ABSDF. สายลับในค่ายนรก (ตอนที่ 3 จบ)

อารัมภบท
ข้อมูลนี้เป็นการนำเอาเรื่องราวของความขัดเเย้งในการเมืองประเทศพม่าและนำเสนอข้อมูลทางทหาร โดยมิได้มีเจตนาเพื่อการปลุกปั่นหรือยุยงให้เกิดความแตกแยกใดใด *บทความต่อไปนี้ อาจมีภาพหรือเนื้อหารุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

"ตามกฎของการทำสงคราม เราสามารถไว้ชีวิตเชลยศึกได้ แต่ไม่ใช่กับสายลับ!"

     ต้นเดือนกุมพาพันธ์ ปี 1992 ฝ่ายยุทธการ"ต่าน หย่าน"และ"เมียว วิน" ซึ่งนำโดยเลขาธิการสหภาพ"อ่อง เหนี่ยง" เข้ายึดอำนาจและปลดประธานสหภาพ และจับกุมผู้มีรายชื่อในบัญชีดำอีก 80 คน รวมทั้งที่เป็นนักศึกษาหญิงด้วยอีก 3 คน โดยทางฝ่ายยุทธการอ้างว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นสายลับของรัฐบาล .....เหมือนชะตาฟ้าดินกลั่นแกล้ง ในรายชื่อดังกล่าวกลับมีชื่อของเธอ"ขิ่น โช อู"และคนรัก"โซ เนียง"รวมอยู่ด้วย คนอื่นๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกจัดให้อยู่ภายในโรงนอนที่ถูกปิดประตูอย่างแน่นหนา มีเพียงสายตาเท่านั้น ที่พอจะเล็ดลอดซี่ไม้ไผ่ออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอกได้ มันเลวร้ายยิ่งกว่าเห็นเพื่อนถูกยิงตายที่ข้างถนนในเมืองนั่นเสียอีก
       
.....การดำเนินการสอบสวนเพื่อหาตัวสายลับคนอื่นๆและแผนการร้ายๆของรัฐบาลพม่า ยังคงดำเนินไปตลอดทั้งวัน มีเพียงคำถามเดิมซ้ำๆวนไปมาของคณะนายทหารคะฉิ่นและกรรมาธิการสหภาพขั้วใหม่ ซึ่งถามเกี่ยวกับขวดยาพิษว่าใครคือผู้วางยาสายลับคนก่อนหน้านี้ และยังมีใครเป็นไส้ศึกอีก ? ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับหลายคนถูกซ้อมจนตายระหว่างการสอบสวน บ้างก็ถูกจับมัดผูกกับระเบิด ถูกช๊อตโดยใช้สายไฟสวนทางทวารหนัก และอีกหลายวิธีทารุณกรรมอย่างเหี้ยมกระหาย และสุดท้ายมักจบลงด้วยการกุดหัวแล้วแขวนประจาน

จุดจบของประธานสหภาพ"ตัน อ่อง จ่อ"เองก็ไม่พ้นโดนตัดหัวเช่นกัน เขาถูก เมียว วิน บังคับให้ดื่มเลือดที่ไหลจากหัวเพื่อนสนิทของเขาซึ่งได้กลายเป็นศพหัวขาดไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาที และเมื่อประธาน ตัน อ่อง จ่อ ถูกทรมานจนสาแก่ใจแล้ว เมียว วิน พยายามที่จะตัดคอเขาแต่มันไม่ขาดในทันที เมียว วิน จึงใช้พลั้วสนามตีอย่างแรงจนหัวของ ตัน อ่อง จ่อ ขาดกระเด็นไปในที่สุด เพื่อนร่วมชะตากรรมถูกฆ่าตายอย่างทารุณไปทีละคน ทีละคน การฆาตรกรรมหมู่ครั้งนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่บ่ายของวันที่ 12-19 กุมพาพันธ์ กินระยะเวลาทั้งสิ้นถึงเจ็ดวันเต็ม....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



..........เช้าของเดือนกุมพาพันธ์ในปี 1992 ดวงตะวันกลมแดงเริ่มลอยเด่นขึ้นสู้กับสายหมอกในยามเช้า สาดแสงอุ่นๆกระทบหลังคามุงแฝกที่ยังฉ่ำน้ำค้าง แต่อากาศหนาวที่ชายแดนจีนยังคงปกคลุมไปทั่วเนิน น้ำค้างยังคงค้างอยู่บนยอดหญ้าที่เปียกลื่นจนแฉะไปทั่วบริเวณ ลมหนาวยังคงพัดโชยหอบเอากลิ่นศพจางๆลอยอบอวลไปทั่วลานประหารที่ตั้งอยู่กลางค่าย พลันเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนดังแว่วมาแต่ไกล มันสร้างความตระหนกใจให้แก่ ขิ่น โช อู ที่ยืนหายใจหอบฟืดฟาดแข่งกับเสียงยอดไม้ที่อยู่ล้อมค่ายนรกแห่งนั้น จนในที่สุดเสียงฝีเท้าก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าที่คุมขังเธอ คราวเคราะห์ของเธอมาถึงแล้ว เมื่อชายฉกรรจ์หลายสิบคนที่สะพายปืนแบบ Chinese M22 หยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะนำพาขิ่น โช อู เข้าไปยังห้องสอบสวน ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าสมาชิกสหภาพที่ยืนรอเธออยู่ที่โต๊ะสอบสวนอยู่ก่อนแล้ว การสอบสวนผ่านไปหลายนาทีโดยไม่มีการทำร้ายร่างกายเธอแต่อย่างใด ไม่เหมือนเพื่อนชายคนอื่นๆ ของเธอที่ทุกข์ทรมานก่อนตาย

.....แต่อีกเพียงไม่กี่อึดใจเดียว เหตุการณ์นั้นกลับตาลปัตรโดยที่ขิ่น โช อู ไม่มีทางคาดถึง เธอถูก"เมียว วิน"ต่าน หย่าน"อ่อง เหนี่ยง " และชายฉกรรจ์ร่วม30คน เข้ากลุ้มรุมทำร้ายและข่มขืนเธออย่างซาดิสต์ เธอถูกรุมทุบตีและสวนไม้ไผ่เข้าที่อวัยวะเพศ จากนั้นจึงถูกจับฝังดินเหลือเพียงแค่ศรีษะโผล่พ้นพื้น ซ้ำยังถูกกระหน่ำตีด้วยไม้และรุมเตะอย่างแรง แต่มันยังไม่หนำใจพวกสัตว์นรก มันเอามีดเล่มเขื่องยัดเข้าไปในปากและคว้านอย่างแรง ก่อนที่จะจิกหัวเธอขึ้นมาจากดิน แล้วลากร่างอันเปลือยเปล่าไปบนพื้นดินอันเฉอะแฉะที่กลางค่าย จากนั้นยังบังคับให้เธอใช้ปากอมอวัยวะเพศของแฟนเธอ"โซ เนียง" ซึ่งได้กลายเป็นศพไปตั้งแต่เมื่อวาน

.....ชะตาของเธอใกล้ขาดเมื่อ"เมียว วิน"ดึงมีดสนามออกมาจากซองเอวหมายจะฟันลงที่ต้นคอ เธอพยายามวิงวอนร้องขอชีวิต ในขณะที่ ต่าน หย่าน กลับเดินตรงดิ่งมาหาเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยอยู่ครู่หนึ่ง จึงชักปืนยิงใส่เธอหลายนัด แล้วเดินผละออกไปไม่ใยดี ปล่อยให้สัตว์นรกตัวอื่นๆลากศพเธอไปโยนทิ้งหลุมใหญ่ที่หลังค่าย เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวจากจำนวนเชลยสายลับนับร้อยคนที่ถูกฆ่าตาย และเธอตายด้วยวิธีการที่โหดร้ายทารุณมากที่สุด ในบรรดาเชลยสายลับทั้งหมดในค่ายนรกนี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

      เรื่องดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน หลังจากนักศึกษาบางคนสามารถหลบหนีออกมาได้ จึงถูกตีแผ่สู่สังคมวงกว้างทั้งหมู่ชนในพม่าและต่างประเทศ ยังผลให้เกิดการประท้วงในหมู่นักศึกษาที่สังกัดกองกำลังนี้ในฐานอื่นๆที่กระจายกำลังอยู่ตามแนวชายแดนจีน พม่า ไทย จากเหตุการณ์สังหารหมู่นี้เองเป็นผลให้ ดร. เนียง อ่อง ถูกตัดงบประมาณการช่วยเหลือและถูกยับยั้งในเรื่องทุนการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดเคเนดี้สหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงพฤติกรรมอันเลวร้ายให้ทางมหาวิทยาลัยทราบ
ทางคณะกรรมาธิการสหภาพนักศึกษาพม่าABSDF. จึงได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อเหตุการณ์ดังกล่าวโดยให้เหตุผลในเรื่องนี้ว่า "มันคือการทำสงคราม ไม่ใช่เรื่องที่สมควรต้องใจอ่อนกับศัตรูที่พยายามจะสร้างความเสียหายให้แก่ฝ่ายเรา เราต่อสู้เพื่ออิสระภาพจากความโหดร้ายของรัฐบาลเผด็จการพม่า ถึงแม้ว่าสหายเราในฐานทหารคะฉิ่นทางภาคเหนือ ฐานมาเนอร์ปลอว์ และ กองทัพรัฐฉานของขุนส่าจะพ่ายแพ้ไปแล้วก็ตามที แต่เรายังต้องแข็งแกร่ง และจะใจอ่อนกับศัตรูไม่ได้"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

      ทางคณะกรรมาธิการสหภาพยังเน้นย้ำอีกว่า "ตามกฎของการทำสงครามเราสามารถไว้ชีวิตเชลยศึกได้ แต่ไม่ใช่กับสายลับ"
เป็นไปตามที่ฝ่ายยุทธการคาดหมายไว้ ไม่นานนักค่ายใหญ่ABSDF. ที่ฐานPajau ก็ถูกทหารพม่าตีแตกไปในที่สุด ซึ่งในระหว่างนี้เองที่องค์กรสหประชาชาตินำโดยสหรัฐอเมริกา ประกาศให้กองกำลังติดอาวุธ ABSDF. เป็นกลุ่มก่อการร้าย ที่เป็นภัยอันตรายต่อประเทศสมาชิกภาพUNในภาคพื้นเอเชีย กลุ่มนี้ถูกสหรัฐประกาศให้เป็นกลุ่มก่อการร้ายในช่วงปี พ.ศ. 2544 – 2553 และยังคงกำลังร่วมกับคะฉิ่นและกะเหรี่ยงอยู่ตลอดแนวชายแดน เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่าจนถึงปัจจุบัน

จวบจนวันนี้ที่เดือนดาวนั้นเคลื่อนคล้อยไป เรื่องราวอันโหดร้ายในค่ายนรกที่ป่าชายแดนนั้น กลายเป็นเพียงแค่หน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองในประเทศพม่า ที่เริ่มเลือนหายไปตามกาลและเวลา แต่ยังคงรอให้ใครสักคนหนึ่งมาเปิดอ่านดูเท่านั้นเอง.............

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อ้างอิง: moethihaaung.blogspot.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่