"ขอบคุณนะ" ครบรอบ 12 ปี 'รักแห่งสยาม' กับนิยามที่เตือนใจเสมอ "ถ้าหากมีรักก็ย่อมมีหวัง" By SPECTRUM


"ขอบคุณนะ" ครบรอบ 12 ปี 'รักแห่งสยาม'  กับนิยามที่เตือนใจเสมอ "ถ้าหากมีรักก็ย่อมมีหวัง" By SPECTRUM

“ขอบคุณนะ” เชื่อว่าประโยคตอนจบนี้คงอยู่ในใจของใครหลายๆ คนในวันนี้ 22 พฤศจิกายน ปี 2550 รักแห่งสยามถูกฉายเป็นครั้งแรก นับมาจนถึงวันนี้ก็ครบรอบ 12 ปี หนังรักอบอุ่นหัวใจที่สุดเรื่องหนึ่งซึ่งคอยย้ำเตือนเราเสมอว่า “ถ้าหากมีรักก็ย่อมมีหวัง” 
.
‘รักแห่งสยาม’ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึง ความรัก ความสัมพันธ์ การค้นหาตัวตน และการเยียวยาบาดแผลทางจิตใจผ่านการค้นพบ ‘ความหวัง’ โดยมีสยามสแควร์เป็นสถานที่ยึดโยงเรื่องราวทั้งหมดไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย มะเดี่ยว - ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่ฝากผลงานล่าสุดคือเรื่อง ‘ดิวไปด้วยกันนะ’ และหนังถูกแสดงนำโดย สินจัย เปล่งพานิช, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, มาริโอ้ เมาเร่อ และ วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล
.
หนังเกย์อบอุ่นในฤดูหนาวบนฉากหลังของสยามเรื่องนี้ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) และ นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) จาก รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ครั้งที่ 17 ในปี 2550 พร้อมทั้งปิดรายได้รวมที่ 42 ล้านบาท ตลอดจนได้รับรางวัลจาก นิตยสารไบโอสโคปว่าเป็นภาพยนตร์ที่  "ท้าทายสังคม ทั้งในแง่ประเด็นหนัง การนำเสนอ ที่สะท้อนภาพสังคมไทยในยุคนี้ รวมถึงความกล้าในการทำหนังรักดราม่าความยาวกว่าสองชั่วโมงครึ่ง ที่หาดูได้ยากในตลาดหนังไทยยุคปัจจุบัน"
.
ในตอนนั้น หลังจากตัวหนังนั้นได้ที่ออกฉายก็เกิดกระแสวิจารณ์มากมาย ทั้งชื่นชมรักหนังเรื่องนี้อย่างสุดหัวใจ และ กลุ่มที่กล่าวว่ามันเป็นหนังเกย์ รู้สึกเสียใจที่โดนหลอกไปดู นึกว่าจะเป็นหนังรักใสๆ หนังได้ทำหน้าที่ในการเป็นจุดกระตุ้นให้พูดถึงประเด็นต่างๆ ทั้ง เรื่องความรัก การแอบรักเพื่อน ความรักต่อคนในครอบครัว และบทบาทของเพศในสังคมไทยด้วย
.
“เราคงคบกับมิวเป็นแฟนไม่ได้…แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักมิวนะ” คืออีกหนึ่งประโยคคลาสสิกจาก หนังรักแห่งสยาม ที่อาจจะบอกเป็นนัยว่า ในยุคเวลานั้น สังคมอาจจะยังไม่ได้เปิดกับเรื่องความหลากหลายทางเพศอยู่ แต่มันก็ยังมีหวังอยู่ในอนาคต 
.
ในวันนี้ 12 ปีให้หลังมันก็มีความหวังอยู่จริงๆ เมื่อ ดิว ไปด้วยกันนะเป็นหนังที่สามารถพูดถึงเกย์ได้อย่างเปิดเผยและยังเป็นหนังรักที่ก้าวข้ามเรื่องเพศอีกด้วย ถึงแม้ รักแห่งสยามจะไม่ใช่หนังที่โฟกัสเรื่องเพศ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันเป็นหนังที่ท้าทายสังคมและสร้างความเปลี่ยนแปลงทางด้านบวก เปิดทางให้มีการพูดคุยกันมากขึ้นในสังคม ถึงเรื่องราวความรักที่หลากหลายรูปแบบ เปิดทางให้ครอบครัวเข้าใจกันและกันมากขึ้น เปิดทางให้สังคมเริ่มทำความเข้าใจความหลากหลายทางเพศมากขึ้น เปิดทางให้พูดคุยเรื่องความเหงา ความผิดหวังและความเจ็บปวดมากขึ้น 
.
รักแห่งสยาม บอกกับพวกเราว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ายังมีรักก็ยังมีความหวังอยู่ ไม่ว่าจะรักในรูปแบบครอบครัว คนรัก เพื่อน คนแปลกหน้า หรือรักตัวเอง ถ้ายังมีอยู่ ชีวิตมันก็ยังมีความหวัง และเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ก็จะยังเป็นหนังอบอุ่นหัวใจที่เติมเต็มคนดูหลายๆ คนได้เสมอ ไม่เก่าไปตามกาลเวลา
.
คุณล่ะ มีความทรงจำหรือความประทับใจดีๆ เกี่ยวกับ รักแห่งสยาม กันบ้างไหม มาพูดคุย แลกเปลี่ยน แบ่งปันกันได้นะ   
.


ขอบคุณเครดิตภาพและข้อมูล 
SPECTRUM

#TutorHeart1 #WeLoveYThai
#12ปีรักแห่งสยาม #TheLoveofSiam
#Spectrum #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่