คือเรื่องของเรื่องนี้นี่เป็นอะไรที่ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนอ้วนมาก ..
คือตอนนั้นก็ไม่คิดว่าตัวเองอ้วนนะ เอาง่ายๆว่า ที่ไหนมีบุฟเฟ่ต์อิชั้นต้องไปลิ้มลองมันทุกที่ ตะเวนกินไปเรื่อย คือชีวิตตอนนั้นมีความสุขมากกกถึงมากที่สุดในเรื่องกิน คือไม่ต้องกังวลอะไรอยากกินก็กิน
ซึ่งเพื่อนในกลุ่มมันเลยเรียก "ใหญ่ มั่ง, เจ๊กิมฮวย บ้าง, เจ้ตงเจ๊ติ๋ม อะไรกันไป อ่อออ ตือ ก็มีนะ" 555+ คืออะไรก็ได้ที่พอฟังละดูยิ่งใหญ่ มีพลัง 555+ อ่อออ!! แต่ตอนนั้นนี่มีแฟนนะคะ ขอบอก คบกันมานานเลยทีเดียว ( 7 ปี )
..มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ เพราะเมื่อถึงจุดอิ่มตัวของความรักโดยแฟนคนนั้นให้เหตุผลควายๆว่า "เธออ้วนอ่ะ" คืออีแฟนเก่านี่ก็อ้วนนะคะ ตัวเหมือนควายเช่นกัน คือพากันไปกินนั้นหละ แต่เราไม่เคยว่า หรืออะไรมันซักคำ คือคิดว่าเราโอเคกะคนนี้ เรารักเค้า เค้ารักเรา เอออ ก็จบ
... แต่สรุปมันไม่ได้จบอย่างนั้นไง มันก็ไปมีคนอื่นตามระเบียบ ก็ so sad อยู่พักนึง ก็นะถือว่าผูกพันอยู่นะ 7 ปี ... หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน ในหัวก็มีแต่คำว่า "เธออ้วนอ่ะ" วนไปเวียนมา เลยแบบเอาว่ะ ลองซักตั้งมะ อ้วนใช่มะ เอออออได้!!! ตอนนั้นทำงานออฟฟิศค่ะ เรื่องเวลากินค่อนข้างกินเป็นเวลา
- เช้ามาจากปกติกาแฟโบราณเย็นรสเข้มข้น กะแซนวิซแฮมชีส เปลี่ยนมากิน แค่กล้วยน้ำว้าปิ้ง 3-4 ลูก กะน้ำเต้าหู้หวานน้อย
- ส่วนกลางวันก็กินตำแตงปูปลาร้า , ส้มตำปลาร้ารสแซ่บ กะปลาดุกย่างบ้าง สลับกะไก่ย่าง
- ส่วนตอนเย็นปกติก็จะข้ามไป คือไม่กิน ..แต่ถ้าวันไหนหิวจริงๆ ก็จะแอบตักกับข้าวบนโต๊ะที่บ้านกินซัก 3-4 คำ และดื่มน้ำเปล่าตามเข้าไป 2 แก้ว ..
ทำแบบนี้อยู่ 3 เดือนได้ เออออน้ำหนักเริ่มลงเฉย อ่อ ลืมบอกว่าช่วงนั้นที่ลดอ่ะ เรางดน้ำสีทุกน้ำเลยนะ กินแต่น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง คือน้ำไม่เย็นอะ นี่เป็นเคล็ดลับทำให้เรากินน้ำได้เยอะขึ้น ไม่เชื่อไปลองทำกันดูควบคุมอาหารแล้ว ก็มีออกกำลังกายด้วยนิดหน่อย คือจริงๆเป็นคนขี้เกียจออกกำลังกายมาก แต่ชอบเต้นชอบร้อง เลยหายูทูปพวกคอนเสิร์ตไรเงี้ยร้องและเต้นมั่วๆ ให้เหงื่อมันออก อาทิตย์นึงก็จะเปิดคอนเสิร์ตของตัวเอง ซัก 2-3 ครั้ง ...
เชื่อป่ะ ว่าตอนนู้นนนนนน้ำหนักนี่พีคสุด อยู่ที่ 76 โลเชียวนะ (ขอบอกว่าหมดไปหลายแสนเลยหละเพราะแดรกเข้าไปเยอะกว่าจะได้ตัวเท่านั้น) 555+
แล้วน้ำหนักก็ค่อยๆลงมาจนเหลือ 60 ...โอ้วววแม่เจ้า 16 โลที่
หายไป เหมือนได้ชีวิตใหม่เลยอ่ะ
เสื้อผ้าที่แบบแต่ก่อนหาใส่ยากมาก ก็ปรับไซส์ จาก 2XL ลงมาเหลือแค่ L หรือบางตัว
แอบยัดใส่ M ได้ด้วยอ่ะ ..คือเป็นอะไรที่ดีงามมาก
ทุกวันนั้นยังนึกถึงอีแฟนเก่าอยู่เลย พูดถึงแล้วต้องขอบคุณมันใช่มะ ที่
เลือกเดินออกไปจากชีวิตเรา และอะไรดีๆ ก็เข้ามาแทนแฟนสันดานแย่อย่างมัน ...
จริงๆแล้วจะบอกว่าไม่ว่าเราจะทำอะไรซักอย่างก็ตาม "แรงบันดาลใจ"เป็นอะไรที่สำคัญ ตั้งเป้าให้กับตัวเองและลองลงมือทำ อะไรก็ไม่ยากหรอกจริงๆ อ่ออ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ "วินัย" อันนี้
เป็นอะไรที่เจ๋งมาก ช่วงที่ตั้งใจลดนี่ ไม่ได้แตะน้ำหวานอะไรเลยนะ ซักอึกก็ไม่มี ..คือก่อนที่จะมาลดด้วยวิธีนี้ เคยลองใช้ยาลดน้ำหนักของหลายๆที่ มาเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะกินได้ไม่ถึงแผง กินทีไรใจสั่นทุกที เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เหมือนคนจะตายอ่ะ เหมือนหัวใจออกมาเต้นข้างนอก..
พอน้ำหนักลงอะไรหลายๆอย่างมันก็ดีขึ้น ส่วนถ้าดูในรูปโครงหน้าเปลี่ยนด้วย นี่เพราะจัดฟันค่ะ คือบนหน้านั้นไม่ได้ศัลยกรรมอะไรเลย มีแค่จัดฟันเท่านั้น ..
นั้นแหล่ะ เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เก๋ๆ ที่วันนึงเคยเป็น เจ๊ร่างถึกแต่ทุกวันนี้เป็นแค่สาวอวบสวยรวยเสน่ห์ 555+ ^____________^
ร
จากสาวถึกหน้าเจื่อน กลายมาเหลือแค่เป็นสาวอวบหน้าแน่น .. บอกไปใครจะเชื่อ .. ?!?!!
คือเรื่องของเรื่องนี้นี่เป็นอะไรที่ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนอ้วนมาก ..
คือตอนนั้นก็ไม่คิดว่าตัวเองอ้วนนะ เอาง่ายๆว่า ที่ไหนมีบุฟเฟ่ต์อิชั้นต้องไปลิ้มลองมันทุกที่ ตะเวนกินไปเรื่อย คือชีวิตตอนนั้นมีความสุขมากกกถึงมากที่สุดในเรื่องกิน คือไม่ต้องกังวลอะไรอยากกินก็กิน
ซึ่งเพื่อนในกลุ่มมันเลยเรียก "ใหญ่ มั่ง, เจ๊กิมฮวย บ้าง, เจ้ตงเจ๊ติ๋ม อะไรกันไป อ่อออ ตือ ก็มีนะ" 555+ คืออะไรก็ได้ที่พอฟังละดูยิ่งใหญ่ มีพลัง 555+ อ่อออ!! แต่ตอนนั้นนี่มีแฟนนะคะ ขอบอก คบกันมานานเลยทีเดียว ( 7 ปี )
..มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ เพราะเมื่อถึงจุดอิ่มตัวของความรักโดยแฟนคนนั้นให้เหตุผลควายๆว่า "เธออ้วนอ่ะ" คืออีแฟนเก่านี่ก็อ้วนนะคะ ตัวเหมือนควายเช่นกัน คือพากันไปกินนั้นหละ แต่เราไม่เคยว่า หรืออะไรมันซักคำ คือคิดว่าเราโอเคกะคนนี้ เรารักเค้า เค้ารักเรา เอออ ก็จบ
... แต่สรุปมันไม่ได้จบอย่างนั้นไง มันก็ไปมีคนอื่นตามระเบียบ ก็ so sad อยู่พักนึง ก็นะถือว่าผูกพันอยู่นะ 7 ปี ... หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน ในหัวก็มีแต่คำว่า "เธออ้วนอ่ะ" วนไปเวียนมา เลยแบบเอาว่ะ ลองซักตั้งมะ อ้วนใช่มะ เอออออได้!!! ตอนนั้นทำงานออฟฟิศค่ะ เรื่องเวลากินค่อนข้างกินเป็นเวลา
- เช้ามาจากปกติกาแฟโบราณเย็นรสเข้มข้น กะแซนวิซแฮมชีส เปลี่ยนมากิน แค่กล้วยน้ำว้าปิ้ง 3-4 ลูก กะน้ำเต้าหู้หวานน้อย
- ส่วนกลางวันก็กินตำแตงปูปลาร้า , ส้มตำปลาร้ารสแซ่บ กะปลาดุกย่างบ้าง สลับกะไก่ย่าง
- ส่วนตอนเย็นปกติก็จะข้ามไป คือไม่กิน ..แต่ถ้าวันไหนหิวจริงๆ ก็จะแอบตักกับข้าวบนโต๊ะที่บ้านกินซัก 3-4 คำ และดื่มน้ำเปล่าตามเข้าไป 2 แก้ว ..
ทำแบบนี้อยู่ 3 เดือนได้ เออออน้ำหนักเริ่มลงเฉย อ่อ ลืมบอกว่าช่วงนั้นที่ลดอ่ะ เรางดน้ำสีทุกน้ำเลยนะ กินแต่น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง คือน้ำไม่เย็นอะ นี่เป็นเคล็ดลับทำให้เรากินน้ำได้เยอะขึ้น ไม่เชื่อไปลองทำกันดูควบคุมอาหารแล้ว ก็มีออกกำลังกายด้วยนิดหน่อย คือจริงๆเป็นคนขี้เกียจออกกำลังกายมาก แต่ชอบเต้นชอบร้อง เลยหายูทูปพวกคอนเสิร์ตไรเงี้ยร้องและเต้นมั่วๆ ให้เหงื่อมันออก อาทิตย์นึงก็จะเปิดคอนเสิร์ตของตัวเอง ซัก 2-3 ครั้ง ...
เชื่อป่ะ ว่าตอนนู้นนนนนน้ำหนักนี่พีคสุด อยู่ที่ 76 โลเชียวนะ (ขอบอกว่าหมดไปหลายแสนเลยหละเพราะแดรกเข้าไปเยอะกว่าจะได้ตัวเท่านั้น) 555+
แล้วน้ำหนักก็ค่อยๆลงมาจนเหลือ 60 ...โอ้วววแม่เจ้า 16 โลที่หายไป เหมือนได้ชีวิตใหม่เลยอ่ะ
เสื้อผ้าที่แบบแต่ก่อนหาใส่ยากมาก ก็ปรับไซส์ จาก 2XL ลงมาเหลือแค่ L หรือบางตัวแอบยัดใส่ M ได้ด้วยอ่ะ ..คือเป็นอะไรที่ดีงามมาก
ทุกวันนั้นยังนึกถึงอีแฟนเก่าอยู่เลย พูดถึงแล้วต้องขอบคุณมันใช่มะ ที่เลือกเดินออกไปจากชีวิตเรา และอะไรดีๆ ก็เข้ามาแทนแฟนสันดานแย่อย่างมัน ...
จริงๆแล้วจะบอกว่าไม่ว่าเราจะทำอะไรซักอย่างก็ตาม "แรงบันดาลใจ"เป็นอะไรที่สำคัญ ตั้งเป้าให้กับตัวเองและลองลงมือทำ อะไรก็ไม่ยากหรอกจริงๆ อ่ออ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ "วินัย" อันนี้เป็นอะไรที่เจ๋งมาก ช่วงที่ตั้งใจลดนี่ ไม่ได้แตะน้ำหวานอะไรเลยนะ ซักอึกก็ไม่มี ..คือก่อนที่จะมาลดด้วยวิธีนี้ เคยลองใช้ยาลดน้ำหนักของหลายๆที่ มาเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะกินได้ไม่ถึงแผง กินทีไรใจสั่นทุกที เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เหมือนคนจะตายอ่ะ เหมือนหัวใจออกมาเต้นข้างนอก..
พอน้ำหนักลงอะไรหลายๆอย่างมันก็ดีขึ้น ส่วนถ้าดูในรูปโครงหน้าเปลี่ยนด้วย นี่เพราะจัดฟันค่ะ คือบนหน้านั้นไม่ได้ศัลยกรรมอะไรเลย มีแค่จัดฟันเท่านั้น ..
นั้นแหล่ะ เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เก๋ๆ ที่วันนึงเคยเป็น เจ๊ร่างถึกแต่ทุกวันนี้เป็นแค่สาวอวบสวยรวยเสน่ห์ 555+ ^____________^
ร