ต่อเนื่องจากกระทู้รีวิวสามวันที่ผ่านมา ตามนี้นะครับ
http://ppantip.com/topic/34437813 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 1 : Bangkok - Chongqing - Chengdu
http://ppantip.com/topic/34443237 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 2 : Chengdu - Leshan - Emeishan
http://ppantip.com/topic/34446484 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 3 : Emeishan - Chengdu
เข้าสู่วันที่สี่ของการเดินทางแล้วครับ หลังจากคืนวันที่สามเรากลับจากเอ้อเหม่ยซานมาพักที่เฉิงตู โรงแรม Traffic Hotel ที่เราเคยพักก่อนหน้านี้ เพื่อออกเดินทางแต่เช้าตรู่ไปจิ่วไจ้โกวกันครับ
ตามที่เราซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่วันแรกของการเดินทาง รถเราจะออกจากท่ารถ XinNanMen เวลา 07:30 น. เพราะฉะนั้นวันนี้เราไม่มีเวลาทานอาหารคลีนที่โรงแรมแน่นอน ^^ มื้อเช้าวันนี้จึงเป็นมาม่ากระป๋องครับ หลังจากตื่นตีห้า เก็บกระเป๋า กินมาม่า หกโมงครึ่งเราก็ลงมาเช็คเอาท์แล้ว เดินไปถึงท่ารถก่อนเจ็ดโมง สแกนกระเป๋ากันอีกรอบ แล้วก็ไปรออยู่หน้าประตูที่ต้องไปขึ้นรถ เอาตั๋วรถให้เขาดู เขาทำมือบอกว่ารอก่อน ๆ
พอเวลาประมาณเจ็ดโมงสิบนาที เขาก็ตะโกน จิ่วไจ้โกว จิ่วไจ้โกว จิ่วไจ้โกว พร้อมกับผู้คนพากันแห่ไปขึ้นรถ เราก็เอาตั๋วไปให้เขาดูอีกทีเขาก็พยักหน้าให้ออกไปที่ลานจอดรถบัสได้
คราวนี้คันไหนล่ะ? เหมือนเคยครับ เอาตั๋วให้เขาดู เขาก็ชี้ไปที่รถคันหนึ่ง ด้านหน้ามีคำว่า จิ่วไจ้โกว 九寨沟 พร้อมกับเวลา 07:30 เราก็ขึ้นไปรอบนรถครับ
แล้วการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวของเราก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไป ^^ มาครับมา.....สะพายเป้ตามผมมาเลยครับ ^^
ก่อนจะออกเดินทาง ผมเอาแผนที่ของสถานที่ต่าง ๆ มาให้ดูกันก่อนครับ
เราเดินทางวันแรกบินจากกรุงเทพ ฯ มาลงฉงชิ่ง แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงออกไปพักที่เฉิงตู จากเฉิงตู เราก็ออกไปเที่ยวเล่อซาน กับเอ้อเหม่ย (ในแผนที่นี้มันใกล้เฉิงตูมาก เลยไม่ได้ลงไว้ครับ)
ออกจากเอ้อเหม่ย เราก็จะกลับมาเฉิงตูพักหนึ่งคืนแล้วนั่งรถไปจิ่วไจ้โกวครับ จากจิ่วไจ้โกวเราจะไปหวงหลงต่อ แล้วบินไปซีอาน ก่อนจะกลับมาฉงชิ่ง แล้วบินกลับกรุงเทพ ฯ
เพราะฉะนั้นทริปนี้เราจะตะลุยภาคกลางของเมืองจีนเป็นหลักเลยนะครับ ^^
จากเฉิงตู เราก็นั่งรถบัสยาวววววววไปจิ่วไจ้โกวเลยครับ ระยะทางตามในรูป (ผมก็ไม่ทราบว่าไปตามนี้หรือเปล่านะ ^^) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง รวมแวะพักเข้าห้องน้ำและทานข้าวแล้วครับ
เราขึ้นไปนั่งรอบนรถประมาร 07:20 โดยเอากระเป๋าใหญ่โหลดใต้ท้องรถ ปัญหายังไม่จบครับ เพราะตั๋วที่ได้มา นั่งไม่ติดกัน
เราได้ตั๋วเบอร์ 14-15 ซึ่งเก้าอี้มีฝั่งละสองที่นั่ง แถวละสี่ที่นั่ง เบอร์ 14 กับ 15 ก็จะอยู่คู่กันโดยมีทางเดินกั้นกลางครับ ก็คุยกันว่าถ้าอย่างนี้ก็ยังโอเค พอรับได้ แต่เพื่อความชัวร์ เจ้านายผมก็เตรียมคำแปลภาษาจีนไว้แล้วว่าขอแลกที่นั่งต้องพูดว่าอะไร
พอมีคนขึ้นมาตรงที่นั่งหมายเลข 16 เจ้านายก็ยื่นโทรศัพท์ให้ เขาอ่านแล้วเขาก็บอกไม่เป็นไร พูดภาษาอังกฤษกับเขาได้เลย เขามากัน 4 คน พ่อ แม่ และลูกสาวสองคน คนนี้น่าจะเป็นพี่สาวคนโต พอเราบอกว่าขอแลกที่ได้ไหม เขาก็ยินดีบอกไม่มีปัญหา เชิญเลย แถมระหว่างทางยังแบ่งขนมให้เรากินด้วย เป็นเหมือนขนมเปี๊ยะแต่เป็นไส้หมูหยอง อร่อยมากกกกกก ซึ่งเราก็ไปหาซื้อแบบนี้ แต่ไม่เจอยี่ห้อนี้ แต่เจ้าขนมนี้ก็กลายเป็นขนมหลักที่เราใช้กินระหว่างทางตลอดที่อยู่ที่จิ่วไจ้โกวเลยล่ะครับ ^^
สภาพรถที่เราใช้เป็นยานพาหนะเดินทางจากเฉิงตูไปจิ่วไจ้โกวครับ ถ่ายจากจุดพักรถซักแห่ง
ระหว่างทาง รถก็จะจอดเป็นระยะ ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงครั้ง (ช่วงแรกนานหน่อย เกือบสามชั่วโมง จนมีเจ๊ในรถตะโกนบอกคนขับ สงสัยปวดห้องน้ำอย่างหนัก อิอิ)
แต่ละจุดพักรถ ก็จะมีห้องน้ำห้องท่าให้เข้า เก็บตังค์คนละ 1 หยวนครับ ใครอยากเห็นห้องน้ำสไตล์จีนแท้ ๆ เห็นได้ที่นี่ล่ะครับ เรียกว่าปวดหนักมา ถ้าใจไม่หินจริงนี่เก็บไว้ไปปล่อยที่จุดหมายเลยดีกว่า 555555
บางจุด มีบริการล้างรถด้วยครับ แบบในภาพนี้ แต่คิดว่ามาจากคนละที่กับเรา เพราะรถเราเป็นสีขาว (เหมือนในรูปที่แล้ว) แต่รถนี่เป็นสีฟ้า แล้วที่นี่ล้างให้เฉพาะรถสีฟ้าด้วยนะครับ คงมี contact กันอยู่
ตามจุดพักรถ ก็จะมีขนม อาหาร ของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือกันด้วย อย่างหนึ่งที่ขายกันเยอะคือผลิตภัณฑ์จากจามรี (yak) มีหลายอย่างเชียว เนื้อจามรีแห้ง ขนมต่าง ๆ และอีกมากมายครับ ที่เป็นแบบนี้ เพราะระหว่างทางจะเป็นชุมชนคนทิเบตเยอะ แล้วคนทิเบตนี่นิยมเลี้ยงจามรีกันครับ
แต่เราไม่ได้ลองนะ ไม่กล้า สงสารจามรี >< (แต่จริง ๆ แล้วคนแถบนี้เลี้ยงจามรีไว้เอานม เอาเนื้อ เหมือนเราเลี้ยงวัวกันเลยล่ะครับ เป็นเรื่องปกติของทางนี้เลย)
หลังจากพักแวะเข้าห้องน้ำห้องท่าตามจุดต่าง ๆ ก็นั่งรถกันต่อ วันนี้นั่งกันยาว ๆ ล่ะครับ วิวข้างทางก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากกลางเมืองมีตึกรามบ้านช่องแออัด ออกมาเป็นชานเมือง มาเป็นทุ่งหญ้า เริ่มเห็นทิวเขากับฟ้าใส ๆ ท่ามกลางบ้านเรือนบ้างแล้วครับ ^^
สำหรับอาหารเที่ยง....จะมีจุดพักรถที่นึงที่คนขับรถจะจอดแล้วตะโกน "ชือฟ่าน ชือฟ่าน" 吃饭 ซึ่งแปลว่ากินข้าวนะครับ
ถ้าใครจะกิน ก็เดินเข้าไปในร้าน....รับจาน เป็นบุฟเฟต์ ตักได้ตามสะดวก คนละประมาณ 25 หยวน (ตามที่หาข้อมูลไป) แต่เรายังไม่ค่อยหิว หลาย ๆ คนบนรถก็ไม่ไปทานข้าวกัน เราเลยเดินเล่นไปซื้อผลไม้กิน เจอส้มจีนลูกเล็ก ๆ แบบส้มไร้เมล็ดน่ะครับ เลยลองซื้อมาชิมดู
เวลาซื้อของ ถ้าถามเขาว่าเท่าไหร่ ก็พูดว่า "ตั๊วเส่าเฉียน" 多少钱 เดี๋ยวเขาก็ตอบมาเป็นภาษาจีนครับ ถ้าเราจำตัวเลขได้ก็ไม่ยากเท่าไหร่ครับ บางที่ถามเป็นภาษาอังกฤษไป โดนโขกราคาไปโขเลยครับ
อย่างส้มที่เราซื้อ แฟนผมถามก่อน "ตั๊วเส่าเฉียน" เขาตอบมาว่า "ปาไคว่อี้จิน" ปาคือแปด ไคว่คือหยวน อี้คือหนึ่ง จินคือหน่วยชั่งที่ใช้กันทั่วไปในประเทศจีนครับ หนึ่งจินคือ 500 กรัมครับ
เพราะฉะนั้นส้มนี้แพงใช่เล่นครับ โลละ 16 หยวน แปดสิบบาท เมืองไทยโลละ 50-60 บาทเอง แต่มันตามสถานที่ท่องเที่ยวคงต้องยอมเขาล่ะครับ ><
บรรยากาศระหว่างทางครับ เริ่มมีทุ่งหญ้าให้เห็นมากขึ้น
วิวระหว่างทาง เริ่มเห็นเป็นทิวเขาต่อเนื่องลดหลั่นกันไป
ที่เห็นตอม่อนั่นน่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงนะครับ เพราะเห็นรูปโฆษณาอยู่ เป็นรถสีขาวคาดน้ำเงิน ซึ่งมันคือรถไฟความเร็วสูงที่นี่นี่เอง เห็นป้ายนี่ไปถึงหวงหลงเลยครับ คาดว่าอีก 2-3 ปี คงได้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูงมาถึงจิ่วไจ้โกวแถมอาจจะเลยไปถึงหวงหลงแล้วล่ะครับ ^^
ระหว่างทาง มีวิวสวย ๆ ให้ชมเยอะแยะเลยครับ ตามภูเขาอย่างนี้น่าจะเป็นถิ่นอาศัยของชาวทิเบตเยอะพอสมควร ดูได้จากลักษณะบ้านเรือน สีสัน และธงประดับประดาทั้งหลาย ^^
เริ่มเห็นทิวเขาสูง ๆ แล้วครับ รู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อย อิอิ
ชาวบ้านแถบนี้ก็มีทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิมอยู่ด้วยกันนะครับ ดูได้จากศาสนสถานที่อยู่ตามรายทาง
(ที่เห็นภาพเป็นริ้ว ๆ นั้นเพราะถ่ายผ่านกระจกรถตอนรถกำลังวิ่งครับ)
นั่งมาพักใหญ่ ๆ พอเริ่มเข้าช่วงบ่าย วิวด้านข้างจากทุ่งหญ้า และบ้านเรือน ก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีแบบนี้โผล่มาให้เห็นบ้างแล้วครับ
เริ่มมีภูเขามาให้เห็นเรื่อย ๆ เริ่มรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาเรื่อย ๆ เช่นกัน 5555
ที่เป็นแบบนี้เพราะจิ่วไจ้โกว อยู่บนเทือกเขาหมินซาน ลองดูจากแผนที่รูปต้น ๆ ก็ได้ ครับ จะเห็นว่าระหว่างทางรถจะวิ่งไปตามเทือกเขาต่าง ๆ พวกนี้ เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นยอดเขาเหล่านี้เป็นระยะ ๆ แต่อีกด้านหนึ่ง ถ้าเราเห็นยอดสูง ๆ แบบเริ่มมีหิมะแบบนี้ ก็แปลว่าเราใกล้ถึงแล้วล่ะครับ ^^ ซึ่งในแถบจิ่วไจ้โกวนั้นจะเป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาติทิเบตนะครับ ทำให้เราเห็นบ้านเรือนมีสีสันต่าง ๆ เป็นเอกลักษณ์ของชาวทิเบตครับ
ที่สำคัญ จิ่วไจ้โกวนี่ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกด้วยนะครับ ^^
ในที่สุด เราก็มาถึงจิ่วไจ้โกวเวลาประมาณ 17:30 น.ครับ สิบชั่วโมงพอดีในการเดินทางตั้งแต่ออกจากสถานีรถบัส XinNanMen ที่เฉิงตูครับ
แผนที่นี้ผมซูมเข้ามาให้เห็นรายละเอียดที่พักของเราและพื้นที่ในบริเวณทางเข้าอุทยานจิ่วไจ้โกวนะครับ
รถจะวิ่งมาจากทางซ้ายลงมาตามตัว V มาถึงจุดต่ำสุดตรงที่เป็นปากทางเข้าอุทยานจิ่วไจ้โกวครับ ระหว่างทางเราเลยมอง ๆ หาโรงแรมเราก่อน เพราะเรากะว่าจะเดินย้อนมาจากท่ารถ ซึ่งอยู่เลยทางเข้าอุทยานจิ่วไจ้โกวไปครับ เพราะระยะทางแค่ประมาณ 1.5-2 กิโลเท่านั้นเอง
พอรถวิ่งมาถึงปากทางเข้าจิ่วไจ้โกว มองเข้าไป เห็นนักท่องเที่ยวเดินไหลออกมาเหมือนก๊อกแตก (ต้องใช้คำนี้เลยจริง ๆ ครับ คนเยอะมากกกกก) รถวิ่งเลยปากทางเข้าไปนิดเดียว เราก็มาถึงท่ารถบัสครับ ซึ่งก็เหมือนที่อื่น ๆ คือมีหน้าม้าขายโรงแรมเอย รถแท็กซี่เอย วิ่งมารอนักท่องเที่ยวจนถึงประตูทางลงรถเลย แต่เราจองโรงแรมมาแล้ว เลยไม่มีปัญหาครับ
เอากระเป๋าใต้ท้องรถเสร็จ ก็จัดเป้ให้เข้าที่เข้าทาง แล้วรีบจ้ำด้วยความเร็วสุดฝีเท้า!!!!!!!!
เพราะว่าผมปวดห้องน้ำค้าบบบบบบบ ><
ตอนแรกกะว่าจะมาเข้าที่ท่ารถ แต่คนก็เยอะมากกกกก แต่พอดีเห็นสุขาสาธารณะอยู่ระหว่างทางตามในรูป เลยรีบจ้ำเต็มสปีด 55555 มาถึงได้นี่เหมือนสวรรค์ ถึงจะเลอะเทอะไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นส้วมแบบที่เราเคย ๆ ใช้อยู่ ไม่เหมือนห้องน้ำระหว่างทางครับ ^^
อ้อ....สำหรับผู้ที่ต้องการจองรถไปหวงหลงโดยรถบัส ติดต่อจองที่นี่เลยนะครับ ตั๋วรถกลับเฉิงตูด้วย (ผมบินต่อไปซีอาน เลยไม่ได้จองตั๋วที่นี่) ถ้าจะนั่งรถบัสต่อ แนะนำว่ามาถึงปุ๊บ รีบไปจองตั๋วสำหรับกลับก่อนเลยครับ เดี๋ยวจะไม่มีรถกลับเอาเสียเปล่า ๆ นะครับ
มีต่อครับ --->
[CR] [รีวิว] @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง ฉงชิ่ง-เล่อซาน-เอ้อเหม่ยซาน-จิ่วไจ้โกว-หวงหลง-ซีอาน-อู่หลง-ฉงชิ่ง วันที่ 4 @@@
http://ppantip.com/topic/34437813 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 1 : Bangkok - Chongqing - Chengdu
http://ppantip.com/topic/34443237 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 2 : Chengdu - Leshan - Emeishan
http://ppantip.com/topic/34446484 @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง .... วันที่ 3 : Emeishan - Chengdu
เข้าสู่วันที่สี่ของการเดินทางแล้วครับ หลังจากคืนวันที่สามเรากลับจากเอ้อเหม่ยซานมาพักที่เฉิงตู โรงแรม Traffic Hotel ที่เราเคยพักก่อนหน้านี้ เพื่อออกเดินทางแต่เช้าตรู่ไปจิ่วไจ้โกวกันครับ
ตามที่เราซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่วันแรกของการเดินทาง รถเราจะออกจากท่ารถ XinNanMen เวลา 07:30 น. เพราะฉะนั้นวันนี้เราไม่มีเวลาทานอาหารคลีนที่โรงแรมแน่นอน ^^ มื้อเช้าวันนี้จึงเป็นมาม่ากระป๋องครับ หลังจากตื่นตีห้า เก็บกระเป๋า กินมาม่า หกโมงครึ่งเราก็ลงมาเช็คเอาท์แล้ว เดินไปถึงท่ารถก่อนเจ็ดโมง สแกนกระเป๋ากันอีกรอบ แล้วก็ไปรออยู่หน้าประตูที่ต้องไปขึ้นรถ เอาตั๋วรถให้เขาดู เขาทำมือบอกว่ารอก่อน ๆ
พอเวลาประมาณเจ็ดโมงสิบนาที เขาก็ตะโกน จิ่วไจ้โกว จิ่วไจ้โกว จิ่วไจ้โกว พร้อมกับผู้คนพากันแห่ไปขึ้นรถ เราก็เอาตั๋วไปให้เขาดูอีกทีเขาก็พยักหน้าให้ออกไปที่ลานจอดรถบัสได้
คราวนี้คันไหนล่ะ? เหมือนเคยครับ เอาตั๋วให้เขาดู เขาก็ชี้ไปที่รถคันหนึ่ง ด้านหน้ามีคำว่า จิ่วไจ้โกว 九寨沟 พร้อมกับเวลา 07:30 เราก็ขึ้นไปรอบนรถครับ
แล้วการเดินทางไปจิ่วไจ้โกวของเราก็เริ่มขึ้นตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไป ^^ มาครับมา.....สะพายเป้ตามผมมาเลยครับ ^^
ก่อนจะออกเดินทาง ผมเอาแผนที่ของสถานที่ต่าง ๆ มาให้ดูกันก่อนครับ
เราเดินทางวันแรกบินจากกรุงเทพ ฯ มาลงฉงชิ่ง แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงออกไปพักที่เฉิงตู จากเฉิงตู เราก็ออกไปเที่ยวเล่อซาน กับเอ้อเหม่ย (ในแผนที่นี้มันใกล้เฉิงตูมาก เลยไม่ได้ลงไว้ครับ)
ออกจากเอ้อเหม่ย เราก็จะกลับมาเฉิงตูพักหนึ่งคืนแล้วนั่งรถไปจิ่วไจ้โกวครับ จากจิ่วไจ้โกวเราจะไปหวงหลงต่อ แล้วบินไปซีอาน ก่อนจะกลับมาฉงชิ่ง แล้วบินกลับกรุงเทพ ฯ
เพราะฉะนั้นทริปนี้เราจะตะลุยภาคกลางของเมืองจีนเป็นหลักเลยนะครับ ^^
จากเฉิงตู เราก็นั่งรถบัสยาวววววววไปจิ่วไจ้โกวเลยครับ ระยะทางตามในรูป (ผมก็ไม่ทราบว่าไปตามนี้หรือเปล่านะ ^^) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง รวมแวะพักเข้าห้องน้ำและทานข้าวแล้วครับ
เราขึ้นไปนั่งรอบนรถประมาร 07:20 โดยเอากระเป๋าใหญ่โหลดใต้ท้องรถ ปัญหายังไม่จบครับ เพราะตั๋วที่ได้มา นั่งไม่ติดกัน
เราได้ตั๋วเบอร์ 14-15 ซึ่งเก้าอี้มีฝั่งละสองที่นั่ง แถวละสี่ที่นั่ง เบอร์ 14 กับ 15 ก็จะอยู่คู่กันโดยมีทางเดินกั้นกลางครับ ก็คุยกันว่าถ้าอย่างนี้ก็ยังโอเค พอรับได้ แต่เพื่อความชัวร์ เจ้านายผมก็เตรียมคำแปลภาษาจีนไว้แล้วว่าขอแลกที่นั่งต้องพูดว่าอะไร
พอมีคนขึ้นมาตรงที่นั่งหมายเลข 16 เจ้านายก็ยื่นโทรศัพท์ให้ เขาอ่านแล้วเขาก็บอกไม่เป็นไร พูดภาษาอังกฤษกับเขาได้เลย เขามากัน 4 คน พ่อ แม่ และลูกสาวสองคน คนนี้น่าจะเป็นพี่สาวคนโต พอเราบอกว่าขอแลกที่ได้ไหม เขาก็ยินดีบอกไม่มีปัญหา เชิญเลย แถมระหว่างทางยังแบ่งขนมให้เรากินด้วย เป็นเหมือนขนมเปี๊ยะแต่เป็นไส้หมูหยอง อร่อยมากกกกกก ซึ่งเราก็ไปหาซื้อแบบนี้ แต่ไม่เจอยี่ห้อนี้ แต่เจ้าขนมนี้ก็กลายเป็นขนมหลักที่เราใช้กินระหว่างทางตลอดที่อยู่ที่จิ่วไจ้โกวเลยล่ะครับ ^^
สภาพรถที่เราใช้เป็นยานพาหนะเดินทางจากเฉิงตูไปจิ่วไจ้โกวครับ ถ่ายจากจุดพักรถซักแห่ง
ระหว่างทาง รถก็จะจอดเป็นระยะ ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงครั้ง (ช่วงแรกนานหน่อย เกือบสามชั่วโมง จนมีเจ๊ในรถตะโกนบอกคนขับ สงสัยปวดห้องน้ำอย่างหนัก อิอิ)
แต่ละจุดพักรถ ก็จะมีห้องน้ำห้องท่าให้เข้า เก็บตังค์คนละ 1 หยวนครับ ใครอยากเห็นห้องน้ำสไตล์จีนแท้ ๆ เห็นได้ที่นี่ล่ะครับ เรียกว่าปวดหนักมา ถ้าใจไม่หินจริงนี่เก็บไว้ไปปล่อยที่จุดหมายเลยดีกว่า 555555
บางจุด มีบริการล้างรถด้วยครับ แบบในภาพนี้ แต่คิดว่ามาจากคนละที่กับเรา เพราะรถเราเป็นสีขาว (เหมือนในรูปที่แล้ว) แต่รถนี่เป็นสีฟ้า แล้วที่นี่ล้างให้เฉพาะรถสีฟ้าด้วยนะครับ คงมี contact กันอยู่
ตามจุดพักรถ ก็จะมีขนม อาหาร ของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือกันด้วย อย่างหนึ่งที่ขายกันเยอะคือผลิตภัณฑ์จากจามรี (yak) มีหลายอย่างเชียว เนื้อจามรีแห้ง ขนมต่าง ๆ และอีกมากมายครับ ที่เป็นแบบนี้ เพราะระหว่างทางจะเป็นชุมชนคนทิเบตเยอะ แล้วคนทิเบตนี่นิยมเลี้ยงจามรีกันครับ
แต่เราไม่ได้ลองนะ ไม่กล้า สงสารจามรี >< (แต่จริง ๆ แล้วคนแถบนี้เลี้ยงจามรีไว้เอานม เอาเนื้อ เหมือนเราเลี้ยงวัวกันเลยล่ะครับ เป็นเรื่องปกติของทางนี้เลย)
หลังจากพักแวะเข้าห้องน้ำห้องท่าตามจุดต่าง ๆ ก็นั่งรถกันต่อ วันนี้นั่งกันยาว ๆ ล่ะครับ วิวข้างทางก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากกลางเมืองมีตึกรามบ้านช่องแออัด ออกมาเป็นชานเมือง มาเป็นทุ่งหญ้า เริ่มเห็นทิวเขากับฟ้าใส ๆ ท่ามกลางบ้านเรือนบ้างแล้วครับ ^^
สำหรับอาหารเที่ยง....จะมีจุดพักรถที่นึงที่คนขับรถจะจอดแล้วตะโกน "ชือฟ่าน ชือฟ่าน" 吃饭 ซึ่งแปลว่ากินข้าวนะครับ
ถ้าใครจะกิน ก็เดินเข้าไปในร้าน....รับจาน เป็นบุฟเฟต์ ตักได้ตามสะดวก คนละประมาณ 25 หยวน (ตามที่หาข้อมูลไป) แต่เรายังไม่ค่อยหิว หลาย ๆ คนบนรถก็ไม่ไปทานข้าวกัน เราเลยเดินเล่นไปซื้อผลไม้กิน เจอส้มจีนลูกเล็ก ๆ แบบส้มไร้เมล็ดน่ะครับ เลยลองซื้อมาชิมดู
เวลาซื้อของ ถ้าถามเขาว่าเท่าไหร่ ก็พูดว่า "ตั๊วเส่าเฉียน" 多少钱 เดี๋ยวเขาก็ตอบมาเป็นภาษาจีนครับ ถ้าเราจำตัวเลขได้ก็ไม่ยากเท่าไหร่ครับ บางที่ถามเป็นภาษาอังกฤษไป โดนโขกราคาไปโขเลยครับ
อย่างส้มที่เราซื้อ แฟนผมถามก่อน "ตั๊วเส่าเฉียน" เขาตอบมาว่า "ปาไคว่อี้จิน" ปาคือแปด ไคว่คือหยวน อี้คือหนึ่ง จินคือหน่วยชั่งที่ใช้กันทั่วไปในประเทศจีนครับ หนึ่งจินคือ 500 กรัมครับ
เพราะฉะนั้นส้มนี้แพงใช่เล่นครับ โลละ 16 หยวน แปดสิบบาท เมืองไทยโลละ 50-60 บาทเอง แต่มันตามสถานที่ท่องเที่ยวคงต้องยอมเขาล่ะครับ ><
บรรยากาศระหว่างทางครับ เริ่มมีทุ่งหญ้าให้เห็นมากขึ้น
วิวระหว่างทาง เริ่มเห็นเป็นทิวเขาต่อเนื่องลดหลั่นกันไป
ที่เห็นตอม่อนั่นน่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงนะครับ เพราะเห็นรูปโฆษณาอยู่ เป็นรถสีขาวคาดน้ำเงิน ซึ่งมันคือรถไฟความเร็วสูงที่นี่นี่เอง เห็นป้ายนี่ไปถึงหวงหลงเลยครับ คาดว่าอีก 2-3 ปี คงได้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูงมาถึงจิ่วไจ้โกวแถมอาจจะเลยไปถึงหวงหลงแล้วล่ะครับ ^^
ระหว่างทาง มีวิวสวย ๆ ให้ชมเยอะแยะเลยครับ ตามภูเขาอย่างนี้น่าจะเป็นถิ่นอาศัยของชาวทิเบตเยอะพอสมควร ดูได้จากลักษณะบ้านเรือน สีสัน และธงประดับประดาทั้งหลาย ^^
เริ่มเห็นทิวเขาสูง ๆ แล้วครับ รู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อย อิอิ
ชาวบ้านแถบนี้ก็มีทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิมอยู่ด้วยกันนะครับ ดูได้จากศาสนสถานที่อยู่ตามรายทาง
(ที่เห็นภาพเป็นริ้ว ๆ นั้นเพราะถ่ายผ่านกระจกรถตอนรถกำลังวิ่งครับ)
นั่งมาพักใหญ่ ๆ พอเริ่มเข้าช่วงบ่าย วิวด้านข้างจากทุ่งหญ้า และบ้านเรือน ก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีแบบนี้โผล่มาให้เห็นบ้างแล้วครับ
เริ่มมีภูเขามาให้เห็นเรื่อย ๆ เริ่มรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาเรื่อย ๆ เช่นกัน 5555
ที่เป็นแบบนี้เพราะจิ่วไจ้โกว อยู่บนเทือกเขาหมินซาน ลองดูจากแผนที่รูปต้น ๆ ก็ได้ ครับ จะเห็นว่าระหว่างทางรถจะวิ่งไปตามเทือกเขาต่าง ๆ พวกนี้ เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นยอดเขาเหล่านี้เป็นระยะ ๆ แต่อีกด้านหนึ่ง ถ้าเราเห็นยอดสูง ๆ แบบเริ่มมีหิมะแบบนี้ ก็แปลว่าเราใกล้ถึงแล้วล่ะครับ ^^ ซึ่งในแถบจิ่วไจ้โกวนั้นจะเป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาติทิเบตนะครับ ทำให้เราเห็นบ้านเรือนมีสีสันต่าง ๆ เป็นเอกลักษณ์ของชาวทิเบตครับ
ที่สำคัญ จิ่วไจ้โกวนี่ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกด้วยนะครับ ^^
ในที่สุด เราก็มาถึงจิ่วไจ้โกวเวลาประมาณ 17:30 น.ครับ สิบชั่วโมงพอดีในการเดินทางตั้งแต่ออกจากสถานีรถบัส XinNanMen ที่เฉิงตูครับ
แผนที่นี้ผมซูมเข้ามาให้เห็นรายละเอียดที่พักของเราและพื้นที่ในบริเวณทางเข้าอุทยานจิ่วไจ้โกวนะครับ
รถจะวิ่งมาจากทางซ้ายลงมาตามตัว V มาถึงจุดต่ำสุดตรงที่เป็นปากทางเข้าอุทยานจิ่วไจ้โกวครับ ระหว่างทางเราเลยมอง ๆ หาโรงแรมเราก่อน เพราะเรากะว่าจะเดินย้อนมาจากท่ารถ ซึ่งอยู่เลยทางเข้าอุทยานจิ่วไจ้โกวไปครับ เพราะระยะทางแค่ประมาณ 1.5-2 กิโลเท่านั้นเอง
พอรถวิ่งมาถึงปากทางเข้าจิ่วไจ้โกว มองเข้าไป เห็นนักท่องเที่ยวเดินไหลออกมาเหมือนก๊อกแตก (ต้องใช้คำนี้เลยจริง ๆ ครับ คนเยอะมากกกกก) รถวิ่งเลยปากทางเข้าไปนิดเดียว เราก็มาถึงท่ารถบัสครับ ซึ่งก็เหมือนที่อื่น ๆ คือมีหน้าม้าขายโรงแรมเอย รถแท็กซี่เอย วิ่งมารอนักท่องเที่ยวจนถึงประตูทางลงรถเลย แต่เราจองโรงแรมมาแล้ว เลยไม่มีปัญหาครับ
เอากระเป๋าใต้ท้องรถเสร็จ ก็จัดเป้ให้เข้าที่เข้าทาง แล้วรีบจ้ำด้วยความเร็วสุดฝีเท้า!!!!!!!!
เพราะว่าผมปวดห้องน้ำค้าบบบบบบบ ><
ตอนแรกกะว่าจะมาเข้าที่ท่ารถ แต่คนก็เยอะมากกกกก แต่พอดีเห็นสุขาสาธารณะอยู่ระหว่างทางตามในรูป เลยรีบจ้ำเต็มสปีด 55555 มาถึงได้นี่เหมือนสวรรค์ ถึงจะเลอะเทอะไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นส้วมแบบที่เราเคย ๆ ใช้อยู่ ไม่เหมือนห้องน้ำระหว่างทางครับ ^^
อ้อ....สำหรับผู้ที่ต้องการจองรถไปหวงหลงโดยรถบัส ติดต่อจองที่นี่เลยนะครับ ตั๋วรถกลับเฉิงตูด้วย (ผมบินต่อไปซีอาน เลยไม่ได้จองตั๋วที่นี่) ถ้าจะนั่งรถบัสต่อ แนะนำว่ามาถึงปุ๊บ รีบไปจองตั๋วสำหรับกลับก่อนเลยครับ เดี๋ยวจะไม่มีรถกลับเอาเสียเปล่า ๆ นะครับ
มีต่อครับ --->