สืบเนื่องจากกระทู้รีวิวสองวันที่ผ่านมาตามนี้นะครับ
http://ppantip.com/topic/34437813 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง.... วันที่ 1 : Bangkok - Chongqing - Chengdu
http://ppantip.com/topic/34443237 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง.... วันที่ 2 : Chengdu - Leshan - Emeishan
เข้าสู่วันที่สามของการเดินทาง เช้านี้เราต้องตื่นแต่ตีห้า เพื่อเตรียมตัวไปขึ้นเขาเอ้อเหม่ย อากาศบนเขาค่อนข้างจะหนาวเย็น มีเสื้อกันหนาวหรือยังครับ ถ้ายัง.....ไปหยิบมาก่อนเร้วววว ถ้าพร้อมแล้ว.....ก็เดินตามผมมาเลยคร้าบบบบบบ ^^
เขาเอ้อเหม่ย เป็นเขาที่มีพุทธสถานเยอะแยะมากมาย โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิน และราชวงศ์ชิง แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่แห่งที่เปิดให้เข้าชมได้
ส่วนมากนักท่องเที่ยวนิยมที่จะขึ้นไปเที่ยวที่ยอดเขาเพื่อสักการะรูปปั้นพระพุทธเจ้าปางสิบหน้า ตามรูปนี้ครับ
ที่มาของรูป
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/2c/Massive_golden_buddha_on_the_sumit_of_Eimei_Shan.jpg/450px-Massive_golden_buddha_on_the_sumit_of_Eimei_Shan.jpg
การเดินทางขึ้นเขาเอ้อเหม่ย เราต้องไปซื้อตั๋วรถบัสที่สถานีเป่ากว๋อ (BaoGuo Bus Station) นั่งรถไปซักชั่วโมงก็หยุดซื้อตั๋วที่สถานีหว่านเหนียนนะครับ ตอกบัตรผ่านประตู แล้วกลับมาขึ้นรถบัสต่อมุ่งหน้าไปลงยังลานจอดรถ "เล่ยตงผิง - LeiDongPing" แล้วเดินต่อไปถึงสถานีเคเบิลคาร์ ซื้อตั๋ว แล้วก็ขึ้นเคเบิลไปข้างบน และเดินขึ้นไปยอดเขาจินติ่ง สักการะรูปปั้นและวิหารต่าง ๆ ครับ
ส่วนขากลับ ก็นั่งเคเบิลคาร์ลงมา เดินลงมาขึ้นรถที่ลานจอดเล่ยตงผิง กลับมายังสถานีรถบัสเป่ากว๋อนะครับ ^^
ก่อนอื่น ผมขอเอาแผนที่ของเขาเอ้อเหม่ยมาให้ดูก่อนนะครับ ในรูปนี้คือแผนที่ของเขาเอ้อเหม่ย (EMeiShan) ที่น้องอาสาสมัครให้มา (อยู่ในชุดเดียวกันกับแผนที่เล่อซาน - LeShan ที่ลงไปก่อนหน้านี้ครับ)
จากแผนที่ ผมจะลงจุดสำคัญ ๆ ไว้บ้างแล้วนะครับ เราจะเดินทางตามเส้นถนนสีเขียวเริ่มจากข้างล่างขึ้นไปเลย นั่งรถผ่านสถานีหว่านเหนียน ไปหยุดที่เล่ยตงผิง แล้วเดินต่อไปขึ้นเคเบิลคาร์ ไปยอดจินติ่งนะครับ ^^
เราตื่นแต่เช้า ตีห้า ออกจากโรงแรมหกโมงเช้า เช็คเอาท์ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม จากโรงแรมเดินไปสถานีรถบัส 5 นาทีถึง
จากที่เรามาหาข้อมูลไว้เมื่อวาน บอกว่าจะเปิดขายตั๋วประมาณ 06:30-07:00 เรามาถึงท่ารถตอนหกโมงสิบห้า เจอมวลมหาประชาชนจีนมุงอยู่หน้าที่ขายตั๋วประมาณ 30 คน
ถึงเวลาขายตั๋ว....ไม่ต้องห่วงครับ.....เบียดเสียดเยียดยัด ยัดทะนานกันเข้าไป พอดีมีพวกทัวร์มาด้วย โอ้โห.....คนทะลัก กว่าจะได้ตั๋ว เล่นเอาน่วมไปเลยครับ
พอได้ตั๋ว....ก็เดินไปรอขึ้นรถ ที่นี่ไม่ต้องสแกนกระเป๋าแล้ว เพราะเช้ามากกกกก พนักงานยังไม่มา 55555
อ้อ....ลืมบอกไป ที่สถานีรถบัสเป่ากว๋อ ที่เราซื้อตั๋วนี่คือตั๋วรถไป-กลับเท่านั้นนะครับ ราคาคนละ 90 หยวน แต่ป้ายเขาก็บอกว่ามีบัตรผ่านขายเหมือนกัน แต่ไม่เห็นมีใครซื้อ เราก็เลยไม่ซื้อเช่นกัน
เดินมาที่ประตูรถออก....ก็มีกรุ๊ปทัวร์รอไม่ยอมเดินออกไป เพราะว่ารถคันที่จะออกว่างแค่สองที่ พอเราเดินไป โบกตั๋วไหว ๆ อยู่หลังกรุ๊ปทัวร์ เจ้าหน้าที่ก็กวักมือเรียกไป ถามว่ากี่คน (เดาเอา 555) เราก็เอาตั๋วให้ดู เขาก็หันไปถามรถว่ามีที่นั่งพอป่าว....รถบอกมาเลย สองที่นั่งสุดท้ายพอดี (รถที่นี่ เต็มออก เต็มออกนะครับ ไม่เต็มไม่ออกนะเอ้อ ^^)
ขึ้นรถไป ยังมืดอยู่เลย เจ้านายผมได้ที่นั่งแถวท้ายสุดหนึ่งที่ เราก็หา ๆ ดู ไม่เห็นมีเก้าอี้ว่างเลย เลยเดินไปนั่งตรงข้าง ๆ คนขับที่เป็นแท่นตรงกลางเหมือนรถเมล์สมัยเก่าอ่ะ อิคนขับก็ตะโกนโหวกเหวก โบกมือให้ไปนั่งข้างหลัง เราก็ยืนงง ๆ จะให้ตรูไปนั่งไหนฟระ ไม่เห็นมีเก้าอี้ว่างเลย
แล้วก็มีชายหนุ่มใจดีคนหนึ่ง ผลักเก้าอี้เสริมเหมือนบนรถตู้ออกมากางไว้ตรงกลางทางเดิน
อ้อ.......อีกที่ที่เฮียบอกคือเก้าอี้เสริมกลางทางเดินเอง เอาก็เอาวะ 90 หยวน ขากลับคงไม่ซวยขนาดนี้น่า
นั่งรถมาได้ประมาณชั่วโมงนึง ก็มาหยุดที่จุดนี้ครับ ตอนแรกเรานึกว่าสถานีหว่านเหนียน แต่บางคนก็ลง บ้างก็ไม่ลง สรุปแล้วมันคือที่แวะพักเข้าห้องน้ำครับ 5555
หลังจากออกจากจุดนี้ขับต่อมาได้อีก 5 นาที คราวนี้ของจริงแล้ว.....ทุกคนลงจากรถกันหมด ส่วนรถก็แล่นผ่านประตูที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปรอด้านหลัง พวกเราก็ต้องเดินไปซื้อตั๋ว ค่าตั๋วคนละ 185 หยวน ที่นี่ใครมีบัตรนักเรียนลด 50% เช่นเคย ซึ่งก็เหมือนเดิม เห็นคนข้างหน้ามีปัญหาอีกแล้ว เลยจ่ายค่าตั๋วราคาเต็มไปเหมือนเดิม คนละ 185 หยวน จ่ายตังค์เสร็จ เดินผ่านประตูเล็ก ๆ เอาบัตรให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แล้วก็ไปขึ้นรถต่อครับ ^^
นั่งต่อมาอีกชั่วโมงนึงได้ คนขับก็โหวกเหวกโวยวาย ทุกคนก็ขยับตัวลงรถ เราก็พยายามถามคนข้าง ๆ ว่า LeiDongPing LeiDongPing แต่ก็ไม่มีใครตอบ
พอดีตอนขึ้นรถใหม่ ๆ เนื่องจากรถขึ้นเขาโค้งไปโค้งมา มีสาวสองคนนั่งแถวหลังสุดข้างเจ้านายผมคงเสียหลักตั้งตัวไม่ทันมั้ง พอรถเลี้ยว หนึ่งในสองจึงเอามือมาคว้าหมับเข้าให้....แต่ไม่ใช่พนักพิงเก้าอี้นะครับ......หัวล้าน ๆ ของผมนั่นเอง!!!! ก็ขอโทษขอโพยกันนิดหน่อย คราวนี้พอลงรถ เราก็เลยถามเธอ LeiDongPing LeiDongPing เธอก็พยักหน้าหงึก ๆ เราก็เลยเดินตามเธอไป
ระหว่างทางเดินก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ เฉอะแฉะนิดหน่อย เพราะชื้นนและหมอกหนามากกกกกก และก็หนาวมากกกเหมือนกัน (แต่ก็ทนได้ ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็พูดเป็นไอตลอดเวลาเลยนะ ^^)
เราก็เดินๆๆๆขึ้นมาประมาณ 15-20 นาที ระหว่างทางก็มีร้านขายของเป็นระยะ ๆ มีป้ายบอกให้ระวังลิงด้วย (ซึ่งจากที่หาข้อมูลมา เขาก็ว่าให้ระวังลิงเหมือนกันนะ ^^)
นอกจากร้านขายของแล้ว สำหรับคนที่เสื้อผ้าไม่พร้อม เขาก็มีร้านให้เช่าเสื้อกันหนาวนะครับ ตัวละประมาณ 40-50 หยวน แต่มัดจำ 200 หยวน!!!!! แม่เจ้าาาา
พอเราเดินขึ้นมาถึง ก็เห็นสถานีเคเบิลแล้ว เห็นคนยังน้อย ๆ อยู่ รีบบึ่งไปจองตั๋วก่อน ก่อนพวกทัวร์จะมามุง
ในภาพ เราจะเห็นกระเช้าลงมารับนักท่องเที่ยวแล้วคร้าบบบบ ^^
สำหรับค่ากระเช้า ขาขึ้น 65 หยวน ขาลง 55 หยวนครับ
สรุปแล้วในการเดินทางขึ้นมายอดเขาเอ้อเหม่ย ที่เราต้องซื้อตั๋วทั้งหมดตามนี้ครับ
ค่ารถบัสจากสถานีเป่ากว๋อมาเล่ยตงผิง ไปกลับ 90 หยวน
ค่าเข้าเอ้อเหม่ยซาน 185 หยวน
ค่ากระเช้าขาขึ้น 65 หยวน
ค่ากระเช้าขาลง 55 หยวน (ใครจะเดินก็ได้นะครับ ที่หาข้อมูลมาเดินลงประมาณ 5 กม. เจออากาศแบบนี้ผมขอผ่านล่ะครับ เก็บขาไว้เดินที่จิ่วไจ้โกวดีกว่า)
สรุปค่าเสียหายทั้งหมด = 90+185+65+55 = 395 หยวน คิดง่าย ๆ หยวนละห้าบาท ก็ประมาณเกือบ ๆ สองบาทพันต่อคนล่ะครับ ^^
ออกจาก Ticket Hall ของ Cable Car มองกลับมาที่ทางขึ้น ก็เริ่มเห็นมวลมหาประชาชนจีนเริ่มออ ๆ กันที่ทางเข้าแล้ว มองไปข้างใน คนยังไม่มากเท่าไหร่ ว่าแล้วสองกระเหรี่ยงก็รีบเบียดแทรกตัวชิงเข้าไปล่วงหน้าก่อนครับ ^^
นี่คือหน้าตั๋วเคเบิลคาร์ครับ
ด้านหลังจะมีราคาบอกทั้งขาขึ้น และขาลงครับ
ส่วนนี่คือตั๋วค่าเข้าชมเขาเอ้อเหม่ย หรือ เอ้อเหม่ยซาน ที่ซื้อที่ประตูหว่านเหนียนครับ มีราคาบอกชัดเจน
เรารีบเข้าไป ก็ใช่ว่าจะไวกว่าพี่จีนนะ เข้าไปก็ต่อคิวอยู่ประมาณ 5-10 นาทีได้ คนเยอะ แต่แถวไปเร็วมากนะครับ การบริหารจัดการของเขาดีจริง
พอเราได้ขึ้นบันไดเพื่อไปห้องที่รอเข้ากระเช้า มองลงไปเห็นคนจีนเยอะแยะมากมาย เลยขอถ่ายรูปมาเสียหน่อย
อ้อ....จากในรูปจะเห็นว่าแถวมากันเป็นหน้ากระดานเรียงสี่ เรียงห้า แต่ตรงที่ผมยืนอยู่นั่น เป็นแถวตอนเรียงเดี่ยวสองแถวแล้ว อยู่ในรัวเหล็กกั้นไว้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงครับ ช้ำอีกรอบตอนเบียดจากหน้ากระดานเรียงสี่ เรียงห้า มาเหลือแถวตอนสองแถวครับ 555555
พอขึ้นมาถึงห้องรอแล้ว เขาจะนับคนเลยครับว่าเข้ากระเช้าได้ประมาณกี่คน แล้วก็จะกั้นที่เหลือไว้ คนที่ผ่านเข้าไปก็จะไปรอขึ้นกระเช้าครับ
รอแป๊บเดียวกระเช้าก็มา โชคดีเราได้ยืนติดหน้าต่างเลย แต่โชคร้ายที่ไม่เห็นอะไรเลย ขาวโพลนไปหมดเนื่องจากหมอกจัดมาก ><
บรรยากาศภายในกระเช้าครับ มันเหมือนเป็นห้องอะไรที่เคลื่อนที่ได้มากกว่ากระเช้าครับ 55555
ผมจับเวลาแล้ว กระเช้าใช้เวลาเดินทาง 2 นาทีก็ขึ้นมาถึงข้างบนครับ จากในรูป เราเข้าทางฝั่งโน้น พอมาถึงทางลง เขาก็เปิดประตูทางฝั่งนี้ให้ลง ส่วนฝั่งโน้นไว้ให้คนขาลงเดินเข้าครับ
ผมก็รอคนเดินผ่านไปก่อน จะได้ถ่ายมาให้ดูว่า Cable Car ที่ว่าใหญ่ขนาดไหน จุคนได้ 40-50 คนสบาย ๆ ล่ะครับ (ถึงว่า แถวไปเร็วเชียว ^^)
ออกจากกระเช้ามา หนาวมาก่อนเลยครับ ลมพัดมาหน้าชาเลย จากเดิมใส่หมวกแก๊ปขึ้นมา มาถึงข้างบนปุ๊บต้องเปลี่ยนเป็นหมวกบีนนี่ (หมวกไหมพรมที่ลงมาคลุมหูได้น่ะครับ) ทันทีเลย โชคดีที่ติดมาด้วย หมวกใบนี้ช่วยเซฟหูผมไม่ให้ขาดที่ฮาร์บินมาแล้ว อากาศแค่นี้ สิว ๆ ครับ หูไม่ขาดแน่นอน (ถ้าไม่โดนเจ้านายดึง!!! 55555)
เดินออกมา เห็นป้ายบอกทาง....ที่สำคัญ มีภาษาไทยด้วย ^^ แสดงว่าคนไทยคงมาเที่ยวเยอะ คงมีทัวร์มาพอสมควรเลย แต่คราวนี้ไม่เจอคนไทยบนนี้เลยครับ ^^
จุดหมายของเราที่ต้องเดินไปคือ Golden Summit จินติ่ง ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่จุดตรงจุดนี้นะครับ สูงจากระดับน้ำทะเล 3,097 เมตร
ที่เห็นป้ายว่ามีโรงแรมบนนี้ไม่ต้องแปลกใจครับ บนนี้มีห้องพักครับ สำหรับคนที่ขึ้นมาตอนเย็น ชมพระอาทิตย์ตกแล้วรอชมอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าวันรุ่งขึ้นครับ (ที่หาข้อมูลมาที่ถูก ๆ ที่สุด ราคาประมาณสามร้อยหยวนขึ้นไปต่อคืนครับ) ที่สำคัญ มีคนเดินขึ้นเขานี้ด้วยครับ ไม่ต้องแปลกใจไป เขามีทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินเท้าขึ้นมาครับ ดังนั้นเลยต้องมีที่พักบนเขาด้วย
ระหว่างทางมีร้านขายของฝาก และขายขนมเป็นระยะ ๆ นะครับ
อ้อ....ที่นี่มีตุ๊กตาลิงขายเยอะแยะเลย ดูน่ารักดี แต่พอเดินไปดูใกล้ ๆ ผมว่าไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ เลยไม่ได้ซื้อมาครับ นอกจากลิงแล้วยังมีแพนด้าด้วยเหมือนกันนะ ^^
ป.ล. - รูปนี้ เจ้านายผมหูแข็งแรงมากกกก คนอื่นเขาใส่เสื้อ ใส่หมวกปิดหูหมดแล้ว เจ้านายผมยังดูชิล ๆ อยู่เลย ><
แล้วเราก็เดินๆๆๆต่อไป เพื่อจะไปให้ถึงยอดจินติ่งครับ
เราต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 10-15 นาทีล่ะครับ ^^
ซักพักมีเสียงอื้ออึงมาจากด้านหลัง หันไปมอง ไอ๊หยา......แก๊งค์ทัวร์มาแล้ววววววว
เราเลยหลบข้างทางให้บรรดาพี่จีนเดินผ่านเราไปก่อนดีกว่า เราชอบแบบเงียบ ๆ สงบ ๆ ^^
การเอาแม่กุญแจมาคล้องโซ่ตามราวสะพาน ราวทางเดิน ใช่ว่าจะมีเฉพาะที่ N-Seoul Tower นะครับ ที่เขาเอ้อเหม่ยนี่ก็มีเหมือนกัน ^^ (แต่ผมไม่ได้ทำนะ ไม่รู้ด้วยว่าที่นี่เขาก็มีเหมือนกัน 55555)
ป.ล. - รูปนี้เจ้านายผมเอาหมวกบีนนี่มาใส่แล้วเหมือนกัน นึกว่าหูจะแข็งแรงไปไหน เชอะ อิอิอิ ^^
มีต่อครับ --->
[CR] [รีวิว] @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง ฉงชิ่ง-เล่อซาน-เอ้อเหม่ยซาน-จิ่วไจ้โกว-หวงหลง-ซีอาน-อู่หลง-ฉงชิ่ง วันที่ 3 @@@
http://ppantip.com/topic/34437813 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง.... วันที่ 1 : Bangkok - Chongqing - Chengdu
http://ppantip.com/topic/34443237 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง.... วันที่ 2 : Chengdu - Leshan - Emeishan
เข้าสู่วันที่สามของการเดินทาง เช้านี้เราต้องตื่นแต่ตีห้า เพื่อเตรียมตัวไปขึ้นเขาเอ้อเหม่ย อากาศบนเขาค่อนข้างจะหนาวเย็น มีเสื้อกันหนาวหรือยังครับ ถ้ายัง.....ไปหยิบมาก่อนเร้วววว ถ้าพร้อมแล้ว.....ก็เดินตามผมมาเลยคร้าบบบบบบ ^^
เขาเอ้อเหม่ย เป็นเขาที่มีพุทธสถานเยอะแยะมากมาย โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิน และราชวงศ์ชิง แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่แห่งที่เปิดให้เข้าชมได้
ส่วนมากนักท่องเที่ยวนิยมที่จะขึ้นไปเที่ยวที่ยอดเขาเพื่อสักการะรูปปั้นพระพุทธเจ้าปางสิบหน้า ตามรูปนี้ครับ
ที่มาของรูป https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/2c/Massive_golden_buddha_on_the_sumit_of_Eimei_Shan.jpg/450px-Massive_golden_buddha_on_the_sumit_of_Eimei_Shan.jpg
การเดินทางขึ้นเขาเอ้อเหม่ย เราต้องไปซื้อตั๋วรถบัสที่สถานีเป่ากว๋อ (BaoGuo Bus Station) นั่งรถไปซักชั่วโมงก็หยุดซื้อตั๋วที่สถานีหว่านเหนียนนะครับ ตอกบัตรผ่านประตู แล้วกลับมาขึ้นรถบัสต่อมุ่งหน้าไปลงยังลานจอดรถ "เล่ยตงผิง - LeiDongPing" แล้วเดินต่อไปถึงสถานีเคเบิลคาร์ ซื้อตั๋ว แล้วก็ขึ้นเคเบิลไปข้างบน และเดินขึ้นไปยอดเขาจินติ่ง สักการะรูปปั้นและวิหารต่าง ๆ ครับ
ส่วนขากลับ ก็นั่งเคเบิลคาร์ลงมา เดินลงมาขึ้นรถที่ลานจอดเล่ยตงผิง กลับมายังสถานีรถบัสเป่ากว๋อนะครับ ^^
ก่อนอื่น ผมขอเอาแผนที่ของเขาเอ้อเหม่ยมาให้ดูก่อนนะครับ ในรูปนี้คือแผนที่ของเขาเอ้อเหม่ย (EMeiShan) ที่น้องอาสาสมัครให้มา (อยู่ในชุดเดียวกันกับแผนที่เล่อซาน - LeShan ที่ลงไปก่อนหน้านี้ครับ)
จากแผนที่ ผมจะลงจุดสำคัญ ๆ ไว้บ้างแล้วนะครับ เราจะเดินทางตามเส้นถนนสีเขียวเริ่มจากข้างล่างขึ้นไปเลย นั่งรถผ่านสถานีหว่านเหนียน ไปหยุดที่เล่ยตงผิง แล้วเดินต่อไปขึ้นเคเบิลคาร์ ไปยอดจินติ่งนะครับ ^^
เราตื่นแต่เช้า ตีห้า ออกจากโรงแรมหกโมงเช้า เช็คเอาท์ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม จากโรงแรมเดินไปสถานีรถบัส 5 นาทีถึง
จากที่เรามาหาข้อมูลไว้เมื่อวาน บอกว่าจะเปิดขายตั๋วประมาณ 06:30-07:00 เรามาถึงท่ารถตอนหกโมงสิบห้า เจอมวลมหาประชาชนจีนมุงอยู่หน้าที่ขายตั๋วประมาณ 30 คน
ถึงเวลาขายตั๋ว....ไม่ต้องห่วงครับ.....เบียดเสียดเยียดยัด ยัดทะนานกันเข้าไป พอดีมีพวกทัวร์มาด้วย โอ้โห.....คนทะลัก กว่าจะได้ตั๋ว เล่นเอาน่วมไปเลยครับ
พอได้ตั๋ว....ก็เดินไปรอขึ้นรถ ที่นี่ไม่ต้องสแกนกระเป๋าแล้ว เพราะเช้ามากกกกก พนักงานยังไม่มา 55555
อ้อ....ลืมบอกไป ที่สถานีรถบัสเป่ากว๋อ ที่เราซื้อตั๋วนี่คือตั๋วรถไป-กลับเท่านั้นนะครับ ราคาคนละ 90 หยวน แต่ป้ายเขาก็บอกว่ามีบัตรผ่านขายเหมือนกัน แต่ไม่เห็นมีใครซื้อ เราก็เลยไม่ซื้อเช่นกัน
เดินมาที่ประตูรถออก....ก็มีกรุ๊ปทัวร์รอไม่ยอมเดินออกไป เพราะว่ารถคันที่จะออกว่างแค่สองที่ พอเราเดินไป โบกตั๋วไหว ๆ อยู่หลังกรุ๊ปทัวร์ เจ้าหน้าที่ก็กวักมือเรียกไป ถามว่ากี่คน (เดาเอา 555) เราก็เอาตั๋วให้ดู เขาก็หันไปถามรถว่ามีที่นั่งพอป่าว....รถบอกมาเลย สองที่นั่งสุดท้ายพอดี (รถที่นี่ เต็มออก เต็มออกนะครับ ไม่เต็มไม่ออกนะเอ้อ ^^)
ขึ้นรถไป ยังมืดอยู่เลย เจ้านายผมได้ที่นั่งแถวท้ายสุดหนึ่งที่ เราก็หา ๆ ดู ไม่เห็นมีเก้าอี้ว่างเลย เลยเดินไปนั่งตรงข้าง ๆ คนขับที่เป็นแท่นตรงกลางเหมือนรถเมล์สมัยเก่าอ่ะ อิคนขับก็ตะโกนโหวกเหวก โบกมือให้ไปนั่งข้างหลัง เราก็ยืนงง ๆ จะให้ตรูไปนั่งไหนฟระ ไม่เห็นมีเก้าอี้ว่างเลย
แล้วก็มีชายหนุ่มใจดีคนหนึ่ง ผลักเก้าอี้เสริมเหมือนบนรถตู้ออกมากางไว้ตรงกลางทางเดิน
อ้อ.......อีกที่ที่เฮียบอกคือเก้าอี้เสริมกลางทางเดินเอง เอาก็เอาวะ 90 หยวน ขากลับคงไม่ซวยขนาดนี้น่า
นั่งรถมาได้ประมาณชั่วโมงนึง ก็มาหยุดที่จุดนี้ครับ ตอนแรกเรานึกว่าสถานีหว่านเหนียน แต่บางคนก็ลง บ้างก็ไม่ลง สรุปแล้วมันคือที่แวะพักเข้าห้องน้ำครับ 5555
หลังจากออกจากจุดนี้ขับต่อมาได้อีก 5 นาที คราวนี้ของจริงแล้ว.....ทุกคนลงจากรถกันหมด ส่วนรถก็แล่นผ่านประตูที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปรอด้านหลัง พวกเราก็ต้องเดินไปซื้อตั๋ว ค่าตั๋วคนละ 185 หยวน ที่นี่ใครมีบัตรนักเรียนลด 50% เช่นเคย ซึ่งก็เหมือนเดิม เห็นคนข้างหน้ามีปัญหาอีกแล้ว เลยจ่ายค่าตั๋วราคาเต็มไปเหมือนเดิม คนละ 185 หยวน จ่ายตังค์เสร็จ เดินผ่านประตูเล็ก ๆ เอาบัตรให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แล้วก็ไปขึ้นรถต่อครับ ^^
นั่งต่อมาอีกชั่วโมงนึงได้ คนขับก็โหวกเหวกโวยวาย ทุกคนก็ขยับตัวลงรถ เราก็พยายามถามคนข้าง ๆ ว่า LeiDongPing LeiDongPing แต่ก็ไม่มีใครตอบ
พอดีตอนขึ้นรถใหม่ ๆ เนื่องจากรถขึ้นเขาโค้งไปโค้งมา มีสาวสองคนนั่งแถวหลังสุดข้างเจ้านายผมคงเสียหลักตั้งตัวไม่ทันมั้ง พอรถเลี้ยว หนึ่งในสองจึงเอามือมาคว้าหมับเข้าให้....แต่ไม่ใช่พนักพิงเก้าอี้นะครับ......หัวล้าน ๆ ของผมนั่นเอง!!!! ก็ขอโทษขอโพยกันนิดหน่อย คราวนี้พอลงรถ เราก็เลยถามเธอ LeiDongPing LeiDongPing เธอก็พยักหน้าหงึก ๆ เราก็เลยเดินตามเธอไป
ระหว่างทางเดินก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ เฉอะแฉะนิดหน่อย เพราะชื้นนและหมอกหนามากกกกกก และก็หนาวมากกกเหมือนกัน (แต่ก็ทนได้ ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็พูดเป็นไอตลอดเวลาเลยนะ ^^)
เราก็เดินๆๆๆขึ้นมาประมาณ 15-20 นาที ระหว่างทางก็มีร้านขายของเป็นระยะ ๆ มีป้ายบอกให้ระวังลิงด้วย (ซึ่งจากที่หาข้อมูลมา เขาก็ว่าให้ระวังลิงเหมือนกันนะ ^^)
นอกจากร้านขายของแล้ว สำหรับคนที่เสื้อผ้าไม่พร้อม เขาก็มีร้านให้เช่าเสื้อกันหนาวนะครับ ตัวละประมาณ 40-50 หยวน แต่มัดจำ 200 หยวน!!!!! แม่เจ้าาาา
พอเราเดินขึ้นมาถึง ก็เห็นสถานีเคเบิลแล้ว เห็นคนยังน้อย ๆ อยู่ รีบบึ่งไปจองตั๋วก่อน ก่อนพวกทัวร์จะมามุง
ในภาพ เราจะเห็นกระเช้าลงมารับนักท่องเที่ยวแล้วคร้าบบบบ ^^
สำหรับค่ากระเช้า ขาขึ้น 65 หยวน ขาลง 55 หยวนครับ
สรุปแล้วในการเดินทางขึ้นมายอดเขาเอ้อเหม่ย ที่เราต้องซื้อตั๋วทั้งหมดตามนี้ครับ
ค่ารถบัสจากสถานีเป่ากว๋อมาเล่ยตงผิง ไปกลับ 90 หยวน
ค่าเข้าเอ้อเหม่ยซาน 185 หยวน
ค่ากระเช้าขาขึ้น 65 หยวน
ค่ากระเช้าขาลง 55 หยวน (ใครจะเดินก็ได้นะครับ ที่หาข้อมูลมาเดินลงประมาณ 5 กม. เจออากาศแบบนี้ผมขอผ่านล่ะครับ เก็บขาไว้เดินที่จิ่วไจ้โกวดีกว่า)
สรุปค่าเสียหายทั้งหมด = 90+185+65+55 = 395 หยวน คิดง่าย ๆ หยวนละห้าบาท ก็ประมาณเกือบ ๆ สองบาทพันต่อคนล่ะครับ ^^
ออกจาก Ticket Hall ของ Cable Car มองกลับมาที่ทางขึ้น ก็เริ่มเห็นมวลมหาประชาชนจีนเริ่มออ ๆ กันที่ทางเข้าแล้ว มองไปข้างใน คนยังไม่มากเท่าไหร่ ว่าแล้วสองกระเหรี่ยงก็รีบเบียดแทรกตัวชิงเข้าไปล่วงหน้าก่อนครับ ^^
นี่คือหน้าตั๋วเคเบิลคาร์ครับ
ด้านหลังจะมีราคาบอกทั้งขาขึ้น และขาลงครับ
ส่วนนี่คือตั๋วค่าเข้าชมเขาเอ้อเหม่ย หรือ เอ้อเหม่ยซาน ที่ซื้อที่ประตูหว่านเหนียนครับ มีราคาบอกชัดเจน
เรารีบเข้าไป ก็ใช่ว่าจะไวกว่าพี่จีนนะ เข้าไปก็ต่อคิวอยู่ประมาณ 5-10 นาทีได้ คนเยอะ แต่แถวไปเร็วมากนะครับ การบริหารจัดการของเขาดีจริง
พอเราได้ขึ้นบันไดเพื่อไปห้องที่รอเข้ากระเช้า มองลงไปเห็นคนจีนเยอะแยะมากมาย เลยขอถ่ายรูปมาเสียหน่อย
อ้อ....จากในรูปจะเห็นว่าแถวมากันเป็นหน้ากระดานเรียงสี่ เรียงห้า แต่ตรงที่ผมยืนอยู่นั่น เป็นแถวตอนเรียงเดี่ยวสองแถวแล้ว อยู่ในรัวเหล็กกั้นไว้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงครับ ช้ำอีกรอบตอนเบียดจากหน้ากระดานเรียงสี่ เรียงห้า มาเหลือแถวตอนสองแถวครับ 555555
พอขึ้นมาถึงห้องรอแล้ว เขาจะนับคนเลยครับว่าเข้ากระเช้าได้ประมาณกี่คน แล้วก็จะกั้นที่เหลือไว้ คนที่ผ่านเข้าไปก็จะไปรอขึ้นกระเช้าครับ
รอแป๊บเดียวกระเช้าก็มา โชคดีเราได้ยืนติดหน้าต่างเลย แต่โชคร้ายที่ไม่เห็นอะไรเลย ขาวโพลนไปหมดเนื่องจากหมอกจัดมาก ><
บรรยากาศภายในกระเช้าครับ มันเหมือนเป็นห้องอะไรที่เคลื่อนที่ได้มากกว่ากระเช้าครับ 55555
ผมจับเวลาแล้ว กระเช้าใช้เวลาเดินทาง 2 นาทีก็ขึ้นมาถึงข้างบนครับ จากในรูป เราเข้าทางฝั่งโน้น พอมาถึงทางลง เขาก็เปิดประตูทางฝั่งนี้ให้ลง ส่วนฝั่งโน้นไว้ให้คนขาลงเดินเข้าครับ
ผมก็รอคนเดินผ่านไปก่อน จะได้ถ่ายมาให้ดูว่า Cable Car ที่ว่าใหญ่ขนาดไหน จุคนได้ 40-50 คนสบาย ๆ ล่ะครับ (ถึงว่า แถวไปเร็วเชียว ^^)
ออกจากกระเช้ามา หนาวมาก่อนเลยครับ ลมพัดมาหน้าชาเลย จากเดิมใส่หมวกแก๊ปขึ้นมา มาถึงข้างบนปุ๊บต้องเปลี่ยนเป็นหมวกบีนนี่ (หมวกไหมพรมที่ลงมาคลุมหูได้น่ะครับ) ทันทีเลย โชคดีที่ติดมาด้วย หมวกใบนี้ช่วยเซฟหูผมไม่ให้ขาดที่ฮาร์บินมาแล้ว อากาศแค่นี้ สิว ๆ ครับ หูไม่ขาดแน่นอน (ถ้าไม่โดนเจ้านายดึง!!! 55555)
เดินออกมา เห็นป้ายบอกทาง....ที่สำคัญ มีภาษาไทยด้วย ^^ แสดงว่าคนไทยคงมาเที่ยวเยอะ คงมีทัวร์มาพอสมควรเลย แต่คราวนี้ไม่เจอคนไทยบนนี้เลยครับ ^^
จุดหมายของเราที่ต้องเดินไปคือ Golden Summit จินติ่ง ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่จุดตรงจุดนี้นะครับ สูงจากระดับน้ำทะเล 3,097 เมตร
ที่เห็นป้ายว่ามีโรงแรมบนนี้ไม่ต้องแปลกใจครับ บนนี้มีห้องพักครับ สำหรับคนที่ขึ้นมาตอนเย็น ชมพระอาทิตย์ตกแล้วรอชมอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าวันรุ่งขึ้นครับ (ที่หาข้อมูลมาที่ถูก ๆ ที่สุด ราคาประมาณสามร้อยหยวนขึ้นไปต่อคืนครับ) ที่สำคัญ มีคนเดินขึ้นเขานี้ด้วยครับ ไม่ต้องแปลกใจไป เขามีทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินเท้าขึ้นมาครับ ดังนั้นเลยต้องมีที่พักบนเขาด้วย
ระหว่างทางมีร้านขายของฝาก และขายขนมเป็นระยะ ๆ นะครับ
อ้อ....ที่นี่มีตุ๊กตาลิงขายเยอะแยะเลย ดูน่ารักดี แต่พอเดินไปดูใกล้ ๆ ผมว่าไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ เลยไม่ได้ซื้อมาครับ นอกจากลิงแล้วยังมีแพนด้าด้วยเหมือนกันนะ ^^
ป.ล. - รูปนี้ เจ้านายผมหูแข็งแรงมากกกก คนอื่นเขาใส่เสื้อ ใส่หมวกปิดหูหมดแล้ว เจ้านายผมยังดูชิล ๆ อยู่เลย ><
แล้วเราก็เดินๆๆๆต่อไป เพื่อจะไปให้ถึงยอดจินติ่งครับ
เราต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 10-15 นาทีล่ะครับ ^^
ซักพักมีเสียงอื้ออึงมาจากด้านหลัง หันไปมอง ไอ๊หยา......แก๊งค์ทัวร์มาแล้ววววววว
เราเลยหลบข้างทางให้บรรดาพี่จีนเดินผ่านเราไปก่อนดีกว่า เราชอบแบบเงียบ ๆ สงบ ๆ ^^
การเอาแม่กุญแจมาคล้องโซ่ตามราวสะพาน ราวทางเดิน ใช่ว่าจะมีเฉพาะที่ N-Seoul Tower นะครับ ที่เขาเอ้อเหม่ยนี่ก็มีเหมือนกัน ^^ (แต่ผมไม่ได้ทำนะ ไม่รู้ด้วยว่าที่นี่เขาก็มีเหมือนกัน 55555)
ป.ล. - รูปนี้เจ้านายผมเอาหมวกบีนนี่มาใส่แล้วเหมือนกัน นึกว่าหูจะแข็งแรงไปไหน เชอะ อิอิอิ ^^
มีต่อครับ --->