ดิว ไปด้วยกันนะ
นี่คือหนังแนวชายรักชายเรื่องแรกของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หลังจากที่เคยทำหนังในแนวเดียวกันนี้เมื่อ 12 ปีก่อนเรื่อง รักแห่งสยาม หนึ่งในหนังรักที่ดีที่สุดของใครหลายคน และอาจเป็นหนังชายรักชายอันดับหนึ่งในใจของใครหลายคนด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะตั้งตารอและคาดหวังว่าหนังจะออกมาดีอย่างที่ผู้กำกับคนนี้เคยทำไว้
แต่กับหนังเรื่องนี้ที่นำพล็อตหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งมาปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยและทำให้มันแตกต่างจากเดิมโดยที่ยังคงส่วนสำคัญเอาไว้ นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าทำไมหนังจึงเลือกเล่าเรื่องในทางที่ยุ่งยากเกินจำเป็นและยังจบได้ไม่สวยงามทั้งที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกด้วย
หนังแบ่งเรื่องออกเป็นสองช่วง โดยในช่วงแรกเป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์ของเด็กนักเรียนมัธยมปลายสองคน ดิว (ภวัต จิตต์สว่างดี) กับ ภพ (ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์) ในช่วงปี พ.ศ. 2539 ที่เกิดเป็นรักต้องห้ามท่ามกลางบริทของสังคมที่ยังไม่เปิดรับกับเรื่องของเพศทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทางโรงเรียนบังคับให้ผู้ที่มีลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศเปิดเผยตัวเพื่อให้ลงชื่อไปเข้าค่ายปรับทัศนะคติแต่อ้างว่า เพราะช่วงเวลานั้นโรคเอดส์กำลังระบาด ส่วนอีกช่วงหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันปี พ.ศ. 2562 ภพ (พี่เวียร์ ศุกลวัฒน์) กลับมาเป็นครูที่โรงเรียนซึ่งตนเองเคยเรียน พร้อมกับภรรยา อร (ญารินดา บุนนาค) ทั้งสองคนหวังว่าจะช่วยกันทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวตามประสาสองผัวเมีย แต่แล้วเมื่อภพได้เจอกับ หลิว (ดริสา การพจน์) ความทรงจำในอดีตระหว่างเขากับดิวก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง หากเป็นเพียงแค่ความทรงจำธรรมดามันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่มันมีมากกว่านั้น
เราชอบการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างภพกับดิวในวัยมัธยมที่เต็มไปด้วยความโรแมนซ์แบบหนังชายรักชายท่ามกลางฉากหลังยุค 90 และบริบทของสังคมที่ยังไม่พร้อมกับเรื่องเพศทางเลือก แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ขยายความหรือนำประเด็นพวกนี้มาขยี้ต่อ เหมือนกับว่าหยิบมาใช้เป็นความขัดแย้งให้เกิดอุปสรรคกับความสัมพันธ์ของตัวละครเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้เราอยากให้ขยายการเล่าเรื่องในช่วงแรกให้เยอะมากกว่านี้แล้วไปลดการเล่าเรื่องในช่วงหลังแทน เพราะเราคิดว่าเนื้อเรื่องในช่วงหลังเต็มไปด้วยความพยายามที่จะทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครภพในวัยผู้ใหญ่ และไหนจะยังมีเนื้อเรื่องที่ดูยุ่งยากเกินจริง จนทำให้เป็นเรื่องยากที่คนดูอย่างเราจะเข้าถึงและเข้าอกเข้าใจตัวละครในช่วงหลังได้
เคมีการแสดงระหว่างสองนักแสดงวัยรุ่น โอม ภวัต กับ นนท์ ศดานนท์ ออกมาดีงามลงตัว ส่วนหน้าใหม่อีกคนอย่าง ปั๋น ดริสา นี่ก็เข้าขั้นใช้ได้เลย และถึงจะได้พี่เวียร์มาเป็นตัวชูโรงซึ่งพี่เขาก็เล่นได้ดีอย่างที่คาดคิดไว้ ก็ไม่ช่วยอะไรได้มาก
ขบเคี้ยวหนัง
[CR] ดิว ไปด้วยกันนะ ถ้าไม่ไปก็ตามใจ
ดิว ไปด้วยกันนะ
นี่คือหนังแนวชายรักชายเรื่องแรกของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หลังจากที่เคยทำหนังในแนวเดียวกันนี้เมื่อ 12 ปีก่อนเรื่อง รักแห่งสยาม หนึ่งในหนังรักที่ดีที่สุดของใครหลายคน และอาจเป็นหนังชายรักชายอันดับหนึ่งในใจของใครหลายคนด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะตั้งตารอและคาดหวังว่าหนังจะออกมาดีอย่างที่ผู้กำกับคนนี้เคยทำไว้
แต่กับหนังเรื่องนี้ที่นำพล็อตหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งมาปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยและทำให้มันแตกต่างจากเดิมโดยที่ยังคงส่วนสำคัญเอาไว้ นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าทำไมหนังจึงเลือกเล่าเรื่องในทางที่ยุ่งยากเกินจำเป็นและยังจบได้ไม่สวยงามทั้งที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกด้วย
หนังแบ่งเรื่องออกเป็นสองช่วง โดยในช่วงแรกเป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์ของเด็กนักเรียนมัธยมปลายสองคน ดิว (ภวัต จิตต์สว่างดี) กับ ภพ (ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์) ในช่วงปี พ.ศ. 2539 ที่เกิดเป็นรักต้องห้ามท่ามกลางบริทของสังคมที่ยังไม่เปิดรับกับเรื่องของเพศทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทางโรงเรียนบังคับให้ผู้ที่มีลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศเปิดเผยตัวเพื่อให้ลงชื่อไปเข้าค่ายปรับทัศนะคติแต่อ้างว่า เพราะช่วงเวลานั้นโรคเอดส์กำลังระบาด ส่วนอีกช่วงหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันปี พ.ศ. 2562 ภพ (พี่เวียร์ ศุกลวัฒน์) กลับมาเป็นครูที่โรงเรียนซึ่งตนเองเคยเรียน พร้อมกับภรรยา อร (ญารินดา บุนนาค) ทั้งสองคนหวังว่าจะช่วยกันทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวตามประสาสองผัวเมีย แต่แล้วเมื่อภพได้เจอกับ หลิว (ดริสา การพจน์) ความทรงจำในอดีตระหว่างเขากับดิวก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง หากเป็นเพียงแค่ความทรงจำธรรมดามันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่มันมีมากกว่านั้น
เราชอบการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างภพกับดิวในวัยมัธยมที่เต็มไปด้วยความโรแมนซ์แบบหนังชายรักชายท่ามกลางฉากหลังยุค 90 และบริบทของสังคมที่ยังไม่พร้อมกับเรื่องเพศทางเลือก แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ขยายความหรือนำประเด็นพวกนี้มาขยี้ต่อ เหมือนกับว่าหยิบมาใช้เป็นความขัดแย้งให้เกิดอุปสรรคกับความสัมพันธ์ของตัวละครเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้เราอยากให้ขยายการเล่าเรื่องในช่วงแรกให้เยอะมากกว่านี้แล้วไปลดการเล่าเรื่องในช่วงหลังแทน เพราะเราคิดว่าเนื้อเรื่องในช่วงหลังเต็มไปด้วยความพยายามที่จะทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครภพในวัยผู้ใหญ่ และไหนจะยังมีเนื้อเรื่องที่ดูยุ่งยากเกินจริง จนทำให้เป็นเรื่องยากที่คนดูอย่างเราจะเข้าถึงและเข้าอกเข้าใจตัวละครในช่วงหลังได้
เคมีการแสดงระหว่างสองนักแสดงวัยรุ่น โอม ภวัต กับ นนท์ ศดานนท์ ออกมาดีงามลงตัว ส่วนหน้าใหม่อีกคนอย่าง ปั๋น ดริสา นี่ก็เข้าขั้นใช้ได้เลย และถึงจะได้พี่เวียร์มาเป็นตัวชูโรงซึ่งพี่เขาก็เล่นได้ดีอย่างที่คาดคิดไว้ ก็ไม่ช่วยอะไรได้มาก
ขบเคี้ยวหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้