดัง กึกก้อง และลมที่พัด กระโชกแรง เหมือนประหนึ่งว่า ฟ้าจะถล่มรั่วลงมาเสียให้ได้ นี่คงจะเป็นฝนแรกในรอบปี หลังจากผ่านอากาศที่ร้อนอบอ้าว มาหลายเดือน
ท่ามกลางความวุ่นวายของฟ้าฝนนั่นเอง ที่ลานหน้าโรงเลี้ยง บริเวณที่ใช้เข้าแถวรอกินข้าว
มีกลุ่มนักโทษ 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 กว่าคน ยืนประจันหน้ากัน หน้าตาท่าทางของแต่ละคนขตึง ในมือของทุกคนมีอาวุธหลากหลาย ทั้งเหล็กแหลม ท่อนเหล็ก ท่อนไม้ ตามถนัดมือ และตามที่พอจะหาได้ในเรือนจำ
ทั้ง 2 ฝ่าย ยืนท่าทางเตรียมพร้อม รอเพียงสัญญาณจากพ่อบ้าน ที่อยู่ด้านหน้า
ไอ้หรั่งคอลาย ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่ม แสดงให้รู้ฐานะของมัน ทันทีที่มันย้ายแดนมาอยู่แดนคดีทั่วไป มันก็กลับมารับตำแหน่งพ่อบ้านเดิมที่เคยฝากให้ ไอ้เอกตาไฟ ลูกน้องคนสำคัญดูแลแทน
ไอ้หรั่ง ยืนจังก้า โดยที่มือทั้ง 2 ข้าง กำเหล็กปลายแหลมยาว พ้นมือกำ มาเกือบๆ 3 นิ้ว เห็นจะได้ และเหล็กแหลมนั้น ยังถูกพันให้ติดมือด้วยเศษผ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กแหลมหลุดออกจากมือ เพราะหากพลาดเพียงไม่กี่วินาที นั่นหมายถึงชีวิต เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของมัน มันผ่านเรื่องแบบนี้มานักต่อนักแล้ว
“ขอให้ผู้ต้องขัง บริเวณหน้าโรงเลี้ยง วางอาวุธ และนอนราบลงกับพื้น เอามือวางบนท้าทอย ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้นั่งลงและอยู่ในความสงบ” เสียงประกาศดังจากที่ทำการแดน
ไอ้หรั่งใช้หางตา ชำเลืองไปทางที่ทำการแดน
“เปาะ แปะ ๆ” เสียงเม็ดฝนที่ตกเริ่ม ที่กระทบกับหลังคากระเบื้อง ถี่ขึ้นๆ
“ฮืดดดดด ฮืออออ” เสียงลากลมหายใจเข้าออกแรงๆของ ไอ้หรั่ง
“ ลุยโว้ย!!” ไอ้หรั่งตะโกน ให้สัญญาณ พร้อมกับวิ่งและกำเหล็กแน่น เข้าหากลุ่มนักโทษอีกกลุ่มทันที พวกมันที่ด้านหลังก็วิ่งกรูตามกันไป
พร้อมกันนั้นฝนก็เริ่มลงเม็ดใหญ่ หนักขึ้น ไปทั่วบริเวณ....
48 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
วันศุกร์ เวลา 13.05 น.
หลังจากหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว นักโทษก็เริ่มทยอยเดินกลับเข้ากองงานตามที่ตนสังกัด
ที่ใต้บันได หน้าตึกกองงาน ที่ๆร้านค้าย่อมๆ ของไอ้หรั่ง
“ มาๆ เอาขนมเขนิม ไปกินบนกองงานกัน บ่ายแล้ว ถุงละ 20 ไปเลย” ไอ้เอกตาไฟร้องเรียกลูกค้า มือพลางโบกกวัก กลุ่มคนที่กำลังเดินขึ้นกองงาน
“ บิลผมเท่าไหร่แล้วพี่ “ ชายร่างเล็กหนึ่งในลูกค้า ถามไอ้เอก
“ อ่อ อุทิศ เดี๋ยวพี่ดูบัญชี นิดนึง” ไอ้เอกพูดพลาง กลางสมุดรายชื่อลูกค้า
“ นี่ไงๆ 260 เอง เอาไปๆ อีก 2 ถุง 300 พอดี ญาติมาค่อยเคลียร์”ไอ้เอกพูด พร้อมส่งขนมเต้าส่วน และบัวลอย ให้ลูกค้า
ที่ใกล้ๆกันนั่นเอง ไอ้หรั่งนั่งถอดเสื้อหลังพิงเสา มือเปิดสมุดรายชื่อลูกค้า ไล่ดูรายชื่อลูกค้าที่เก็บเงินไม่ได้ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้ววางสมุดลง พร้อมถอนหายใจเบาๆ
ไอ้หรั่งลุกขึ้นยืน พร้อมเอานิ้วชี้ขึ้นมาคลึงวนที่ปลายจมูกตัวเอง สายตามองไปทางไอ้เอก ที่กำลังขมักเขม่นขายของให้ได้มากที่สุด เพราะเวลาก็เคลื่อนมาถึงบ่ายแล้ว แต่ของที่รับมาขาย ยังเต็มตะกร้าอยู่เลย
แล้วมันก็เปลี่ยนเป้าสายตาออกไปทางหน้าที่ทำการแดน หวังในใจลึกๆ ให้เสียงประกาศเรียกรายชื่อญาติมาขอเยี่ยมในรอบบ่ายนี้ มีชื่อลูกหนี้ของมัน สักคน สองคนก็ยังดี ให้พอได้มีเงินมาหมุนหน่อย
การจะเป็นพ่อค้าในคุก ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ลงทุนกาแฟ 1 ถุง ครีมเทียม 1 ถุง น้ำตาลอีก 1 ถุง ก็เริ่มเปิดร้านกาแฟได้แล้ว แต่ที่ยากคือการอยู่ให้รอด ที่สำคัญคือเรื่องการตามเก็บเงินลูกหนี้ให้ได้ และมีเงินหมุนพอ
การซื้อขายกันเองในนี้ จะเป็นแบบการกินก่อน แล้วจ่ายทีหลัง จึงเกิดปัญหาการเก็บหนี้ไม่ได้ ทำให้พ่อค้ามือใหม่ หลายๆราย เปิดได้ไม่นาน แล้วก็ต้องปิดไป
แต่กับไอ้หรั่งผู้ช่ำชองระบบคุกเป็นอย่างดี ค้าขายอยู่ในคุก จนเรียกได้ว่ามืออาชีพ เข้าคุกที่ไหน รอบที่เท่าไหร่ ก็ยึดอาชีพพ่อค้ามาตลอด หาเงินได้มากกว่าตอนที่อยู่ข้างนอกเสียอีก บางรอบที่ปล่อยตัวออกไป มีเงินเก็บออกไปครึ่งแสนก็มีมาแล้ว
การทำงานของมันจะมีขั้นตอนที่คล้ายกัน ในทุกๆรอบ มันจะเริ่มจากวันแรกที่เข้ามาเลยทีเดียว เริ่มจากการสังเกตดูตั้งแต่ตอนที่อยู่แดนแรกรับเลย ดูๆเอาว่าใครที่ญาติมาเยี่ยมบ่อยๆ และเป็นคนที่ติดคุกรอบแรก เพราะยังไม่ค่อยรู้เหลี่ยมคุกดี
เมื่อได้เป้าหมายที่ต้องการ มันก็จะเริ่มเข้าไปตีสนิท ช่วยเหลือดูแล และชักชวนให้มาอยู่บ้านเดียวกัน โดยบ่อยครั้ง ขั้นตอนแรกนี้ก็มักจะสำเร็จด้วยดี เพราะคนไม่เคยเข้าคุก พอมาเจอเอกลักษณ์ ลายสักเต็มตัวจนถึงคอ ที่การันตีได้เลยว่า ช่ำชองคุก และบุคลิกขรึมๆ ไม่ว่อกแว่ก ดูน่าเชื่อถือ ทำให้เป้าหมายมั่นใจว่า ไอ้หรั่งคงจะทำให้เค้าอยู่ในคุกได้อย่างไม่ลำบากแน่นอน