“เมื่อกี้มีอะไรว่ะเอก พี่เห็นไกลๆ ว่าจะเข้าไปดูหล่ะ เห็นเอ็งเดินออกมาก่อน” ไอ้หรั่งถาม
“นิดหน่อยพี่ ไอ้โจ้ เด็กบ้านน้าเด่น มันจะมาทวงค่าบอลจากลูกค้าเรา” ไอ้เอกตอบพลางหยิบของที่เก็บมาได้เข้าตู้
“ไอ้โจ้ ที่โดนแทงคออ่ะน่ะ” ไอ้หรั่งถามต่อ
“ใช่พี่ มันนั่นหล่ะ
เพิ่งมาสดตอนอยู่ในคุก ข้างนอกขับวินส่งยา แถวบางใต้ ยิ่งพอได้อยู่บ้านน้าเด่น
ยิ่งทำเป็นสด ” ไอ้เอกตอบด้วยเสียงหงุดหงิด
“อ๋อ จำได้หล่ะ มันคงคิดว่าโดนแทงคอแล้วรอดมาได้ คงเจ๋งแล้วมั้ง สดๆแบบนี้ ยังต้องเจออีกหลายแผล” ไอ้หรั่งพูดพลางช่วยหยิบของออกจากถุงส่งให้ไอ้เอก
“
คิดว่าน้าเด่น จะคุ้มกระบาลมันได้มั้ง พลาดมาเมื่อไหร่ รู้เรื่องแน่” ไอ้เอกพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว
11.48 น.
วันนี้แถวรอเข้าโรงเลี้ยงดูบางตา กว่าวันธรรมดา อาจจะเพราะเมนูเที่ยงวันนี้ไม่ค่อยจะถูกใจเหล่าบบรรดาชาวคุกเท่าไหร่นัก อาหารกลางวันวันนี้เป็น ข้าวต้มกับผักดอง เมนูนี้เรียกได้ว่า เป็นเมนูหลักของมื้อกลางวันเลยก็ว่าได้ อาจจะเปลี่ยนประเภทของผักดองบ้าง แต่ก็จะวนไปวนมา ผักกาดดอง,หัวไช้เท้าดอง,กระเทียมดอง บางทีก็มีเต้าหู้ยี้
ทางด้านบ้านของไอ้หรั่งก็จะแจกมาม่าคนละห่อ แล้วก็ขนมหวานคนละถุงให้กินกันในมื้อกลางวัน ใครอยากกินตอนไหนก็แล้วแต่เลย
ไอ้แก้วกับไอ้กบก็ยังคงเล่นหมากรุกกัน ไม่มีท่าทีจะเลิกรา ส่วนไอ้หรั่งกับไอ้เอก ก็จัดการลวกมาม่ามากินก่อน เพราะเดี๋ยวต้องออกหาเล่นมวย เล่นไฮโล ตามแหล่งที่พวกมันรู้กันอยู่แล้ว
“นพ เอ็งกินเสร็จตามจารย์ไปแถวราวผ้านะ ช่วยดูต้นทางให้จารย์หน่อย มีเดินเส้นต่อจากเมื่อคืน เดี๋ยวจารย์ไปเอาหมึกฝั่งโน้นก่อน” จารย์เหน่งพูดพร้อมลุกยืน
“ครับๆ แล้วจารย์ไม่กินก่อนหรอ”ไอ้นพตอบพร้อมตักขนมบัวลอยเข้าปาก
“ยังตึงๆกาแฟตอนเช้าอยู่เลย” จารย์เหน่งตอบพลางเดินจากไป
หลังจากอาหารเที่ยง ภายในคุกตอนนี้เรียกได้ว่า เป็นช่วงผ่อนคลายอย่างเต็มที่ บ้างก็เอาตาข่ายมากางเล่นตะกร้อกัน บ้างก็ไปออกันหน้าจอทีวี รอเล่นมวย บ้างก็หามุมสงบๆเขียนจดหมายถึงคนที่บ้าน
วันหยุดในคุกจะไม่ค่อยวุ่นวายนัก ไม่มีเสียงประกาศเยี่ยมญาติที่ดังทั้งวัน คนก็ไม่ค่อยเดินพลุกพล่านเท่าไหร่ ต่างคนต่างหามุมของตัวเอง การอยู่ร่วมกับคนอื่นเยอะๆทั้งวันทั้งคืน จริงอยู่ไม่เหงา แต่ก็มีบางทีก็อยากหาที่นั่งเงียบๆ ทอดอารมณ์ ทอดความคิด ทบทวนเรื่องราวต่างๆจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และต่อด้วยอนาคตหลังจากนี้ถ้าได้กลับบ้าน
แต่ก็มีอีกหลายๆคน ที่พยายามไม่ทำตัวว่าง ไม่ทำตัวให้เหงา หาเล่น หาทำอะไรๆ เพื่อจะให้ให้สมองไม่ต้องคอยคิดเรื่องคดี, เรื่องที่บ้านหรือเรื่องข้างนอก
มีคำขวัญที่คนคุกรู้จักกันดี และใช้เตือนสติตัวเอง แต่ก็ไม่ง่ายที่ทุกคนจะทำได้
“อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด”
หลังจากโรงเลี้ยงจัดเสิร์ฟข้าวต้มผักดองให้คนคุกเรียบร้อย โรงเลี้ยงตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นที่บรรดาเซียนมวยมารอ จับจองที่นั่งหน้าจอทีวี
“อ้าวๆ พวกเอ็งใครจะเล่น มาๆช่วยกัน เดี๋ยวน้าไปเคลียร์เจ้าหน้าที่หน้าแดนให้” น้าพจน์พูดพร้อมเดินเรี่ยไรค่าต๋งจากบบรดาเซียนมวย
แน่นอน ในคุกไม่มีของฟรี บรรดาเซียนมวยกระเป๋าหนักก็จะช่วยกันลงขันเพื่อซื้อสัญญาญภาพ ยืนพื้นก็คนละซอง เหมือนค่าเข้าชม พวกที่ไม่ได้เล่นแต่อยากดู ก็ต้องไปนั่งแถวหลังๆ ปล่อยให้คนจ่ายได้ดูใกล้ๆ
น้าพจน์นอกจากจะชอบเลี้ยงหน้าอ่อนแล้ว การพนันก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่มันหลงไหล น้าพจน์ต้องถือว่าเป็นขาใหญ่ระดับนึงในแดนนี้ เพราะมันอยู่มานานเกือบจะ 4 ปีแล้ว ตามโทษคดีจำหน่ายฯ ที่ตัดสินมา 6ปี6เดือน ได้วันลดตามชั้น ได้พระราชทานอภัยโทษ ทำให้มันเหลือโทษไม่กี่เดือน ปลายปีก็น่าจะได้กลับบ้าน
ข้างนอกน้าพจน์ก็ไม่ใช่ย่อย เด็กเกเร เด็กติดยา ในบางเหนือไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะน้าพจน์เป็นเอเย่นต์ขายยารายใหญ่ แถมยังเปิดโต๊ะสนุ๊กฯ,เปิดคาราโอเกะ เพื่อฟอกเงินจากการขายยา
ยังไม่ทันที่น้าพจน์จะเดินกลับจากหน้าประตูแดน ภาพที่ทีวีก็ติดขึ้นมาแล้ว การเคลียร์ได้ผลทันใจ เสียงอื้ออึงของบรรดาเซียนก็เริ่มขึ้นทันที
“อย่าเสียงดัง ห้ามมีเรื่อง นะพวกเอ็ง” น้าพจน์พูดเสียงแข็ง แล้วก็หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ หน้าจอทีวี
บรรยกาศตอนนี้ ก็อึมๆหน่อย บรรดาเซียนมวยก็จะเชียร์ฝ่ายตนเอง แบบเก็บเสียง แต่บางทีถ้ามีหล่นให้นับก็อาจจะหลุดเฮเสียงดังขึ้นมา แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการเอาไว้ในทันที พอจบในแต่ละคู่ก็จะมีเสียงอื้ออือ วิจารณ์คู่ที่เพิ่งจบไป แล้วก็เคลียร์กัน ใครได้ใครเสีย คู่ต่อไปค่อยว่ากันใหม่
“เฮ้ยดุลย์ เมื่อกี้ ยก 4 เราต่อแดง 3-1 นายยกมือเล่นกับเรานี่ แดงชนะ เคลียร์ให้เราด้วย”ไอ้โจ้พูดกับคู่พนัน
“ไม่ใช่แล้วโจ้ ยกนั้นเราเล่นกับเอก มันให้ 4-1 เราจะเล่น 3-1 กับนายทำไม นายจำผิดหรือเปล่า ”ไอ้ดุลย์ตอบสีหน้า งงๆ
“มาๆหนึ่งซอง”ไอ้เอกพูดพร้อมหงายมือกวัก
“เอก ตอนยก 4 เราเล่นกับนาย แต่โจ้บอก เราเล่นกับโจ้ เราไม่ได้เล่นกับโจ้ นายช่วยบอกหน่อย” ไอ้ดุลย์พูดพลางหยิบบุหรี่ให้กับไอ้เอก
“อ้าว ดุลย์มันเล่นกับเรานี่ ไม่ได้เล่นกับนาย จะไปทวงมันได้ไง”ไอ้เอกพูดเสียงเรียบๆ
“ไม่ต้องมา
ตั้งแต่ตอนสายๆแล้ว มีอะไรคาใจกับกูหรือเปล่า”ไอ้โจ้พูดพร้อมลุกพรวด เดินเข้าประชิดไอ้เอก
“มาดิ กูกลัวหรอ” ไอ้เอกพูดพร้อมกับเอียงตัวกำหมัดรอ
“เฮ้ยๆ หยุดเลยพวก กูบอกแล้วห้ามมีเรื่องไง” เสียงน้าพจน์ดังแทรก
“ก็แม่งกวนตีนผมตั้งแต่สายแล้ว” ไอ้โจ้อธิบายเสียงแข็ง
“เออ ๆ กูไม่รู้หรอก แต่กูบอกเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ว่าไม่มีเรื่อง ไม่งั้นกูหน้าชาแน่ ขาดเท่าไหร่ เดี๋ยวน้าเคลียร์ให้ จะได้จบๆไป” น้าพจน์พูด
“ไม่เป็นไรน้า ไม่ต้องครับ ผมไม่เล่นแล้ว” ไอ้โจ้พูดพร้อมเดินคอเอียงออกจากโรงเลี้ยง ด้วยท่าทางฉุนเฉียว
ไอ้โจ้รู้สถานการณ์ดี มันเป็นเด็กบางใต้ น้าพจน์กับไอ้เอกเป็นเด็กบางเหนือด้วยกัน ยังไงพวกมันต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว เลยแยกตัวออกมาก่อนจะดีกว่า แต่ในใจก็เก็บความแค้นไว้
ภายในคุกถึงแม้จะอยู่กันเป็นบ้านๆ บ้านเล็กบ้าง บ้านใหญ่คนเยอะบ้าง แต่ถ้าข้างนอกเป็นเด็กบางเดียวกัน ก็จะช่วยเหลือกัน แล้วยิ่งถ้ามีเรื่องกับเด็กบางที่เป็นโจทย์กันข้างนอกด้วยแล้ว ก็จะช่วยกันเต็มที่
ฝั่งพวกน้าพจน์ ไอ้หรั่ง ไอ้เอก เป็นเด็กบางเหนือ ส่วนพวกไอ้โจ้เป็นเด็กบางใต้ ทั้งสองบางอยู่ข้างนอก ก็ไล่ตี ไล่ยิงกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าเข้ามาเจอกันข้างใน ก็จะมีรุ่นใหญ่คอยปรามๆ ไม่ให้ตีกัน เพราะจะลำบากกันทั้งแดน
บทลงโทษของเรือนจำถ้าหากมียกพวกตีกัน พวกที่ตีกันก็ขึ้นขังเดียว งดเยี่ยมญาติ ตัดชั้น ถ้ามีถึงตายก็ต่อคดี แต่คนอื่นๆในแดนที่ไม่เกี่ยวก็จะโดนไปด้วย ก็จะเริ่มจาก งดดูทีวี ถอดพัดลม ตรวจค้นเข้มงวด งดรับจดหมาย เป็นกุศโลบายให้ คนในแดนคอยเป็นหูเป็นตา ถ้าไม่อยากลำบากกันหมด
ที่กองงานสายไฟ น้าเด่นเป็นเสมียนกองงานสายไฟและเป็นพ่อบ้านของไอ้โจ้ ที่นี่จึงเป็นที่รวมตัวของบ้านไอ้โจ้
“ พวกเด็กบางเหนือ ทุกวันนี้มันเก๋าขึ้นทุกวันแล้วนะ” ไอ้โจ้แกล้งพูดลอยๆ
“ ใครว่ะ” น้าเด่นถาม พร้อมลดแว่นลง ละสายตาจากหนังสือนิยายจีนเล่มหนา
“ ก็ไอ้เอกตาไฟไงน้า” ไอ้โจ้พูด แล้วก็เล่าเรื่องเหตุการณ์ตั้งแต่สายๆจนถึงในวงเล่นมวย
“พวกมันไม่เห็นหัวเด็กบางใต้แล้ว” ไอ้เทพพูดสัมทับ
ไอ้เทพ เป็นสมาชิกคนนึงในบ้านน้าเด่น มีหน้าที่เป็นซามูไรประจำบ้าน ลักษณะของมันจะ เป็นคนตัวสูงขาว หน้าตี๋ๆ ไม่ผอมไม่อ้วน อายุ 30 ปลายๆ รอยสักไม่มี มันเป็นพวกพูดจาโพงพาง คิดยังไงพูดอย่างนั้น ไอ้เทพไม่ใช่แค่เก่งแต่ปาก เรื่องใจมันก็แน่เหมือนกัน ถ้าน้าเด่น ส่งซิกสั่งแทง มันก็แทงทันที โดยไม่ถามเหตุผล
“เอา
เลยไหมน้า” ไอ้เทพถาม
“พวกใจเย็นๆ เรื่องมันก็ไม่เห็นมีอะไร เออ ถ้าโดนกระทืบค่อยว่าไปอย่าง” น้าเด่นพูดพร้อมกับพลิกหน้าหนังสือ แล้วอ่านต่อ
ไอ้โจ้ส่ายหัว แสดงออกถึงความเซ็ง ส่วนไอ้เทพก็ยักไหล่ให้ไอ้โจ้ แล้วหันกลับไปเล่นหมากรุกต่อ
น้าเด่น ชายผิวคล้ำ รูปร่างสันทด อายุ40ปลายๆ ข้างนอกมันก็จัดว่ายิ่งใหญ่พอตัวในบางใต้ น้าเด่นมันทำธุรกิจรถขนดิน และเปิดบ่อนควบคู่ไปด้วย มีลูกน้องให้ใช้สอยมากมาย
พอทางการเริ่มเข้มงวดเรื่องบ่อน เลยทำให้รายได้ของมันหายไปเยอะ ธุรกิจรถขนดินก็เริ่มซบเซา เพราะพิษเศรษฐกิจประกอบกับมีคู่แข่งใหม่ๆเกิดขึ้นมาเยอะ
วันนึงมีเพื่อนสมัยเรียน ชักชวนเข้าวงการยาเสพติด โดยใช้รถขนดินของมันเป็นรถขนยา แน่นอนในช่วงเงินขาดมือแบบนี้ มีหรือที่จะปฎิเสธ
น้าเด่นทำยาได้นานถึง 3ปีกว่า หลบลอดจากตรวจค้นจับกุมมาได้ทุกครั้งไป จนเพื่อนสมัยเรียนที่ดึงมันเข้าวงการยาเสพติด โดนจับได้พร้อมของกลางหลายแสนเม็ด ถูกซัดทอดมาด้วยเส้นทางการเงิน
น้าเด่นปฎิเสธทุกข้อหา สู้คดีอยู่ข้างใน เพราะศาลไม่ให้ประกันตัว มันเข้ามาในคุกได้ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ฐานะในคุกของมันเป็นพ่อบ้านใหญ่ของเด็กบางใต้
14.25 น.
วันนี้น้าพจน์มีกำไรจากการเล่นมวยหลายสิบซอง เลยนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากไปใช้บริการกระเทยหลังบล๊อคซะหน่อย พอน้าพจน์เดินถึงหน้าซ่อง บรรดาน้องๆก็ออกมาต้อนรับกันอย่างดี
“ลมอะไรหอบน้าพจน์มาถึงนี่ได้ค่ะ เบื่อหน้าอ่อนที่บ้านแล้วหรอ” อีเจ๊เจ้าของซ่องถาม
“ได้มวยมานิดหน่อย เลยมาช่วยค่าข้าว ค่าแกง น้องๆมัน”น้าพจน์ตอบพลางสอดส่ายสายตาเลือกน้องๆหาคนถูกใจ
“น้าเอาคนนี้ หน้าสวย นมใหญ่ดี” น้าพจน์พูดพร้อมกับดึงมือคนที่เลือกเข้าไปหลังบล๊อค
ซ่องหลังบล๊อคจะมีผ้าห่มขึงบังตาให้ลูกค้า คนภายนอกจะมองไม่เห็นอะไรหลังผ้าเลย ลูกค้าจะได้ไม่ต้องเขินอายในเวลาที่ปฎิบัติกิจกาม
“ซวบ ซวบ ซวบ ๆๆ “ เสียงเหล็กแหลมผ่านเข้าเนื้ออ่อนๆ
“เฮ้ยๆ “ เสียงสั้นๆเบาๆของน้าพจน์
น้าพจน์เอามือขวากุมคอ เลือดไหลทะลักผ่านนิ้วทุกนิ้วของมัน แล้วร่างสูงใหญ่ของน้าพจน์ก็ล้มทับร่างกระเทยบริการที่กำลังคุกเข่าหันหลังให้ ตามติดด้วยเสียงกรีดร้องยาวลั่น
การเข้าคุกอย่างไร ให้ถูกวิธี และอยู่รอดปลอดภัย ตอนที่ 7 พ่อค้า ซามูไร สงครามแก๊งค์ ( คุกคือที่ทำกิน ) 7/4
“นิดหน่อยพี่ ไอ้โจ้ เด็กบ้านน้าเด่น มันจะมาทวงค่าบอลจากลูกค้าเรา” ไอ้เอกตอบพลางหยิบของที่เก็บมาได้เข้าตู้
“ไอ้โจ้ ที่โดนแทงคออ่ะน่ะ” ไอ้หรั่งถามต่อ
“ใช่พี่ มันนั่นหล่ะ เพิ่งมาสดตอนอยู่ในคุก ข้างนอกขับวินส่งยา แถวบางใต้ ยิ่งพอได้อยู่บ้านน้าเด่น ยิ่งทำเป็นสด ” ไอ้เอกตอบด้วยเสียงหงุดหงิด
“อ๋อ จำได้หล่ะ มันคงคิดว่าโดนแทงคอแล้วรอดมาได้ คงเจ๋งแล้วมั้ง สดๆแบบนี้ ยังต้องเจออีกหลายแผล” ไอ้หรั่งพูดพลางช่วยหยิบของออกจากถุงส่งให้ไอ้เอก
“คิดว่าน้าเด่น จะคุ้มกระบาลมันได้มั้ง พลาดมาเมื่อไหร่ รู้เรื่องแน่” ไอ้เอกพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว
11.48 น.
วันนี้แถวรอเข้าโรงเลี้ยงดูบางตา กว่าวันธรรมดา อาจจะเพราะเมนูเที่ยงวันนี้ไม่ค่อยจะถูกใจเหล่าบบรรดาชาวคุกเท่าไหร่นัก อาหารกลางวันวันนี้เป็น ข้าวต้มกับผักดอง เมนูนี้เรียกได้ว่า เป็นเมนูหลักของมื้อกลางวันเลยก็ว่าได้ อาจจะเปลี่ยนประเภทของผักดองบ้าง แต่ก็จะวนไปวนมา ผักกาดดอง,หัวไช้เท้าดอง,กระเทียมดอง บางทีก็มีเต้าหู้ยี้
ทางด้านบ้านของไอ้หรั่งก็จะแจกมาม่าคนละห่อ แล้วก็ขนมหวานคนละถุงให้กินกันในมื้อกลางวัน ใครอยากกินตอนไหนก็แล้วแต่เลย
ไอ้แก้วกับไอ้กบก็ยังคงเล่นหมากรุกกัน ไม่มีท่าทีจะเลิกรา ส่วนไอ้หรั่งกับไอ้เอก ก็จัดการลวกมาม่ามากินก่อน เพราะเดี๋ยวต้องออกหาเล่นมวย เล่นไฮโล ตามแหล่งที่พวกมันรู้กันอยู่แล้ว
“นพ เอ็งกินเสร็จตามจารย์ไปแถวราวผ้านะ ช่วยดูต้นทางให้จารย์หน่อย มีเดินเส้นต่อจากเมื่อคืน เดี๋ยวจารย์ไปเอาหมึกฝั่งโน้นก่อน” จารย์เหน่งพูดพร้อมลุกยืน
“ครับๆ แล้วจารย์ไม่กินก่อนหรอ”ไอ้นพตอบพร้อมตักขนมบัวลอยเข้าปาก
“ยังตึงๆกาแฟตอนเช้าอยู่เลย” จารย์เหน่งตอบพลางเดินจากไป
หลังจากอาหารเที่ยง ภายในคุกตอนนี้เรียกได้ว่า เป็นช่วงผ่อนคลายอย่างเต็มที่ บ้างก็เอาตาข่ายมากางเล่นตะกร้อกัน บ้างก็ไปออกันหน้าจอทีวี รอเล่นมวย บ้างก็หามุมสงบๆเขียนจดหมายถึงคนที่บ้าน
วันหยุดในคุกจะไม่ค่อยวุ่นวายนัก ไม่มีเสียงประกาศเยี่ยมญาติที่ดังทั้งวัน คนก็ไม่ค่อยเดินพลุกพล่านเท่าไหร่ ต่างคนต่างหามุมของตัวเอง การอยู่ร่วมกับคนอื่นเยอะๆทั้งวันทั้งคืน จริงอยู่ไม่เหงา แต่ก็มีบางทีก็อยากหาที่นั่งเงียบๆ ทอดอารมณ์ ทอดความคิด ทบทวนเรื่องราวต่างๆจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และต่อด้วยอนาคตหลังจากนี้ถ้าได้กลับบ้าน
แต่ก็มีอีกหลายๆคน ที่พยายามไม่ทำตัวว่าง ไม่ทำตัวให้เหงา หาเล่น หาทำอะไรๆ เพื่อจะให้ให้สมองไม่ต้องคอยคิดเรื่องคดี, เรื่องที่บ้านหรือเรื่องข้างนอก
มีคำขวัญที่คนคุกรู้จักกันดี และใช้เตือนสติตัวเอง แต่ก็ไม่ง่ายที่ทุกคนจะทำได้
“อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด”
หลังจากโรงเลี้ยงจัดเสิร์ฟข้าวต้มผักดองให้คนคุกเรียบร้อย โรงเลี้ยงตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นที่บรรดาเซียนมวยมารอ จับจองที่นั่งหน้าจอทีวี
“อ้าวๆ พวกเอ็งใครจะเล่น มาๆช่วยกัน เดี๋ยวน้าไปเคลียร์เจ้าหน้าที่หน้าแดนให้” น้าพจน์พูดพร้อมเดินเรี่ยไรค่าต๋งจากบบรดาเซียนมวย
แน่นอน ในคุกไม่มีของฟรี บรรดาเซียนมวยกระเป๋าหนักก็จะช่วยกันลงขันเพื่อซื้อสัญญาญภาพ ยืนพื้นก็คนละซอง เหมือนค่าเข้าชม พวกที่ไม่ได้เล่นแต่อยากดู ก็ต้องไปนั่งแถวหลังๆ ปล่อยให้คนจ่ายได้ดูใกล้ๆ
น้าพจน์นอกจากจะชอบเลี้ยงหน้าอ่อนแล้ว การพนันก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่มันหลงไหล น้าพจน์ต้องถือว่าเป็นขาใหญ่ระดับนึงในแดนนี้ เพราะมันอยู่มานานเกือบจะ 4 ปีแล้ว ตามโทษคดีจำหน่ายฯ ที่ตัดสินมา 6ปี6เดือน ได้วันลดตามชั้น ได้พระราชทานอภัยโทษ ทำให้มันเหลือโทษไม่กี่เดือน ปลายปีก็น่าจะได้กลับบ้าน
ข้างนอกน้าพจน์ก็ไม่ใช่ย่อย เด็กเกเร เด็กติดยา ในบางเหนือไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะน้าพจน์เป็นเอเย่นต์ขายยารายใหญ่ แถมยังเปิดโต๊ะสนุ๊กฯ,เปิดคาราโอเกะ เพื่อฟอกเงินจากการขายยา
ยังไม่ทันที่น้าพจน์จะเดินกลับจากหน้าประตูแดน ภาพที่ทีวีก็ติดขึ้นมาแล้ว การเคลียร์ได้ผลทันใจ เสียงอื้ออึงของบรรดาเซียนก็เริ่มขึ้นทันที
“อย่าเสียงดัง ห้ามมีเรื่อง นะพวกเอ็ง” น้าพจน์พูดเสียงแข็ง แล้วก็หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ หน้าจอทีวี
บรรยกาศตอนนี้ ก็อึมๆหน่อย บรรดาเซียนมวยก็จะเชียร์ฝ่ายตนเอง แบบเก็บเสียง แต่บางทีถ้ามีหล่นให้นับก็อาจจะหลุดเฮเสียงดังขึ้นมา แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการเอาไว้ในทันที พอจบในแต่ละคู่ก็จะมีเสียงอื้ออือ วิจารณ์คู่ที่เพิ่งจบไป แล้วก็เคลียร์กัน ใครได้ใครเสีย คู่ต่อไปค่อยว่ากันใหม่
“เฮ้ยดุลย์ เมื่อกี้ ยก 4 เราต่อแดง 3-1 นายยกมือเล่นกับเรานี่ แดงชนะ เคลียร์ให้เราด้วย”ไอ้โจ้พูดกับคู่พนัน
“ไม่ใช่แล้วโจ้ ยกนั้นเราเล่นกับเอก มันให้ 4-1 เราจะเล่น 3-1 กับนายทำไม นายจำผิดหรือเปล่า ”ไอ้ดุลย์ตอบสีหน้า งงๆ
“มาๆหนึ่งซอง”ไอ้เอกพูดพร้อมหงายมือกวัก
“เอก ตอนยก 4 เราเล่นกับนาย แต่โจ้บอก เราเล่นกับโจ้ เราไม่ได้เล่นกับโจ้ นายช่วยบอกหน่อย” ไอ้ดุลย์พูดพลางหยิบบุหรี่ให้กับไอ้เอก
“อ้าว ดุลย์มันเล่นกับเรานี่ ไม่ได้เล่นกับนาย จะไปทวงมันได้ไง”ไอ้เอกพูดเสียงเรียบๆ
“ไม่ต้องมา ตั้งแต่ตอนสายๆแล้ว มีอะไรคาใจกับกูหรือเปล่า”ไอ้โจ้พูดพร้อมลุกพรวด เดินเข้าประชิดไอ้เอก
“มาดิ กูกลัวหรอ” ไอ้เอกพูดพร้อมกับเอียงตัวกำหมัดรอ
“เฮ้ยๆ หยุดเลยพวก กูบอกแล้วห้ามมีเรื่องไง” เสียงน้าพจน์ดังแทรก
“ก็แม่งกวนตีนผมตั้งแต่สายแล้ว” ไอ้โจ้อธิบายเสียงแข็ง
“เออ ๆ กูไม่รู้หรอก แต่กูบอกเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ว่าไม่มีเรื่อง ไม่งั้นกูหน้าชาแน่ ขาดเท่าไหร่ เดี๋ยวน้าเคลียร์ให้ จะได้จบๆไป” น้าพจน์พูด
“ไม่เป็นไรน้า ไม่ต้องครับ ผมไม่เล่นแล้ว” ไอ้โจ้พูดพร้อมเดินคอเอียงออกจากโรงเลี้ยง ด้วยท่าทางฉุนเฉียว
ไอ้โจ้รู้สถานการณ์ดี มันเป็นเด็กบางใต้ น้าพจน์กับไอ้เอกเป็นเด็กบางเหนือด้วยกัน ยังไงพวกมันต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว เลยแยกตัวออกมาก่อนจะดีกว่า แต่ในใจก็เก็บความแค้นไว้
ภายในคุกถึงแม้จะอยู่กันเป็นบ้านๆ บ้านเล็กบ้าง บ้านใหญ่คนเยอะบ้าง แต่ถ้าข้างนอกเป็นเด็กบางเดียวกัน ก็จะช่วยเหลือกัน แล้วยิ่งถ้ามีเรื่องกับเด็กบางที่เป็นโจทย์กันข้างนอกด้วยแล้ว ก็จะช่วยกันเต็มที่
ฝั่งพวกน้าพจน์ ไอ้หรั่ง ไอ้เอก เป็นเด็กบางเหนือ ส่วนพวกไอ้โจ้เป็นเด็กบางใต้ ทั้งสองบางอยู่ข้างนอก ก็ไล่ตี ไล่ยิงกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าเข้ามาเจอกันข้างใน ก็จะมีรุ่นใหญ่คอยปรามๆ ไม่ให้ตีกัน เพราะจะลำบากกันทั้งแดน
บทลงโทษของเรือนจำถ้าหากมียกพวกตีกัน พวกที่ตีกันก็ขึ้นขังเดียว งดเยี่ยมญาติ ตัดชั้น ถ้ามีถึงตายก็ต่อคดี แต่คนอื่นๆในแดนที่ไม่เกี่ยวก็จะโดนไปด้วย ก็จะเริ่มจาก งดดูทีวี ถอดพัดลม ตรวจค้นเข้มงวด งดรับจดหมาย เป็นกุศโลบายให้ คนในแดนคอยเป็นหูเป็นตา ถ้าไม่อยากลำบากกันหมด
ที่กองงานสายไฟ น้าเด่นเป็นเสมียนกองงานสายไฟและเป็นพ่อบ้านของไอ้โจ้ ที่นี่จึงเป็นที่รวมตัวของบ้านไอ้โจ้
“ พวกเด็กบางเหนือ ทุกวันนี้มันเก๋าขึ้นทุกวันแล้วนะ” ไอ้โจ้แกล้งพูดลอยๆ
“ ใครว่ะ” น้าเด่นถาม พร้อมลดแว่นลง ละสายตาจากหนังสือนิยายจีนเล่มหนา
“ ก็ไอ้เอกตาไฟไงน้า” ไอ้โจ้พูด แล้วก็เล่าเรื่องเหตุการณ์ตั้งแต่สายๆจนถึงในวงเล่นมวย
“พวกมันไม่เห็นหัวเด็กบางใต้แล้ว” ไอ้เทพพูดสัมทับ
ไอ้เทพ เป็นสมาชิกคนนึงในบ้านน้าเด่น มีหน้าที่เป็นซามูไรประจำบ้าน ลักษณะของมันจะ เป็นคนตัวสูงขาว หน้าตี๋ๆ ไม่ผอมไม่อ้วน อายุ 30 ปลายๆ รอยสักไม่มี มันเป็นพวกพูดจาโพงพาง คิดยังไงพูดอย่างนั้น ไอ้เทพไม่ใช่แค่เก่งแต่ปาก เรื่องใจมันก็แน่เหมือนกัน ถ้าน้าเด่น ส่งซิกสั่งแทง มันก็แทงทันที โดยไม่ถามเหตุผล
“เอาเลยไหมน้า” ไอ้เทพถาม
“พวกใจเย็นๆ เรื่องมันก็ไม่เห็นมีอะไร เออ ถ้าโดนกระทืบค่อยว่าไปอย่าง” น้าเด่นพูดพร้อมกับพลิกหน้าหนังสือ แล้วอ่านต่อ
ไอ้โจ้ส่ายหัว แสดงออกถึงความเซ็ง ส่วนไอ้เทพก็ยักไหล่ให้ไอ้โจ้ แล้วหันกลับไปเล่นหมากรุกต่อ
น้าเด่น ชายผิวคล้ำ รูปร่างสันทด อายุ40ปลายๆ ข้างนอกมันก็จัดว่ายิ่งใหญ่พอตัวในบางใต้ น้าเด่นมันทำธุรกิจรถขนดิน และเปิดบ่อนควบคู่ไปด้วย มีลูกน้องให้ใช้สอยมากมาย
พอทางการเริ่มเข้มงวดเรื่องบ่อน เลยทำให้รายได้ของมันหายไปเยอะ ธุรกิจรถขนดินก็เริ่มซบเซา เพราะพิษเศรษฐกิจประกอบกับมีคู่แข่งใหม่ๆเกิดขึ้นมาเยอะ
วันนึงมีเพื่อนสมัยเรียน ชักชวนเข้าวงการยาเสพติด โดยใช้รถขนดินของมันเป็นรถขนยา แน่นอนในช่วงเงินขาดมือแบบนี้ มีหรือที่จะปฎิเสธ
น้าเด่นทำยาได้นานถึง 3ปีกว่า หลบลอดจากตรวจค้นจับกุมมาได้ทุกครั้งไป จนเพื่อนสมัยเรียนที่ดึงมันเข้าวงการยาเสพติด โดนจับได้พร้อมของกลางหลายแสนเม็ด ถูกซัดทอดมาด้วยเส้นทางการเงิน
น้าเด่นปฎิเสธทุกข้อหา สู้คดีอยู่ข้างใน เพราะศาลไม่ให้ประกันตัว มันเข้ามาในคุกได้ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ฐานะในคุกของมันเป็นพ่อบ้านใหญ่ของเด็กบางใต้
14.25 น.
วันนี้น้าพจน์มีกำไรจากการเล่นมวยหลายสิบซอง เลยนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากไปใช้บริการกระเทยหลังบล๊อคซะหน่อย พอน้าพจน์เดินถึงหน้าซ่อง บรรดาน้องๆก็ออกมาต้อนรับกันอย่างดี
“ลมอะไรหอบน้าพจน์มาถึงนี่ได้ค่ะ เบื่อหน้าอ่อนที่บ้านแล้วหรอ” อีเจ๊เจ้าของซ่องถาม
“ได้มวยมานิดหน่อย เลยมาช่วยค่าข้าว ค่าแกง น้องๆมัน”น้าพจน์ตอบพลางสอดส่ายสายตาเลือกน้องๆหาคนถูกใจ
“น้าเอาคนนี้ หน้าสวย นมใหญ่ดี” น้าพจน์พูดพร้อมกับดึงมือคนที่เลือกเข้าไปหลังบล๊อค
ซ่องหลังบล๊อคจะมีผ้าห่มขึงบังตาให้ลูกค้า คนภายนอกจะมองไม่เห็นอะไรหลังผ้าเลย ลูกค้าจะได้ไม่ต้องเขินอายในเวลาที่ปฎิบัติกิจกาม
“ซวบ ซวบ ซวบ ๆๆ “ เสียงเหล็กแหลมผ่านเข้าเนื้ออ่อนๆ
“เฮ้ยๆ “ เสียงสั้นๆเบาๆของน้าพจน์
น้าพจน์เอามือขวากุมคอ เลือดไหลทะลักผ่านนิ้วทุกนิ้วของมัน แล้วร่างสูงใหญ่ของน้าพจน์ก็ล้มทับร่างกระเทยบริการที่กำลังคุกเข่าหันหลังให้ ตามติดด้วยเสียงกรีดร้องยาวลั่น