MINI NOVEL #1 คานทองวิลลา [ตอนที่ 2]

M I N I     N O V E L

-1-

คานทองวิลลา



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



2

      ครืดดดดดดดดดดด

      “ตีมงานนี้ลูกค้าบอกอยากได้สีขาวแดงนะ แล้วก็เน้นดอกไม้ด้วย อ่ะ...คิดว่าในงานควรจะมีอะไรดี?”

      ครืดดดดดดดดดดด

      “หัวใจอ่ะหนึ่ง”

      “กุหลาบสองเลยค่ะ”

      “อ่า...”

      ครืดดดดดดดดดดด

      “ผ้าซาติน! ผมว่าถ้าเอาผ้าซาตินสีขาวนวลๆ จัดสลับแดงอยู่หลังซุ้มถ่ายรูปน่าจะเวิร์คนะ”

      นาปีพยักหน้าเห็นด้วยทุกความเห็น โดยไม่สนโทรศัพท์ตัวเองที่สั่นครืดหมุนเกลียวอยู่บนโต๊ะที่กำลังประชุมกันอยู่ เมื่อทุกคนเริ่มเงียบเพราะกำลังใช้ความคิด เสียงเจ้าโทรศัพท์ที่สั่นครืดก็ดังพอจะเรียกให้เจ้าของหันมองและหยิบมาดู

      “แอปเปิล?”

      เหอะ ถ้าให้เดาเขาว่าคงโทรมาคุยเรื่องบ้านแหงๆ และก็คงขอโทษแทนยัยนาพังปากหมานั่นด้วย เขาถอนใจแรงก่อนจำใจกดรับ

      “ถ้าคิดจะโทรมาเรื่องบ้านและก็ยัยนาพังล่ะก็ฉันจะวางละนะ ไม่อยากฟัง”

      [เฮ้ยๆๆ!!! เดี๋ยวก่อนสิไอ้ปี ฟังฉันก่อน]

      นาปีที่กำลังจะวางสายจริงๆ ถอนใจเบะปากมองบน

      “เอ้า ว่ามา”

      [คือ ก็...ก็ใช่อ่ะ ที่ฉันโทรมาก็เรื่องบ้านแล้วก็ไอ้ปรังนี่แหละ]

      “อือฮึ”

      [คือเรื่องบ้านอ่ะ ฉันอยากให้แกคิดดูอีกที...]

      “ทำไม เสียดายล่ะสิที่ขายบ้านไม่ได้อ่ะ ไม่ต้องโทษใครเลยนะ โทษยัยนาพังเพื่อนแกนั่นแหละ” นาปีสวนแทรกขึ้นมาทันทีเพราะเสียเซลฟ์ข้ามวันข้ามคืนเรื่องนี้ไม่มีเรื่องอื่น อุตส่าห์เจอบ้านที่ถูกสเป็คแล้ว เจอบ้านที่หามานาน แต่..แต่กลับซื้อไม่ได้! ทำไมเจ้าของหมู่บ้านนี้มันต้องเป็นยัยนาพังด้วยวะ!

      [เออๆๆ ฉันรู้ว่ามันเอาแต่ใจไปหน่อย...]

      “ไม่หน่อยล่ะ!”

      ควับ!

      ทุกคนหันไปมองนาปีพร้อมกันเพราะเขาตะคอกเสียงดังอย่างลืมไปว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองทุกคนแล้วก็สะดุ้ง ยกมือขอโทษก่อนจะเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก

      [ไอ้ปี คือแบบ...ฉันเองก็ไม่อยากเล่าหรอกว่าทำไมปรังมันต้องตั้งกฎบ้าบออะไรพวกนี้ด้วย แต่ถ้า...แต่ถ้าเกิดฉันไม่เล่าแกก็คงไม่เข้าใจมันสักที]

      “เดี๋ยวนะแอปเปิล กฎ? กฎอะไร?”

      [อ่าว นี่แกยังไม่รู้เหรอ?]

      “คิดว่าจะรู้มั้ยล่ะ วันนั้นยังไม่ได้ทันได้คุยได้ตกลงอะไรกันยัยนั่นก็ไล่ฉันออกมาและ โอ้ย พูดแล้วขึ้นว่ะ”

      [เหย ใจเย็นเย๊น] ปลายสายเริ่มเสียงสูง เหงื่อไหลซึมชื้นแฉะมือที่กำลังกำโทรศัพท์อยู่

      [อ่า...เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวฉันจะเล่าแม่มให้หมดเลยเกี่ยวกับวิลลาที่นี่ ถ้าแกจะยอมฟังอ่ะนะ]

     
      นาปีรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยเพราะเหมือนวิลลาที่นี่จะมีเรื่องราวมากกว่าการหาผลประโยชน์ทั่วไป และยิ่งถ้าเกี่ยวกับยัยนาพังของเขา เขาว่ามันน่าจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไร คานทอง...คานทองเหรอ? ต้องเกี่ยวกับคนรักชัวร์!

      [คานทองวิลลาเนี่ย ฉันกับไอ้ปรังร่วมหุ้นกันผสมกับเงินพ่อมันจนกลายมาเป็นอย่างที่แกเห็นนี่แหละ และก็ที่เกิดมาได้นี่ไม่ใช่แค่มันจะทำสนุกๆ ถลุงเงินเล่นนะ มันมีเหตุผลของมัน...]

      “เหตุผลอะไร? ผัวทิ้ง?”

      [เฮ้ย ยังไม่ใช่ผัว แค่แฟน]

      นาปีเลิกคิ้ว ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ว่าแต่...ยัยนั่นมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร?

      [ไอ้ปรังน่ะ มันเจ็บมาเยอะ มันกะแฟนตอนคบกันรักกันจะตาย นี่รักกันถึงขนาดวางแผนจะแต่งงานกันเลยนะ แต่ว่ามันมีอยู่วันนึง ไอ้ปรังดัน...ไปเห็นแฟนมันนอนกับผู้หญิงคนอื่น นี่มันจะไม่เจ็บจี๊ดถึงขั้วเลยนะเว้ยถ้าเกิดไอ้เตียงที่แฟนเวรตะไลของมันอยู่ไม่ใช่เตียงที่พวกมันสองคนนอนด้วยกัน]

      “อ๋อ...เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆ ไหนว่าแค่แฟน? นี่...นี่นอนด้วยกันแล้วเหรอ??” นาปีตกใจใจหายวาบ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกผิดหวังเล็กๆ ที่ได้ยินอย่างนี้

      [ไอ้บ้า! อย่าคิดลึกสิ นอนน่ะนอนนน นอนเฉยๆ ก็เพราะแค่นอนเฉยๆ ไงแฟนมันถึงต้องไปกินตับคนอื่นแทน คือที่ไอ้ปรังมันยอมอยู่ก่อนแต่งเนี่ยเพราะมันอยากรู้ไงว่าถ้าอยู่ด้วยกันเห็นหน้ากันทุกวันจะยังรักกันเหมือนเดิมมั้ย เพราะมันกลัวว่าเออ...ชีวิตก่อนหลังแต่งมันจะไม่เหมือนกันไง แต่มันก็ยังไม่กล้ามีอะไรด้วยเพราะยังไม่ได้แต่ง และก็อยากพิสูจน์ด้วยแหละว่าแฟนมันจะรอไหวมั้ย และแล้วคำตอบก็คือ...”

      “ไม่” นาปีตอบให้ เสียงเขาแค่นหัวเราะประชดชีวิตแทนยัยนาพังที่เขาไม่คิดว่ามีโอกาสได้เจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ด้วย เอาจริงๆ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าเธอจะมีแฟน ปากอย่างนั้นถ้าเป็นเขาเขาไม่คบด้วยหรอก แต่ก็นะ...ดูท่าเธอจะปากเสียกับเขาแค่คนเดียว

      [เฮ้อ พูดถึงก็เสียดายว่ะ นี่ไอ้ปรังมันเสียค่าเสียโอกาสไปมากเลยนะ แบบ...ทั้งซื้อคอนโดให้ ซื้อรถให้ อะไรๆ ก็ออกให้ คือเข้าใจป่ะว่ารักมากอ่ะ แต่...โอ้ย นึกแล้วเสียดายยย! เสียดายๆๆๆ!!]

      นาปีฟังไปเริ่มห่อปาก นี่...รักถึงกับประเคนให้ขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย???

      [ทีนี้ปรังมันเจ็บไง แค้นด้วย เลยประกาศขายคอนโดที่มันซื้อให้แฟนแบบไม่บอกไม่กล่าว พอแฟนมันกลับมาอีกทีคอนโดห้องนั้นก็กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว อิตอนนี้ฉันโคตรสะใจอ่ะ แบบ...เขามาโวยไอ้ปรังเลยเว้ย มาด่าๆๆ ว่าทำงี้ได้ไง ปรังมันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ คือเหมือนจะจบแล้วนะ แต่ไม่จบ ปรังมันจะเอารถคืน แต่แฟนมันไม่ให้ หน้าด้านไง นี่ไอ้ปรังมันก็โอเค๊ ไม่คืนกูก็ไม่เอา เจ๊แกเลยจัดให้เลยชุดใหญ่ เดินไปเอาค้อนในรถตัวเองมาทุบรถทุบกระจกแตกต่อหน้าต่อตา โอ้ย สะใจ]

      “สะใจไรวะ รถคันหนึ่งตั้งกี่แสน”

      [ขอโทษจ้ะ ล้านกว่า]

      “หะ! แล้วคือ...สุดท้ายก็ทุบทิ้งเนี่ยนะ บ้าเปล่า พ่อขุดบ่อน้ำมันรึไงรวยถลุงเงินเล่นแบบนี้”

      [นี่แก ก่อนเกิดเรื่องมันซื้อให้เพราะรักเว้ย แต่หลังเกิดเรื่องมันแค้นเข้าใจป่ะ มันไม่สนหรอกว่าจะซื้อมากี่แสนกี่ล้าน แต่อะไรที่ทำให้แฟนมันช็อกได้มันก็ทำ แกไม่เคยเจ็บแกไม่เข้าใจหรอก]

      ก็จริง เขาไม่เคยเจ็บ เพราะยังไม่เคยรักใคร แต่ถ้าให้มีรักแล้วต้องเจ็บอย่างยัยนาพังเขายอมอยู่บนคานแก่ไปคนเดียวดีกว่า

      [แล้วนี่พอเรื่องมันผ่านไปหลายเดือน ปรังมันก็เริ่มเห็นสัจจธรรมของความรักว่ามีไปก็ทุกข์ เลยคิดโครงการคานทองวิลลาขึ้นมาไว้สำหรับเฉพาะคนโสดคนม่ายเท่านั้นมาอยู่ และกฎเหล็กอีกข้อคือทุกคนในวิลลานี้ห้ามรักกันโดยเด็ดขาด ถ้ามันรู้ว่าใครรักกันมันไล่เลยล่ะ]

      “ไล่? บ้า ไล่ได้ไงก็ซื้อไปแล้ว ซื้อนะเว้ยไม่ได้เช่า”

      [จะซื้อหรือเช่ามันไม่สำคัญเท่าว่าคุณๆ ทั้งหลายทำตามข้อตกลงหรือไม่ ถ้าทำตามก็จบ แต่ถ้าไม่ก็ออก มันช่วยไม่ได้ เพราะก่อนที่คุณๆ จะซื้อบ้านที่นี่ต้องรู้กฎทุกข้อ และถ้ารับรู้แล้วแต่ยังซื้ออีกนั่นก็คือว่าคุณๆ ยอมรับกฎแล้ว จะมาเรียกร้องอะไรทีหลังไม่ได้]

      นาปีร้อง อะไรกันวะเนี่ย มีกฎบ้าบออะไรนี่ด้วยเหรอ แล้ว...จะมีใครที่ไหนวะเนี่ยยอมรับกฎพวกนั้นได้ ชีวิตใครก็ชีวิตมันดิจะมาบงการได้ยังไงหมด ดีแล้วที่เขารู้กฎก่อนยังไม่ได้ซื้อ แต่...เฮ้อ เขาชอบบ้านหลังนั้นจริงๆ นะ

      “แอปเปิล เอาตรงๆ นะ ฉันชอบเรือนไทยไอ้หลังสุดท้ายฝั่งซ้ายว่ะ แต่...คือ...ช่วยเอาไอ้กฎบ้าๆ นี่ออกไปได้มั้ย คือฉันอยากได้มากเลยนะเว้ย ถึงเจ้าของจะเป็นยัยนาพังปากหมาอันธพาลแต่ฉันก็พอรับได้ แต่เรื่อง...กฎ...บ้าบออะไรนี่ฉันรับไม่ได้ว่ะ ถ้าเกิดฉันเผลอใจไปรักใครเข้าให้ทำไงวะ ไล่ฉันออกเหรอ? ทั้งที่เสียไปหลายล้านแล้วเนี่ยนะ”

      [บอกให้ เรือนไทยที่แกอยากได้อ่ะสี่สิบห้าล้าน]

      “อยู่ในงบด้วย! โอย เจ็บ นี่ถ้าหกเจ็ดสิบล้านฉันจะไม่เจ็บเท่านี้เลย ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะแอปเปิลที่บอกว่าฉันไม่เคยเจ็บอ่ะ” ชายหนุ่มแกล้งทำเสียงกระอักเลือด ปลายสายหัวเราะ

      [โอ้ย อิบ้า พอเลย ไงก็อยากให้แกคิดดูอีกทีนะ เรือนไทยหลังนั้นสวยมาก ถ้าแกเดินดูละเอียดจริงๆ จะรู้ว่ามีบางสิ่งพิเศษกว่าบ้านหลังอื่นทุกหลังเลยล่ะ แค่นี้นะ]

      “หมายความว่าไง แอปเปิล อะไรพิเศษวะ?”

      [ไม่รู้ กลับไปดูเอง]

      ตู้ดๆๆ

      “เฮ้ย เดี๋ยวดี้! แอปเปิล! แอปเปิลเว้ยยย...โฮ่ย!”

      นาปีสบถเมื่อเพื่อนสาววางสายไปแบบไม่แคร์ความอยากรู้ของเขาเลย พิเศษเหรอ? อะไรวะ? นี่เขาต้องโทษตัวเองใช่มั้ยเนี่ยที่วันนั้นดูไม่ละเอียดพอ เอาแต่นั่งกินลมบนเรือน นาปีเม้มปากแน่น ความอยากรู้ของเขาคือจุดอ่อนที่แก้ไม่ได้สักที แต่...จะให้กลับไปอีกก็กลัวจะต้องทะเลาะปวดขมับกลับมาอีกน่ะสิ เจอหน้ายัยนาพังทีไรเขาเครียดทุกที ไม่รู้เจ้าตัวจะโกรธเกลียดอะไรเขานักหนา เขาเองก็ไม่ได้อะไรหรอกนะกับการถูกจิ้นกับเธอ ก็แค่เป็เรื่องฟินๆ สนุกๆ ของคนอื่นเท่านั้น ถ้าเขาไม่คิด เธอไม่คิดก็จบป่ะ

      ที่ผ่านมาหลังจากจบปอหกเขาและเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนมาตอนเรียนมหาลัยเขาได้เจอกับอัมราอีกจึงได้จับกลุ่มกันไว้จนถึงทุกวันนี้ จะมีก็แต่นาปรังที่เขาไม่ได้ติดต่อรับรู้เรื่องราวอะไรเลย เคยถามอัมราแล้ว แต่หล่อนบอกว่านาปรังไม่ให้เล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเธอให้เขาฟังทั้งนั้น และก็ขอไม่ฟังเรื่องของเขาด้วย เอาที่เขาเข้าใจ เธอคงอยากตัดเขาออกจากชีวิตมากถึงขนาดที่ต้องตัดขาดการติดต่อระหว่างเขาแบบนี้ นี่ถ้าเกิดโลกไม่กลมกรรมไม่นำพาจริงๆ เขาคงไม่มีโอกาสได้เจอเธออีกครั้งแน่

      “ท่านมีเหตุผลมั้ยครับ ถึงพาให้ผมได้มาเจอกับมันอีก”

      นาปีทอดสายถามท้องฟ้าหลังม่านกระจก เขาไม่เข้าใจ ในเมื่อพลัดก็พลัดกันมาแล้วยี่สิบกว่าปี แต่ทำไมจู่ๆ ถึงได้จับเขาและเธอให้มาเจอกันอีก มันต้องมีเหตุผลแน่ๆ แต่อะไรล่ะ หวังว่าท้องฟ้าท่านเทพเทวดาคงไม่ได้อยากให้เขาและเธอกลับมาจิ้นกันอีกหรอกนะ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่