เวลาช่วงใกล้ ๆ สิ้นปีทีไร บรรยากาศคริสต์มาส ปีใหม่ กำลังจะมา ถ้าพูดถึงหนังซักเรื่องหากเป็นหนังฝรั่งผมก็มักจะนึกถึงเรื่อง
Love Actually แต่สำหรับหนังไทยแล้วบรรยากาศแบบนี้ทีไรผมนึกถึง "รักแห่งสยาม" ทุกทีเลย มันเหงา ๆ หนาว ๆ (?) เคล้าด้วยรักแบบบอกไม่ถูก
และเมื่อวาน 22 พฤศจิกายนเป็นวันที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายวันแรก มาตอนก็ครบรอบ 8 ปีพอดี เลยอยากจะกลับไปทบทวนเรื่องราวและความทรงจำกับหนังในดวงใจเรื่องนี้ซะหน่อย
ก่อนอื่นเลย เพื่อให้เข้ากับเรื่องราวในกระทู้ต้องสร้างอารมณ์หวนรำลึกให้มันอินเข้าไปอีกด้วยเพลงเพราะ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้ก็มีเพลงเพราะเยอะซะด้วย แต่มีเพลงนึงที่เชื่อว่าอยู่ในความทรงจำของทุกคนแน่นอน บอกความเป็นหนังได้ดี และที่สำคัญตอนนั้นดังมากได้ยินทุกวันทุกคลื่น ต้องเพลงนี้จริง ๆ
"เราคงคบมิวเป็นแฟนไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้รักมิวนะ"
ช่วงนั้นจำได้ว่าผมอยู่มอต้น บรรยากาศลมหนาวกำลังมา ผมรู้จักหนังเรื่องนี้ครั้งแรกจากโปสเตอร์ของโรงฉายหนังใกล้บ้าน หน้าตาก็แบบนี้เลย
ตอนนั้นนี้คิดว่าเป็นหนังรักวัยรุ่นใส ๆ 2 คู่ ที่ไหนได้ 555 หนังดีกว่านั้นมากกกก จำได้ว่าเป็นกระแสพอสมควรว่าหน้าหนังหลอกคนดู แต่ด้วยความที่หนังมันดีไงก็เลยพยุงให้หนังค่อนข้างประสบความสำเร็จ มีกระแสที่คนชื่นชอบเยอะมาก และมีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาจนทุกวันนี้ เกิดวลีขึ้นมาที่จำได้แม่นจนทุกวันนี้เลยว่า
" นี่ไม่ใช่หนังเกย์ แต่นี่คือหนังรัก"
หนังเรื่องนี้มันลงลึกไปในแง่ประเด็นของความรัก ถ้าเรามองข้ามประเด็นว่าความรักนั้นเป็นเพียงแค่หญิง-ชาย เราก็จะเห็นแง่มุมของความรักความเข้าใจที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะประเด็นของครอบครัว การประคองและรักษาไว้ซึ่งกันและกันและกัน จะพบว่าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" ทั้งนั้น หนังเรื่องนี้จึงไปไกลมากกว่าการเสนอเรื่องราวความรักของชาวรักร่วมเพศ แต่เป็นความรักที่มาจากหลายรูปแบบ การยอมรับซึ่งกันหรือกันและสิ่งสำคัญคือ "การยอมรับในตัวเอง"
พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับหนังรักร่วมเพศ นี่เป็นหนึ่งในหนังที่นำเสนอประเด็นเรื่องนี้ออกมาได้ดีที่สุดเรื่องนึงที่ผมเคยดู จนทุกวันนี้ผ่านมาแปดปีก็ยังหาแบบนี้ได้ยาก ไม่เข้าใจว่าพักหลังมานี้ประเทศไทยมีหนังเกี่ยวกับรักร่วมเพศเยอะมาก แต่ทำไมถึงไปเน้นเรื่องSEXหรือความตลก ทั้งที่น่าจะลงลึกในแง่ความความละเอียดของความรักหรือความสัมพันธ์ น่าเสียดายมาก ๆ ผมยังไม่เคยดูพี่ชาย my hero หนังตัวแทนออสการ์ปีนี้ซึ่งก็น่าจะดีเหมือนกัน แต่ก็มีเพียงไม่กี่เรื่องที่จะก้าวข้ามความฉาวแล้วเข้าความรักจริง ๆ ซักที ก็คงต้องหวังไปในอนาคต
นักแสดงเรื่องนี้คือดีงาม
เรื่องนี้คัดนักแสดงมาแบบคัดจริง ๆ ทุกอย่างมันดีหมด แทบทุกคนได้เข้าชิงรางวัลกันหมด และหนึ่งในนั้นคือนักแสดงขวัญใจผม พี่พลอย เฌอมาลย์ ที่ปีนั้นได้รางวัลสุพรรณหงส์ไป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องนี้เล่นได้เป็นธรรมชาติมาก ไม่ว่าจะเป็น จูน หรือ แตง ไม่เข้าใจว่าทำไมหลังจากเรื่องนี้ก็ไม่เคยเห็นพี่พลอยเล่นได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้เลย ไม่รู้ว่าอยู่ที่บทด้วยหรือเปล่า แม้แต่ในคิดถึงวิทยาก็ยังรู้สึกว่าไม่ธรรมชาติเท่ารักแห่งสยาม เรื่องนี้ยิ้มแต่ละทีน่ารักมากกกก ฉากเคี้ยวหมากฝรั่งยังอยู่ในความทรงจำ ติดตาเลย 5555
ส่วนพี่กบและพี่นก สินจัย ก็เล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะพี่นกนี่ทำให้เข้าใจอารมณ์ของความเป็นแม่ทีกลัวการสูญเสียเลย ฉากเลือกตุ๊กตาต้นคริสต์มาสเป็นฉากเล็ก ๆ ที่ผมชอบมากอย่างบอกไม่ถูก มันมีอะไรหลายอย่างในบทสนทนาและแววตา ซึ่งทุกฉากมันมีความหมายหมดและนักแสดงก็สื่อสารออกมาราวกับว่าไม่ได้แสดง อีกฉากที่ประทับใจแบบไม่ใช่คนแสดง คือฉากความพยายามของผึ้ง น้องผึ้งเล่นดีมาก 555 ฉากนี้สายตาพี่กบคือบอกอะไรได้หมดเลยนะ เป็นฉากที่มีพลังและความหมายมาก รู้เลยว่าทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดีและละเอียดอ่อน
และเพราะหนังเรื่องนี้ได้แจ้งเกิด มาริโอ้ อย่างเต็มตัว เห็นไหมผู้ชายมาเล่นบทชายรักชายก็ดังได้ ภาพลักษณ์ก็ไม่ได้เสียเลยแม้จะมีฉากจูบอันลือลั่นนั่นก็เหอะ 555 และยังทำให้วง ออกัส ในหนังดังขึ้นมาจริง ๆ ไกลไปทั่วเอเชียเลยด้วย หนังดันแจ้งเกิดของแท้
ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้มีอิทธิพลขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าสำหรับเด็กต่างจังหวัดคนนึงนี่อยากเข้ากรุงมาเดินสยามเลยนะ 555
จำได้ว่าหลังจากนั้นหลายปีแล้วแหละได้มาเรียนพิเศษก็แอบโดดเรียนมาเดินสยามครั้งแรก ไปเดินตามหาสะพานลอยตรงสยามเซนฯที่โต้งกับหญิงไปดูมิวอ่ะ ผมก็ไปยืนตามหนังแล้วก็มโนไปเรื่อย อารมณ์ตามรอยหนังมาก ๆ ตอนนี้ก็เรียนอยู่มหาลัยใกล้ ๆ กันก็ได้ไปสยามบ่อย ๆ ทุกครั้งตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ ที่มีการประดับหลอดไฟโดยเฉพาะช่วงปีใหม่ เห็นแบบนี้ทีไรเพลงกันและกันเข้ามาในหัวตลอดเลย บางอารมณ์ก็เดินทำเอ็มวีบ้าง เหมือนตัวเองเป็นโต้งไม่ก็พี่คิววงฟลัวร์ 555 เอ้อ!! ทุกวันนี้ผมยังหาร้านตุ๊กตาไม้ไม่เจอเลย หรือว่าโดนไฟไหมหรือย้ายร้านไปล่ะ
"ดั่งในใจความบอกในกวี ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง"
ยังมีอีกหลายเรื่องราวและความทรงจำกับหนังเรื่องนี้ เผลอแปบเดียวแปดปีแล้วหรอเนี่ย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยมไม่ได้มาง่าย ๆ พี่ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ รู้เลยยย นี่คือหนังที่ผมชอบมากที่สุดของพี่มะเดี่ยว และเป็นหนึ่งในหนังที่รักมากที่สุดเรื่องนึง สิ้นปีทีไรต้องคิดถึงเรื่องนี้ตลอด หนังก็ตั้งย้าวยาว ยิ่งฉบับไดเรคเตอร์คัทยิ่งยาวแต่กลับดูได้ไม่เบื่อเลย เป็นหนังที่ลงตัวที่สุดเรื่องนึงที่เคยดู มันบอกและให้แง่คิดอะไรหลายอย่าง มีอะไรให้คิดและได้ตีความ มันคือหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งความรักได้อย่างงดงามที่แท้จริง
ซักวันนึงเราจะต้องจัดปาร์ตี้ในสวนให้ได้ 5555
-รักแห่งสยาม-
ย้อนรำลึกความทรงจำที่มี 8 ปี "รักแห่งสยาม"
Love Actually แต่สำหรับหนังไทยแล้วบรรยากาศแบบนี้ทีไรผมนึกถึง "รักแห่งสยาม" ทุกทีเลย มันเหงา ๆ หนาว ๆ (?) เคล้าด้วยรักแบบบอกไม่ถูก
และเมื่อวาน 22 พฤศจิกายนเป็นวันที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายวันแรก มาตอนก็ครบรอบ 8 ปีพอดี เลยอยากจะกลับไปทบทวนเรื่องราวและความทรงจำกับหนังในดวงใจเรื่องนี้ซะหน่อย
ก่อนอื่นเลย เพื่อให้เข้ากับเรื่องราวในกระทู้ต้องสร้างอารมณ์หวนรำลึกให้มันอินเข้าไปอีกด้วยเพลงเพราะ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้ก็มีเพลงเพราะเยอะซะด้วย แต่มีเพลงนึงที่เชื่อว่าอยู่ในความทรงจำของทุกคนแน่นอน บอกความเป็นหนังได้ดี และที่สำคัญตอนนั้นดังมากได้ยินทุกวันทุกคลื่น ต้องเพลงนี้จริง ๆ
ช่วงนั้นจำได้ว่าผมอยู่มอต้น บรรยากาศลมหนาวกำลังมา ผมรู้จักหนังเรื่องนี้ครั้งแรกจากโปสเตอร์ของโรงฉายหนังใกล้บ้าน หน้าตาก็แบบนี้เลย
ตอนนั้นนี้คิดว่าเป็นหนังรักวัยรุ่นใส ๆ 2 คู่ ที่ไหนได้ 555 หนังดีกว่านั้นมากกกก จำได้ว่าเป็นกระแสพอสมควรว่าหน้าหนังหลอกคนดู แต่ด้วยความที่หนังมันดีไงก็เลยพยุงให้หนังค่อนข้างประสบความสำเร็จ มีกระแสที่คนชื่นชอบเยอะมาก และมีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาจนทุกวันนี้ เกิดวลีขึ้นมาที่จำได้แม่นจนทุกวันนี้เลยว่า
หนังเรื่องนี้มันลงลึกไปในแง่ประเด็นของความรัก ถ้าเรามองข้ามประเด็นว่าความรักนั้นเป็นเพียงแค่หญิง-ชาย เราก็จะเห็นแง่มุมของความรักความเข้าใจที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะประเด็นของครอบครัว การประคองและรักษาไว้ซึ่งกันและกันและกัน จะพบว่าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" ทั้งนั้น หนังเรื่องนี้จึงไปไกลมากกว่าการเสนอเรื่องราวความรักของชาวรักร่วมเพศ แต่เป็นความรักที่มาจากหลายรูปแบบ การยอมรับซึ่งกันหรือกันและสิ่งสำคัญคือ "การยอมรับในตัวเอง"
พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับหนังรักร่วมเพศ นี่เป็นหนึ่งในหนังที่นำเสนอประเด็นเรื่องนี้ออกมาได้ดีที่สุดเรื่องนึงที่ผมเคยดู จนทุกวันนี้ผ่านมาแปดปีก็ยังหาแบบนี้ได้ยาก ไม่เข้าใจว่าพักหลังมานี้ประเทศไทยมีหนังเกี่ยวกับรักร่วมเพศเยอะมาก แต่ทำไมถึงไปเน้นเรื่องSEXหรือความตลก ทั้งที่น่าจะลงลึกในแง่ความความละเอียดของความรักหรือความสัมพันธ์ น่าเสียดายมาก ๆ ผมยังไม่เคยดูพี่ชาย my hero หนังตัวแทนออสการ์ปีนี้ซึ่งก็น่าจะดีเหมือนกัน แต่ก็มีเพียงไม่กี่เรื่องที่จะก้าวข้ามความฉาวแล้วเข้าความรักจริง ๆ ซักที ก็คงต้องหวังไปในอนาคต
นักแสดงเรื่องนี้คือดีงาม
เรื่องนี้คัดนักแสดงมาแบบคัดจริง ๆ ทุกอย่างมันดีหมด แทบทุกคนได้เข้าชิงรางวัลกันหมด และหนึ่งในนั้นคือนักแสดงขวัญใจผม พี่พลอย เฌอมาลย์ ที่ปีนั้นได้รางวัลสุพรรณหงส์ไป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องนี้เล่นได้เป็นธรรมชาติมาก ไม่ว่าจะเป็น จูน หรือ แตง ไม่เข้าใจว่าทำไมหลังจากเรื่องนี้ก็ไม่เคยเห็นพี่พลอยเล่นได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้เลย ไม่รู้ว่าอยู่ที่บทด้วยหรือเปล่า แม้แต่ในคิดถึงวิทยาก็ยังรู้สึกว่าไม่ธรรมชาติเท่ารักแห่งสยาม เรื่องนี้ยิ้มแต่ละทีน่ารักมากกกก ฉากเคี้ยวหมากฝรั่งยังอยู่ในความทรงจำ ติดตาเลย 5555
ส่วนพี่กบและพี่นก สินจัย ก็เล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะพี่นกนี่ทำให้เข้าใจอารมณ์ของความเป็นแม่ทีกลัวการสูญเสียเลย ฉากเลือกตุ๊กตาต้นคริสต์มาสเป็นฉากเล็ก ๆ ที่ผมชอบมากอย่างบอกไม่ถูก มันมีอะไรหลายอย่างในบทสนทนาและแววตา ซึ่งทุกฉากมันมีความหมายหมดและนักแสดงก็สื่อสารออกมาราวกับว่าไม่ได้แสดง อีกฉากที่ประทับใจแบบไม่ใช่คนแสดง คือฉากความพยายามของผึ้ง น้องผึ้งเล่นดีมาก 555 ฉากนี้สายตาพี่กบคือบอกอะไรได้หมดเลยนะ เป็นฉากที่มีพลังและความหมายมาก รู้เลยว่าทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดีและละเอียดอ่อน
และเพราะหนังเรื่องนี้ได้แจ้งเกิด มาริโอ้ อย่างเต็มตัว เห็นไหมผู้ชายมาเล่นบทชายรักชายก็ดังได้ ภาพลักษณ์ก็ไม่ได้เสียเลยแม้จะมีฉากจูบอันลือลั่นนั่นก็เหอะ 555 และยังทำให้วง ออกัส ในหนังดังขึ้นมาจริง ๆ ไกลไปทั่วเอเชียเลยด้วย หนังดันแจ้งเกิดของแท้
ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้มีอิทธิพลขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าสำหรับเด็กต่างจังหวัดคนนึงนี่อยากเข้ากรุงมาเดินสยามเลยนะ 555
จำได้ว่าหลังจากนั้นหลายปีแล้วแหละได้มาเรียนพิเศษก็แอบโดดเรียนมาเดินสยามครั้งแรก ไปเดินตามหาสะพานลอยตรงสยามเซนฯที่โต้งกับหญิงไปดูมิวอ่ะ ผมก็ไปยืนตามหนังแล้วก็มโนไปเรื่อย อารมณ์ตามรอยหนังมาก ๆ ตอนนี้ก็เรียนอยู่มหาลัยใกล้ ๆ กันก็ได้ไปสยามบ่อย ๆ ทุกครั้งตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ ที่มีการประดับหลอดไฟโดยเฉพาะช่วงปีใหม่ เห็นแบบนี้ทีไรเพลงกันและกันเข้ามาในหัวตลอดเลย บางอารมณ์ก็เดินทำเอ็มวีบ้าง เหมือนตัวเองเป็นโต้งไม่ก็พี่คิววงฟลัวร์ 555 เอ้อ!! ทุกวันนี้ผมยังหาร้านตุ๊กตาไม้ไม่เจอเลย หรือว่าโดนไฟไหมหรือย้ายร้านไปล่ะ
ยังมีอีกหลายเรื่องราวและความทรงจำกับหนังเรื่องนี้ เผลอแปบเดียวแปดปีแล้วหรอเนี่ย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยมไม่ได้มาง่าย ๆ พี่ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ รู้เลยยย นี่คือหนังที่ผมชอบมากที่สุดของพี่มะเดี่ยว และเป็นหนึ่งในหนังที่รักมากที่สุดเรื่องนึง สิ้นปีทีไรต้องคิดถึงเรื่องนี้ตลอด หนังก็ตั้งย้าวยาว ยิ่งฉบับไดเรคเตอร์คัทยิ่งยาวแต่กลับดูได้ไม่เบื่อเลย เป็นหนังที่ลงตัวที่สุดเรื่องนึงที่เคยดู มันบอกและให้แง่คิดอะไรหลายอย่าง มีอะไรให้คิดและได้ตีความ มันคือหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวแห่งความรักได้อย่างงดงามที่แท้จริง
ซักวันนึงเราจะต้องจัดปาร์ตี้ในสวนให้ได้ 5555
-รักแห่งสยาม-