นิทานชาวสวน ๒๘ มิ.ย.๕๖

กระทู้สนทนา
นิทานชาวสวน

ผมมาหาเพื่อนในถนน (๖)

        หลังจากที่ได้พบพูดคุยกับเพื่อน ที่เป็นนักเขียนเรื่องแมวแล้ว ต่อมาผมก็มีโอกาสได้พบกับท่านอีกไม่กี่ครั้ง เท่าที่จำได้ก็คือในงานแต่งงานของเพื่อนนักเขียนเรื่องตลก แต่ตัวจริงเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งได้จัดงานมงคลสมรสกับเพื่อนนักเขียนหญิง ในถนนนักเขียนเช่นเดียวกัน ที่โรงแรมของสนามบินดอนเมือง แต่คราวนั้นต่างคนต่างไป และออกจากงานดึกมาก จึงรีบแยกย้ายกันกลับบ้านซึ่งคนละทิศของกรุงเทพ

        อีกครั้งหนึ่งก็เป็นการบังเอิญที่ท่านหัวหน้ากลุ่ม อาศรมชาวโคลง ที่เคยพบกันครั้งแรกที่ภัตตาคารแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกิดนัดพบปะสังสรรค์กันที่ร้านเก่าคราวนี้มีโอกาสได้พบเพื่อนนักเขียนบทกวีถึงสิบเอ็ดท่าน มีที่ไม่ใช่นักกวีหรือนักกลอนอยู่คนเดียวก็คือเพื่อนต่างวัยของผมคนนี้เอง ในงานนี้ได้พาให้ผมได้รู้จักกับเจ้าของสำนักพิมพ์ ที่เข้ามาร่วมวงในเวปพันทิป และทำให้ท่านสนใจเอางานเกี่ยวกับพงศาวดารจีนหลายเรื่องไปรวมเป็นเล่มพ็อคเก็ตบุ๊คส์ ชื่อ บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องอภัย เป็นเล่มสุดท้ายในชีวิตของผมอีกด้วย

        และสุดท้ายเพื่อนรักของผมคนนี้ก็พาไปรู้จัก นักเขียนอีกกลุ่มหนึ่งที่คงจะเข้ามาในยุคหลัง พ.ศ.๒๕๕๐ ซึ่งผมห่างจากถนนนักเขียนไปโฉบอยู่ในห้อง ไร้สังกัด เป็นแหล่งที่สองแล้ว ผมจึงไม่รู้จักมาก่อนเลย เป็นจำนวนถึงสิบสองท่าน  เท่ากับกลุ่ม อาศรมชาวโคลงพอดี ซึ่งเป็นชายเพียงสี่คนรวมทั้งผมและเพื่อน นอกนั้นเป็นหญิงล้วน

        แม้ผมจะมีเพื่อนมากขึ้นตามเวลาที่ล่วงไป เช่นเดียวกับอายุของผมที่เพิ่มขึ้น ก็ได้ทำลายสุขภาพของผมไปด้วย

        บัดนี้ผมได้เข้ามารู้จักเวปพันทิป เป็นเวลาแปดปี จนพันทิปเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่ ซึ่งทำให้เพื่อนของผมแตกฉานซ่านเซ็นไปทั้ง ส่วนถนนนักเขียน และไร้สังกัด เหลืออยู่แต่เพื่อนคนแรก ที่น่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมบอกให้ทราบ  ถึงอุปสรรคสำคัญที่อาจ ทำให้ผมไม่ได้พบท่านอีกต่อไป ด้วยเหตุผลที่จำเป็นคือสังขารของผมได้เสื่อมสภาพโดยสื้นเชิง สามประการ คือ

        ฟัน หลุดร่วงร่อยหรอจนไม่สามารถเคี้ยวของแข็ง ของเหนียว และของกรอบ อย่างปุถุชนคนธรรมดามั้งหลายได้  ตามด้วย
โรคกระเพาะ ที่ทำให้กินเผ็ดไม่ได้อีกอย่างหนึ่ง

                          หู สูญเสียการได้ยินจนเป็นคนหูตึงอย่างหนัก พูดคุยกับใครก็ต้องตะโกน และดูปากกัน  อยู่ตลอดเวลา จนไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้

                          ตา กำลังจะต้องไปลอกต้อกระจกที่ทำให้อ่านหนังสือไม่ชัดเจน

                           กับอุปสรรคประการสุดท้ายที่เกิดจากข้อห้ามของทางราชการ ที่บีบคั้นประชาชนของตนเอง โดยเฉพาะพวกที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ ให้หนีไปแอบกินในตุ่ม หรือห้องน้ำบ้านใครบ้านมัน เท่านั้น

        ผมจึงนำความรักความหลัง ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๘ ถึง ๒๕๕๖ มารำลึกถึงเพื่อน ที่ผ่านพบมา ในถนนนักเขียน รวมทั้งนักกลอนในอาศรมชาวโคลง ซึ่งได้สูญหายไปตั้งแต่พันทิปเริ่มปรุงแต่งโฉมใหม่ เสียจนคนเก่าหาทางเข้าไม่ถูกนี้ มากระตุ้นเตือนความจำของตนเอง ก่อนที่สมองจะเสื่อม จนสูญเสียความทรงจำไปอีกอย่างหนึ่ง

        โดยเฉพาะท่านนักเขียนเรื่องแมวได้อย่างสยองขวัญ ท่านนักกลอนกระโดกกระเดกที่น่ารัก  สาวหัวหน้าทีมอาศรมชาวโคลง และสาวน้อยนักเขียนรุ่นหลังที่กำลังจะเอาดีทางถ่ายภาพด้วย

        ไม่ทราบว่าอีกสิบปี ท่านจะนึกหน้า “เจียวต้าย” ออกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีคำอำลา เพราะผมถือคติที่ว่า

                         “รักแล้วไม่(มีวัน)ลา”

                          นั่นเอง

                                                                        
                                                                      ############


วางเมื่อ ๒๘ มิ.ย.๕๖ เวลา๐๖.๒๕
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่