ความเอยความหลัง (๔) ๑๐ ธ.ค.๕๘

ความเอยความหลัง (๔)

สังสรรค์ฉันท์มิตร

เจียวต้าย

ผมเดินเข้ามาในถนนนักเขียน ของห้องสมุดพันทิป เป็นครั้งแรกเมื่อกลางเดือน มกราคม ๒๕๔๘ และอีกไม่นานนักก็พบว่า ในถนนนี้มีนักเขียนเรื่องสั้น เรื่องยาว บทกวี และความเรียงอยู่มากมาย ที่เสนอข้อเขียนของตนเป็นประจำ และมีผู้อ่านอีกมากกว่า ที่อ่านเพียงอย่างเดียว ซึ่งติดตามอ่านมาเกือบทุกเรื่องอย่างเหนียวแน่น นับเป็นจำนวนร้อยคน หรือร้อยนามแฝง ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงผู้ที่อ่านเงียบโดยไม่ออกความเห็นอีกด้วย
เขาเหล่านั้นคงจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เพิ่งจะได้มาพูดคุยสังสันทน์กันในหน้าจออินเตอร์เนตนี้เอง ต่อมาจึงอยากจะรู้จักตัวตน ของคนที่มีรสนิยมใกล้เคียงกันนอกเหนือจากที่ได้พบกันบ้างในงานหนังสือประจำปี จึงได้เกิดการพบปะกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ ซึ่งในรอบปี
ที่ผ่านไปผมได้คุ้ยหามาบันทึกไว้หลายรายการ

รายแรกดูเหมือนจะเป็นการร่วมทำบุญเข้าพรรษา ที่วัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๘ มีผู้ไปร่วมงานมากมาย

รายต่อมาเป็นการไปพักผ่อนที่ สวนห้อมล้อมดาว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๓๐-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ มีผู้ร่วมขบวนพอสมควร

ถัดมาเป็นการพบปะพูดคุยกันเพียงหกคน ที่ภัตตาคารพงหลี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๘ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ – ๒๒.๐๐ น.

และในคืนเดียวกันนั้นเอง ผู้ที่ร่วมกลุ่มพงหลี ได้นัดพบกับอีกกลุ่มหนึ่ง ที่บ้านสวนน้ำแล้วพากันไปต่อที่โรงเตี๊ยม แถวถนนรามอินทรา ตั้งแต่เวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น.ไปจนถึงเกือบเช้า

จากนั้นก็มีการพบกันเพียงสองคน ที่สโมสรนายเรืออากาศ ดอนเมือง เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๘ เวลาประมาณ ๑๑.๐๐ – ๑๘.๐๐ น.

แล้วก็มีการกลับไปที่ สวนห้อมล้อมดาว นครราชสีมา อีกครั้งหนึ่ง เพื่อดู น้ำตก ม่านฟ้า ซึ่งครั้งก่อนไม่มีน้ำไหล เมื่อวันที่ ๑๙-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ดูเหมือนจะมีผู้ร่วม ไปด้วยกันประมาณเจ็ดคน

ส่วนที่ผ่านไปหยก ๆ เมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ เป็นการส่งท้ายปีเก่า ที่ร้าน ซิสเลอร์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว มีผู้ไปร่วมงานสิบสามคน

ผมไม่ได้สมัครไปกับกลุ่มนี้ ด้วยเหตุผลหลายประการคือ ผมเป็นคนโบราณไม่เคยเข้าไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เลย ไม่รู้ว่าร้านอะไรตั้งอยู่ที่ด้านไหน ประการต่อมาก็คือ ผมไม่รู้ว่าร้านซิสเลอร์เขาขายอะไรที่ผมกินได้บ้าง ไม่รู้ว่าเขามีเบียร์มีโซดาขายหรือเปล่า

และประการหลังนั้นมีสุภาพสตรีไปกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าผมจะกินดื่มตามรสนิยมของผม จะกลายเป็นตัวประหลาดไปหรือไม่ ส่วนประการสุดท้ายก็คือ ผมมีวัยแตกต่างกับผู้ร่วมงานท่านอื่น ๆ มากเสียจนผมอาจจะอ้าปากค้าง ฟังท่านคุยกันไม่รู้เรื่องก็ได้

ผมจึงต้องสงวนตัวสงวนใจไว้ก่อน แต่เมื่อผมได้อ่านรายงานของท่านที่ไปกันแล้ว ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย และได้ถือโอกาสฝากกลอนไปอ้อนไว้ว่า

อ่านรายงานกลุ่มสังสรรค์มันปนเผือก
หนุกหนานกันเป็นเทือกที่ซิสเลอร์
สิบสามคนหนนี้ที่เพิ่งเจอ
เล่าให้คนอ่านเพ้อเพราะอยากไป

ชาวถนนพบกันแต่ละกลุ่ม
พวกสาวหนุ่มแสนดีจะมีไหน
ส่วนคนแก่ตั้งวงอยู่ห่างไกล
ถูกแยกไว้พวกย้ายที่กินเหล้า

โอ้....อีกนานสักเท่าไรจะได้แจม
ช่วยแต่งแต้มแสงสีสิ้นปีเก่า
ขอบอกน้องพวกพี่ไม่มีเมา
คอยจนเข้าปีใหม่อีกไม่นาน

ปีสี่แปดผ่านไปให้หมดทุกข์
มีแต่สุขสดใสหลายสถาน
ปีสี่เก้าจะเข้ามาอย่ารำคาญ
ท่านผู้อ่านหวังสิ่งใดไม่พลาดเอย.

และแล้วเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๘ นี้เอง เจียวต้าย กับคุณGTW และ(คุณ)นายทิวา ก็คบคิดกันจะไปสังสรรค์ฉันท์มิตร ที่เก่าเวลาเพล และให้คุณทิวาชวนใครอีกก็ได้ตามความพอใจ จึงได้พบกันทั้งหมด ๑๐ คน ดังนี้

ที่สิบเจ็ดธันวามาพงหลี
สิบเอ็ดโมงพอดีไม่เหหัน
เจียวต้ายถึงก่อนใครไม่ช้าพลัน
ขมีขมันจัดทำเลห้อง เอ.สี่

ตั้งโต๊ะกลมเก้าอี้วางข้างหน้าต่าง
วิวกว้างขวางเตรียมรับรองพวกน้องพี่
คนถัดมาเพิ่งเห็นหน้า คุณอาร์พี
สวัสดีทักทายกันจำนรรจา

คุณรวี บอกอ รูปหล่อแท้
ผลิตหนังสือทำมือแน่รีบมาหา
อีกเดี๋ยวเดียวนิรนามก็ตามมา
รอไม่ช้าหมอโมโนก็โผล่ร่าง

คุณจันทร์แห้ง เพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้านี้
รีบเร็วรี่มาทันใดห้ามใครขวาง
ท่านตัวใหญ่น้ำใจดีมีสตางค์
ดื่มเบียร์สิงห์ไปพลางกับเจียวต้าย

อีกสักพักศาลาไทยก็ไปถึง
อาศัยพึ่ง คุณทิวา มาที่หมาย
สั่งร้อยปีดื่มแต่น้อยค่อยผ่อนคลาย
เกือบสุดท้ายจึงเห็นหน้าอาจารย์ G

คนที่สิบ จอมยุทธ ณ เมรัย
แต่วันนี้เหตุไฉนไม่ดื่มปี่
นั่งรอบโต๊ะครบแล้วยกแก้วที
ร่วมแสดงความยินดีให้หิ่งห้อย

ขออาศัยอาศรมโคลงเชื่อมโยงเพื่อน
สะกิดเตือนคนช่างฝันคุยกันหน่อย
อีกหลายคนไม่ได้มาพากันคอย
อย่าใจน้อยไว้คราวหน้ามาพบกัน

ขอเกริ่นกล่าวเล่าเรียงแต่เพียงนี้
กินเนื้อที่อาศรมชมรมขยัน
อยากอ่านโคลงศาลาไทยเล่าให้มัน
เจียวต้ายนั้นหลบไปนอนพักผ่อนเอย.

ผมฝากกลอนชิ้นนี้ไว้ในอาศรมโคลงภาค ๑๕๐ แต่เห็นว่ากระทู้นั้นยาวมากแล้ว ผู้สนใจอาจจะหาไม่เจอ จึงยกเอามาไว้ที่นี่อีกครั้ง พอให้รู้ชื่อว่าเป็นใครบ้าง ส่วนหน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องคอยดูรูปจากช่างภาพกิตติมศักดิ์ ของเราก่อน ว่าเธอจะนำมาเสนอในกระทู้ไหน และอาจจะได้อ่านสำนวนการบรรยายบรรยากาศ และรายละเอียดอื่น ๆ จากผู้ร่วมขบวนการนี้ เพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้

ผมหวังว่ากลุ่มย่อย ๆ เหล่านี้ อาจจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างน้อยก็คงจะไม่เกินห้าปี เพราะถ้าเลยไปแล้ว ผมก็คงจะหมดโอกาสที่จะมาร่วมวงละครับ สุดท้ายก็ขออวยพรปีใหม่ให้แด่ ทุกคนในถนนนักเขียนอีกครั้งหนึ่ง

ขึ้นปีใหม่สี่เก้าหนาวในจิต
แต่จะคิดสิ่งใดให้สมหวัง
มีความสุขทุกวันคืนชื่นใจจัง
อยู่กระทั่งร้อยปีกว่าอย่าเหี่ยวเอย.

หมายเหตุ

เอาความหลังเมื่อ ๑๐ ปีก่อน มาวางเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๙
เพื่อให้เห็นกฎของอนิจจัง ครับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่