นิวรณ์ 5
อกุศลธรรมที่คอยทำลายล้างความดี ก็มีนิวรณ์ 5 คือ
1.กามฉันทะ ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์
2.พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
3.ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
4.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิด
5.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่เพียงใด
นักปฏิบัติ อย่าเข้าใจว่า นิวรณ์5จะระงับด้วยการ อ่าน คิด จำ อย่าเข้าใจผิด
ต้องเร่งภาวนาอย่างเดียว หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ทุกลมหายใจเข้า-ออก
ตลอดเวลา ทั้ง เดิน ยืน นั่ง นอน เมื่อใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ ใจจะตื่นรู้ นิวรณ์5ประการจะระงับ
เมื่อนิวรณ์5ประการระงับลงไปแล้ว เวลามีอะไร เช่น รูป รส กลิ่น เสียง โผทัพผะ และธรรมมารมณ์
มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ใจที่ตื่นรู้ จะเห็นตัณหาภายในใจ นักปฏิบัติ ก็วิปัสสนา คือการอบรมที่ใจตนเป็นหลัก
เพื่อถอดถอนความอยาก ความไม่อยาก ความยึดมั่นไปจากใจ ด้วยอริยสัจ4
ทุกข์ ควรกำหนดรู้ คือกำหนดรู้ที่ใจ เพราะใจเป็นทุกข์
สมุทัย ควรละ คือตัณหาที่อยู่ในใจ ควรละ
นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือ ความสิ้นไปของตัณหาภายในใจ ควรทำให้แจ้งแก่ใจตน
มรรค ควรทำให้เกิดขึ้น คือ เจริญภาวนาเพื่อให้ใจตื่นรู้เป็นสมาธิ
เมื่อ พ้นแล้วย่อมรู้ว่าพ้นแล้ว เมื่อหลุดพ้นย่อมรู้ว่าหลุดพ้น
ใจจะพ้นนิวรณ์5ได้ ด้วยการเจริญภาวนา
อกุศลธรรมที่คอยทำลายล้างความดี ก็มีนิวรณ์ 5 คือ
1.กามฉันทะ ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์
2.พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
3.ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
4.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิด
5.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่เพียงใด
นักปฏิบัติ อย่าเข้าใจว่า นิวรณ์5จะระงับด้วยการ อ่าน คิด จำ อย่าเข้าใจผิด
ต้องเร่งภาวนาอย่างเดียว หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ทุกลมหายใจเข้า-ออก
ตลอดเวลา ทั้ง เดิน ยืน นั่ง นอน เมื่อใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ ใจจะตื่นรู้ นิวรณ์5ประการจะระงับ
เมื่อนิวรณ์5ประการระงับลงไปแล้ว เวลามีอะไร เช่น รูป รส กลิ่น เสียง โผทัพผะ และธรรมมารมณ์
มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ใจที่ตื่นรู้ จะเห็นตัณหาภายในใจ นักปฏิบัติ ก็วิปัสสนา คือการอบรมที่ใจตนเป็นหลัก
เพื่อถอดถอนความอยาก ความไม่อยาก ความยึดมั่นไปจากใจ ด้วยอริยสัจ4
ทุกข์ ควรกำหนดรู้ คือกำหนดรู้ที่ใจ เพราะใจเป็นทุกข์
สมุทัย ควรละ คือตัณหาที่อยู่ในใจ ควรละ
นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือ ความสิ้นไปของตัณหาภายในใจ ควรทำให้แจ้งแก่ใจตน
มรรค ควรทำให้เกิดขึ้น คือ เจริญภาวนาเพื่อให้ใจตื่นรู้เป็นสมาธิ
เมื่อ พ้นแล้วย่อมรู้ว่าพ้นแล้ว เมื่อหลุดพ้นย่อมรู้ว่าหลุดพ้น