[MotoGP] #2016StartsNow - Valencia MotoGP™ Official Test

ฤดูกาล 2015 ปิดฉากลงเรียบร้อย กับฤดูกาลที่... ให้คำบรรยายไม่ถูกเหมือนกัน หลังจากโมโตจีพีเหมือนอยู่ในมรสุมมาเกือบๆเดือน คงไม่จำเป็นต้องกลับไปพูดถึงเรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้นอีกแล้ว ชีวิตต้องเดินต่อไป เอาเป็นว่าขอแสดงความยินดีกับ Jorge Lorenzo, Johann Zarco และ Dany Kent สำหรับตำแหน่งแชมป์โลกทั้ง 3 รุ่น เราจะคุยถึงเรื่องทดสอบรถและการเตรียมตัวในฤดูกาลหน้ากัน  ก่อนจะแว๊บกลับไปเก็บตกข่าวสารเกี่ยวกับฤดูกาลนี้กันซักเล็กน้อยในตอนท้าย


World Champions


Yamaha YZR-M1, Kalex Moto2 and Honda NSF250RW


ตามธรรมเนียมปฏิบัติ สำหรับ Official Post-race Test ที่สนาม Circuit Ricardo Tormo, Valencia ที่จะเป็นโอกาสแรกในการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลถัดไป นักบิดที่ย้ายทีมก็จะได้สัมผัสกับรถใหม่ ทีมงานใหม่ นักบิดที่เป็น Rookies จะได้ทดสอบรถ MotoGP อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยปกติแล้วโรงงานใหญ่ๆที่เงินถุงเงินถัง มีทีมงานเยอะจะนำรถใหม่ที่เริ่มพัฒนาตั้งแต่ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังมาทดสอบกันที่นี่ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากนักแข่ง ก่อนที่จะส่งการบ้านไปให้วิศวกรที่โรงงานทำการปรับปรุงแก้ไขชิ้นส่วนต่างๆในช่วงปิดฤดูกาล เพื่อให้รถพร้อมที่สุดสำหรับการทดสอบครั้งแรกที่เซปังปีหน้า


Michelin is back...


การเปลี่ยนแปลงกฎในฤดูกาลหน้ามีการเปลี่ยนแปลง 2 เรื่องใหญ่คือรถทุกคันจะเปลี่ยนมาใช้ Standard ECU และการเปลี่ยนยางจาก Bridgestone ไปเป็น Michelin ส่วนที่กระทบในส่วนของตัวรถมีประมาณนี้
# การเพิ่มปริมาณน้ำมันขึ้นไปเป็น 22 ลิตร ทำให้รถของ Honda กับ Yamaha ต้องปรับขนาดของถังน้ำมันให้ใหญ่ขึ้นหน่อย นอกนั้นยังคงเหมือนเดิม
# เปลี่ยนขนาดวงล้อจาก 16.5 นิ้วไปเป็น 17 นิ้ว


17"


ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบค่อนข้างเยอะต่อการออกแบบรถและการวางแผนงานของแต่ละโรงงานกันพอสมควร ถึงแม้ว่านักแข่งทดสอบของแต่ละค่ายได้ทำการทดสอบยาง Michelin กันไปแล้ว โดยเฉพาะ Ducait ที่ Michele Pirro ได้ลองวิ่งไปแล้วถึง 15000 กิโลเมตร รวมนักแข่งอย่างเป็นทางการของแต่ละทีมมีโอกาสได้ทดสอบยางใหม่ไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ดูเหมือนแต่ละค่ายยังต้องการข้อมูลที่มากกว่านั้น รวมถึงอยากรอดูยางเวอร์ชั่นล่าสุดในการทดสอบครั้งนี้ว่ามีคุณลักษณะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนจากการทดสอบครั้งก่อนๆ ทำให้ทั้ง Yamaha และ Ducati ยังไม่รถใหม่มาทดสอบที่นี่ เช่นเดียวกันกับ Suzuki และ Aprilia ที่ประกาศชัดเจนออกมาแล้วว่ารถใหม่จะพร้อมในการทดสอบที่เซปังปีหน้า มีเพียง Honda ทีมเดียวเท่านั้นที่นำเครื่องยนต์ใหม่มาทดสอบ(บน Chassis เดิม) แต่ทั้งนี้ก็เพราะว่าเครื่องยนต์ปีนี้ของ Honda มีปัญหาทำให้ต้องรีบเอาเครื่องใหม่มาให้นักแข่งได้ลองก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดเหมือนปีที่แล้ว


ตารางคะแนนรวม 2 วัน


ภาพรวมการทดสอบนั้น ทำให้เราพอคาดหวังถึงการแข่งขันที่สนุกตื่นเต้นมากขึ้นในปีหน้าได้บ้าง อย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกที่ทีมโรงงานใหญ่ๆยังอยู่ระหว่างการปรับตัว ถึงแม้เวลาต่อรอบที่ออกมาอาจจะบอกอะไรได้ไม่มากนัก แต่การที่ช่องว่างลดลงมาอย่างมีนัยยะนั้นแสดงว่าการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ส่งผลทางบวกต่อโมโตจีพี

ทีมโรงงานส่วนใหญ่เริ่มต้นทดสอบจากการใช้รถปี 2015 +การเซ็ตอัพรถจากวันแข่ง และใช้ ECU ของตัวเองทำการทดสอบยางก่อนในวันแรกหรือครึ่งวันแรก เพื่อดูการตอบสนองของยาง Michelin ว่าแตกต่างกับของ Bridgestone อย่างไรบ้าง ก่อนที่บางโรงงานจะเปลี่ยนไปทดสอบ Standard ECU ก่อนที่จะนำรถใหม่หรือชิ้นส่วนใหม่ๆมาทดสอบร่วมกับยางใหม่และ ECU กลางภายหลัง แต่นักแข่งในทีม Satellite บางคนก็เหลือที่จะลุยด้วย ECU ใหม่ตั้งแต่ต้นเลยก็มี



Michelin tire
หลังจากการทดสอบทั้ง 2 วันผ่านไป ถือว่าทาง Michelin เตรียมตัวมาได้ค่อนข้างดี การทดสอบที่บาเลนเซียเพิ่งจะมีการเปิดเผยเวลาต่อรอบออกมาเป็นครั้งแรก โดยเวลาที่นักแข่งทำได้นั้นค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกับยางเดิม อาจจะยังช้ากว่าอยู่นิดหน่อย แต่ก็อยู่บนพื้นฐานที่ว่ารถยังไม่ได้ถูกปรับแต่งให้เข้ากับยาง 100% ซึ่งพอถึงเวลาเปิดฤดูกาลจริงๆ เวลาต่อรอบน่าจะเท่าๆกันหรือเร็วกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ Mark Marquez ออกมาบอกว่าการที่จะทำเวลาต่อรอบให้เร็วๆด้วยยางมิชลินนั้นทำได้ไม่ยาก ขณะที่ความทนทานนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลมากนัก นักแข่งสามารถทำเวลาต่อรอบได้เร็วด้วยยางที่ใช้ไปแล้วถึง 20 กว่ารอบก็มี นักแข่งส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจกับการทำงานของยางหลัง ถึงแม้ว่าอาจจะมีคนที่ยังไม่ชินบ้างแต่โดยรวมแล้วทุกคนพอใจ ซึ่งทางมิชลินน่าจะปิดงานตรงนี้ไปได้


Staff จากมิชลินกับทีมช่างของ Ducati


แต่ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาสำหรับนักแข่งอยู่ตอนนี้คือเรื่องยางหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ยังคงมีการล้มค่อนข้างเยอะเหมือนในการทดสอบครั้งก่อนๆ นักบิดส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันคือเวลาที่ยางหน้าจะหมดสภาพ มันจะไปไม่ลา มาไม่ไหว้ ต่างจากยางหน้าของบริดเจสโตนที่จะส่งสัญญาเตือนก่อน ทำให้นักแข่งไม่รู้ว่าตอนนี้สภาพของยางเป็นยังไง คือรอบนี้ยังขี่อยู่ดีๆแต่รอบถัดไปยางจะหมดสภาพไปดื้อๆ ที่ล้มๆกันส่วนใหญ่ในวันแรกมาจากสาเหตุนี้ กับอีกอย่างหนึ่ง Aleix Espargaro บอกว่าจังหวะที่เบรคหนักๆยางหน้าจะมีการถูกบีบเพื่อให้ยึดเกาะกับผิวแทรคแต่จังหวะที่เริ่มปล่อยเบรคนี่แหละ ที่ยางมันยังผิดรูปอยู่ ถ้าเปิดคันเร่งผิดจังหวะไปหน่อยผลก็คือกลิ้งนั่นเอง ส่วนการล้มในวันที่ 2 เกิดจากความต้องการที่จะทำเวลาลงไปให้ต่ำที่สุด รวมถึงพยายามทำความเข้าใจการตอบสนองของยาง เพื่อหาจุดที่เป็นขีดจำกัด


ทีมอะไรฟะ ตอนล้มนี่ได้ออกกล้องอย่างสวย


รูปแบบการเข้าโค้งแบบที่ต้องไปเบรคตรงกลางโค้งแบบเดิมอาจจะหายไป เพราะยางหน้าไม่ได้เกาะหนึบเหมือนเดิม การใช้เบรกหลังในการเข้าโค้งจะเพิ่มขึ้น จังหวะการเร่งหรือผ่อนคันเร่งน่าจะต่างออกไปพอสมควร แต่นอกจากปัญหาของยางแล้ว สาเหตุของการล้มในวันแรก ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ทีมส่วนใหญ่เลือกที่จะคงการ Setup รถไว้ให้เหมือนเดิมกับตอนที่ใช้กับยาง Bridgestone ในวันอาทิตย์ เพื่อที่จะดูการตอบสนองของยาง ด้วยคุณสมบัติของยางที่ต่างกันและการ Balance น้ำหนักของตัวรถที่ไม่เหมาะกับยาง Michelin ทำให้การควบคุมรถล้อหน้าทำได้ลำบาก ส่วนคุณสมบัติของยางที่ยังตอบออกมาชัดเจนไม่ได้ว่าโอเคแล้วหรือยังน่าจะเป็นเรื่องการตอบสนองของยางต่ออุณหภูมิพื้นผิวแทรครวมไปถึงลักษณะของผิวแทรคที่แตกต่างกัน ซึ่งตรงนี้ หลายๆคนยังกังวลอยู่


คิดถึงเค้ารึเปล่า?


ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือนักแข่งที่เพิ่งขยับมาแข่งรุ่น MotoGP ปีที่แล้วอย่าง Maverick Vinales, Jack Miller หรือ Loris Baz จะไม่ค่อยกังวลกับยางใหม่กันมากนัก เนื่องจากนักแข่งเหล่านี้เพิ่งจะเริ่มปรับสไตล์การขี่ของตัวเองให้เข้ากับยาง Bridgestone ได้แค่ปีเดียวไม่เหมือนกับพวกรุ่นพี่ที่แข่งมาแล้วหลายๆปี เลยทำให้ความเคยชิน ความกังวลที่ฝังอยู่ในหัวมีน้อยกว่า Valentino Rossi ออกมาเปิดเผยว่ายางมิชลินค่อนข้างจะมีปัญหากับตัวรถ YZR-M1 ในการถ่ายโอนน้ำหนัก โดยเฉพาะในจังหวะการเข้าโค้ง ขณะที่ทาง Honda ยังไม่มีฟีดแบ็คในเรื่องยางออกมาเยอะเท่าไหร่ ส่วนกลุ่มที่ชอบยางเด็กอ้วน ณ ตอนนี้มี Andrea Iannone จากดูคาติ และ 2 นักแข่งจากทีมโรงงาน Suzuki โดยเฉพาะ Maverick Vinales แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยางใหม่ คุณสมบัติใหม่ สุดท้ายแล้วนักแข่งเหล่านี้ ก็จะปรับตัว เปลี่ยนสไตล์การขี่ให้เข้ากับยางได้ในระยะเวลาที่ไม่นานมากนัก


...


แถบสีของยาง Michelin ในปีหน้าจะเป็นดังนี้
Soft – สีขาว
Medium – ไม่มีสี (สีดำ)
Hard – สีเหลือง
Wet – น้ำเงิน
Intermediate – เงิน


ECU ของ Magneti-Marelli


Standard ECU (Hardware and Software)
ดูเหมือนการเปลี่ยน ECU นั้นสร้างปัญหาและงานให้กับทีมโรงงานมากกว่ายางซะอีก นักแข่งทีมโรงงานของ Honda กับ Yamaha ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Standard ECU เหมือนย้อนกลับไปใช้ซอร์ฟแวร์โรงงานประมาณปี 2008 – 2009 การตอบสนองของระบบต่างๆเช่น Traction Control หรือ Anti-Wheel นั้นตอบสนองช้าและยังไม่ค่อยเสถียร ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถโรงงานกับรถ Open นั้น ประสิทธิภาพในเรื่อง ECU ห่างชั้นกันเยอะมากๆ นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทีมโรงงานไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนมาใช้ Standard ECU มาโดยตลอด เพราะไอ้เจ้าระบบคอมพิวเตอร์เล็กๆอันนี้แทบจะเป็นหัวใจหลักอย่างนึงของรถ MotoGP ในยุคปัจุบัน Honda ถือเป็นโรงงานที่ต้องปรับตัวมากที่สุดในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาใช้ ECU ของตัวเองมาตลอด เพิ่งจะมาเปลี่ยนตัว Hardware เป็น Magneti-Marelli เมื่อสองปีที่แล้ว ขณะที่ Ducati กับ Yamaha ที่ใช้ตัว Hardware ของเจ้านี้มานานแล้วเพียงแต่เขียน code เอง ทำให้พอคุ้นเคยกับระบบมากกว่าฮอนด้า


Installed in the bike


สำหรับการพัฒนาซอร์ฟแวร์กลางนั้น ตามวิธีที่ได้วางเอาไว้ตอนนี้ Dorna จะเป็นคนพัฒนาร่วมกับ Honda, Yamaha และ Ducati โดยค่ายๆต่างจะยื่น Concept ที่อยากให้พัฒนาเข้ามา แต่ให้ยื่นเป็นแค่ Logic หรือแนวคิด ถ้าได้รับการรับรองและอนุมัติแล้ว วิศวกรจาก Magneti-Marelli จะเป็นทีมที่เขียน Code เอง ซึ่งเชื่อว่าพอทุกอย่างมันเริ่มเข้ารูปเข้ารอย น่าจะมีการปรับเปลี่ยนให้การพัฒนา Software ทำได้ง่ายและเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ลุง Nakamoto นั้นออกมาบอกแล้วว่าถ้าทาง Magneti-Marelli อยากให้วิศวกรจาก Honda เข้าไปช่วยงานล่ะก็ บอกเฮียได้เสมอเลย (จะแอบสอดไส้อะไรมั้ยล่ะลุง 555)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่