สวัสดีครับ ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ในการแบกเป้เดินทางเที่ยวมณฑลเสฉวน ประเทศจีนนะครับ ทริปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว 1 ปีเต็ม ๆ ลงไว้ใน FB ไว้เป็นข้อมูลตัวเองกับเพื่อน ๆ มีหลายคนบอกให้เอามาลง pantip ด้วยเผื่อเป็นข้อมูลให้คนอื่นด้วย
ผมไม่เคยเขียนกระทู้รีวิวมาก่อน ปกติฝังตัวอ่านอยู่ห้องศุภ ฯ เป็นหลัก หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทริปนี้เริ่มต้นจากแฟนผมเจอตั๋วโปรโมชั่นของแอร์ เอเชียราคาถูกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2014 เลยจองกันไว้ก่อน จัดทริปยาว 11 วัน แบกเป้ไปกันสองคน ไม่เคยเที่ยวแบบแบกเป้ไปตามเมืองต่าง ๆ ด้วย เคยแต่ไปปักกิ่งต่อฮาร์บิน ก็ไม่ได้แบกเป้ขนาดนั้น ก็เสียว ๆ อยู่เหมือนกัน หาข้อมูลจากใน pantip นี้และเวปต่าง ๆ เอามายำ ๆ รวม ๆ กัน ได้หน้าตาทริปออกมาเป็นตามนี้ครับ
Day 1 : Bangkok - ChongQing - ChengDu
Day 2 : ChengDu - LeShan - Emeishan
Day 3 : Emeishan - Chengdu
Day 4 : Chengdu - Jiuzhaigou
Day 5 : Jiuzhaigou
Day 6 : Jiuzhaigou
Day 7 : Jiuzhaigou - HuangLong - Xi'an
Day 8 : Xi'an
Day 9 : Xi'an - ChongQing
Day 10 : ChongQing - Wulong - ChongQing
Day 11 : ChongQing - Bangkok
เริ่มกันเลยครับ เราออกเดินทางจากกรุงเทพ ฯ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2557 เวลา 0620 เราก็เหินฟ้าสู่มหานครฉงชิ่งประเทศจีนแล้วครับ โดยค่าตั๋วโดยสาร กรุงเทพ ฯ - ฉงชิ่ง - กรุงเทพ ฯ เราได้ราคาอยู่ที่ 11,580 บาทต่อสองคน (ซื้อน้ำหนักไว้คนละ 20 kg) ก็ตกคนละไม่ถึงหกพันบาทครับ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงฉงชิ่งเวลาประมาณ 1020 ซึ่งเวลาที่ประเทศจีนจะเร็วกว่าประเทศไทยอยู่ 1 ชั่วโมงครับ
มาถึงก็ได้เรื่องเลย ผมปวดห้องน้ำ เลยขอตัวเข้าไปทำธุระก่อน ด้วยความที่ว่าเราเห็นว่าเป็น International Airport เลยกะว่าคนเยอะ เข้าห้องน้ำก่อนแป๊บนุง คนจะได้ซา ๆ หน่อย ที่ไหนได้ ออกจากห้องน้ำ เหลือผมกับแฟนสองคน ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่ ต.ม. เกือบสิบคนที่รออยู่ ><
หลังจากผ่าน ต.ม. มาได้ มารอรับกระเป๋า ได้เรื่องครับ กระเป๋าแฟนผมหายไป!!!!! เพราะว่าโดนเจ้าบีเกิ้ลกระโดดคร่อมไว้ สุดท้ายแล้วต้องเปิดกระเป๋าให้ตรวจ คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง ภาษาจีนเราก็ได้แค่นับ 1-100 กะศัพท์พื้น ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ภาษาอังกฤษเจ้าหน้าที่ก็กระท่อนกระแท่นเสียเหลือเกิน สรุปแล้ว เพราะว่าเจ้าบีเกิ้ลได้กลิ่นน้ำพริกนรกที่ติดกระเป๋ามานี่เองครับ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร ผ่านมาได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
พอเราได้กระเป๋าก็เดินออกจากสนามบินมา แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตามถนนมาซัก 3-400 เมตร ก็จะเจอ subway ตามในภาพนะครับ
ตามแผนของเราคือ เราจะเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงไปพักที่เฉิงตู เพราะจะเป็นจุดเดินทางไปที่ต่าง ๆ สะดวกกว่าทั้งเล่อซาน เอ้อเหม่ยซาน รวมถึงจิ่วไจ้โกวด้วยครับ เพราะฉะนั้น เราต้องเดินทางไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่สถานี ChongQing Bei Zhan หรือ ChongQing North Railway Station
ผมลองพูดภาษาจีน ChongQing Bei Zhan ให้คนขายตั๋ว เรียบร้อยครับ เขาฟังไม่ออก!!!! สรุปเอาแผนที่ให้ดู ก็ได้ตั๋วมาในราคาคนละ 5 หยวนครับ
หลังจากขึ้นรถไฟมาได้ซักครึ่งชั่วโมงได้ เราก็มาถึงสถานีรถไฟ ChongQing north railway station นะครับ ออกทางออก 2 นะครับ จะขึ้นมาที่ Ticket Hall หนนี้ เราจองตั๋วรถไฟความเร็วสูงผ่านทางเวปไซต์ www.travelchinaguide.com มาก่อน เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย แต่ป้องกันความผิดพลาดในการไม่ได้ตั๋วครับ
พอเดินเข้าไปในสถานี เราก็เจอภาพนี้ครับ
ที่เห็นเป็นช่อง ๆ นั่นคือช่องจำหน่ายตั๋วนะครับ คนจีนก็มุง ๆ เข้าไปตามปกติ มีแซงคิวกันบ้างจนเป็นปกติ (ของเขา แต่ไม่ปกติของเรา)
ทีนี้จะเอาตั๋วอย่างไรล่ะ อ่านดูในเอกสารที่เขาส่งมา เขาบอกว่าเอาเอกสารนี้ไปยื่นที่ช่องขายตั๋ว พร้อมกับพาสปอร์ต ได้เรื่อง ยื่นไปปุ๊บ เจ๊แกล่อภาษาจีนมาพรืดใหญ่ เราก็ไม่รู้เรื่อง เจ๊แกยิ่งจัดมาอีกชุดนึง สรุปแล้ว ขอเอกสารคืนออกมายืนตั้งหลักก่อน
ลองเข้าไปอีกช่องนึง คราวนี้พอได้ เป็นสาวหมวยพูดไม่กระโชกโฮกฮากน่ากลัว พอยื่นไปเสร็จแกก็ขอพาสปอร์ต พอยื่นให้ไป ได้เรื่อง กดตัวเลขแทบตาย ยังไงก็ไม่มีตั๋วในระบบ เจ๊แกก็ทำมือทำไม้ว่าไม่มีตั๋ว เราก็ยืนยันว่าตามนี้ไง เจ๊แกก็ทำหน้าหงุดหงิด ๆ กรอกเลขที่พาสปอร์ตลงไปก็ไม่ได้อีก ผมเลยแอบดูถึงรู้ว่าเจ๊แกกดผิด เพราะพาสปอร์ตผมมันขึ้นด้วยตัว O แต่เจ๊แกใส่เลข 0 แทน ก็เลยบอกแกว่า It's O not ling. (หลิง ภาษาจีนแปลว่าศูนย์) โอเค คราวนี้ได้ตั๋วแล้วววว ได้ไปเฉิงตูละวันนี้
หน้าตาตั๋วรถไฟความเร็วสูงจากฉงชิ่ง ไป เฉิงตูครับ
ตรงที่เป็นโมเสคที่เซ็นเซอร์ไว้นั่นคือชื่อของผู้โดยสาร และอีกบรรทัดถัดมาคือเลขที่ passport นะครับ
หลังจากได้ตั๋วแล้ว อันดับต่อไปคือจะไปหาซิมการ์ดมาใส่โทรศัพท์ เราเลือกแบบราคา 58 หยวน พอเก็บตังค์ บอกว่าสองใบ 200 หยวน เราก็แบบ เฮ้ย ทำไมมันไม่ 116 หยวนอ่ะ คนขายก็บอกอะไรมาไม่รู้ เป็นภาษาจีน เราพูดภาษาอังกฤษ สุดท้ายเขาให้โทร.ไปคุยกับอีกคนที่พูดภาษาอังกฤษได้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี เลยบอกรถไฟไอจะออกแล้ว ขอโทษแล้วกันนะ ไม่ซื้อนะ ปลายสายก็ว่า โอเค ๆ ยูไปเลย เดี๋ยวตกรถ สรุปแล้วไม่ได้ซิมการ์ดมาครับ
หลังจากนั้นก็หาของกินกันละ เห็นมีร้านแถว ๆ นั้น ดูหน้าตาใช้ได้ แวะซะหน่อยแล้วกัน มีเวลาเหลือตั้งเกือบสองชั่วโมง (จริง ๆ มีร้าน Dico's เขาว่าอร่อย แต่วันนั้นปิดครับ อดเลย ><)
เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดแนวจีน ๆ อ่ะครับ ของผมเป็นเกี๊ยวน้ำหน้าตาจืด ๆ แบบนี้ ซึ่งก็จืดจริง ๆ ล่ะ ชามนี้ 25 หยวน
ส่วนของแฟนผมเป็นข้าวหน้าเนื้ออบ น่ากินกว่าเยอะ แต่ไม่อร่อย แล้วเนื้อก็เหนียวเหมือนกัน สรุปไม่อร่อยทั้งสองจานครับ >< ชามนี้ก็ 25 หยวนเหมือนกัน โค้กอีก 2 ขวด 10 หยวน มื้อนี้โดนไป 60 หยวนครับ
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินไปอีกอาคารเพื่อไปชานชลารอเดินทางนะครับ ที่ประเทศจีนนี่ สัมภาระทุกชิ้นต้องผ่านเครื่อง X-Ray ทุกอย่าง ทุกสถานีนะครับ
พอเข้ามาก็มาดูป้ายว่าเราเดินทางเที่ยวไหน เราก็เอาตั๋วที่ได้มาออกมาดู เราจองรถเที่ยว D633 (ตัว D นี่คือประเภทรถนะครับ มีหลายแบบเลย รายละเอียดดูได้จากเวป www.travelchinaguide.com เอามาเขียนตรงนี้เดี๋ยวจะยาวไปหน่อย) ก็ดูตรงที่ตีกรอบสีเขียวไว้ แล้วเราก็ไปรอตรงชานชลา 9 ตามที่เขาบอกไว้
แล้วเราก็มาถึงหน้าประตูครับ เบอร์ 9 ยังไม่ถึงเวลาที่จะให้คนเข้าไปเราก็ต้องนั่งรอครับ รถจะออกเวลา 14:26 โดยวันนั้นเขาเปิดประตูให้เราเข้าไปประมาณ 14:10 เท่ากับเรามีเวลา 16 นาทีในการขึ้นรถก่อนรถออก
พอถึงเวลาประตูเปิดทุกคนก็จ้ำอ้าวเข้าไป (หนนี้เข้าแถวก่อน ค่อยยังชั่ว) ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปชานชลาของตัวเองครับ ด้านซ้ายนี่ล่ะ รถไฟความเร็วสูง จะเป็นขบวนสีขาว คาดน้ำเงินครับ ในที่สุดก็ได้นั่งแล้ว ที่เมืองไทยรอไปก่อน เค้าหนีมานั่งที่เมืองจีนก่อนนะตะเองงงง
รีบถ่าย เพราะพี่จีนเดินตามมาอีกเพียบเลย เดี๋ยวโดนเหยียบตายเสียก่อน ><
ถ่ายจากบนบันได จะมีป้ายบอกว่าชานชลาด้านไหนคือขบวนไหน ขึ้นให้ถูกนะครับ แต่ไม่ต้องห่วง หน้าประตูจะมีพนักงานแต่งตัวสวยเชียวคอยตรวจตั๋วอยู่ครับ เราได้ตู้เบอร์ 8 ซึ่งมันคือตู้สุดท้ายโน่นนนนน ที่เห็นลิบ ๆ ในรูปล่ะครับ ><
จ้ำอ้าวล่ะงานนี้ ><
ในที่สุดก็ได้ขึ้นรถ ปัญหาก็เกิดอีกแระ เมื่อเช้าตรูก้าวเท้าไหนออกจากบ้านวะเนี่ย
เนื่องจากทางเวปไซต์แจ้งมาแล้วว่าที่นั่งไม่ติดกัน พยายามหลายรอบแล้วก็ไม่ได้ที่นั่งติดกัน แปลความหมายได้ว่า เมิงไปหาแลกเอาเองแล้วกันนะ
ที่นี่เรื่องขอแลกที่นั่งเป็นเรื่องปกติมากมายครับ หนนี้ผมได้ที่นั่งเบอร์ 13D ในขณะที่แฟนผมได้ 13C ตอนแรกเราก็คิดว่าได้ติดกัน ฝั่งละ 2 เบาะ มันก็ต้องเป็น 13A คู่กะ 13B ในขณะที่ 13C ก็ควรคู่กะ 13D สิครับ
แต่จริง ๆ แล้ว รถที่เรานั่งเป็นรถชั้น First Class ที่นั่งจะเป็นฝั่งละ 2 เบาะ แถวละ 4 เบาะ แต่หมายเลขที่เรียงมาจะเป็น A, C D, F เอากะพี่แกสิ
ที่เป็นแบบนี้เพราะถ้าเป็นชั้นปกติจะเป็นฝั่งละ 3 แถว คือ A,B,C D,E,F พอเป็น First Class เลยเอาตัวกลางออก เหลือแค่ A,C D,F
ตอนแรกผมก็ไม่แลก เพราะเจ๊ที่ให้ดูตั๋วมันขบวน D632 เฮ้ย....เมิงขึ้นผิดขบวนป่าว แลกไปเดี๋ยวกรูโดนดีดออกมาทำไงล่ะ
จนคนที่นั่งแถว 14 เป็นพ่อหนุ่มลุกขึ้นมาพูดภาษาอังกฤษว่าแลกได้ ไม่มีปัญหา เพราะเจ๊คนนี้แลกกะตรูมาแล้ว แลก ๆ ไปเถอะ พร้อมกับโชว์ตั๋วให้เราดู ก็เลยโอเค ยอมแลก โดยผมไปนั่ง 13A แฟนผมนั่ง 13C เจ๊กะแฟนแกนั่ง 13D กะ 13F ครับ
เฮ้ออออออ......วันแรกตรูยังเหนื่อยขนาดเน้ เหลืออีก 10 วันแน่ะ ><
เมื่อกี๊ผมบอกว่าเขาปล่อยแถว 15 นาทีก่อนรถออกใช่มั้ยครับ ที่น่าทึ่งคือรถที่นี่ตรงเวลามากกกกกก!!!!!
พอนาฬิกาโชว์ 14:26 ปุ๊บ.....รถก็เริ่มเคลื่อนตัวปั๊บ
ใครโอ้เอ้ ๆ เหมือนรถไฟไทยล่ะก็....บ๊ายบายนะครับ ซื้อตั๋วเที่ยวใหม่ตามไปได้เลย ><
ในรถจะมีป้ายบอกความเร็ว ณ ขณะนั้นให้ดู พร้อมกับอุณภูมิภายนอกและภายในรถสลับกันไปมาด้วยครับ ความเร็วสูงสุดที่ผมเห็นตามนี้ล่ะครับ 196 km/hr
สภาพภายในรถครับ จะเห็นว่าเป็นแถวละ 2 ที่นั่ง โดยสามารถปรับเบาะหันมาหากันได้นะครับ
ปกติก็นั่งหันหน้าไปทางเดียวกัน แต่ถ้าเรามากัน 4 คน นั่ง (สมมติ) 13A 13C 14A 14C เราสามารถหมุน 13A กะ 13C ให้หันหน้ามาเจอ 14A กะ 14C ได้ เป็นนั่งสี่คน เผื่อจะตีรัมมี่ ป๊อกเด้ง จะได้สะดวกโยธินครับ ^^
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงแล้ว มหานครเฉิงตู
มาถึงแล้วต้องขอถ่ายรูปกับรถไฟความเร็วสูงไว้เสียหน่อย ^^
พอเดินตามมวลมหาประชาชนชาวจีนออกมา ก็ต้องมองหารถใต้ดินต่อไปโรงแรมครับ
มองไปเห็นป้าย Subway เดินไปเรื่อย ๆ ปรากฏหลงทางครับพี่น้องงงงงง >< เดินไปเดินมาผมมาโผล่บนดินเฉยเลย เดินแบกเป้ลงไปใหม่ เห็นตู้ขายตั๋วอัตโนมัติและเครื่องสแกนกระเป๋า เลยรู้ว่า โถ......มันก็อยู่ข้าง ๆ ป้ายนี้นี่เอง มองไม่เห็นเสียนี่ ><
แผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินของเฉิงตู บางทีถ้าเสิร์ช google ดูจะเห็นว่ารถไฟฟ้ามีหลายสายมากนะครับ (แต่ยังสร้างไม่เสร็จ) เปิดให้บริการแค่สองสายนี้เท่านั้นล่ะ 555555 โดยที่พักเราชื่อ Jiaotong Hotel หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Traffic Hotel ครับ อยู่ติดสถานีรถบัส XinNanMen ที่เราต้องใช้เป็นพาหนะหลักออกจากเฉิงตูครับ
หาแผนที่จากในเน็ตและใน google map มาไ้ด้ว่าเราต้องไปลงรถไฟฟ้าที่สถานี TianFu Square แล้วเปลี่ยนสายไปลงที่สถานี HuaXiBa (หัวซีปา) ครับ แล้วก็เดินไปโรงแรม
เนื่องจากเคยซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติแล้วตอนไปปักกิ่ง เลยสบายไป ค่ารถไฟใต้ดินราคาคนละ 3 หยวนครับ
[CR] @@@ แบกเป้งุ้งงิ้ง ฉงชิ่ง-จิ่วไจ้โกว-ซีอาน-ฉงชิ่ง 1 @@@
ผมไม่เคยเขียนกระทู้รีวิวมาก่อน ปกติฝังตัวอ่านอยู่ห้องศุภ ฯ เป็นหลัก หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทริปนี้เริ่มต้นจากแฟนผมเจอตั๋วโปรโมชั่นของแอร์ เอเชียราคาถูกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2014 เลยจองกันไว้ก่อน จัดทริปยาว 11 วัน แบกเป้ไปกันสองคน ไม่เคยเที่ยวแบบแบกเป้ไปตามเมืองต่าง ๆ ด้วย เคยแต่ไปปักกิ่งต่อฮาร์บิน ก็ไม่ได้แบกเป้ขนาดนั้น ก็เสียว ๆ อยู่เหมือนกัน หาข้อมูลจากใน pantip นี้และเวปต่าง ๆ เอามายำ ๆ รวม ๆ กัน ได้หน้าตาทริปออกมาเป็นตามนี้ครับ
Day 1 : Bangkok - ChongQing - ChengDu
Day 2 : ChengDu - LeShan - Emeishan
Day 3 : Emeishan - Chengdu
Day 4 : Chengdu - Jiuzhaigou
Day 5 : Jiuzhaigou
Day 6 : Jiuzhaigou
Day 7 : Jiuzhaigou - HuangLong - Xi'an
Day 8 : Xi'an
Day 9 : Xi'an - ChongQing
Day 10 : ChongQing - Wulong - ChongQing
Day 11 : ChongQing - Bangkok
เริ่มกันเลยครับ เราออกเดินทางจากกรุงเทพ ฯ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2557 เวลา 0620 เราก็เหินฟ้าสู่มหานครฉงชิ่งประเทศจีนแล้วครับ โดยค่าตั๋วโดยสาร กรุงเทพ ฯ - ฉงชิ่ง - กรุงเทพ ฯ เราได้ราคาอยู่ที่ 11,580 บาทต่อสองคน (ซื้อน้ำหนักไว้คนละ 20 kg) ก็ตกคนละไม่ถึงหกพันบาทครับ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงฉงชิ่งเวลาประมาณ 1020 ซึ่งเวลาที่ประเทศจีนจะเร็วกว่าประเทศไทยอยู่ 1 ชั่วโมงครับ
มาถึงก็ได้เรื่องเลย ผมปวดห้องน้ำ เลยขอตัวเข้าไปทำธุระก่อน ด้วยความที่ว่าเราเห็นว่าเป็น International Airport เลยกะว่าคนเยอะ เข้าห้องน้ำก่อนแป๊บนุง คนจะได้ซา ๆ หน่อย ที่ไหนได้ ออกจากห้องน้ำ เหลือผมกับแฟนสองคน ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่ ต.ม. เกือบสิบคนที่รออยู่ ><
หลังจากผ่าน ต.ม. มาได้ มารอรับกระเป๋า ได้เรื่องครับ กระเป๋าแฟนผมหายไป!!!!! เพราะว่าโดนเจ้าบีเกิ้ลกระโดดคร่อมไว้ สุดท้ายแล้วต้องเปิดกระเป๋าให้ตรวจ คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง ภาษาจีนเราก็ได้แค่นับ 1-100 กะศัพท์พื้น ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ภาษาอังกฤษเจ้าหน้าที่ก็กระท่อนกระแท่นเสียเหลือเกิน สรุปแล้ว เพราะว่าเจ้าบีเกิ้ลได้กลิ่นน้ำพริกนรกที่ติดกระเป๋ามานี่เองครับ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร ผ่านมาได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
พอเราได้กระเป๋าก็เดินออกจากสนามบินมา แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตามถนนมาซัก 3-400 เมตร ก็จะเจอ subway ตามในภาพนะครับ
ตามแผนของเราคือ เราจะเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงไปพักที่เฉิงตู เพราะจะเป็นจุดเดินทางไปที่ต่าง ๆ สะดวกกว่าทั้งเล่อซาน เอ้อเหม่ยซาน รวมถึงจิ่วไจ้โกวด้วยครับ เพราะฉะนั้น เราต้องเดินทางไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่สถานี ChongQing Bei Zhan หรือ ChongQing North Railway Station
ผมลองพูดภาษาจีน ChongQing Bei Zhan ให้คนขายตั๋ว เรียบร้อยครับ เขาฟังไม่ออก!!!! สรุปเอาแผนที่ให้ดู ก็ได้ตั๋วมาในราคาคนละ 5 หยวนครับ
หลังจากขึ้นรถไฟมาได้ซักครึ่งชั่วโมงได้ เราก็มาถึงสถานีรถไฟ ChongQing north railway station นะครับ ออกทางออก 2 นะครับ จะขึ้นมาที่ Ticket Hall หนนี้ เราจองตั๋วรถไฟความเร็วสูงผ่านทางเวปไซต์ www.travelchinaguide.com มาก่อน เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย แต่ป้องกันความผิดพลาดในการไม่ได้ตั๋วครับ
พอเดินเข้าไปในสถานี เราก็เจอภาพนี้ครับ
ที่เห็นเป็นช่อง ๆ นั่นคือช่องจำหน่ายตั๋วนะครับ คนจีนก็มุง ๆ เข้าไปตามปกติ มีแซงคิวกันบ้างจนเป็นปกติ (ของเขา แต่ไม่ปกติของเรา)
ทีนี้จะเอาตั๋วอย่างไรล่ะ อ่านดูในเอกสารที่เขาส่งมา เขาบอกว่าเอาเอกสารนี้ไปยื่นที่ช่องขายตั๋ว พร้อมกับพาสปอร์ต ได้เรื่อง ยื่นไปปุ๊บ เจ๊แกล่อภาษาจีนมาพรืดใหญ่ เราก็ไม่รู้เรื่อง เจ๊แกยิ่งจัดมาอีกชุดนึง สรุปแล้ว ขอเอกสารคืนออกมายืนตั้งหลักก่อน
ลองเข้าไปอีกช่องนึง คราวนี้พอได้ เป็นสาวหมวยพูดไม่กระโชกโฮกฮากน่ากลัว พอยื่นไปเสร็จแกก็ขอพาสปอร์ต พอยื่นให้ไป ได้เรื่อง กดตัวเลขแทบตาย ยังไงก็ไม่มีตั๋วในระบบ เจ๊แกก็ทำมือทำไม้ว่าไม่มีตั๋ว เราก็ยืนยันว่าตามนี้ไง เจ๊แกก็ทำหน้าหงุดหงิด ๆ กรอกเลขที่พาสปอร์ตลงไปก็ไม่ได้อีก ผมเลยแอบดูถึงรู้ว่าเจ๊แกกดผิด เพราะพาสปอร์ตผมมันขึ้นด้วยตัว O แต่เจ๊แกใส่เลข 0 แทน ก็เลยบอกแกว่า It's O not ling. (หลิง ภาษาจีนแปลว่าศูนย์) โอเค คราวนี้ได้ตั๋วแล้วววว ได้ไปเฉิงตูละวันนี้
หน้าตาตั๋วรถไฟความเร็วสูงจากฉงชิ่ง ไป เฉิงตูครับ
ตรงที่เป็นโมเสคที่เซ็นเซอร์ไว้นั่นคือชื่อของผู้โดยสาร และอีกบรรทัดถัดมาคือเลขที่ passport นะครับ
หลังจากได้ตั๋วแล้ว อันดับต่อไปคือจะไปหาซิมการ์ดมาใส่โทรศัพท์ เราเลือกแบบราคา 58 หยวน พอเก็บตังค์ บอกว่าสองใบ 200 หยวน เราก็แบบ เฮ้ย ทำไมมันไม่ 116 หยวนอ่ะ คนขายก็บอกอะไรมาไม่รู้ เป็นภาษาจีน เราพูดภาษาอังกฤษ สุดท้ายเขาให้โทร.ไปคุยกับอีกคนที่พูดภาษาอังกฤษได้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี เลยบอกรถไฟไอจะออกแล้ว ขอโทษแล้วกันนะ ไม่ซื้อนะ ปลายสายก็ว่า โอเค ๆ ยูไปเลย เดี๋ยวตกรถ สรุปแล้วไม่ได้ซิมการ์ดมาครับ
หลังจากนั้นก็หาของกินกันละ เห็นมีร้านแถว ๆ นั้น ดูหน้าตาใช้ได้ แวะซะหน่อยแล้วกัน มีเวลาเหลือตั้งเกือบสองชั่วโมง (จริง ๆ มีร้าน Dico's เขาว่าอร่อย แต่วันนั้นปิดครับ อดเลย ><)
เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดแนวจีน ๆ อ่ะครับ ของผมเป็นเกี๊ยวน้ำหน้าตาจืด ๆ แบบนี้ ซึ่งก็จืดจริง ๆ ล่ะ ชามนี้ 25 หยวน
ส่วนของแฟนผมเป็นข้าวหน้าเนื้ออบ น่ากินกว่าเยอะ แต่ไม่อร่อย แล้วเนื้อก็เหนียวเหมือนกัน สรุปไม่อร่อยทั้งสองจานครับ >< ชามนี้ก็ 25 หยวนเหมือนกัน โค้กอีก 2 ขวด 10 หยวน มื้อนี้โดนไป 60 หยวนครับ
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินไปอีกอาคารเพื่อไปชานชลารอเดินทางนะครับ ที่ประเทศจีนนี่ สัมภาระทุกชิ้นต้องผ่านเครื่อง X-Ray ทุกอย่าง ทุกสถานีนะครับ
พอเข้ามาก็มาดูป้ายว่าเราเดินทางเที่ยวไหน เราก็เอาตั๋วที่ได้มาออกมาดู เราจองรถเที่ยว D633 (ตัว D นี่คือประเภทรถนะครับ มีหลายแบบเลย รายละเอียดดูได้จากเวป www.travelchinaguide.com เอามาเขียนตรงนี้เดี๋ยวจะยาวไปหน่อย) ก็ดูตรงที่ตีกรอบสีเขียวไว้ แล้วเราก็ไปรอตรงชานชลา 9 ตามที่เขาบอกไว้
แล้วเราก็มาถึงหน้าประตูครับ เบอร์ 9 ยังไม่ถึงเวลาที่จะให้คนเข้าไปเราก็ต้องนั่งรอครับ รถจะออกเวลา 14:26 โดยวันนั้นเขาเปิดประตูให้เราเข้าไปประมาณ 14:10 เท่ากับเรามีเวลา 16 นาทีในการขึ้นรถก่อนรถออก
พอถึงเวลาประตูเปิดทุกคนก็จ้ำอ้าวเข้าไป (หนนี้เข้าแถวก่อน ค่อยยังชั่ว) ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปชานชลาของตัวเองครับ ด้านซ้ายนี่ล่ะ รถไฟความเร็วสูง จะเป็นขบวนสีขาว คาดน้ำเงินครับ ในที่สุดก็ได้นั่งแล้ว ที่เมืองไทยรอไปก่อน เค้าหนีมานั่งที่เมืองจีนก่อนนะตะเองงงง
รีบถ่าย เพราะพี่จีนเดินตามมาอีกเพียบเลย เดี๋ยวโดนเหยียบตายเสียก่อน ><
ถ่ายจากบนบันได จะมีป้ายบอกว่าชานชลาด้านไหนคือขบวนไหน ขึ้นให้ถูกนะครับ แต่ไม่ต้องห่วง หน้าประตูจะมีพนักงานแต่งตัวสวยเชียวคอยตรวจตั๋วอยู่ครับ เราได้ตู้เบอร์ 8 ซึ่งมันคือตู้สุดท้ายโน่นนนนน ที่เห็นลิบ ๆ ในรูปล่ะครับ ><
จ้ำอ้าวล่ะงานนี้ ><
ในที่สุดก็ได้ขึ้นรถ ปัญหาก็เกิดอีกแระ เมื่อเช้าตรูก้าวเท้าไหนออกจากบ้านวะเนี่ย
เนื่องจากทางเวปไซต์แจ้งมาแล้วว่าที่นั่งไม่ติดกัน พยายามหลายรอบแล้วก็ไม่ได้ที่นั่งติดกัน แปลความหมายได้ว่า เมิงไปหาแลกเอาเองแล้วกันนะ
ที่นี่เรื่องขอแลกที่นั่งเป็นเรื่องปกติมากมายครับ หนนี้ผมได้ที่นั่งเบอร์ 13D ในขณะที่แฟนผมได้ 13C ตอนแรกเราก็คิดว่าได้ติดกัน ฝั่งละ 2 เบาะ มันก็ต้องเป็น 13A คู่กะ 13B ในขณะที่ 13C ก็ควรคู่กะ 13D สิครับ
แต่จริง ๆ แล้ว รถที่เรานั่งเป็นรถชั้น First Class ที่นั่งจะเป็นฝั่งละ 2 เบาะ แถวละ 4 เบาะ แต่หมายเลขที่เรียงมาจะเป็น A, C D, F เอากะพี่แกสิ
ที่เป็นแบบนี้เพราะถ้าเป็นชั้นปกติจะเป็นฝั่งละ 3 แถว คือ A,B,C D,E,F พอเป็น First Class เลยเอาตัวกลางออก เหลือแค่ A,C D,F
ตอนแรกผมก็ไม่แลก เพราะเจ๊ที่ให้ดูตั๋วมันขบวน D632 เฮ้ย....เมิงขึ้นผิดขบวนป่าว แลกไปเดี๋ยวกรูโดนดีดออกมาทำไงล่ะ
จนคนที่นั่งแถว 14 เป็นพ่อหนุ่มลุกขึ้นมาพูดภาษาอังกฤษว่าแลกได้ ไม่มีปัญหา เพราะเจ๊คนนี้แลกกะตรูมาแล้ว แลก ๆ ไปเถอะ พร้อมกับโชว์ตั๋วให้เราดู ก็เลยโอเค ยอมแลก โดยผมไปนั่ง 13A แฟนผมนั่ง 13C เจ๊กะแฟนแกนั่ง 13D กะ 13F ครับ
เฮ้ออออออ......วันแรกตรูยังเหนื่อยขนาดเน้ เหลืออีก 10 วันแน่ะ ><
เมื่อกี๊ผมบอกว่าเขาปล่อยแถว 15 นาทีก่อนรถออกใช่มั้ยครับ ที่น่าทึ่งคือรถที่นี่ตรงเวลามากกกกกก!!!!!
พอนาฬิกาโชว์ 14:26 ปุ๊บ.....รถก็เริ่มเคลื่อนตัวปั๊บ
ใครโอ้เอ้ ๆ เหมือนรถไฟไทยล่ะก็....บ๊ายบายนะครับ ซื้อตั๋วเที่ยวใหม่ตามไปได้เลย ><
ในรถจะมีป้ายบอกความเร็ว ณ ขณะนั้นให้ดู พร้อมกับอุณภูมิภายนอกและภายในรถสลับกันไปมาด้วยครับ ความเร็วสูงสุดที่ผมเห็นตามนี้ล่ะครับ 196 km/hr
สภาพภายในรถครับ จะเห็นว่าเป็นแถวละ 2 ที่นั่ง โดยสามารถปรับเบาะหันมาหากันได้นะครับ
ปกติก็นั่งหันหน้าไปทางเดียวกัน แต่ถ้าเรามากัน 4 คน นั่ง (สมมติ) 13A 13C 14A 14C เราสามารถหมุน 13A กะ 13C ให้หันหน้ามาเจอ 14A กะ 14C ได้ เป็นนั่งสี่คน เผื่อจะตีรัมมี่ ป๊อกเด้ง จะได้สะดวกโยธินครับ ^^
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงแล้ว มหานครเฉิงตู
มาถึงแล้วต้องขอถ่ายรูปกับรถไฟความเร็วสูงไว้เสียหน่อย ^^
พอเดินตามมวลมหาประชาชนชาวจีนออกมา ก็ต้องมองหารถใต้ดินต่อไปโรงแรมครับ
มองไปเห็นป้าย Subway เดินไปเรื่อย ๆ ปรากฏหลงทางครับพี่น้องงงงงง >< เดินไปเดินมาผมมาโผล่บนดินเฉยเลย เดินแบกเป้ลงไปใหม่ เห็นตู้ขายตั๋วอัตโนมัติและเครื่องสแกนกระเป๋า เลยรู้ว่า โถ......มันก็อยู่ข้าง ๆ ป้ายนี้นี่เอง มองไม่เห็นเสียนี่ ><
แผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินของเฉิงตู บางทีถ้าเสิร์ช google ดูจะเห็นว่ารถไฟฟ้ามีหลายสายมากนะครับ (แต่ยังสร้างไม่เสร็จ) เปิดให้บริการแค่สองสายนี้เท่านั้นล่ะ 555555 โดยที่พักเราชื่อ Jiaotong Hotel หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Traffic Hotel ครับ อยู่ติดสถานีรถบัส XinNanMen ที่เราต้องใช้เป็นพาหนะหลักออกจากเฉิงตูครับ
หาแผนที่จากในเน็ตและใน google map มาไ้ด้ว่าเราต้องไปลงรถไฟฟ้าที่สถานี TianFu Square แล้วเปลี่ยนสายไปลงที่สถานี HuaXiBa (หัวซีปา) ครับ แล้วก็เดินไปโรงแรม
เนื่องจากเคยซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติแล้วตอนไปปักกิ่ง เลยสบายไป ค่ารถไฟใต้ดินราคาคนละ 3 หยวนครับ