MotoGP ฤดูกาล 2015 กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่โค้งสุดท้ายและน่าจะเป็นอีก ปีนึงที่การลุ้นแชมป์ของรุ่นพรีเมียร์น่าจะต้องขับเคี่ยวกันไปจนถึงสนามสุดท้ายที่บาเลนเซียในช่วงต้นเดือนหน้าเลยทีเดียวและจะเป็นอีก 1 ฤดูกาลที่อยู่ในใจของแฟนๆโมโตจีพีและถูกยิบยกขึ้นมากล่าวถึงกันอีกหลายปี ไม่ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นแชมป์โลกก็ตาม
\
2015 MotoGP
ถึงแม้ว่ารถที่ชนะการแข่งขันในแต่ละสนามจะยังมาจาก 2 โรงงานใหญ่จากญี่ปุ่น แต่เราได้เห็นการคับเคี่ยวที่กองเชียร์ต้องลุ้นกันตัวโก่งในหลายๆสนาม เรียกได้ว่าซัดกันจนโค้งสุดท้าย Ducati เองก็สามารถขึ้นมายืนบนโพเดี่ยมได้บ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูกาลที่เกือบจะชนะไปแล้วด้วย Suzuki เข้ามาเติมสีสันให้กับกลุ่มกลางตาราง รถ Satellite จากทั้ง 3 โรงงานต่างก็ขับเคี่ยวกันเพื่อทำอันดับให้ดีที่สุด รวมไปถึงรถในรุ่น Open ที่สลับสับเปลี่ยนกันเป็นผู้ทำอันดับสูงสุดในแต่ละสนามไป แต่เนื่องจากการต่อสู้ในกลุ่มหน้าเกิดขึ้นบ่อยในปีนี้ โชคร้ายเลยตกไปอยู่กับกลุ่มหลังๆที่ซัดกันอย่างมันแต่ไม่มีโอกาสได้ออกหน้าจอ
ฝูงเอเลี่ยนนำโดยสองเทพจาก Yamaha
กลับมาผงาดอีกครั้งสำหรับค่าย Yamaha ที่สามารถพัฒนาเจ้า YZR-M1 ให้กลับมาแข็งแกร่งจนสามารถทวงแชมป์โลกกลับมาจากค่ายปีกนกได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยทีม Movistar Yamaha คว้าแชมป์โลกประเภททีมผู้สร้างเมื่อจบการแข่งขันที่อารากอน ก่อนที่ Yamaha จะมาได้แชมป์ประเภทโรงงานหลังจบการแข่งที่ฟิลลิป ไอส์แลนด์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่แชมป์โลกประเภทนักแข่งก็อยู่ในกำมือแน่นอนแล้ว เพียงแต่ว่าจะตกไปอยู่ที่นักแข่งเบอร์ 46 หรือ 99 แค่นั้นเอง
Movistar Yamaha แชมป์โลกประเภททีมผู้สร้าง ปี 2015
นอกจากฝีมือของนักแข่งและทีมช่างของทั้งทีม VR46 และ JL99 ที่ทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ต้องขอบคุณไปยังเหล่าวิศวกรของ Yamaha ที่เตรียมรถปีนี้มาดีมากๆ (รถปีนี้พัฒนาต่อเนื่องจากมาจากช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว โดยยามาฮ่าเน้นการค่อยๆปรับปรุงจุดด้อยของรถแทนที่การเปลี่ยนดีไซน์แบบใหญ่ๆ) เรียกว่าเจ้า YZR-M1 ปีนี้ดีขึ้นในแทบทุกมิติ รถดี+นักแข่งเก่ง ทำให้ทีมประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่วางเอาไว้ ถือว่าเป็นการฉลอง 60 ปียามาฮ่าได้อย่างสวยสดงดงาม
YZR-M1 เบอร์ 46 ลายพิเศษฉลอง 60th ปี Yamaha
เรามาลองไล่เรียงดูผลงานของนักบิดแต่ละคนกันดูแบบคร่าวๆกัน
Movistar Yamaha MotoGP
การได้ Seamless transmission มาช่วยในปีนี้ ทำให้เจ้า YZR-M1 แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จุดเด่นเรื่องความลื่นไหล ทำความเร็วได้ดีในโค้งความเร็วสูงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกและยังช่วยให้การออกจากโค้งเกียร์ต่ำทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ความเร็วทางตรงยังคงไม่เพิ่มขึ้นแต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ช้ามากนัก ช่วงปลายฤดูกาลมีการทดสอบปีกเหมือนดูคาติด้วย แต่ยังไม่เห็นนักแข่งของ Yamaha นำมาใช้ในวันแข่ง
#46 Valentino Rossi
ตำนานเบอร์ 46 ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และน่าเหนือความคาดหมายของเกือบทุกคนซะด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าคุณหมอยังคงเป็นนักแข่งระดับทอปแต่ส่วนใหญ่คิดว่าน่าจะยืนระยะต่อสู้กับรุ่นน้องอย่างลอเลนโซ่หรือมาร์ค มาเคสทั้งฤดูกาลไม่ไหว แต่คุณหมอได้แสดงให้พวกเราได้เห็นว่าคำว่าโครตเก๋ามันเป็นยังไง มีทั้งลูกบู๊ ลูกบุ๋น การตัดสินใจเลือกยาง การเลือกจังหวะแซง มาได้ถูกที่ถูกเวลาเกือบตลอด รอสซี่อาจจะขี่ได้ไม่หวือหวา สนามที่ทุกอย่างเป็นใจก็สามารถชนะได้ สนามที่คนอื่นแข็งแกร่งก็ขึ้นโพเดี่ยมได้เกือบตลอด ทำให้เก็บคะแนนสะสมได้อย่างต่อเนื่อง การพลาดตกโพเดี่ยมที่ซานมาริโน่ถือเป็นแค่ครั้งเดียวที่ถือว่าทีมทำผิดพลาดแบบชัดเจน ขณะที่การต่อสู้ที่ Phillip Island ก็ต้องถือว่าทำเต็มที่สุดๆละกับอันดับ 4 ที่ได้มา ตอนนี้ The doctor มีคะแนนนำ Lorenzo อยู่ 11 คะแนน อาจจะเป็นช่องว่าที่ไม่มากนัก แต่การมีคะแนนในกระเป๋าที่เหนือกว่า ยังไงก็ถือว่าเป็นแต้มต่อที่มีอยู่ในมือแล้วแน่ๆ
#99 Jorge Lorenzo
อมยิ้มออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้ไม่ค่อยดีนัก เจอปัญหาหลายๆอย่างใน 3 สนามแรก แต่หลังจากนั้นเราได้เห็น Lorenzo คนเดิมกลับมาอีกครั้ง ขี่ได้เร็วและนิ่งมาก เรียกได้ว่าถ้าฉีกหนีออกไปได้ก็ม้วนเสื่อกลับบ้านหรือไปนั่งรอหน้าโพเดี่ยมมอบรางวัลได้เลยได้ JL99 พลิกเกมกลับมาชนะได้ 4 สนามติดตั้งแต่เฆเรสจนถึงที่คาตาลัน ตอนนี้โมเมนตัมเหมือนเอียงมาลอเลนโซ่ ก่อนที่จะถูกเบรคความร้อนแรงที่ Assen โดยคุณหมอและเจ้ามาเคสที่กลับมาชนะสองสนามถัดไป JR99 กลับมาชนะที่เช็คอีกครั้ง แต่การหลุดโพเดี่ยมที่ซิลเวอร์สโตน รวมถึงพลาดล้มที่ซานมาริโน่ ทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์โลกดูเหมือนจะดูยากลำบากขึ้น การกลับมาชนะที่อารากอนทำให้ตีตื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง อาจจะผิดหวังกับที่ 3 ที่โมเตกิแต่ก็กลับมาจบการแข่งขันเหนือกว่ารอสซี่ได้ในสนามล่าสุด ทำให้ช่องว่างของคะแนนลดลงมาเหลือ 11 คะแนนเท่านั้น
Repsol Honda
รถ RC213V ของ Honda ปีนี้มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ถ้าดูจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของรถฮอนด้าจะอยู่ที่พละกำลังอันมหาศาลของเครื่องยนต์ ทำความเร็วทางตรงได้สูง ชอบโค้งเกียร์ต่ำแบบ Stop and Go เนื่องจากมี Engine Brake อันทรงพลังจาก ECU ประสิทธิภาพสูงช่วยให้การเบรคลึกทำได้ค่อนข้างดี แต่ Chassis ใหม่ปีนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาในการควบคุมพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ดุดัน กริปของล้อหลังไม่ค่อยมี ทำให้รถมีอาการล้อฟรี ท้ายปัดตอนเปิดคันเร่งแรงๆปัญหาตรงนี้ส่งผลต่ออัตราเร่งของรถค่อนข้างมาก
มีคอลัมนิสต์บางคนสังเกตว่า ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์แรงเกินไปของ Honda มีมาซักพักนึงแล้ว เพียงแต่วิศวกรของ Honda ยังคงเลือกพัฒนารถในแนวทางนี้อยู่ ก่อนหน้านี้เราจะเห็นเพโดรซ่าออกสตาร์ทได้แบบว่าโครตพุ่ง อยู่แถว 2 ยังออกมานำที่โค้งแรกได้เลย แต่ช่วงปีสองปีหลังนี้ พ่อใหญ่จิ๋วไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย เนื่องจากคุณสมบัติของรถนั้นเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ เป็นไปได้ว่าอาจจะเข้ากับสไตล์การขี่ของ MM93 แต่ในปีนี้ทางมาเคสออกก็ออกมาบอกแล้วว่าตัวเครื่องยนต์นั้นแรงเกินไป ต้องรอดูว่าปีหน้าทาง HRC จะปรับรถให้ออกมาในทิศทางไหน
#93 Mark Marquez
แชมป์โลก 2 สมัยชาวสเปนได้ขึ้นโพเดี่ยมแค่ 2 ครั้งจาก 7 สนามแรก โดยชนะที่ COTA และจบอันดับสองที่เฆเรส แต่สนามอื่นๆต้องต่อสู้กับทั้งรถของตัวเองและคู่แข่งจากยามาฮ่า จนเจ้ามันแกวต้องขอทีมเปลี่ยนกลับไปใช้ Chassis ของปีที่แล้ว(ใช่แค่เฟรมเก่าแต่สวิงอาร์มกับอย่างอื่นยังเป็นสเปคของปีนี้)หลังจากจบการแข่งขันที่คาตาลัน ซึ่งก็แก้ปัญหาไปได้เปราะนึง MM93 กลับมามั่นใจในรถอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนเฟรม กลับมาชนะได้ 2 สนามติดที่เยอรมันและอินเดียนาโพลิส ชัยชนะตรงนี้ทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์โลก 2 สมัยผู้นี้เปิดกว้างขึ้นมาอีกครั้ง แต่เนื่องจากรถค่อนข้างมีปัญหา ทำต้องขี่แบบใส่เต็มที่ตั้งแต่ต้นเรซ เพื่อที่จะเกาะกับ JL99 ไว้ให้ได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการแข่งขัน ซึ่งเป็นการขี่ตามเกมของคนอื่น โดยปกติแล้ว มาร์ค มาเคสจะมีความเร็วในช่วงครึ่งหลังของการแข่งขันที่ค่อนข้างเหนือกว่านักแข่งคนอื่นๆ ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าไอ้มดแดงจะบุกช่วงกลางๆหรือท้ายๆการแข่งขันตลอด แต่ในปีนี้มาเคสรู้ว่าถ้าปล่อยให้ลอเลนโซ่หนีไปได้ก็คือจบ ไล่ไม่เข้าแน่นอน ผลที่ตามมาก็คือพลาดล้ม มาเคสมาชนะอีกครั้งที่ซานมาริโน่ ก่อนที่จะมาหมดลุ้นแชมป์โลกจากการล้มที่อารากอน
นอกจากปัญหาของตัวรถแล้ว MM93 ยังได้รับการบาดเจ็บจากการซ้อมหลายต่อหลายครั้ง ด้วยหลายๆสาเหตุที่ไม่ค่อยเป็นใจนัก ทำให้ไม่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ แต่ฟอร์มในปีนี้ก็ต้องถือว่าแข็งแกร่งเหมือนเดิม และบทเรียนเหล่านี้จะยิ่งทำให้ MM93 แกร่งขึ้นไปอีกในปีหน้า
#26 Dani Predoza
แดนนี่โชคไม่ดีที่อาการบาดเจ็บที่แขนจากฤดูกาลก่อนนู้นยังคงมีปัญหาอยู่ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดทันทีหลังจากจบสนามแรกที่การ์ต้า ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หลังจากต้องพักฟื้นไป 3 สนาม กลับมาลงแข่งที่เลอมังเป็นการวอร์มอัพ ก่อนที่จะเริ่มกลับคืนสู่กลุ่มหน้าได้ที่มิซาโน่ ถึงแม้ผลงานจะยังแกว่งๆแต่สภาพร่างกายค่อยๆดีขึ้น จนกลับมาขึ้นโพเดี่ยมได้ที่เยอรมันและอีกครั้งที่อารากอนที่ต่อสู้กับรอสซี่อย่างสนุกจนคว้าอันดับ 2 มาได้ในท้ายที่สุด ก่อนที่จะมาคว้าชนะครั้งแรกของฤดูกาลที่สนามโมเตกิเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สิ่งที่เราได้เห็นจากแดนนี่ในช่วงหลังๆคือกล้าที่จะบู๊มากขึ้นและก็เริ่มทำได้ดีเสียด้วย ปีหน้าเราได้แต่หวังว่าพ่อใหญ่จิ๋วจะไม่มีปัญหาการบาดเจ็บรบกวนและสามารถขึ้นไปแย่งชิงตำแหน่งแชมป์โลกได้อย่างเต็มตัวอีกครั้ง
[MotoGP] เมื่อ Yamaha กลับมาผงาดอีกครั้ง & 2016 Silly season
2015 MotoGP
ถึงแม้ว่ารถที่ชนะการแข่งขันในแต่ละสนามจะยังมาจาก 2 โรงงานใหญ่จากญี่ปุ่น แต่เราได้เห็นการคับเคี่ยวที่กองเชียร์ต้องลุ้นกันตัวโก่งในหลายๆสนาม เรียกได้ว่าซัดกันจนโค้งสุดท้าย Ducati เองก็สามารถขึ้นมายืนบนโพเดี่ยมได้บ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูกาลที่เกือบจะชนะไปแล้วด้วย Suzuki เข้ามาเติมสีสันให้กับกลุ่มกลางตาราง รถ Satellite จากทั้ง 3 โรงงานต่างก็ขับเคี่ยวกันเพื่อทำอันดับให้ดีที่สุด รวมไปถึงรถในรุ่น Open ที่สลับสับเปลี่ยนกันเป็นผู้ทำอันดับสูงสุดในแต่ละสนามไป แต่เนื่องจากการต่อสู้ในกลุ่มหน้าเกิดขึ้นบ่อยในปีนี้ โชคร้ายเลยตกไปอยู่กับกลุ่มหลังๆที่ซัดกันอย่างมันแต่ไม่มีโอกาสได้ออกหน้าจอ
ฝูงเอเลี่ยนนำโดยสองเทพจาก Yamaha
กลับมาผงาดอีกครั้งสำหรับค่าย Yamaha ที่สามารถพัฒนาเจ้า YZR-M1 ให้กลับมาแข็งแกร่งจนสามารถทวงแชมป์โลกกลับมาจากค่ายปีกนกได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยทีม Movistar Yamaha คว้าแชมป์โลกประเภททีมผู้สร้างเมื่อจบการแข่งขันที่อารากอน ก่อนที่ Yamaha จะมาได้แชมป์ประเภทโรงงานหลังจบการแข่งที่ฟิลลิป ไอส์แลนด์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่แชมป์โลกประเภทนักแข่งก็อยู่ในกำมือแน่นอนแล้ว เพียงแต่ว่าจะตกไปอยู่ที่นักแข่งเบอร์ 46 หรือ 99 แค่นั้นเอง
Movistar Yamaha แชมป์โลกประเภททีมผู้สร้าง ปี 2015
นอกจากฝีมือของนักแข่งและทีมช่างของทั้งทีม VR46 และ JL99 ที่ทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ต้องขอบคุณไปยังเหล่าวิศวกรของ Yamaha ที่เตรียมรถปีนี้มาดีมากๆ (รถปีนี้พัฒนาต่อเนื่องจากมาจากช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว โดยยามาฮ่าเน้นการค่อยๆปรับปรุงจุดด้อยของรถแทนที่การเปลี่ยนดีไซน์แบบใหญ่ๆ) เรียกว่าเจ้า YZR-M1 ปีนี้ดีขึ้นในแทบทุกมิติ รถดี+นักแข่งเก่ง ทำให้ทีมประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่วางเอาไว้ ถือว่าเป็นการฉลอง 60 ปียามาฮ่าได้อย่างสวยสดงดงาม
YZR-M1 เบอร์ 46 ลายพิเศษฉลอง 60th ปี Yamaha
เรามาลองไล่เรียงดูผลงานของนักบิดแต่ละคนกันดูแบบคร่าวๆกัน
Movistar Yamaha MotoGP
การได้ Seamless transmission มาช่วยในปีนี้ ทำให้เจ้า YZR-M1 แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จุดเด่นเรื่องความลื่นไหล ทำความเร็วได้ดีในโค้งความเร็วสูงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกและยังช่วยให้การออกจากโค้งเกียร์ต่ำทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ความเร็วทางตรงยังคงไม่เพิ่มขึ้นแต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ช้ามากนัก ช่วงปลายฤดูกาลมีการทดสอบปีกเหมือนดูคาติด้วย แต่ยังไม่เห็นนักแข่งของ Yamaha นำมาใช้ในวันแข่ง
#46 Valentino Rossi
ตำนานเบอร์ 46 ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และน่าเหนือความคาดหมายของเกือบทุกคนซะด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าคุณหมอยังคงเป็นนักแข่งระดับทอปแต่ส่วนใหญ่คิดว่าน่าจะยืนระยะต่อสู้กับรุ่นน้องอย่างลอเลนโซ่หรือมาร์ค มาเคสทั้งฤดูกาลไม่ไหว แต่คุณหมอได้แสดงให้พวกเราได้เห็นว่าคำว่าโครตเก๋ามันเป็นยังไง มีทั้งลูกบู๊ ลูกบุ๋น การตัดสินใจเลือกยาง การเลือกจังหวะแซง มาได้ถูกที่ถูกเวลาเกือบตลอด รอสซี่อาจจะขี่ได้ไม่หวือหวา สนามที่ทุกอย่างเป็นใจก็สามารถชนะได้ สนามที่คนอื่นแข็งแกร่งก็ขึ้นโพเดี่ยมได้เกือบตลอด ทำให้เก็บคะแนนสะสมได้อย่างต่อเนื่อง การพลาดตกโพเดี่ยมที่ซานมาริโน่ถือเป็นแค่ครั้งเดียวที่ถือว่าทีมทำผิดพลาดแบบชัดเจน ขณะที่การต่อสู้ที่ Phillip Island ก็ต้องถือว่าทำเต็มที่สุดๆละกับอันดับ 4 ที่ได้มา ตอนนี้ The doctor มีคะแนนนำ Lorenzo อยู่ 11 คะแนน อาจจะเป็นช่องว่าที่ไม่มากนัก แต่การมีคะแนนในกระเป๋าที่เหนือกว่า ยังไงก็ถือว่าเป็นแต้มต่อที่มีอยู่ในมือแล้วแน่ๆ
#99 Jorge Lorenzo
อมยิ้มออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้ไม่ค่อยดีนัก เจอปัญหาหลายๆอย่างใน 3 สนามแรก แต่หลังจากนั้นเราได้เห็น Lorenzo คนเดิมกลับมาอีกครั้ง ขี่ได้เร็วและนิ่งมาก เรียกได้ว่าถ้าฉีกหนีออกไปได้ก็ม้วนเสื่อกลับบ้านหรือไปนั่งรอหน้าโพเดี่ยมมอบรางวัลได้เลยได้ JL99 พลิกเกมกลับมาชนะได้ 4 สนามติดตั้งแต่เฆเรสจนถึงที่คาตาลัน ตอนนี้โมเมนตัมเหมือนเอียงมาลอเลนโซ่ ก่อนที่จะถูกเบรคความร้อนแรงที่ Assen โดยคุณหมอและเจ้ามาเคสที่กลับมาชนะสองสนามถัดไป JR99 กลับมาชนะที่เช็คอีกครั้ง แต่การหลุดโพเดี่ยมที่ซิลเวอร์สโตน รวมถึงพลาดล้มที่ซานมาริโน่ ทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์โลกดูเหมือนจะดูยากลำบากขึ้น การกลับมาชนะที่อารากอนทำให้ตีตื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง อาจจะผิดหวังกับที่ 3 ที่โมเตกิแต่ก็กลับมาจบการแข่งขันเหนือกว่ารอสซี่ได้ในสนามล่าสุด ทำให้ช่องว่างของคะแนนลดลงมาเหลือ 11 คะแนนเท่านั้น
Repsol Honda
รถ RC213V ของ Honda ปีนี้มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ถ้าดูจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา จุดเด่นของรถฮอนด้าจะอยู่ที่พละกำลังอันมหาศาลของเครื่องยนต์ ทำความเร็วทางตรงได้สูง ชอบโค้งเกียร์ต่ำแบบ Stop and Go เนื่องจากมี Engine Brake อันทรงพลังจาก ECU ประสิทธิภาพสูงช่วยให้การเบรคลึกทำได้ค่อนข้างดี แต่ Chassis ใหม่ปีนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาในการควบคุมพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ดุดัน กริปของล้อหลังไม่ค่อยมี ทำให้รถมีอาการล้อฟรี ท้ายปัดตอนเปิดคันเร่งแรงๆปัญหาตรงนี้ส่งผลต่ออัตราเร่งของรถค่อนข้างมาก
มีคอลัมนิสต์บางคนสังเกตว่า ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์แรงเกินไปของ Honda มีมาซักพักนึงแล้ว เพียงแต่วิศวกรของ Honda ยังคงเลือกพัฒนารถในแนวทางนี้อยู่ ก่อนหน้านี้เราจะเห็นเพโดรซ่าออกสตาร์ทได้แบบว่าโครตพุ่ง อยู่แถว 2 ยังออกมานำที่โค้งแรกได้เลย แต่ช่วงปีสองปีหลังนี้ พ่อใหญ่จิ๋วไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย เนื่องจากคุณสมบัติของรถนั้นเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ เป็นไปได้ว่าอาจจะเข้ากับสไตล์การขี่ของ MM93 แต่ในปีนี้ทางมาเคสออกก็ออกมาบอกแล้วว่าตัวเครื่องยนต์นั้นแรงเกินไป ต้องรอดูว่าปีหน้าทาง HRC จะปรับรถให้ออกมาในทิศทางไหน
#93 Mark Marquez
แชมป์โลก 2 สมัยชาวสเปนได้ขึ้นโพเดี่ยมแค่ 2 ครั้งจาก 7 สนามแรก โดยชนะที่ COTA และจบอันดับสองที่เฆเรส แต่สนามอื่นๆต้องต่อสู้กับทั้งรถของตัวเองและคู่แข่งจากยามาฮ่า จนเจ้ามันแกวต้องขอทีมเปลี่ยนกลับไปใช้ Chassis ของปีที่แล้ว(ใช่แค่เฟรมเก่าแต่สวิงอาร์มกับอย่างอื่นยังเป็นสเปคของปีนี้)หลังจากจบการแข่งขันที่คาตาลัน ซึ่งก็แก้ปัญหาไปได้เปราะนึง MM93 กลับมามั่นใจในรถอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนเฟรม กลับมาชนะได้ 2 สนามติดที่เยอรมันและอินเดียนาโพลิส ชัยชนะตรงนี้ทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์โลก 2 สมัยผู้นี้เปิดกว้างขึ้นมาอีกครั้ง แต่เนื่องจากรถค่อนข้างมีปัญหา ทำต้องขี่แบบใส่เต็มที่ตั้งแต่ต้นเรซ เพื่อที่จะเกาะกับ JL99 ไว้ให้ได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการแข่งขัน ซึ่งเป็นการขี่ตามเกมของคนอื่น โดยปกติแล้ว มาร์ค มาเคสจะมีความเร็วในช่วงครึ่งหลังของการแข่งขันที่ค่อนข้างเหนือกว่านักแข่งคนอื่นๆ ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าไอ้มดแดงจะบุกช่วงกลางๆหรือท้ายๆการแข่งขันตลอด แต่ในปีนี้มาเคสรู้ว่าถ้าปล่อยให้ลอเลนโซ่หนีไปได้ก็คือจบ ไล่ไม่เข้าแน่นอน ผลที่ตามมาก็คือพลาดล้ม มาเคสมาชนะอีกครั้งที่ซานมาริโน่ ก่อนที่จะมาหมดลุ้นแชมป์โลกจากการล้มที่อารากอน
นอกจากปัญหาของตัวรถแล้ว MM93 ยังได้รับการบาดเจ็บจากการซ้อมหลายต่อหลายครั้ง ด้วยหลายๆสาเหตุที่ไม่ค่อยเป็นใจนัก ทำให้ไม่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ แต่ฟอร์มในปีนี้ก็ต้องถือว่าแข็งแกร่งเหมือนเดิม และบทเรียนเหล่านี้จะยิ่งทำให้ MM93 แกร่งขึ้นไปอีกในปีหน้า
#26 Dani Predoza
แดนนี่โชคไม่ดีที่อาการบาดเจ็บที่แขนจากฤดูกาลก่อนนู้นยังคงมีปัญหาอยู่ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดทันทีหลังจากจบสนามแรกที่การ์ต้า ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หลังจากต้องพักฟื้นไป 3 สนาม กลับมาลงแข่งที่เลอมังเป็นการวอร์มอัพ ก่อนที่จะเริ่มกลับคืนสู่กลุ่มหน้าได้ที่มิซาโน่ ถึงแม้ผลงานจะยังแกว่งๆแต่สภาพร่างกายค่อยๆดีขึ้น จนกลับมาขึ้นโพเดี่ยมได้ที่เยอรมันและอีกครั้งที่อารากอนที่ต่อสู้กับรอสซี่อย่างสนุกจนคว้าอันดับ 2 มาได้ในท้ายที่สุด ก่อนที่จะมาคว้าชนะครั้งแรกของฤดูกาลที่สนามโมเตกิเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สิ่งที่เราได้เห็นจากแดนนี่ในช่วงหลังๆคือกล้าที่จะบู๊มากขึ้นและก็เริ่มทำได้ดีเสียด้วย ปีหน้าเราได้แต่หวังว่าพ่อใหญ่จิ๋วจะไม่มีปัญหาการบาดเจ็บรบกวนและสามารถขึ้นไปแย่งชิงตำแหน่งแชมป์โลกได้อย่างเต็มตัวอีกครั้ง