คิดดูให้ดีๆ!!! ผู้ที่หมดทุกข์ทางใจ เขาไม่ต้องการ นรก-มนุษย์-สวรรค์-พรหม กันแล้ว มันหมดตัณหา จะให้ไปเกิดแล้ว!!!
ส่วนผู้ที่ไม่หมดทุกข์ทางใจ ก็ต้องยังเกิดใน นรก มนุษย์ สวรรค์ พรหม เพราะมีตัณหา
ฉนั้นพระธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านจึงเน้น!!! ให้ดับทุกข์ทางใจเท่านั้น เรื่องนรก-มนุษย์-สวรรค์-พรหม มันเป็นผลแล้วไม่ใช่เหตุ
พระพุทธเจ้า ท่านให้ดับที่เหตุแห่งทุกข์ คือให้ดับตัณหาภายในใจ ตอนมีชีวิตอยู่นี้ ถึงจะเรียกว่าปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้า
เรื่อง มนุษย์ นรก สวรรค์ พรหม ไม่ต้องกล่าวถึงก็ได้ มันจะทำให้เกิดข้อพิพาทแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง
บางท่าน เน้นกำจัดความทุกข์ทางใจเป็นหลัก แบบพระอรหันต์แบบสุกขวิปัสสโก ท่านก็ไม่รู้ไม่เห็น นรก-สวรรค์ แต่ใจท่านหมดความทุกข์ หมดตัณหา
นรก-สวรรค์มีหรือไม่มี มันไม่ระเคืองใจท่านแม้แต่นิด เพราะท่านไม่มีตัณหา หมดทุกข์ภายในใจแล้ว
บางท่าน เห็น นรก-สวรรค์ ในสมาธิ อย่างพระอรหันต์อีก3ประเภทที่เหลือ ท่านเหล่านี้ก็ไปรู้ไปเห็น ว่ามันมีจริง นรก-สวรรค์-พรม มีจริง
แต่ที่ท่านเหล่านั้นไปเห็นมันเป็นผลของกรรมไปแล้ว ไม่ใช่เหตุ ฉนั้นนักปฏิบัติที่แท้จริง ไม่ค่อยเอาเรื่องนรก-สวรรค์มาโฆรษณากันหรอก
เพราะมันเป็นของจับต้องไม่ได้ มันเป็นสิ่งละเอียดอ่อน ต้องมีกำลังฌาณสมาธิ จิตต้องพ้นนิวรณ์5ไปแล้ว ถึงจะรู้แจ้งเห็นจริงเรื่องนี้ได้
ท่านจึงไม่เน้นไม่สอน แต่ท่านจะเน้นสอนแต่ให้ดับทุกข์ทางใจ ในปัจจุบันนี้ สอนวิธีกำจัดตัณหาในใจนี้ ส่วนท่านใดเอานรก-สวรรค์มาสอน
แสดงว่าไม่ช่วยแก้ที่เหตุ แต่เอาผลมาพูด มันเหมือน วาดวิมานกลางอากาศ ซึ่งผู้ศึกษาใหม่เขาเห็นด้วยไม่ได้ มันน่า "ขบขัน"
คิดดูให้ดีๆ!!! ผู้ที่หมดทุกข์ทางใจ เขาไม่ต้องการ นรก-มนุษย์-สวรรค์-พรหม กันแล้ว มันหมดตัณหา จะให้ไปเกิดแล้ว!!!
ส่วนผู้ที่ไม่หมดทุกข์ทางใจ ก็ต้องยังเกิดใน นรก มนุษย์ สวรรค์ พรหม เพราะมีตัณหา
ฉนั้นพระธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านจึงเน้น!!! ให้ดับทุกข์ทางใจเท่านั้น เรื่องนรก-มนุษย์-สวรรค์-พรหม มันเป็นผลแล้วไม่ใช่เหตุ
พระพุทธเจ้า ท่านให้ดับที่เหตุแห่งทุกข์ คือให้ดับตัณหาภายในใจ ตอนมีชีวิตอยู่นี้ ถึงจะเรียกว่าปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้า
เรื่อง มนุษย์ นรก สวรรค์ พรหม ไม่ต้องกล่าวถึงก็ได้ มันจะทำให้เกิดข้อพิพาทแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง
บางท่าน เน้นกำจัดความทุกข์ทางใจเป็นหลัก แบบพระอรหันต์แบบสุกขวิปัสสโก ท่านก็ไม่รู้ไม่เห็น นรก-สวรรค์ แต่ใจท่านหมดความทุกข์ หมดตัณหา
นรก-สวรรค์มีหรือไม่มี มันไม่ระเคืองใจท่านแม้แต่นิด เพราะท่านไม่มีตัณหา หมดทุกข์ภายในใจแล้ว
บางท่าน เห็น นรก-สวรรค์ ในสมาธิ อย่างพระอรหันต์อีก3ประเภทที่เหลือ ท่านเหล่านี้ก็ไปรู้ไปเห็น ว่ามันมีจริง นรก-สวรรค์-พรม มีจริง
แต่ที่ท่านเหล่านั้นไปเห็นมันเป็นผลของกรรมไปแล้ว ไม่ใช่เหตุ ฉนั้นนักปฏิบัติที่แท้จริง ไม่ค่อยเอาเรื่องนรก-สวรรค์มาโฆรษณากันหรอก
เพราะมันเป็นของจับต้องไม่ได้ มันเป็นสิ่งละเอียดอ่อน ต้องมีกำลังฌาณสมาธิ จิตต้องพ้นนิวรณ์5ไปแล้ว ถึงจะรู้แจ้งเห็นจริงเรื่องนี้ได้
ท่านจึงไม่เน้นไม่สอน แต่ท่านจะเน้นสอนแต่ให้ดับทุกข์ทางใจ ในปัจจุบันนี้ สอนวิธีกำจัดตัณหาในใจนี้ ส่วนท่านใดเอานรก-สวรรค์มาสอน
แสดงว่าไม่ช่วยแก้ที่เหตุ แต่เอาผลมาพูด มันเหมือน วาดวิมานกลางอากาศ ซึ่งผู้ศึกษาใหม่เขาเห็นด้วยไม่ได้ มันน่า "ขบขัน"