แอบโกรธพนักงานโลตัส

จากใจหญิงวัยป้า...

อันนี้เป็นเรื่องของแม่ผมนะครับ แม่อายุ 50ปลายๆละ แบบที่หลายคนชอบเรียกว่า "มนุษย์ป้า" จนบางครั้งหลายๆคนก็มองว่าการเป็นมนุษย์ป้าเป็นเรื่องน่าอาย เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่รู้กาละเทศะ และมีพฤติกรรมอันเป็นที่รังเกียจองสังคม บลา...บลา...บลา...

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผมและแม่ ออกไปเดินซื้อของที่ห้างโลตัส สาขา ถ.สุขาภิบาล 3 เพื่อเตรียมจัดกระเป๋าให้ผมกลับออสเตรเลีย เราก็ซื้อเวลาองสรรพเพเหระ ประเภทขนมขบเคี้ยว ผงทำอาหารนู่น นี่ นั่น รวมไปถึง ไฮไลท์ของงาน "ไก่ย่างทั้งตัว" ลดครึ่งราคา แพ็คละ 67 บาท จำนวน 3แพ็ค (ซื้อเป็นอาหารให้ผม 1 ตัว ส่วนอีก 2 ตัว ซื้อไปฝากเพื่อนที่ทำงาน) พร้อมขนมปังแบบจัดรายการ ซื้อ 1 แถม 1 ในราคา 12 บาท ต่อแพ็ค จำนวน 3 แพ็ค

เมื่อได้ของครบแล้ว ผมกับแม่ก็จัดแจงเดินนำสินค้าทั้งหมดไปจ่ายเงินที่ช่องบริการ นำของขึ้นสายพาน ขณะนั้นเป็นเวลา 3 ทุ่มได้ เมื่อเจ้าหน้าที่โลตัสนำสินค้าผ่านเครื่องคิดสตางต์ พร้อมบรรจุลงถุง แม่ก็ถามเขาอย่างสุภาพว่าเท่าไหร่แล้วคะ พนักงานบอกว่า 1090บาทแล้ว (แบบไม่มีหางเสียง) แม่เลยบอกเขาว่า งั้นหนูช่วยคิดเงินชุดนี้ให้ป้าเลยได้ไหม เพราะจะได้เอาส่วนลดบองใบเสร็จชุดแรกไปเป็นส่วนลดบิลชุดต่อไป ซึ่งขณะนั้นไม่มีคนรอต่อคิวชำระเงิน และช่องบริการอื่นๆก็เปิดโล่ง ไม่ค่อยมีลูกค้า ในเวลานั้น

หลังจากที่แม่ผมขอให้พนักงานสาว อายุประมาณ 20 ปลายๆ หรือ 30 ต้นๆ คิดเงินแบบแยกบิลให้อยู่นั้น สีหน้าของเธอ จากที่แย่อยู่แล้ว ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก เรียกได้ว่าดูถูกแม่ผมเลยหละ แล้วพูดกัขแม่ผมว่า จะะแยกทำไม ในเมื่อของชุดต่อไปเป็นของลดราคาในแพ็ค ส่วนลดเอาไปใช้กับงลดราคาพวกนั้นไม่ได้... วิธีที่เขาพูดกับแม่ผมแย่มาก ทำหน้าทำตาในแบบที่ผมยืนอยู่ตรงกำลังจะว่าเขากลับไปแต่แม่ห้ามเอาไว้ แต่แม่ขอกว่ายังมีสินค้าอื่นๆอีกนี่ บิลนี้รวมๆกันก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 1000 บาทนะคะ... จากนั้นพนักงานโลตัสทำหน้าแย่ๆใส่ แบบบอกบุญไม่รับ หลังจากคิดเงินเสร็จแล้ว รับใบเสร็จ พนักงานหญิงคนนี้หน้าเบ้ปากส่งให้เพื่อนดู ประมาณว่าดูถูกอ่ะ ผมกำลังจะเดินกลับไป แต่แม่ดึงเอาไว้ก่อน
ข้อสงสัยงผมคือ
1. เพราะแม่ของผมใส่ชุดโรงงาน แถมมีผ้ากันเปื้อนคาดเอวอยู่ ส่วนผมใส่เสื้อกล้ามเก่าๆ กางเกงย้วยๆ ออกมาเดินห้าง หรือเปล่า... (ลักษณะเหมือนแม่บ้านโรงงาน) จริงๆแล้วแม่ผมเป็นเจ้าของโรงงานนะครับ ไม่ใหญ่มาก แต่เราก็เป็นเจ้าของธุรกิจ ส่วนผมบินกลับมาไม่ได้เอาเสื้อผ้ากลับมาเลย เอามาแต่ของฝาก ปกติไม่ค่อยแต่งตัว มีอะไรก็ใส่ครับ
2. หรือเพราะแม่ผมซื้อของลดราคา หลายชิ้นเกินไป?? แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเราไหมครับ เราเลือกที่จะซื้อของถูก เพราะเงินทองไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
3. หรือแม่ผมไปขอให้เขาแยกใบเสร็จ เพราะต้องการใช้ส่วนลดทันที กับบิลถัดไป แทนที่จะรอเก็บใบเสร็จไปใช้ในวันอื่น. แต่เหตุผลของแม่ผมคือ เดี๋ยวลืม หรือไม่ก็ใบเสร็จหาย และมันเป็นผลประโยชน์ของเรา ต่อให้เป็นส่วนลด 5 บาท 10 บาท ก็เป็นเงิน ซึ่งอันนี้ผมเห็นด้วยกับแม่ 100 เปอร์เซ็นต์

ผมเข้าใจพนักงานนะครับ เขายืนมาทั้งวัน จะกลับบ้านไปพักผ่อนละ ป้าก็ยังเรื่องมาก จะแยกบิล อะไรนักหนา... แต่ไม่มีคนรอต่อคิวเลยนะครับ... พนักงานไม่อธิบายเรื่องส่วนลด ว่าแยกบิลซิ จะได้เอาไปลดบิลถัดไปเลย (แม่บอกว่าพนักงานโลตัสไม่เคยบอก ในขณะที่ Big C สาขาที่ติดกัน ชอบบอกลูกค้า ว่าควรทำอย่างไร จึงจะประหยัดได้สูงสุด) แม่ผมบอกว่า แม่เข้าใจว่า "ลูกค้า ไม่ใช่พระเจ้า" เราเป็นผู้ใช้บริการเฉยๆ ในเมื่อน้องผู้หญิงที่คิดเงินเรา เป็นผู้ให้บริการ ก็ควรทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ให้สมกับที่บริษัทโลตัส ให้ความไว้วางใจ ให้เขามานืนเป็นหน้าเป็นตา ของร้านค้า ผมและแม่ ไม่ได้ต้องการให้เขามายิ้มแย้มเบิกบานจนเวอร์ มารับใช้เรา เพียงแค่หยุดทำหน้าตาบึ้งตึง เหมือนถูกบังคับให้มาทำงาน เพราะมันจะทำให้ลูกค้าป้าๆ ทั้งหลายเขารู้สึกไม่ดี ว่าเขาทำอะไรผิดหรือเปล่า ยังไงเสีย แม่ผมก็ยังคงต้องซื้อของโลตัส ต่อไป เพราะสินค้าถูก(เวลาจัดรายการ) บริการดี(ไม่ดีก็มีบ้าง) สถานที่สะดวก

ข้อแนะนำสำหรับพนักงานหญิงคนดังกล่าวนะครับ คิดซะว่าป้าๆ ที่มาใช้บริการ เขาเป็นแม่ เป็นป้าคุณ คุณจะได้มีความอดทนอดกลั้น กับพฤติกรรม ของมนุษย์ป้าทั้งหลายเหล่านั้น พยามยามส่องกระจกดูหน้าเรา ว่าเวลาทำหน้าตาหงุดหงิด ว่ามันไม่น่าดูแค่ไหน เราจะได้ไม่ทำใส่ลูกค้า พยายามชวนลูกค้าพูดคุยเวลาทำงานบ้าง เราจะได้ไม่เครียด บางครั้งการพูดคุยจะช่วยคุณผ่อนคลายสมอง บางครั้งทำให้คุณอารมณ์ดีได้นะครับ ข้อสุดท้ายคือ หากงานบริการ ไม่เหมาะกับคุณ มองหาสิ่งใหม่ๆ ใช้ชีวิตนะครับ คุณอาจจะค้นพบสิ่งที่คุณชอบ หรืออยากจะทำ

-สวัสดี-
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่