มีคนบอกว่า ปรมัตถธรรมของพระอรหันต์ กับปรมัตถธรรมของปุถุชน ไม่เหมือนกัน
ปรมัตถธรรมคือสิ่งที่เป็นความจริงสูงสุด อย่างเช่น ไตรลักษณะ กฎอิทัปปจยตา และสภาวธรรมที่แท้จริงต่างๆ เป็นต้น
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือรู้เห็นตามความจริงของธรรมชาติอันนี้นะครับว่าทุกชีวิตอยู่ภายใต้กฎเหล่านี้ นั่นคือเป็นเหมือนกันหมด
เพียงแต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์รู้เห็นตามความเป็นจริง การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสิ่งต่างๆ เลย
แต่ปุถุชนไม่มีความรู้อันนี้ จึงเห็นสิ่งต่างๆ ตามสมมติ แต่โดยเนื้อแท้ของสิ่งต่างๆ ที่เป็นต่อพระอรหันต์หรือปุถุชน ไม่ได้แตกต่างกันเลย มันก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติเหมือนๆ กันหมด ทุกชีวิต ต้องเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แม้แต่ความสุข ความทุกข์ ก็ต้องกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเช่นกัน
สิ่งที่แตกต่างระหว่างพระอรหันต์ กับ ปุถุชน คือ
การเห็นสภาพตามความเป็นจริง (ปรมัตถธรรม) นั่นเอง อย่างอื่นเหมือนกันหมด มีแก่ เจ็บ ตาย ตามธรรมดา ตามเหตุปัจจัย
มีพระอรหันต์ กับ ปุถุชน นั่งอยู่ที่หน้าห้องคลอด เมื่อมีเด็กคลอดออกมาจากท้องแม่ ปุถุชนมองเห็นว่ามีคนเกิด (ตามสมมติ ตามความไม่รู้ในสภาวธรรมที่แท้จริง) แต่พระอรหันต์ไม่ได้เห็นเป็นคนเกิดขึ้นมานะครับ (เห็นสภาวธรรมที่แท้จริง เห็นเป็นอิทัปปจยตา เท่านั้น) ดังนั้นลองคิดกันเอาเองว่าความจริงตามธรรมชาติ ตามสภาวธรรม หรือ ในปรมัตถธรรม มันมีคนเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
จะมาบอกว่า ปรมัตถธรรมของปุถุชนคือมีเด็กเกิด ปรมัตถธรรมของพระอรหันต์ไม่มีเด็กเกิด อันนี้ผิดนะครับ ปรมัตถธรรม มันอยู่ของมันคงเดิม ใครจะเห็นอย่างไรมันไม่สนหรอกครับ มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้นแหละ
-----------------------------------------------------------
ปล. สงสัยผมจะใช้คำผิด น่าจะใช้ ปรมัตถสัจจะ
แต่ผมต้องการหมายถึง สภาวธรรม ตามความจริงของธรรมชาติ
ปรมัตถธรรม มีหนึ่งเดียวนะครับเหมือนกันหมด
ปรมัตถธรรมคือสิ่งที่เป็นความจริงสูงสุด อย่างเช่น ไตรลักษณะ กฎอิทัปปจยตา และสภาวธรรมที่แท้จริงต่างๆ เป็นต้น
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือรู้เห็นตามความจริงของธรรมชาติอันนี้นะครับว่าทุกชีวิตอยู่ภายใต้กฎเหล่านี้ นั่นคือเป็นเหมือนกันหมด เพียงแต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์รู้เห็นตามความเป็นจริง การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสิ่งต่างๆ เลย
แต่ปุถุชนไม่มีความรู้อันนี้ จึงเห็นสิ่งต่างๆ ตามสมมติ แต่โดยเนื้อแท้ของสิ่งต่างๆ ที่เป็นต่อพระอรหันต์หรือปุถุชน ไม่ได้แตกต่างกันเลย มันก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติเหมือนๆ กันหมด ทุกชีวิต ต้องเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แม้แต่ความสุข ความทุกข์ ก็ต้องกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเช่นกัน
สิ่งที่แตกต่างระหว่างพระอรหันต์ กับ ปุถุชน คือการเห็นสภาพตามความเป็นจริง (ปรมัตถธรรม) นั่นเอง อย่างอื่นเหมือนกันหมด มีแก่ เจ็บ ตาย ตามธรรมดา ตามเหตุปัจจัย
มีพระอรหันต์ กับ ปุถุชน นั่งอยู่ที่หน้าห้องคลอด เมื่อมีเด็กคลอดออกมาจากท้องแม่ ปุถุชนมองเห็นว่ามีคนเกิด (ตามสมมติ ตามความไม่รู้ในสภาวธรรมที่แท้จริง) แต่พระอรหันต์ไม่ได้เห็นเป็นคนเกิดขึ้นมานะครับ (เห็นสภาวธรรมที่แท้จริง เห็นเป็นอิทัปปจยตา เท่านั้น) ดังนั้นลองคิดกันเอาเองว่าความจริงตามธรรมชาติ ตามสภาวธรรม หรือ ในปรมัตถธรรม มันมีคนเกิดขึ้นมาหรือเปล่า
จะมาบอกว่า ปรมัตถธรรมของปุถุชนคือมีเด็กเกิด ปรมัตถธรรมของพระอรหันต์ไม่มีเด็กเกิด อันนี้ผิดนะครับ ปรมัตถธรรม มันอยู่ของมันคงเดิม ใครจะเห็นอย่างไรมันไม่สนหรอกครับ มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้นแหละ
-----------------------------------------------------------
ปล. สงสัยผมจะใช้คำผิด น่าจะใช้ ปรมัตถสัจจะ
แต่ผมต้องการหมายถึง สภาวธรรม ตามความจริงของธรรมชาติ