[CR] [รีวิว] @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง ฉงชิ่ง-เล่อซาน-เอ้อเหม่ยซาน-จิ่วไจ้โกว-หวงหลง-ซีอาน-อู่หลง-ฉงชิ่ง วันที่ 2 @@@

สืบเนื่องจากกระทู้รีวิววันแรกที่เป็นการเดินทางตามนี้นะครับ

http://ppantip.com/topic/34437813 แบกเป้งุ้งงิ้ง ฯ วันที่ 1

วันที่สองของการเดินทางครับ วันนี้เราวางแผนจะออกจากฉงชิ่งแต่เช้าตรู่ ไปเล่อซาน ไปดู Giant Buddha แล้วเดินทางต่อไปเอ้อเหม่ยซาน ซึ่งห่างออกไปเหมือนกรุงเทพ ฯ - สระบุรี ค้างคืนที่เอ้อเหม่ย เพื่อวันรุ่งขึ้น (วันที่ 3) เราจะขึ้นเขาเอ้อเหม่ยกันครับ ถ้าพร้อมแล้ว แบกเป้ตามผมมาเลยคร้าบบบบ

อ้อ....อากาศเย็นนิดนึง เตรียมแจ็กเก็ตไปเผื่อด้วยนะครับ ^^



วันนี้เราตื่นแต่เช้า ตีห้าครึ่งตามเวลาท้องถิ่น (เอ่อ....พี่คับ พี่ไม่ได้อ่านข่าวคับ ไม่ต้องขนาดเวลาท้องถิ่นก็ได้มั้งคับ ^^)

สรุปว่าตื่นตีห้าครึ่ง หกโมงครึ่งเราก็ลงมาเช็คเอาท์ก่อนจะไปทานอาหาร โรงแรมนี้มีอาหารเช้าให้ด้วยครับ เป็นอาหารคลีนตามกระแสเลย คลีนสุด ๆ ตามรูปเลยครับ

ข้าวต้ม ใส่ผักหั่น ๆ มา เลยเป็นข้าวต้มสีเขียว ๆ กับข้าวคือเต้าหู้แข็งผัดพริกจืด ๆ มีรสพริกนิดหน่อย ไม่เผ็ด นอกจากนั้นก็มีไข่ต้ม หมั่นโถว และซาลาเปา

สิ่งที่อร่อยที่สุดคือซาลาเปาครับ อย่างอื่นเหมือนอย่างที่บอก คลีนสุด ๆ แม้กระทั่งเกลือยังไม่มีเลยครับ จืดสนิท!!!!!! 555555555



หลังจากทานอาหารเสร็จก็ฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ เพราะเราจะไปเล่อซาน ไปพักเอ้อเหม่ย พอเที่ยวเอ้อเหม่ยเสร็จจะกลับมาพักที่เฉิงตูที่โรงแรมนี้อีกครั้ง เราเลยไม่แบกเป้ใหญ่ไป เอาไปแต่เป้เล็กครับ

ออกจากที่พัก......ฝนตก แหม....ฤกษ์ดีแต่วันเชียว เดินกลับมาเอาเสื้อกันฝนติดเป้ พนักงานเคาน์เตอร์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ (เจอกันตั้งแต่เมื่อคืนตอนเช็คอิน) เรียกผมแล้วเตือนว่า เสื้อผ้าพวกเราอาจจะบางไปเสียหน่อย เกรงว่าขึ้นเอ้อเหม่ยจะแย่เอานะ ตอนนี้อาจจะมีหิมะแล้วก็ได้

สรุปแล้ว.....รื้อเป้ใหญ่อีกรอบ เอาเสื้อกันหนาวตัวหนาสำหรับอุณภูมิ 0-10 องศาติดไปด้วยดีกว่า ซึ่งได้ใช้จริง ๆ ด้วย ต้องขอบคุณพนักงานคนนั้นมา ณ ที่นี้ครับ

หยิบกระเป๋าเจ้าใบเก่ง....ใส่กางเกงก็ตัวเก่า....บอกรองเท้า....คงต้องเดินนนนน...กันหลายวัน

พอฮัมเพลงเสร็จ ก็เดินออกจากโรงแรม เลี้ยวขวาไปสถานีรถบัส XinNanMen เดินเข้าไปอย่างมั่นใจ พร้อมยื่นกระดาษที่เจ้านายผม (แฟนหรือพันละยานั่นเอง) ปริ้นท์มาแล้วให้เจ้าหน้าที่ความว่า....

"เราต้องการซื้อตั๋วไปเล่อซาน 2 ใบจ้า"

ค่ารถคนละ 16 หยวนครับ เจ้าหน้าที่ยื่นตั๋วพร้อมเงินทอนมา แล้วก็บอกว่า "ต้าว" (ผมได้ยินอย่างนี้นะ)

ด้วยความรู้ภาษาจีนเท่าปลายเล็บกิ้งกือ ใบ้กินครับ แต่ก็บอก เซี่ยเซี่ย พร้อมกับเดินงง ๆ ดูตั๋ว ตั๋วบอกเวลา 16:00 ไม่ใช่ได้รถเที่ยว 16:00 นะ แต่หมายถึงไปรอได้เลย เต็มออก เต็มออก เลยเดาเอาว่า เจ๊แกคงอยากจะบอกว่า "NOW" อันนี้ผมเดาเองล้วน ๆ ครับ 55555

เราก็เดินไปที่ประตู 8 ตามที่ระบุไว้ ตั๋วใบนี้ไม่มีระบุที่นั่งนะครับ ตรง Seat No. เหมือนระบุไว้เป็นภาษาจีนว่า ปู้อะไรซักอย่าง ก็คงแปลว่า ไม่มี ไม่ใช่ ประมาณนี้ ก็คืออยากนั่งไหนก็นั่งครับ ^^



อ้อ....ลืมบอกไป เหมือนเคย คือต้องผ่านเครื่องสแกนกระเป๋าก่อนไปขึ้นรถนะครับ ^^

เราขึ้นรถได้ซักพัก พนักงานก็มาเก็บตั๋วครับ เพราะฉะนั้นถ้าเราขึ้นผิด เดี๋ยวเขาไล่ลงเองแหละ 55555

จริง ๆ แล้ว เราถามเขาตอนก่อนออกประตูที่ระบุไว้ที่ตั๋วได้ครับ ผมก็ใช้วิธีนี้ ยื่นให้เขาดู ถ้าผิดเขาก็บอกเอง ถ้าเขาไม่บอก เราก็ชี้มือไปที่รถตรงนั้นคันสองคัน เดี๋ยวเขาก็บอกเองครับว่าคันไหน ^^



หลังจากหลับ ๆ ตื่น ๆ มาบนรถ สองชั่วโมงต่อมาเราก็มาถึงท่ารถนี้ครับ ป้ายข้างบนเขียนว่า Le Shan แต่คนทั่ว ๆ ไปจะรู้จักที่นี่ในชื่อ เสี่ยวปาจ้าน (XiaoBa Zhan) ครับ คำว่า Zhan-จ้าน แปลว่าท่ารถ ส่วนเสี่ยวปา เป็นชื่อถนนนี้ครับ ^^

ซึ่งถนนนี้เราต้องกลับมาขึ้นรถอีกทีตอนบ่ายวันนี้เพื่อต่อไปยังเมืองเอ้อเหม่ยนะครับ



จากข้อมูลที่เตรียมมา การจะไปชม Giant Buddha นั้นเราจะต้องขึ้นรถเมล์สาย 13 ไปนะครับ ค่ารถคนละ 1 หยวน ประเด็นคือ.....ขึ้นฝั่งไหนล่ะ?

หันไปหันมา เจอซุ้ม information เดินเข้าไปเจอสาวหมวยวัยรุ่น 3-4 คน ติดป้าย volunteer อยู่ เปิดดิก (App Pleco - เป็นประโยชน์มากครับ โดยเฉพาะของ Android ดีกว่าของ ios เพราะเราสามารถเขียนภาษาจีนที่เห็นลงไปได้ แล้วแอปจะบอกว่าแปลว่าอะไรครับ) หาศัพท์แล้วเดินไปบอกเขาด้วยภาษาจีนงู ๆ ปลา ๆ ว่า

หนี่-ชวอ-อิ๊ง-เหวิน? Ni-Shuo-Ying-Wen? คุณพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย

น้อง ๆ ตอบว่าได้ แล้วถามว่าเรามาจากไหน (ภาษาอังกฤษ) พอรู้ว่าเราเป็นคนไทย ทั้งกลุ่มเลยก็พูดพร้อมกันว่า สวัสดีค่าาาาา!!! พร้อมยกมือไหว้ เล่นเอายกมือรับไว้พร้อมกับบอกว่าสวัสดีครับแทบไม่ทัน

สรุปแล้วน้อง ๆ เขาก็บอกว่าขึ้นรถสาย 13 ฝั่งท่ารถนี่ล่ะ ค่ารถคนละ 1 หยวน พร้อมกับให้แผนที่ติดตัวมาด้วย 1 อัน ต้องขอบคุณน้อง ๆ กลุ่มนี้ไว้ ณ ที่นี้ครับ ^^

ป.ล. - เจ้านายผมกำชับ (แกมบังคับ) มาว่าไม่อยากออกสื่อ ให้หาอย่างอื่นมาปิดบังด้วย ถ้ายังอยากรีวิวของวันอื่น ๆ ต่อไป ><



นั่งรถ (จริง ๆ ต้องบอกว่ายืนสิเนอะ) มาซักครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงครับ ประตูทางเข้าของ LeShan Giant Buddha

ในรูปคือประตูทางเข้า ส่วนที่เห็นคนมุง ๆ ทางด้านซ้ายมือนั่นคือที่ขายตั๋วครับ ค่าผ่านประตูคนละ 90 หยวนครับ จริง ๆ ที่เมืองจีนตามสถานที่เที่ยวแบบนี้ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษาแสดงบัตรจะได้ส่วนลดครึ่งนึงนะครับ นักท่องเที่ยวบางคนก็มีทำบัตรปลอมไปเพื่อหวังส่วนลดตรงนี้ ซึ่งผมก็ทำไปครับ แต่ไปถึงโน่นแล้วไม่กล้าใช้ กลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวมีปัญหา ต้องไปกินข้าวในคุกจีน เลยยอมจ่ายเต็มดีกว่าครับ ^^ (ที่สำคัญ แก่แล้วด้วย เขาคงไม่เชื่อว่าเป็นนักเรียน นักศึกษา 555555)



หน้าตาตั๋วของ LeShan Giant Buddha ครับ

ในรูปคือพระพุทธรูปที่ว่าล่ะครับ ใหญ่ขนาดไหน ก็เท่าภูเขาเท่านั้นเอง ดูจากในรูปก็ทีเห็นยิบ ๆ ที่พื้นข้างล่างนั่งก็คือนักท่องเที่ยวล่ะคร้าบบบบบบ ^^



ผ่านประตูเข้ามาก็ต้องเดินขึ้นก่อนเลย เพราะเราต้องไปเริ่มเดินจากเศียรพระลงมาข้างล่าง ผ่านหน้าพระไป แล้วไปอ้อมขึ้นไปทางออกอีกฝั่งนะครับ

เพราะฉะนั้น.....สิ่งสำคัญที่สุดในทริปนี้คือ ความอึดครับ เพราะเดินอย่างนี้กันทุกวันเลย!!! 5555555



เดินขึ้นมาซักพักก็จะมีที่ให้แวะเที่ยว แต่ผมไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไรเลยไม่ได้เอาข้อมูลมาฝาก มีรูปถ่ายสามสี่ใบเท่านั้นเอง

เราก็เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จนมาถึงวิหารแห่งนี้ ซึ่งมีพระพุทธเจ้าสามปางประดิษฐานอยู่ครับ



พระพุทธรูปที่ว่าครับ ประชาชนชาวจีนก็ต่างพากันมากราบไหว้เยอะแยะมากมายเช่นกันนะครับ



ตะเกียงด้านหลังวิหาร ไม่แน่ใจว่าประชาชนที่มาสักการะเป็นคนจุดเองหรือทางวัดจุดไว้ให้

แต่ทำแบบนี้ก็ดีครับ เพราะลมแรงมาก ถ้าไม่มีเป็นถ้วย ๆ แบบนี้ดับหมดแน่นอนครับ



ธูปที่ชาวจีนใช้นี่ก็ธรรมดาซะที่ไหน ถ้าไม่ได้อยู่ที่วัด เจอแท่งแบบนี้นี่ผมนึกว่าเป็นพลุได้เลยนะเนี่ย ^^



มุมมองจากด้านหลังวิหารเมื่อสักครู่ครับ
จากมุมนี้ด้านหลังผมมีวิหารอีกแห่ง เป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าสี่องค์ (ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นเทพเจ้าทางไหนบ้าง) ประดิษฐานอยู่กับพระสังกัจจายน์ครับ



นี่ล่ะครับเทพเจ้าสี่องค์ ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นเทพเจ้าด้านไหน ผมถ่ายมาไม่สวยเท่าไหร่ ของจริงงดงามมากทั้งสี่องค์เลยครับ

องค์ที่หนึ่ง



องค์ที่สอง



องค์ที่สาม



องค์ที่สี่



แล้วเราก็เดินมาถึงครับ พระพุทธรูปยักษ์ Giant Buddha ใหญ่ขนาดไหนลองดูมวลมหาประชาชนจีนที่อยู่ข้าง ๆ สิครับ ตัวจิ๊ดเดียวเอง ><



แนวตั้งอีกรูป

เจ้านายผมบอกรูปนี้เหมือนพระพุทธรูปใส่เสื้อเลย ^^



จากด้านบน....เราต้องเดินตามบันไดนี้ลงไปข้างล่างเพื่อไปชมมุมเงยของพระพุทธรูปนะครับ ลองดูคนเสียก่อน ยังไม่รวมคนที่อยู่บนลานเมื่อสักครู่อีกเพียบเลย



ดูมุมไกล ๆ กันบ้างครับ บันไดหลายทบมากครับ

แต่มีอีกวิธีที่จะได้ชมพระพุทธรูปแบบเต็ม ๆ นะครับ นั่นคือการล่องเรือชม ซึ่งท่าเรือก็มีหลายท่าเลยทีเดียว ตั้งแต่ก่อนเข้าประตู North Gate ก็มีท่าเรือไว้รอรับนักท่องเที่ยวหลายคนแล้ว ค่าเรือถ้าผมจำไม่ผิดจะตกประมาณคนละ 70 หยวนนะครับ (ไม่แน่ใจตัวเลข ลองเช็คดูก่อนเดินทางตามเวปไซต์ต่าง ๆ อีกทีนะครับ)

ด้วยคนเยอะขนาดนี้ ทำให้เราตัดสินใจไม่ลงไปถ่ายรูปข้างล่างแล้วครับ เลยขอเดินผ่านไปจุดอื่นต่อเลย จะได้ไปต่อรถไปเอ้อเหม่ยซานแต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่ค่ำมากด้วยครับ



เดินออกจากจุดชมพระพุทธรูปนิดเดียวก็มีบ่อน้ำนี้ครับ เห็นมีปลาคาร์ฟสวยดี มีให้ซื้ออาหารเลี้ยงปลาด้วย ถุงละ 5 หยวน - 10 หยวน เลยแวะถ่ายรูปเสียหน่อย



เจอดอกไม้นี้ระหว่างทาง ลองกล้องนิดนึง ^^ ดอกอะไรอย่าถามนะครับ ไม่ทราบหรอกครับ ขอเรียกว่า "ดอกไม้จีน" แล้วกัน เพราะถ่ายมาจากเมืองจีน ^^ คนละอย่างกับดอกไม้จีนที่เอามาทานนะเออ ^^



เดินมาเรื่อย ๆ ตรงนี้ผมจำไม่ได้ว่าเป็นอะไรครับ แต่เหมือนจะเป็นจุดพัก มีอาหาร มีขนมขายนะครับ

ผ่านจากจุดนี้ไปไม่ไกล จะมีอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวครับ มีป้ายเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ยักษ์เช่นกันอยู่บนเขา เราลองเดินเข้าไป แต่ต้องเสียค่าผ่านประตูอีกคนละ 80 หยวน เราก็เลยหยวน ๆ ไม่เข้าแล้วกัน 55555



มีต่อครับ --->
ชื่อสินค้า:   Chongqing - Leshan - Emeishan - JiuZhaiGou - Xi'an - WuLong , ประเทศจีน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่