ซีรี่ยส์น้ำดีอย่าง Faiz นั้นมีจุดเด่นอยู่ตรงที่การที่เราไม่สามารถแบ่งแยกได้ระหว่างคนดีและคนเลวจากมนุษย์ธรรมดาและออเฟน็อคได้ คิบะ ยูจินั้นคือคนที่ยืนอยู่ระหว่างทั้ง 2 ฝั่งในขณะที่ร่างกายของตนนั้นกลายเป็นออเฟน็อคไปแล้ว แต่สิ่งที่เค้ายึดมั่นมาตลอดก็คือการเป็นมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่วิเศษ เป็นสิ่งที่ดีงาม แม้จะต้องแลกกับการถูกตามฆ่า แต่นั่นคือสิ่งที่คิบะเลือก ก่อนที่ท้ายที่สุดกลายเป็นมนุษย์ซะเองที่ทำร้ายคิบะจนเหตุการณ์พลิกผันในท้ายที่สุด
สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากคิบะตลอดนั่นก็คือการตัดสินใจเลือกชีวิตของตนเอง แม้ร่างกายจะต้องสูญสลายแต่สิ่งที่คิบะยึดมั่นมาตลอดนั่นก็คือการปกป้องมนุษย์ แต่น่าเศร้าที่ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์นั้นเกินขอบเขตจนไปทำร้ายเพื่อนของคิบะ จนทำให้คิบะเลือกเดินไปในทางที่ตนไม่เคยคิดจะเดิน และกลายเป็นออเฟน็อคไปทั้งตัวและหัวใจ

ต้องแฮรรี่ ออสบอร์นในฉบับแซม ไรมี่ ที่ James Franco เล่นเท่านั้น ในขณะที่เวอร์ชั่นใหม่ดูเหมือนเด็กบ้าขาดความอบอุ่น แฮร์รี่ในต้นฉบับมีเพียบพร้อมทุกอย่างที่วัยรุ่นคนหนึ่งอยากมี ทั้งหน้าตา ฐานะ เงินทอง และเพื่อนที่ดีและไว้ใจ แต่เนื่องด้วยพ่อของตนเป็นผู้ร้ายและถูกเครื่องมือตนเองสังหาร แต่คนที่พาศพมาดันเป็น Spider-Man จึงเกิดการผูกใจเจ็บมานาน จนในที่สุดก็โดนคุณพ่อของตนปั่นหัวสมองจนกลายมาเป็น Green Goblin ไล่ฆ่าไอ้แมงมุมไปพักใหญ่ ก่อนที่ท้ายสุดจะจบชีวิตลงแบบพระเอกสุดๆในภาค 3
สิ่งที่ชอบมากคือการพัฒนาของตัวละครตัวนี้จากเด็กซื่อๆ พ่อรวย และมีเพื่อนดี สามารถทำให้คนดูเห็นได้ว่าแม้จะมีทุกอย่างที่ต้องการแล้วก็สามารถกลายเป็นผู้ร้ายหรือคนไม่ดีได้โดยมาจากการผิดหวังในคนรัก หรือความแค้นและโดยเฉพาะการถูกหลอกลวงด้วยคำพูดซึ่งนำพาคนดีไปลงเหวมาหลายคนแล้ว

หนึ่งในตัวละครที่น่าสงสาร น่าหมั่นไส้ และน่าฆ่าให้ตายมากที่สุดคนหนึ่งในชีวิตที่เคยรับชม แม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กดี และมีความสุขกับการได้เต้นเคียงข้างเพื่อน คนที่ตนเคารพอย่างโคตะ และคนที่ตนรักอย่างไม แต่เมือการเต้นเริ่มไม่มีความหมาย ทั้งการรักษาทีม มิจจี้ต้องซื้อเข็มขัดมา และเป็นจุดเริ่มต้นของวีรกรรมต่างๆที่ตัวเองกระทำ ทั้งการปล่อยคนในเมืองถูกอินเวสทำร้าย การปิดบังความจริงเรื่องหัวหน้าทีม รวมไปถึงการสังหารพี่ชายตนเอง และโคตะในที่สุด โดยสิ่งที่มิจจี้นั่นพึงระลึกไว้ตลอดนั่นก็คือทำเพื่อไม และตนเองนั้นไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว
แม้จะมองว่าเป็นการกระทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลังของเด็กคนหนึ่ง แต่สิ่งที่เรียนรู้ได้จากสิ่งนี้นั้นก็คือการที่คนๆนึงถูกปล่อยปะละเลยไป จนต้องมีชีวิตอีกด้านเป็นของตัวเองถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมิจจี้นั้นโชคดีที่มีเพื่อนดีและพร้อมให้อภัยเสมอ แต่ในชีวิตจริงนั้นการกระทำต่างๆของมิจจี้นั้นอาจนำไปสู่ความตายนานแล้วหากไม่ได้มิตรภาพที่ดี

ต้นฉบับของผู้เข้าสู่ด้านมืดของจริง แม้ภาค 2 ตัว Hayden Christensen จะพยายามแค่ไหนก็ทำได้แค่หน้าหื่นในองค์หญิงแพดเม่เท่านั้น แต่ในภาค 3 สามารถพัฒนาขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ทั้งบทที่ต้องก้าวเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัว หลังจากการช่วยเหลือสมุหนายกได้สำเร็จ อนาคินกลายเป็นคนโปรดของสมุหนายก และถูกกล่อมด้วยวาจาวาทะศิลป์อันยอดเยี่ยมของพัลพาทีน รวมไปถึงความกลัวที่จะสูญเสียคนรัก ยิ่งทำให้อนาคินทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ตนต้องการและเห็นว่าถูกต้อง ไม่เว้นแม้กระทั่งการสังหารคนรักของตน
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดในการพัฒนาไปสู่ด้านมืดของอนาคิน คือความกลัว ดังที่อาจารย์โยดากล่าวเอาไว้ หากในใจยังมีความกลัว ในกรณีของอนาคินคือกลัวการสูญเสีย ซักวันก็ต้องเข้าไปสู่ด้านมืด ด้านที่เราไม่อาจกลับตัวออกมา ด้านที่เราทำได้ทุกอย่างที่เราเห็นชอบ ซึ่งการถูกนำพานี้ต้องให้เครดิตกับพัลพาทีน หรือซิธลอร์ดที่กล่อมอนาคินได้อย่างชาญฉลาดและสนิทใจ

คนร้ายคนนี้อาจจะไม่ได้เป็นคนดีมาตั้งแต่ต้น เอริคนั้นเป็นคนที่แนวคิดมั่นคงอย่างมาก สาเหตุง่ายๆคือการถูกทารุณโดยมนุษย์ธรรมดามาอย่างหนักหน่วง โดยเอริคนั้นเชื่อว่าโลกนี้นั้นโลกนี้ถูกสร้างมาเพื่อเผ่าพันธุ์ใด เผ่าพันธุ์หนึ่งเท่านั้น นั้นก็คือมนุษย์กลายพันธุ์และมนุษย์ธรรมดา การได้มาอยู่กับชาร์ลส์ แม้ทั้ง 2 จะเป็นเพื่อนรักกันขนาดไหนก็ตาม แต่สิ่งที่แสดงออกให้เห็นตลอดนั่นคือการรับมือกับสิ่งที่มนุษย์กระทำ ในขณะที่ชาร์ลส์เลือกที่จะประณีประนอม เอริคนั้นกลับเลือกวิธีรุนแรงกว่า จนในที่สุดก็กลายเป็นจุดแตกหักของทั้ง 2 คน
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนเอริคให้กลายเป็นผู้ร้ายถาวรนั่นคือศัตรูคู่แค้นอย่าง Sebastian Shaw ที่แม้จะสังหารแม่เอริค แต่ชอว์กับเอริคนั้นมีความคิดเหมือนกันตรงที่โลกนี้สามารถอยู่ได้เพียงเผ่าพันธ์ุเดียวเท่านั้นนั่นคือมนุษย์กลายพันธ์ุ นั่นทำให้เอริครับสานต่อความคิดของชอว์ และการสังหารชอว์นั้นได้เปลี่ยนเอริคไปตลอดกาลจากเพื่อนของชาร์ลส์เป็น Magneto

นี่คือตัวอย่างของคนดีแสนดี ดีเหลือเกินตกเป็นเหยื่อของความโหดร้ายของโลก โดยที่ตนเองนั้นมีความคิดที่แน่วแน่และมั่นคงมาตลอด เห็นได้จากการทอยเหรียญเป็นหัวทั้ง 2 ด้าน แต่แม้จะเป็นคนดีเพียงใด การต้องมาเผชิญกับวายร้ายอย่าง Joker นั้น แค่เป็นคนดียังไม่พอ สิ่งที่แบทแมนมีแต่ฮาร์วี่ย์ไม่มีนั่นก็คือ ความอดทน ในขณะที่แบทแมนสามารถอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ฮาร์วี่ย์กลับกลายเป็นรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และกลายเป็น Two Face ในที่สุด
สิ่ง ที่ทำให้ฮาร์วี่ย์กลายไปเป็นอาชญากรอีกคนนอกจากคารมคมคายของ Joker แล้ว สิ่งที่ได้เปลี่ยนฮาร์วี่ย์ไปเป็นคนร้ายก็คือความโกรธต่องความจริง ฮาร์วี่ย์นั้นโทษทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นและทิ้งทุกอย่างไว้กับการเสี่ยงดวง นั่นถือเป็นจุดจบของอัยการผู้เชื่อมั่นในความดีและทิ้งชีวิตไว้กับการ เสี่ยงดวงเท่านั้น