การเข้าคุกอย่างไร ให้ถูกวิธี และอยู่รอดปลอดภัย ตอนที่ 7 พ่อค้า ซามูไร สงครามแก๊งค์ ( คุกคือที่ทำกิน ) 7/2

จึงเกิดการร่วมลงทุน หรือจะพูดให้ถูกคือ ได้นักลงทุนมาลงทุนให้ธุรกิจของมัน โดยมันจะออกแรงกาย แรงสมอง โดยไม่ต้องใช้เงิน  โดยมันจะเริ่มสร้างฝันบวกปั่นประสาท ให้เหยื่อของมัน  
“เอ็งอยู่กับน้า ไม่ต้องกลัวใคร ยิ่งถ้าเราเป็นพ่อค้าด้วยนะ มีแต่คนจะต้องกลัวเรา” ไอ้หรั่งพูดพลางตบไหล่เบาๆ  
“ครับ น้า ผมไม่เคยติดคุก แถมยังเป็นเด็กบ้านนอกอีก ซวยจริงๆติดคุกครั้งแรกดันมาติดไกลบ้านอีก” ไอ้แก้ว ตอบพลางส่ายหัว ทำหน้าเซ็ง   
  ไอ้แก้วเด็กหนุ่มหน้าตาดี อายุ 20 ต้นๆ เดินทางจากภาคอีสาน เข้ามาเรียนมหาลัยในกรุงเทพ ที่ดันพลาดพลั้งมือเอาไม้เบสบอลตีชายชู้ของแฟนสาวมหาลัยเดียว ตายคาห้องของมันเอง ในตอนนที่มันจับได้อย่างคาเตียง คาตา มันจึงต้องเข้าเรือนจำด้วยข้อหาเจตนาฆ่า  
  จริงๆฐานะทางบ้านของมันก็ไม่ได้ธรรมดา พ่อเป็นถึง ผอ.โรงเรียนระดับอำเภอ แม่ก็มีรายได้หลักจากการปล่อยเงินกู้ให้แม่ค้าในตลาด  แต่ที่มันไม่ได้ประกันเพราะชายชู้ที่มันตีตายดันเป็นลูกตำรวจยศใหญ่ เลยถูกคัดค้านการประกันตัวอย่างขันแข็ง   
      ไอ้แก้วเป็นผู้ร่วมธุรกิจชั้นดีของไอ้หรั่ง เพราะทุกครั้งที่ไอ้หรั่งร้องขอเงินทุนเพิ่ม   ไอ้แก้วก็จะไม่อิดออด ขอเงินจากทางบ้านมาให้ได้ตามที่ไอ้หรั่งต้องการ  
      โครงสร้างภายในบ้านของไอ้หรั่ง ซึ่งก็จะไม่ค่อยแตกต่างจากบ้านพ่อค้าอื่นๆสักเท่าไหร่ ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง เริ่มจากพ่อบ้าน ก็คือไอ้หรั่งเอง หน้าที่หลักเลยคือบริหาร ดูแลทั้งกิจการและเด็กในบ้านทุกคน  เด็กในบ้านเองก็จะมีระดับไล่กันลงไป รองจากไอ้หรั่งก็จะเป็นไอ้เอกตาไฟ ชายร่างใหญ่ วัยราวๆ 30 ลายสักเต็มตัวไม่แพ้ไอ้หรั่ง แต่เอกลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนจำได้ จนได้เป็นชื่อสร้อยหลังชื่อเอกของมัน  คือหนังตาด้านบนทั้ง 2 ข้าง จะมีรอยสักเปลวไฟสีแดงสด  หน้าที่หลักๆเลยของไอ้เอกก็จะเป็นคนขายของ หาลูกค้า และคอยตามเก็บหนี้   
   คนต่อมาก็จะเป็นอาจารย์เหน่ง ชายร่างผอมเกร็ง ไม่สูง ไม่เตี้ย ดูสมส่วน ลายสักก็เต็มตัว อายุราวๆ 40 ต้น ๆ แต่อาจารย์เหน่งจะไม่สักเลยออกมานอกร่มผ้า เรียกได้ว่าถามใส่เสื้อก็แทบจะไม่เห็นรอยสักเลย    หน้าที่หลักของอาจารย์เอกคือจะช่วยหารายได้เข้าบ้านด้วยฝีมือการสัก  อาจารย์เหน่งก็เป็นหนึ่งในผู้วนเวียนเข้าออกคุกมาตลอด ตั้งแต่วัยรุ่นที่เริ่มใช้ชีวิตเกเร   
    ต่อมาก็ไอ้แก้ว  ฐานะนายทุนหลัก มีหน้าที่หลักคือ เอทีเอ็มของไอ้หรั่ง แล้วก็จะคอยเดินตามไอ้เอกหรืออาจารย์เหน่งเวลาไปเก็บหนี้  ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ไอ้แก้วชอบมาก เพราะมันจะดูหน้าเกรงขาม เดินตัวพอง ไม่เกรงกลัวทุกสายตา  
    ต่อมาจะเป็น ไอ้กบ ชายหนุ่ม ร่างตันมะขามข้อเดียว อายุ 20กลางๆ   รอยสักประปรายตามตัว ไอ้กบเป็นคนเงียบๆ พูดจาสุภาพ ลงท้ายคำพูดด้วยครับทุกคำ     ไอ้กบมีหน้าที่หลักคือ “แทง” ใช่ครับ “แทง”  เอาเหล็กแหลมแทงคอ หรือแทงตามตัวตามคำสั่งว่าให้หวังผลถึงชีวิต หรือแค่ให้นอนแดนพยาบาลสักอาทิตย์ สองอาทิตย์  ไอ้กบคือ”ซามูไร”ประจำบ้าน  และมันก็พร้อมจะรับงานแทงใครก็ตามที่มีคนจ้างจากที่อื่นด้วย  
   ไอ้กบเข้าคุกด้วยคดีฆ่า มันฆ่าผัวเมียคู่นึงที่หลอกเอาที่ของพ่อมันไปจำนองแล้วโกง จนพ่อของไอ้กบต้องคิดสั้นผูกคอตาย จากวันนั้นเองไอ้กบก็กลายเป็นคนเงียบๆ ประหยัดคำพูด มองชีวิตตัวเองคงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว   
    คนสุดท้ายคือ ไอ้นพ ชายร่างเล็ก ผิวออกขาวเหลือง อายุ 40 ต้นๆ   ไอ้นพนี่ถ้านับรอบการเข้าออกคุกแล้ว มันก็ไม่ได้เป็นรองใครเลย แต่ไอ้นพมันจะมารอบสั้นๆ ด้วยคดีลักเล็กโขมยน้อย มาทีก็ เดือน สองเดือน หรือหนักสุดก็ 9 เดือน  
“ ไอ้นพ  ไอ้นพ ไปเก็บผ้าได้แล้วมั้ง บ่ายสองกว่าแล้ว  เดี๋ยวพวกกองงานมันเลิกมา ก็วุ่นวาย ผ้าหาย เสื้อหายอีก ให้ไวเลย“ ไอ้หรั่ง  พูดเสียงแหบต่ำ โทนเรียบๆแต่มีความดุอยู่ในที 
“ครับพี่ๆ” ไอ้นพพูดพลางลุกพรวด จากงานพับถุงกระดาษตรงหน้า 
   ใช่ครับ ไอ้นพหน้าที่หลักของมันคือ ซักผ้า,เก็บผ้า,ล้างจาน และอีกหลายๆอย่างที่คนในบ้านจะให้มันทำ  
“น้าหรั่งครับ น้านพนี่ข้างนอกเค้าอยู่แถวบ้านน้าหรั่งหรอ เค้าเคยเล่าให้ผมฟัง ว่าข้างนอกรู้จักกับน้าหรั่งมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้ว” ไอ้แก้วถามพร้อมเก็บกองกระดาษ ที่มันพับเสร็จแล้ว 
“อืม ใช่ ไอ้นพกับน้ารู้จักกันนานแล้ว เห็นกันตั้งแต่รุ่นๆแล้ว แต่ข้างนอกไม่ได้สัมผัสอะไรกันมาก มาเจอกันข้างในซะมากกว่า”  ไอ้หรั่งตอบเสียงเรียบๆ  
“แล้วข้างนอกเค้าทำงานอะไรอ่ะน้า”ไอ้แก้วถามด้วยสีหน้าสงสัย 
“มันจะทำอะไร มันก็หาเสพ หาเมาไปวันๆ”ไอ้หรั่งตอบพลางจดอะไรๆในสมุดบัญชีของมัน 
“เอ้า แล้วเค้าอยู่ยังไง หาเงินยังไง” ไอ้แก้วยังถามต่อด้วยความสงสัยหนักกว่าเดิม 
“น้าว่าเอ็งไปถามมันเองดีกว่า เก็บงานเสร็จยัง ไปๆช่วยมันเก็บผ้า แล้วไปจองแถวอาบน้ำ ที่นี้เอ็งจะได้ถามทุกเรื่องจากมันเลย” ไอ้หรั่งตอบเสียงเรียบๆปนรำคาญ 
“ครับๆๆ” ไอ้แก้วตอบ  แล้วเดินออกมา พกความสงสัยต่อไป   
   ไอ้แก้วเดินยังไม่พ้นสายตาของไอ้หรั่งดีนัก  ไอ้เอกก็ก้าวเท้า ซวบๆ ลงมาจากบันไดกองงาน  พร้อมตะกร้าใส่แกงกับขนมหวาน เพียงไม่กี่ถุง   
“เป็นไงว่ะเอก” ไอ้หรั่งถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล  
“ยัดไปเยอะเลยพี่ ได้จารย์เหน่งช่วยยัดให้พวกลูกค้าสักของแกด้วย ที่เหลือก็เก็บไว้กินกันในบ้านนี่หล่ะ” ไอ้เอกตอบ พร้อมยื่นตระกร้าให้ไอ้หรั่งดู  
“เออๆ ดี” ไอ้หรั่งตอบพร้อมพยักหน้าเบาๆ 
“แกงเย็นนี้มัน ยิ้มด้วยหล่ะพี่ แกงส้มปลาระเบิด กลิ่นจากโรงครัวยิ้มโชยมาแต่บ่ายแล้ว  เลยยัดได้ไม่ยาก” ไอ้เอกตอบด้วยเสียงออกไปทางสูง และเน้นสูงในคำว่า ยิ้มเป็นพิเศษ  
   ใช่ครับ วันไหนเมนูที่ทางโรงครัวทำไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจชาวคุก วันนั้นพ่อค้าก็จะขายแกงถุงได้มาก  แต่ถ้าวันไหนเมนูดีๆ อย่างน้ำพริกกะปิหรือไข่พะโล้  พวกพ่อค้าก็จะเหลือกันเยอะเลย   
แกงถุงเหล่านี้ พ่อค้าเอามาขายได้ยังไง ?  
   ปกติแล้วแต่ละเรือนจำก็จะอนุญาตให้แม่บ้านของเจ้าหน้าเรือนจำทำอาหารเข้ามาขายในร้านค้าของแต่ละแดนเพื่อเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว พวกพ่อค้าก็จะเข้าหาข้อมูลจากร้านค้า ว่าแกงอะไร  เป็นของเจ้าหน้าที่คนไหน  แล้วพวกมันก็จะเข้าหาเจ้าหน้าที่คนนั้น เพื่อเสนอรับแกงบางส่วนมาขายระบบเครดิต  อาทิตย์นึงเคลียร์ที เวลาเคลียร์ก็จะจ่ายคืนเป็นกาแฟฟอล์ย หรือบุหรี่  
ทางเจ้าหน้าที่ก็โอเค เพราะถ้าขายแค่ที่ร้านค้า ส่วนมากจะเหลือเยอะ เพราะร้านค้าเครดิตไม่ได้ เลยต้องพึ่งพ่อค้าช่วยกระจายสินค้า   เจ้าหน้าที่ไม่กลัวโดนเบี้ยวอยู่แล้ว เพราะเค้ารู้ว่าพ่อค้าแต่ละคน  ก็คนเดิมๆ วนเข้าวนออกคุกเป็นประจำ บางคนอยู่กันมา ช่วยขายแกงกันมาเป็น 5-6ปี  ส่วนทางพ่อค้าเองก็ไม่กล้าโกง ไม่กล้าทุบหม้อข้าวตัวเองแน่นอน        
   พี่นคร  เจ้าหน้าที่รูปร่างสมส่วน ลงพุงหน่อยๆ  ผิวออกคล้ำ  วัย 50ต้นๆ  พี่นครเรียกได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รุ่นบุกเบิกของเรือนจำ แกเข้ารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ก็ได้บรรจุที่เรือนจำแห่งนี้เลย  
   พี่นคร เป็นเจ้าหน้าที่ ที่ยอมให้ไอ้หรั่งเครดิตแกงไปขาย และไอ้หรั่งก็ไม่เคยทำให้พี่นครผิดหวัง ไม่ว่าจะรอบไหน ไอ้หรั่งก็จัดการเคลียร์หนี้เคลียร์สินให้พี่นครเรียบร้อย ก่อนปล่อยตัว จึงทำให้พี่นครวางใจ ทุกๆรอบที่ไอ้หรั่งกลับเข้ามา ก็จะได้เข้ากองงานของพี่นครทุกครั้งไป ส่งผลบุญให้เด็กๆในบ้านของไอ้หรั่งก็จะถูกดึงมาอยู่ที่กองงานนี้ด้วย   
   กองงานพับถุงกระดาษ เป็นกองงานที่พี่นครดูแลมานานหลายปี ถ้าเปรียบเทียบเรื่องความลำบากและความกดดัน กองงานพับถุงกระดาษถือว่าเป็นงานสบาย ยอดส่งงาน ต่อวัน ต่อคน ถือว่าไม่มาก พับเก่งๆเที่ยงก็เสร็จ บ่ายๆก็ว่างแล้ว แต่บางชิ้นอาจต้องใช้ความปราณีตหน่อย ก็จะให้ระดับยอดฝีมือทำ  
15.15 น. 
   บริเวณหน้ากองงานพับถุงกระดาษ บรรยากาศขวักไขว่ ผู้คนในแดนเดินผ่านไปมา เสียงพูดคุยโขมง จับใจความไม่ได้  ไม่ต่างกับตลาดสด บ้างก็กำลังเดินไปต่อแถวรออาบน้ำ บ้างก็เดินไปรอเข้าแถวกินข้าวหน้าโรงเลี้ยง  บ้างก็เดินเข้าออกร้านค้า พลุกพล่าน ไม่ต่างกับสถานีขนส่ง  แต่สมาชิกในบ้านทุกคนของไอ้หรั่งกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวกัน อยู่หน้าตู้เก็บของส่วนตัวอยู่ทางด้านข้างกองงาน   
   ระดับพ่อค้าไม่จำเป็นต้องไปต่อแถวกินข้าว เพราะมีแกงถุงที่เหลือจากการขาย เพียงพอให้ทุกคนในบ้าน จะมีก็แค่ไปแอบไปเอาข้าวจากโรงเลี้ยง โดยจะมีคนในโรงเลี้ยงแอบใส่กระติกไว้ให้ ตามข้อตกลงซื้อขายกันเป็นรายวันหรือรายอาทิตย์ ถูกครับ ตักข้าวหลวงขายให้กับพวกฟอร์มหนา ที่ไม่เข้าไปต่อแถวกินในโรงเลี้ยง  
“เป็นไงแก้ว เอ็งรู้ยัง ข้างนอกไอ้นพมันทำงานอะไร” ไอ้หรั่งถามไอ้แก้ว พร้อมกับตักข้าวเข้าปาก  
   ไอ้แก้วพยักหน้างึกงึก แล้วกลืนข้าวในปาก แล้วตอบ “ครับๆ น้าเค้าก็จะเก็บของเก่าขาย พวกสายไฟ พวกเหล็ก อลูมิเนียม” 
“ เก็บหรือขโมย ไอ้นพ” จารย์เหน่งพูดด้วยใบหน้าปนยิ้ม 
“แหม จารย์ อุตส่าห์สร้างภาพไว้ซะดีแล้ว เจอจารย์เบรคแบบนี้ผมตายเลย” ไอ้นพพูดด้วยสีหน้าเขินอาย  แล้วรีบก้มหน้าตักแกงใส่จานตัวเอง 
“อุ่ย” เสียงไอ้นพร้องเบาๆ หลังจากที่ไอ้หรั่งเอานิ้วดีดหูมัน  
“ฮ่าๆๆ กล้าพูดนะ “ไอ้หรั่งพูดด้วยน้ำเสียงขบขับ  
“ข้างนอกหน่ะ ฉายานพเก็บหมด” ไอ้เอกร่วมสำทับ  
“สายไฟ,เหล็ก ,ถังแก๊ส หรืออะไรที่ใครเผลอ  มันมีโอกาศขโมยได้ มันเอาหมด พอขายได้ก็หาซื้อยาเสพ วันไหนได้น้อย ก็เหล้าขาว หรือกาว เมาได้หมด” ไอ้หรั่งพูดต่อ  
“อ้าว นึกว่าเก็บของที่เค้าทิ้งแล้ว” ไอ้แก้วพูดแบบงงๆ 
“อยู่ข้างนอก ไอ้นพมันนอนใต้สะพาน คนที่บ้านไม่มีใครให้มันเข้าบ้าน เพราะมันเล่นของในบ้านไปแทบหมดแล้ว” ไอ้เอกพูดจบก็ตักข้าวเข้าปาก  
“ฮ่าๆๆ  ใช่ๆ  แก้วข้างนอกน้าขโมยไปหาซื้อยาเสพ”ไอ้นพสารภาพพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน 
“น้านี่ ขี้โม้จริงๆ ต่อไปน้าพูดอะไร ผมจะไม่เชื่อแล้ว”ไอ้แก้วพูดจบก็ยกน้ำกินต่อ    
  “ฮ่าๆๆๆ “ เสียงหัวเราะประสานกันทั้งไอ้หรั่ง,ไอ้เอก,จารย์เหน่ง   
มีเพียงไอ้กบที่แค่ยิ้มมุมปาก  แล้วมองไปทางไอ้นพ ด้วยสายตาเป็นมิตร  
   ไอ้นพ เป็นหนึ่งในผลผลิตที่บิดเบี้ยวของสัมคม  ทุกวันนี้ในใจมันคิดเสมอว่า คุกคือบ้านของมัน ตอนเช้าตื่นก็มีคนมาปลุก ข้าวก็ไม่ต้องหา มีคนมาทำรอให้กินครบ 3 มื้อ  ขึ้นขังก็มีทีวีให้ดู มีพัดลมให้ด้วย ตอนนอนก็มีคนเฝ้ามีคนอยู่ด้วยตลอดทั้งวันทั้งคืน       
   ไม่เหมือนตอนอยู่ข้างนอก ที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียว นอนกลางดิน อดมื้อกินมื้อ ตอนจะนอนก็เห็นเพียงหมาข้างถนนตัวสองตัว ที่มาหลบนอนใต้สะพาน ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นใคร พร้อมด้วยความคิดว่าวันนี้จะหาเงินที่ไหนดี หาขโมยอะไร เพื่อมากิน เพื่อมา เสพ  
   มันไม่กลัวคุก เพราะมันใช้ชีวิตในคุกได้อย่างดี รอบไหนๆมันก็หากินได้ รับจ้างซักผ้า รับจ้างยืนยาม รับจ้างเป็นต้นทางให้บ่อน หรือให้อาจารย์สัก  ก็พอได้มีเงินเก็บ บางรอบมันเก็บเงินได้หลายพันในวันที่ปล่อยตัว  มันก็จะเอาเงินที่หามาได้ออกไปใช้ชีวิตสำราญสักพักนึง ตีหม้อ,เสพยา,เปิดห้องรายวัน เปิดแอร์นอน,กินของดีๆที่มันเคยอยากลิ้มลอง     
   ต่อจากนั้นก็กลับไปใช้แบบเดิมนอนใต้สะพานน หาลักขโมย แล้วก็กลับเข้าเรือนจำ ออกไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็กลับมาอีกก็มี ภาษาคุกเรียกว่า “ทำรอบ” ไปไวมาไว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่