ตอนที่สิบสาม
เสียงสูดหายใจครืดปลุกเธอให้ตื่น เอื้อยลืมตาขึ้นอย่างอ่อนเพลียมองแผ่นหลังของชายอาวุโสที่มีรอยสักรูปเสือพาดอยู่บนแผ่นหลังกับอักษรอักขระหลายตัว เสียงสูดหายใจเข้าดังครืดอีกสองถึงสามหนำร้อมกับร่างที่สั่นไหวของชายเจ้าของรอยสัก หญิงสาวค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วรวบผ้าห่อให้ปกปิดร่างกายเธอเอาไว้ ความรู้สึกกังวลเกิดขึ้นเมื่อเขาหันหน้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าหวั่นเกรง
“อยากลองบ้างไหมล่ะ” ชายร่างท้วมแสยะยิ้มแล้วยื่นห่อฟอยล์ที่มีผงสีขาวให้เธอ
“ไม่” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“โถ่...นังโง่ ของดีๆแบบนี้ไม่ลองแล้วจะเสียชาติเกิด”
‘ถ้าลองไอ้ผงบ้านั้นแล้วต้องเกิดชาติเดียวกับแกอีก ฉันก็ขอเป็นนังโง่ทุกชาติไป’ เธอตอกย้ำกับตัวเองในใจ หญิงสาวแหงนหน้าดูนาฬิกาข้างฝาแล้วมองชายท้วมที่ยังคงสุขสันต์กับวัตถุสีขาว
“เสี่ย ฉันต้องไปทำงานแล้ว” เธอลุกขึ้นจากเตียงทั้งๆที่มีผ้าห่มปกคลุมร่างกายแล้วพยายามเดินให้ห่างจากเสี่ยให้มากที่สุด
“อะไรวะ จะรีบไปไหน นี่แกยังบริการฉันไม่ถึงครึ่งของเดือนนี้ที่จ่ายเลยนะเว้ย”
“ก็ที่ผ่านมา เป็นเสี่ยเองที่มีธุระไม่ใช่หรือจ๊ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะหักเงินแก แล้วจ่ายแกเป็นครั้งๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด แต่ถ้ามันจะทำให้เธอห่างจากเขาได้มากขึ้นกับมีข้อผูกมัดน้อยลงล่ะก็เธอจะยอม และในตอนนี้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาก็มากพอที่จะส่งน้องทั้งสองเรียนจนจบแล้ว “ก็ได้จ้ะเสี่ย ฉันก็ไม่อยากจะเอาเปรียบเสี่ยนะ”
“ฮ่าๆๆๆ อีเวร นี่เอาสำนวนนี้มาใช้กับฉันอย่างนั้นหรือ อย่าแกเนี่ยนะจะมาเอาเปรียบฉันได้” เขาลุกขึ้นยืนขยับกางเกงที่หย่อนใต้สะดือขึ้นแล้วก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาว สายตาที่ดูถูกเย้ยหยันมองเธอไม่ต่างมองหมาข้างถนน
“เมื่อก่อนแกเคยเป็นของใหม่สำหรับข้า แต่ตอนนี้ใช้ไปนานๆมันก็เก่า แต่แกอย่าคิดเชียวว่าถ้าข้าเบื่อแล้วข้าจะปล่อยแกให้เป็นอิสระ” เขาพูดแล้วผลักเธอกระแทกกับฝาผนัง หญิงสาวรู้สึกหวั่นวิตกอีกครั้ง เสี่ยบัญชากระทำรุนแรงและใช้กำลังกับเธอมากขึ้นทุกทีๆ อีกทั้งแววตาที่บางครั้งเหมือนคนล่องลอยไร้สติ หากเขามาเล่นยาที่นี่แล้วตามด้วยการทำร้ายร่างกายเธอแบบนี้ทุกครั้งสักวันเธอคงจบชีวิตในห้องเช่าขนาดเท่ารูหนูอย่างอนาถ
“ดูเหมือนแกจะปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหมล่ะถึงกล้าพูดแบบนั้นได้ หรือว่าแกหาผัวใหม่มาเลี้ยงแกได้แล้วล่ะสิ” บัญชายื่นมือหนาเข้าล็อคที่คอของเธอแล้วออกแรงบีบ เอื้อยปล่อยมือจากผ้าผืนเดียวที่เธอใช้ปิดบังร่างกายยกมือรั้งแรงบีบนั้นไว้ก่อนที่มันจะทำให้เธอขาดอากาศหายใจ
“สะ...เสี่ย ฉะ...ฉันไม่ได้...คิดแบบนั้นเลยนะ ที่ฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะเสี่ย ฉัน ฉันไม่ลืมหรอก” เธอพยายามพูดให้เขาเปลี่ยนท่าที แต่ปากที่แยกออกจนเห็นฟันซี่ลึก กับดวงตาเบิกกว้างนั้นดูไม่เหมือนเสี่ยคนเดินที่เธอเคยใช้วิธีพูดยกยอ
เขาแสยะยิ้มแล้วปล่อยคอเธอ เอื้อยสูดอากาศเข้าเต็มปอดทันทีราวกับว่าเธอต้องการอากาศให้มากที่สุดหลังจากเขาปล่อยมือจากคอ แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดหายใจอีกครั้งเมื่อเขากลับมาพร้อมกับเข็มในมือ
“เสี่ย...อย่า...” เธอรีบเดินถอยหลังหนีให้ห่างชายแก่ร่างท้วมที่เดินมุ่งตรงเข้ามา
“อย่า...” หญิงสาวเดินหนีไปร้องห้ามเขาไป แต่เขาปราดเข้ามากระชากตัวเธอแล้วลากเธอไปทิ้งเตียง
“อย่า !” เอื้อยพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่แรงของเธอไม่อาจต้านทานคนที่บ้าคลั่งได้ เขาขึ้นคร่อมเธอแล้วรวบแขนตรึงเอาไว้
“ถ้าจะให้เชื่อว่าฉันเลี้ยงเธอไม่เสียข้าวสุก ฉันก็ต้องทำให้เธอเชื่องเสียก่อน”
ปลายเข็มแหลมทิ่มแทงเข้าที่เส้นสีเขียว สารสะลายถูกฉีดดันส่งเข้าสู่กระแสเลือด ความร้อนวูบวาบหลั่งไหลทั่วร่างกายและทุกที่เส้นโลหิตเดินทางไปถึง
********************
“ถึงพี่ดาว
พี่สบายดีไหมจ๊ะ แม่กับฉันสบายดี ชีวิตในเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้างอยู่ลำบากไหม เมื่อไหร่พี่จะมาเยี่ยมฉันกับแม่บ้าง งานที่โรงงานยุ่งมากหรือจ๊ะ ทุกวันนี้งานผู้ช่วยคุณหมอที่ฉันทำอยู่ก็ยุ่งทุกวันเลย
พี่ดาวจ๋าฉันมีเรื่องจะเล่าให้พี่ฟัง จริงๆแล้วอยากเล่าด้วยปากตัวเองมากกว่า แต่ฉันรอวันที่พี่มาเยี่ยมพวกเราไม่ไหว พี่ดาวเคยรักใครที่ไม่ควรรักไหม คือฉันคิดว่าฉันกำลังมีความรักกับชายคนหนึ่ง ซึ่งชายคนที่ฉันไม่ควรจะรัก แต่มันเป็นความรักเกิดขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัวและไม่ทันตั้งตัว พี่ดาวฉันรู้สึกผิดกับความรักที่ฉันมีจนคิดว่าการที่เรารักใครสักคนที่ไม่ควรจะรักนี่มันทรมานจังเลยจ้ะพี่ เพราะหากรักแล้วต้องรู้สึกผิดแบบนี้ฉันเลือกที่จะเป็นผู้หญิงไร้รักเสียยังจะดีกว่า หรือมิฉะนั้นก็ขอเลือกรักชายอีกคนที่รักเราแต่นั่นอาจทำให้เราทุกข์ใจยิ่งกว่า
แต่ในเรื่องเศร้าก็ยังมีเรื่องดีเกิดขึ้นนะจ๊ะ จะเป็นเรื่องอะไรนั้นฉันจะบอกพี่ด้วยปากของตัวเอง พี่ต้องหาเวลามาเยี่ยมฉันกับแม่ให้ได้ล่ะ อย่าห่วงแต่งานนัก ถ้าวันหนึ่งโรงงานนั่นไม่มีพี่ทำงานให้ ยังไงเขาก็มีคนอื่นทำให้ได้อยู่แล้ว แต่สำหรับน้องสาวคนนี้มีพี่ดาราเป็นพี่สาวแค่คนเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ
รักและคิดถึงพี่ดาวเสมอ
ดวงแข”
เธอพับจดหมายที่เขียนด้วยลายมือประณีตลงซองสีครีม มันยังดูใหม่ไร้รอยยับย่นราวกับเพิ่งส่งมาจากมือคนเขียน คำลงท้ายคำเดิมทุกครั้งที่ท้ายจดหมายของทุกฉบับทำให้เธอร้องไห้ออกมาทุกครั้งที่อ่านมัน
‘รักและคิดถึงพี่ดาวเสมอ’
ดาราหยิบบุหรี่จุดสูบดับความคิดที่อยู่ในหัว ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นมันจะเป็นตัวทำลายความแค้นที่เธอเฝ้าสั่งสม หญิงสาวสวยสง่าลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่กระจกเพื่อมองดูสภาพบรรยากาศความเป็นไปของผับ ที่แห่งนี้ในแตกต่างจากวันที่เธอมาวันแรกลิบลับ หรือเป็นเพราะเธอมองมันจากข้างบนไม่ได้มองจากพื้นดินด้านล่างเหมือนอย่างในอดีต ป้ายไฟโลโก้โดดเด่นเป็นสง่าเหนือเวทีที่สร้างอย่างสุดอลังการ สาวน้อยหลายนางที่คอยให้บริการลูกค้าชายที่เข้ามาเที่ยวชมความงามของผู้หญิง ดาราแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันเพศผู้ทั้งหลายที่ลิ้นห้อยออกมาเพียงแต่เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยนุ่งน้อยห่มน้อย ลูกน้องหัวทองแดงของเธอกำลังเดินเข้ามาและเขาหยุดยืนแหงนหน้ามองเธอก่อนที่จะเดินหายไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอบอกอนุญาตให้คนภายนอกเข้ามา
“คุณนายครับ เสี่ยออกมากจากที่นั่นแล้วครับ” ชายหัวทองแดงรายงานการเคลื่อนไหวของเสี่ยบัญชา นายหญิงแห่งมูนไลท์ยิ้มกริ่มกับรายงาน เสี่ยกลายเป็นตัวเบี้ยในกระดานของเธออีกครั้ง ทุกอย่างตรงตามแผนที่ลูกน้องหัวทองแดงวางไว้
“ถ้าทุกอย่างสำเร็จ ผมหวังว่าคุณนายจะทำตามที่เราเคยตกลงกันไว้”
“แน่นอน เมื่อทุกอย่างสำเร็จ ที่นี่จะเป็นของเธอโดยทันทีรวมถึงเก้าอี้ตัวนี้” เธอเดินกลับมานั่งเก้าอี้ที่มันยังเป็นของเธออยู่ในตอนนี้ ดาเชิดหน้ามองลูกน้องหัวทองแดงที่ยังคงทำงานอย่างภักดีโดยมีของแลกเป็นเป้าหมาย
“แล้วแม่กับน้องของนังเอื้อย คุณนายจะให้ผมทำยังไงต่อ จะให้ผมส่งคนไปปิดงานเลยไหม”
“ถ้าทำอย่างนั้น มันก็จะสาวถึงเราได้ ไม่ต้องห่วง ฉันมีเบี้ยพิเศษอีกตัวสำหรับกระดานนี้ไว้อยู่แล้ว”
********************
หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่สิบสาม
เสียงสูดหายใจครืดปลุกเธอให้ตื่น เอื้อยลืมตาขึ้นอย่างอ่อนเพลียมองแผ่นหลังของชายอาวุโสที่มีรอยสักรูปเสือพาดอยู่บนแผ่นหลังกับอักษรอักขระหลายตัว เสียงสูดหายใจเข้าดังครืดอีกสองถึงสามหนำร้อมกับร่างที่สั่นไหวของชายเจ้าของรอยสัก หญิงสาวค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วรวบผ้าห่อให้ปกปิดร่างกายเธอเอาไว้ ความรู้สึกกังวลเกิดขึ้นเมื่อเขาหันหน้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าหวั่นเกรง
“อยากลองบ้างไหมล่ะ” ชายร่างท้วมแสยะยิ้มแล้วยื่นห่อฟอยล์ที่มีผงสีขาวให้เธอ
“ไม่” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“โถ่...นังโง่ ของดีๆแบบนี้ไม่ลองแล้วจะเสียชาติเกิด”
‘ถ้าลองไอ้ผงบ้านั้นแล้วต้องเกิดชาติเดียวกับแกอีก ฉันก็ขอเป็นนังโง่ทุกชาติไป’ เธอตอกย้ำกับตัวเองในใจ หญิงสาวแหงนหน้าดูนาฬิกาข้างฝาแล้วมองชายท้วมที่ยังคงสุขสันต์กับวัตถุสีขาว
“เสี่ย ฉันต้องไปทำงานแล้ว” เธอลุกขึ้นจากเตียงทั้งๆที่มีผ้าห่มปกคลุมร่างกายแล้วพยายามเดินให้ห่างจากเสี่ยให้มากที่สุด
“อะไรวะ จะรีบไปไหน นี่แกยังบริการฉันไม่ถึงครึ่งของเดือนนี้ที่จ่ายเลยนะเว้ย”
“ก็ที่ผ่านมา เป็นเสี่ยเองที่มีธุระไม่ใช่หรือจ๊ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะหักเงินแก แล้วจ่ายแกเป็นครั้งๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด แต่ถ้ามันจะทำให้เธอห่างจากเขาได้มากขึ้นกับมีข้อผูกมัดน้อยลงล่ะก็เธอจะยอม และในตอนนี้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาก็มากพอที่จะส่งน้องทั้งสองเรียนจนจบแล้ว “ก็ได้จ้ะเสี่ย ฉันก็ไม่อยากจะเอาเปรียบเสี่ยนะ”
“ฮ่าๆๆๆ อีเวร นี่เอาสำนวนนี้มาใช้กับฉันอย่างนั้นหรือ อย่าแกเนี่ยนะจะมาเอาเปรียบฉันได้” เขาลุกขึ้นยืนขยับกางเกงที่หย่อนใต้สะดือขึ้นแล้วก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาว สายตาที่ดูถูกเย้ยหยันมองเธอไม่ต่างมองหมาข้างถนน
“เมื่อก่อนแกเคยเป็นของใหม่สำหรับข้า แต่ตอนนี้ใช้ไปนานๆมันก็เก่า แต่แกอย่าคิดเชียวว่าถ้าข้าเบื่อแล้วข้าจะปล่อยแกให้เป็นอิสระ” เขาพูดแล้วผลักเธอกระแทกกับฝาผนัง หญิงสาวรู้สึกหวั่นวิตกอีกครั้ง เสี่ยบัญชากระทำรุนแรงและใช้กำลังกับเธอมากขึ้นทุกทีๆ อีกทั้งแววตาที่บางครั้งเหมือนคนล่องลอยไร้สติ หากเขามาเล่นยาที่นี่แล้วตามด้วยการทำร้ายร่างกายเธอแบบนี้ทุกครั้งสักวันเธอคงจบชีวิตในห้องเช่าขนาดเท่ารูหนูอย่างอนาถ
“ดูเหมือนแกจะปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหมล่ะถึงกล้าพูดแบบนั้นได้ หรือว่าแกหาผัวใหม่มาเลี้ยงแกได้แล้วล่ะสิ” บัญชายื่นมือหนาเข้าล็อคที่คอของเธอแล้วออกแรงบีบ เอื้อยปล่อยมือจากผ้าผืนเดียวที่เธอใช้ปิดบังร่างกายยกมือรั้งแรงบีบนั้นไว้ก่อนที่มันจะทำให้เธอขาดอากาศหายใจ
“สะ...เสี่ย ฉะ...ฉันไม่ได้...คิดแบบนั้นเลยนะ ที่ฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะเสี่ย ฉัน ฉันไม่ลืมหรอก” เธอพยายามพูดให้เขาเปลี่ยนท่าที แต่ปากที่แยกออกจนเห็นฟันซี่ลึก กับดวงตาเบิกกว้างนั้นดูไม่เหมือนเสี่ยคนเดินที่เธอเคยใช้วิธีพูดยกยอ
เขาแสยะยิ้มแล้วปล่อยคอเธอ เอื้อยสูดอากาศเข้าเต็มปอดทันทีราวกับว่าเธอต้องการอากาศให้มากที่สุดหลังจากเขาปล่อยมือจากคอ แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดหายใจอีกครั้งเมื่อเขากลับมาพร้อมกับเข็มในมือ
“เสี่ย...อย่า...” เธอรีบเดินถอยหลังหนีให้ห่างชายแก่ร่างท้วมที่เดินมุ่งตรงเข้ามา
“อย่า...” หญิงสาวเดินหนีไปร้องห้ามเขาไป แต่เขาปราดเข้ามากระชากตัวเธอแล้วลากเธอไปทิ้งเตียง
“อย่า !” เอื้อยพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่แรงของเธอไม่อาจต้านทานคนที่บ้าคลั่งได้ เขาขึ้นคร่อมเธอแล้วรวบแขนตรึงเอาไว้
“ถ้าจะให้เชื่อว่าฉันเลี้ยงเธอไม่เสียข้าวสุก ฉันก็ต้องทำให้เธอเชื่องเสียก่อน”
ปลายเข็มแหลมทิ่มแทงเข้าที่เส้นสีเขียว สารสะลายถูกฉีดดันส่งเข้าสู่กระแสเลือด ความร้อนวูบวาบหลั่งไหลทั่วร่างกายและทุกที่เส้นโลหิตเดินทางไปถึง
“ถึงพี่ดาว
พี่สบายดีไหมจ๊ะ แม่กับฉันสบายดี ชีวิตในเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้างอยู่ลำบากไหม เมื่อไหร่พี่จะมาเยี่ยมฉันกับแม่บ้าง งานที่โรงงานยุ่งมากหรือจ๊ะ ทุกวันนี้งานผู้ช่วยคุณหมอที่ฉันทำอยู่ก็ยุ่งทุกวันเลย
พี่ดาวจ๋าฉันมีเรื่องจะเล่าให้พี่ฟัง จริงๆแล้วอยากเล่าด้วยปากตัวเองมากกว่า แต่ฉันรอวันที่พี่มาเยี่ยมพวกเราไม่ไหว พี่ดาวเคยรักใครที่ไม่ควรรักไหม คือฉันคิดว่าฉันกำลังมีความรักกับชายคนหนึ่ง ซึ่งชายคนที่ฉันไม่ควรจะรัก แต่มันเป็นความรักเกิดขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัวและไม่ทันตั้งตัว พี่ดาวฉันรู้สึกผิดกับความรักที่ฉันมีจนคิดว่าการที่เรารักใครสักคนที่ไม่ควรจะรักนี่มันทรมานจังเลยจ้ะพี่ เพราะหากรักแล้วต้องรู้สึกผิดแบบนี้ฉันเลือกที่จะเป็นผู้หญิงไร้รักเสียยังจะดีกว่า หรือมิฉะนั้นก็ขอเลือกรักชายอีกคนที่รักเราแต่นั่นอาจทำให้เราทุกข์ใจยิ่งกว่า
แต่ในเรื่องเศร้าก็ยังมีเรื่องดีเกิดขึ้นนะจ๊ะ จะเป็นเรื่องอะไรนั้นฉันจะบอกพี่ด้วยปากของตัวเอง พี่ต้องหาเวลามาเยี่ยมฉันกับแม่ให้ได้ล่ะ อย่าห่วงแต่งานนัก ถ้าวันหนึ่งโรงงานนั่นไม่มีพี่ทำงานให้ ยังไงเขาก็มีคนอื่นทำให้ได้อยู่แล้ว แต่สำหรับน้องสาวคนนี้มีพี่ดาราเป็นพี่สาวแค่คนเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ
รักและคิดถึงพี่ดาวเสมอ
ดวงแข”
เธอพับจดหมายที่เขียนด้วยลายมือประณีตลงซองสีครีม มันยังดูใหม่ไร้รอยยับย่นราวกับเพิ่งส่งมาจากมือคนเขียน คำลงท้ายคำเดิมทุกครั้งที่ท้ายจดหมายของทุกฉบับทำให้เธอร้องไห้ออกมาทุกครั้งที่อ่านมัน
‘รักและคิดถึงพี่ดาวเสมอ’
ดาราหยิบบุหรี่จุดสูบดับความคิดที่อยู่ในหัว ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นมันจะเป็นตัวทำลายความแค้นที่เธอเฝ้าสั่งสม หญิงสาวสวยสง่าลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่กระจกเพื่อมองดูสภาพบรรยากาศความเป็นไปของผับ ที่แห่งนี้ในแตกต่างจากวันที่เธอมาวันแรกลิบลับ หรือเป็นเพราะเธอมองมันจากข้างบนไม่ได้มองจากพื้นดินด้านล่างเหมือนอย่างในอดีต ป้ายไฟโลโก้โดดเด่นเป็นสง่าเหนือเวทีที่สร้างอย่างสุดอลังการ สาวน้อยหลายนางที่คอยให้บริการลูกค้าชายที่เข้ามาเที่ยวชมความงามของผู้หญิง ดาราแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันเพศผู้ทั้งหลายที่ลิ้นห้อยออกมาเพียงแต่เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยนุ่งน้อยห่มน้อย ลูกน้องหัวทองแดงของเธอกำลังเดินเข้ามาและเขาหยุดยืนแหงนหน้ามองเธอก่อนที่จะเดินหายไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอบอกอนุญาตให้คนภายนอกเข้ามา
“คุณนายครับ เสี่ยออกมากจากที่นั่นแล้วครับ” ชายหัวทองแดงรายงานการเคลื่อนไหวของเสี่ยบัญชา นายหญิงแห่งมูนไลท์ยิ้มกริ่มกับรายงาน เสี่ยกลายเป็นตัวเบี้ยในกระดานของเธออีกครั้ง ทุกอย่างตรงตามแผนที่ลูกน้องหัวทองแดงวางไว้
“ถ้าทุกอย่างสำเร็จ ผมหวังว่าคุณนายจะทำตามที่เราเคยตกลงกันไว้”
“แน่นอน เมื่อทุกอย่างสำเร็จ ที่นี่จะเป็นของเธอโดยทันทีรวมถึงเก้าอี้ตัวนี้” เธอเดินกลับมานั่งเก้าอี้ที่มันยังเป็นของเธออยู่ในตอนนี้ ดาเชิดหน้ามองลูกน้องหัวทองแดงที่ยังคงทำงานอย่างภักดีโดยมีของแลกเป็นเป้าหมาย
“แล้วแม่กับน้องของนังเอื้อย คุณนายจะให้ผมทำยังไงต่อ จะให้ผมส่งคนไปปิดงานเลยไหม”
“ถ้าทำอย่างนั้น มันก็จะสาวถึงเราได้ ไม่ต้องห่วง ฉันมีเบี้ยพิเศษอีกตัวสำหรับกระดานนี้ไว้อยู่แล้ว”