HMS Royal oak-08 บทเรียนของความผิดพลาดของกองทัพเรืออังกฤษ

HMS Royal oak


     Royal oak ถูกวางกระดูกงูเรือในวันที่ 15 มิถุนายน 1914 ก่อนที่ตัวเรือจะถูกปล่อยลงจากอู่ในวันที่ 17 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน และนำไปติดตั้งอาวุธและเข้าระวางประจำการในวันที่ 1 พฤษภาคม 1916  โดยตั้งชื่อตามต้นโอ๊ก ที่เป็นจุดที่กษัตริย์ charles ที่ 2 ใช้ซุ่มโจมตีก่อนจะชนะข้าศึกในสมรภูมิ Battle of Worcester และนับเป็นเรือลำดับที่ 8 ที่ใช้ชื่อนี้

-ยุทธนาวี battle of jutland-
     
      ตัวเรือได้มีโอกาสเข้าร่วมยุทธนาวี battle of jutland โดยตัวเรือได้เข้าร่วมกองเล็กที่ 3 ซึ่งเป็นกองย่อยของกองเรือรบที่ 4 ในยุทธนาวี battle of jutland ตัวเรือภายใต้การบังคับบัญชาของผู้การเรือ crawford maclachlan ตัวเรือได้เดินทางออกจากท่าเรือที่ scapa flow ในวันที่ 30 พฤษภาคม 1916 โดยเดินทางไปกับเรือ HMS Superb HMS canada ภานใต้การนำของเรือธง HMS Ironduke ที่มีผู้การใหญ่ john jellice เป็นผู้บังคับบัญชา
เมื่อได้เข้าร่วมรบในยุทธนาวี battle of jutland ตัวเรือสามารถซัดปืนหลักขนาด 15 นิ้ว 8 กระบอก และปืนรองขนาด 6 นิ้วอีก 8 กระบอกของตน โดนป้อมปืนของเรือรบ SMS Derfflinger ไป 3 นัดและยิงโดนเรือลาดตระเวณ SMS Wiesbaden ของเยอรมันเสียหายจนต้องออกจากการรบ ในขณะที่หลังจากจบศึกตัวเรือโชคดีมากที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆจากการรบ

-อุบัติเหตุ-

      ในวันที่ 5 พฤษจิกายน 1918 สัปดาร์สุดท้ายก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 1 จะจบลง ตัวเรือได้เข้าร่วมกับกองเรือที่ 1และในขณะที่กำลังจอดเทียบท่าอยู่ที่ burntisland  กับเรือลาดตระเวณประจัญบาน HMS Glorius และเรือบรรทุกเครื่องบินทะเล HMS Campania
      แต่โชคร้ายที่ตัวเรือดันไปชนเข้ากับ HMS Campania โดยที่ HMS Campania นั้นหลังจากการชนก็เกิดเป็นรูขนาดใหญ่ก่อนที่ค่อยๆจมลงในอีก 5 ชั่วโมงถัดมา โดยที่ไม่มีใครเสียชีวิต ส่วนตัวเรือ Royal oak นั้นได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

-สงครามกลางเมืองสเปน-

      ในสงครามกลางเมืองสเปน ตัวเรือได้รับหน้าที่ในการคุ้มกันผู้อพยพที่ลี้ภัยสงคราม โดยตัวเรือจะลาดตระเวณอยู่รอบๆ iberian penninsula ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันออก 56 กิโลเมตรของ gibraltar

-ความเข้าใจผิด-

     ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1937  ตังเรือได้โดนเครื่องบินของฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ(หรือฝ่ายขาว) บินเข้ามาโจมตีตัวเรือโดยได้ทิ้งระเบิดใส่ตัวเรือ 3 ลูก 1 ลูกด้าน แต่อีก 2 ลูก ได้ระเบิดที่ด้านข้างตัวเรือ จนรัฐบาลอังกฤษได้มีหนังสือประท้วงไปยังรัฐบาลของฝ่ายขาว ซึ่งต่อมา ทางรัฐบาลของฝ่ายขาวได้ออกมาขอโทษโดยกล่าวว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด

-ความเข้าใจผิดอีกรอบ-

      23 กุมภาพันธ์ 1937 ขนาดที่เรือรบของฝ่ายสเปนชาตินิยม(หรือฝ่ายแดง) กำลังระดมยิงเมืองทางชายฝั่งของรัฐบาลฝ่ายขาวอยู่ ซึ่งเรือ Royal oak ก็แล่นอยู่แถวนั้นพอดี ก็โดนปืนต่อต้านอากาศยานยิงเข้ามาโดนตัวเรือ ทำให้ลูกเรือบาดเจ็บ 5 คน ซึ่งภายหลังได้มีการพบว่าปืนต่อต้านอากาศยานนั้นยิงมาจากทางรัฐบาลฝ่ายขาว โชคดีที่คราวนี้ทางอังกฤษไม่ได้เอาเรื่องหรือส่งหนังสือประท้วงแต่อย่างใด

-สงครามโลกครั้งที่ 2-

      ในปี 1938 ตัวเรือได้เดินทางกลับมาร่วมกับกองเรือที่ทำหน้าที่ลาดตระเวณแถวๆประเทศอังกฤษ โดยได้ถูกแต่งตั้งเป็นเรือธงของกองเรือที่ 2 โดยมีฐานทัพอยู่ที่ portsmouth ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 1938 เรือได้รับหน้าที่อันทรงเกียรติในขนพระบรมศพของสมเด็จพระราชินี maud แห่งนอเวย์ซึ่งสิ้นพระชนย์อยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษไปทำพิธีวางเพลิง ณ กรุงออสโล่ ประเทศนอร์เวย์ โดยมีสมเด็จพระราชา Haakon ที่ 7 เสด็จโดยสารไปด้วยก่อนที่ตัวเรือจะเดินทางถึงที่หมายในช่วงเดือน ธันวาคม 1938
    ก่อนที่เรือจะเดินทางกลับประเทศอังกฤษอีกครั้งในช่วงปลายๆฤดูร้อน ปี 1939 และได้เดินทางไปฝึกลาดตระเวณแถวๆช่องแคบอังกฤษ ก่อนที่จะมีแผนเดินทางไปยังที่ต่างๆของทะเลเมดิเตอร์ริเนี่ยนเป็นเวลา 30 เดือน แต่แผนการทั้งหมดก็ต้องถูกยกเลิกก่อนในขนาดที่ตัวเรือจอดอยู่ที่ท่าเรือที่ scapa flow เพราะในตอนนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ระเบิดขึ้นแล้ว
เรือกับภารกิจอันทรงเกียรติในขนพระบรมศพของสมเด็จพระราชินี maud แห่งนอร์เวย์ กลับสู่กรุงออสโล่ ประเทศนอร์เวย์


-ภารกิจล้มเหลว-

     ในเดือนตุลาคม 1939 ตัวเรือได้รับหน้าที่ให้เข้าร่วมหากองเรือของเยอรมัน เรือประจัญบาน Gneisenau เรือลาดตระเวณหนัก Deutschland และ Admiral Graf Spee กำลังทำลายและปั่นป่วนขบวนเรือสินค้าที่เดินทางมายังอังกฤษทางทะเลเหนือ ทำให้ตัวเรือได้รับหน้าที่ให้เดินทางหากองเรือเยอรมันเหล่านี้ คุ้มกันขบวนเรือสินค้าและทำลายกองเรือเยอรมันในแถบนั้นให้สิ้นซาก แต่สุดท้ายภารกิจล้มเหลวตัวเรือไม่ค้นพบกองเรือเยอรมันแต่อย่างใด หนำซ้ำต้องรีบไปรีบรวมกับเรือลำอื่นๆเพื่อมุ่งหน้าสู้ท่าเรือที่ scapa flow ที่ตอนนี้กำลังล่อแหลมเป็นจุดโจมตีของกองทัพอากาศเยอรมันเหลือเกิน แต่ในขณะที่เรือกำลังเดินทางกลับนั้นก็โดนพายุเข้าอย่างจังทำให้เรือยางบนตัวเรือชนกันจนเสียหาย และน้ำทะเลท่วมมาถึงปืนรองบางกระบอกจนเกือบใช้งานไม่ได้
     หลังจากที่เรือเดินทางถึง scapa flow แล้ว ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กองทัพอากาศเยอรมันทำการโจมตีท่าเรือที่ scapa flow พอดี ตัวเรือได้ใช้ปืนต่อต้านอากาศของตนช่วยต่อต้านและทำลายเครื่องบินเยอรมันที่มาโจมตีท่าเรือ หลังจากการโจมตีได้จบลงตัวเรือโชคดีที่ไม่ได้ความเสียหายแต่อย่างใด เนื่องจากตัวเรือจอดอยู่ในที่ปลอดภัยจากการโจมตีของกองทัพอากาศเยอรมัน

-แผนการ-
  
    เมื่อมาดูทางฝั่งเยอรมันแผนการโจมตีท่าเรือ scapa flow นั้นยังคงดำเนินต่อไป โดยพลเรือเอก karl donitz ผู้บังคับบัญชากองเรือดำน้ำอูอันโด่งดังของเยอรมัน ได้มีแผนการที่จะล่อกองเรือของอังกฤษที่จอดอยู่ในท่าเรือที่ scapa flow โดยจะล่อกองเรือของอังกฤษให้แตกรังและวิ่งออกมาจากท่าเรือ ก่อนจะใช้กองเรือดำน้ำของตนปิดล้อมกองเรือเหล่านี้ของอังกฤษให้หมด เพื่อให้กองเรือถูกตัดขาดออกจากทะเลเหนือ เพื่อที่เรือดำน้ำอูของเยอรมันที่เหลือจะสามารถโจมตีและทำลายขบวนเรือสินค้าของอังกฤษที่อยู่ทางทะเลเหนือได้อย่างอิสระ โดยไม่มีกองเรือของอังกฤษเข้ามาย่างกรายแต่อย่างใด
     และข้อที่สอง ในจุดที่เริ่มต้นแผนการทั้งหมดเคยเป็นจุดที่เกิดยุทธนาวี battle of jutland ในสงครามโลกครั้งที่1 ซึ่งในตอนนั้นกองเรือเยอรมันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่กองเรือพันธมิตร โดยแผนการนี้สะเปรียบเหมือนการ"แก้แค้น"แด่กองเรือของเยอรมันที่พ่ายแพ้แก่ฝ่ายพันธมิตร ในยุทธนาวี battle of jutland
karl donitz


-เริ่มการล้างแค้น-

    ในวันที่ 13 ตุลาคม 1939 แผนการทั้งหมดได้เริ่มขึ้น แผนการครั้งนี้จะดำเนินการในเวลากลางคืน โดยใช้แสงจากปรากฎการณ์ ออโรร่า และแสงจากแสงดาวเป็นไฟส่องทาง จากภาพถ่ายกลางอากาศจากเครื่องบินลาดตระเวณทางอากาศที่ขับโดย  Siegfried Knemeyer (ซึ่งหลังจากจบภารกิจเขาได้รับกางเขนเหล็ก เป็นเกียรติยศแด่ภารกิจครังนี้) จากภาพถ่ายที่เขาได้มาเมื่อนำไปให้พลเรือเอก karl donitz ดู donitz พบว่าการป้องท่าเรือที่ scapa flow ของกองทัพเรืออังกฤษนั้นหละหลวมมากและเต็มไปด้วยความประมาท ซึ่งหลังจากเหตุการณ์จะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษรับรู้ถึงความประมาทของตน และพิศสงอันร้ายกาจของเรือดำน้ำอูของเยอรมัน
     เมื่อ donitz เห็นภาพดังกล่าวจึงเปลี่ยนแผนทันที โดย donitz ได้เปลี่ยนแผนการจะให้เรืออูทีขับโดย gunther prein ไปก่อวินาศกรรมและสร้างความปั่นปวนแก่กองเรืออังกฤษที่จอดอยู่ใน scapa flow แทน เขาสั่งให้  prien นายทหารเยอรมัน(ซึ่หลังจากจบภารกิจเข้าได้รางวัลกางเข็นเหล็ก) รับหน้าที่ในปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ก่อนที่เรือดำน้ำอูที่ขับโดย prein ได้แล่นผ่านทางเหนือของเกาะ Lamb Holm ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆระหว่างเกาะ Burray และเกาะอังกฤษ แต่เรือดำน้ำอูทีขับโดย prein ดันไปกระแทกกับโขดหินเล็กๆจนเกิดเสียงดังขึ้น บวกกับเส้นทางข้างหน้าเป็นเขตน้ำตื้นและมีสิ่งกีดกั้นขวางทางอยู่ ซึ่งทำให้เรือจำเป็นต้องโผล่หัวพ้นจากน้ำเมื่อผ่านจุดนี้ไป ซึ่งเสี่ยงต่อการที่จะถูกพบโดยกองเรืออังกฤษ
     ทำให้ prein ตัดสินใจสั่งให้แล่นเรือฉีกหนีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นเขตที่น้ำลึกกว่าและเพื่อหลีกหนีการตรวจจับจากกองเรืออังกฤษ ก่อนจะม้วนวิ่งเข้าสู่เส้นทางเดิมอีกครั้ง โดยระหว่างทางเรือดำน้ำอูที่ขับโดย prein ได้เจอซากเรือ HMS Seriano และ HMS Numidian ที่กองทัพเรืออังกฤษได้จมเอาไว้เพื่อขวางทางการเดินเรือของกองเรือเยอรมัน เรือดำน้ำอูสามารถแล่นผ่านซากเรือทั้ง 2 ลำได้ด้วยความระมัดระวัง และได้แล่นเข้าสู่ท่าเรือที่ scapa flow
    เมื่อแล่นมาถึงท่าเรือที่ scapa flow เรืออูที่ขับโดย prien ได้เริ่มทำการล่าเหยื่อแล้ว

-พบเป้าหมาย-
  
     เมื่อ prein ทำการค้นหาเรือเป้าหมาย เนื่องจากด้วยสภาพกลางคืนทำให้การมองเห็นอะไรนั้นยุ่งยากและลำบาก ตอนแรกเมื่อ prein มองไปที่ท่าเรือมันเกือบจะว่างปล่าว ก่อนจะค้นหาใหม่อีกรอบคราวนี้ prein พบเรือลาดตระเวณเบา HMS Belfast จอดอยู่ห่างจากเกาะ flotta ไป 8 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ใรท่าเรือที่ scapa flow  คราวนี้ prien ได้ส่องหาเป้าหมายอีกรอบเผื่อเจอเรือที่ใหญ่กว่า แล้วก็แจ็คพ็อต prien พบเรือ Royal oak ที่จอดไปทางเหนือห่างจากตัวเรือ 4 กิโลเมตร ก่อนที่ prein จะเจอเรือที่อยู่ใกล้ๆอีกลำซึ่งตอนแรก prein คิดว่ามันคือ HMS Renown แต่ภายหลังนายทหารระดับสูงของเยอรมันได้กล่าวว่าเรือที่ prien เห็นนั้น คือเรือ HMS Repulse แต่ภายหลังผิดทั่งคู่เพราะจริงๆเรือที่จอดอยู่ คือเรือบรรทุกเครื่องบินทะเล HMS Pegasus การสังหารเหยื่อได้เริ่มขึ้นแล้ว

-จม-
     
     prein ไม่รอช้าเขารีบซัลโวตอร์ปิโด 3 ลูกใส่เรือ Royal oak 2 ลูกนั้นพลาด แต่อีก 1 ลูกนั้นวิ่งเข้าไปกระแทกใต้ท้องเรือ royal oak โชคดีที่ตอปิโดเจาะเข้าท้องเรือ Royal oak ไม่เข้า แต่ตัวเรือ Royal oak สั่นอย่างรุนแรงเนื่องจากแรงระเบิดของตอร์ปิโด สมอที่ทอดอยู่ด้านข้างตัวเรือกระแทกด้านข้างตัวเรือไปมาจนเกิดเสียงดัง ลูกเรือทั้งหมดตื่นขึ้นแต่ไม่ได้อยู่ในสถานะพร้อมรบเพราะคิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น
     แต่ความผิดพลาดไม่เคยให้โอกาสใคร prein ได้กลับเรืออูพร้อมสั่งให้ลูกเรือบรรจุตอปิโดนัดต่อไป และเลี้ยววนๆอีกครั้งเพื่อหาตำแหน่งในการยิง ก่อนจะซัดตอร์ปิโด 3 ลูกคราวนี้ไม่พลาด ตอปิโดทั้ง 3 ลูกถูกตัวเรือเต็มๆทั้ง 3 ลูก Royal oak เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงรูขนาดใหญ่ 15 นิ้วที่เกิดจากแรงระเบิดของตอร์ปิโด พร้อมกับระเบิดตรงห้องคลังกระสุนก่อให้เกิดลูกไฟขนาดใหญ่ก่อนจะลามไปทั่วเรือ ระบบไฟฟ้าบนตัวเรือหยุดทำงาน ก่อนที่ตัวเรือจะค่อยๆเอียงและจมลงในที่สุดพร้อมกับชีวิตลูกเรืออีก 833 คนเสียชีวิต  
เส้นทางการเดินเรือของเรือดำน้ำอูของเยอรมัน ก่อนที่จะวิ่งไปจม Royal oak

     
    นี่คือบทเรียนอันแสนร้ายกาจของเรือดำน้ำเยอรมันที่มีต่อกองทัพเรืออังกฤษกับการป้องกันอันหละหลวม พร้อมกับสังเวยเรือประจัญบาน HMS Royal oak อันแสนยิ่งใหญ่พร้อมกับลูกเรืออีก 833 ชีวิตอย่างไม่มีวันกลับ และถือว่าเป็นการปิดฉากตัวเรือ Royal oak ไปอย่างสมบูรณ์

ข้อมูลโดยรวมของเรือ HMS Royal oak
ระวางขับน้ำ 31000 ตัน
ความเร็วสูงสุด 22 น็อต
ลูกเรือ 1234 คน
ปืนใหญ่ขนาด 15 นิ้ว 4 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
ปืนต่อต้านอากาศยาน ขนาด 6 นิ้ว 14 กระบอก
ปืนต่อต้านอากาศยาน ขนาด 3 นิ้ว 2 กระบอก
ท่อยิงตอปิโด ขนาด 21 นิ้ว 4 ท่อยิง


อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/HMS_Royal_Oak_(08)

อย่าลืมกดโหวตและกดใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ ใจร้าวใจร้าว

กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่