เราเจอหนังสือเล่มนี้ตอนไปเที่ยวสิงคโปร์เมื่อกลางเดือน
สะดุดใจกับชื่อเรื่องของหนังสือที่สันหนังสือ
'The Girl On The Train'
จะเป็นเรื่องแบบไหนกันนะ?
แล้วพอหยิบออกมาจากชั้น
และอ่านเรื่องย่อหลังปก
เราพบว่าตัวเองต้องอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วล่ะ
เราไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนั้นทันทีเพราะภาษาอังกฤษเราห่วย
แต่เราควักโทรศัพท์ออกมาค้นหาข้อมูลใน Google
ว่านิยายเล่มนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยหรือยัง
และใช่... หนังสือได้รับการแปลเรียบร้อยและวางขายแล้ว
ถึงแม้ว่าชื่อหนังสือที่แปลเป็นภาษาไทยจะขัดใจเราอยู่นิดหน่อย
'ปมหลอน รางมรณะ'
สาบานว่าถ้าเราเห็นชื่อหนังสือเล่มนี้
ฉบับภาษาไทยเราจะไม่หยิบมันขึ้นมาดู
เรานิสัยเสียข้อนี้จริงๆ เราตัดสินหนังสือ
จากความรู้สึกตัวเอง 55555555555"
แต่นั่นแหละ... มันต้องเป็นชื่อที่ดีแล้วแหละจริงไหม?
เพราะกว่าหนังสือจะออกมาได้แต่ละเล่ม
คงได้รับการเกลาไปหลายขั้นอยู่
หลังกลับจากสิงคโปร์ได้หนึ่งสัปดาห์
เรามีโอกาสได้ไปร้านหนังสือ และก็แน่นอน
ได้หนังสือเล่มนี้มาอยู่ในครอบครอง
แต่เราก็ปล่อยหนังสือเล่มนี้นอนเล่นอยู่บนเตียง
เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เช่นกัน
จนกระทั่งเมื่อวาน... เราต้องไปทัศนศึกษากับโรงเรียน
เลยหยิบใส่เป้ไปด้วย กะเอาไปอ่านฆ่าเวลาตอนนั่งบนรถ
เพราะไม่อยากหลับ
เราอ่านไปได้ประมาณหนึ่งส่วนสี่ของเนื้อหา
ตอนที่รถของโรงเรียนไปถึงที่หมาย
และให้ตาย.... หนังสือเล่มนี้มันทำให้เรา
ติดอยู่กับตัวละครในหนังสือ
เอาแต่คิดว่าเรื่องจริงเป็นยังไงกันแน่
เราอยากให้เวลาของการทัศนศึกษาจบไปเร็วๆ
เมื่อถึงเวลากลับ แน่นอนเราใช้เวลาทั้งหมดบนรถกับหนังสือ
จมจ่อมอยู่กับทุกตัวอักษร แม้กระทั่งถึงบ้าน
เราตรงเข้าห้องนอนและนั่งอ่านอยู่บนเตียงจนจบเล่ม
มาถึงส่วนของเนื้อหาของนิยายเล่มนี้
เมื่อเปิดเข้ามา ตัวอักษรด้านขวามือจำนวนหนึ่งในสือเขียนไว้ว่า
เพลงนกกางเขนกล่อมเด็กดังขึ้นในหัว
'นกกางเขนฝูงหนึ่ง-หนึ่งความเศร้า สองความสุข สามเด็กหญิง'
ฉันนับได้แค่สามเท่านั้น ไปต่อไม่ได้อีก หัวของฉันเต็มไปด้วยสรรพเสียง
เลือดกลบปาก... 'สามเด็กหญิง' ...ฉันได้ยินเสียงนกกางเขน
มันกำลังหัวเราะ ล้อเลียนฉันเสียงขรม นี่คือลาง... ลางร้าย ฉันเห็นมันแล้ว
สีดำสนิททาบกับท้องฟ้า ไม่ใช่นก แต่เป็นอย่างอื่น
ใครบางคนกำลังก้มลงมา ใครบางคนกำลังพูดกับฉัน
'ดู ดูซิว่า เธอทำให้ฉันต้องทำอะไรลงไป'
หลังจากอ่านตรงนี้จบ
เรารู้สึกว่าคนที่เล่าเรื่องในไม่กี่บรรทัดนี้
คนที่แทนตัวเองว่า 'ฉัน'
เธอกำลังจะตาย...
เธอกำลังจะถูกฆ่าใช่หรือเปล่า?
เราตื่นเต้น ใจเต้นแรงมาก
รู้สึกได้ถึงความสนุกของหนังสือเล่มนี้
และคำถามของเราจะได้รับคำตอบในไม่ช้า
เราเปิดอ่านเนื้อหาเริ่มจากตอนแรกทันที
นิยายเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องผ่านตัวละครหญิงสามคน
โดยระบุวันที่เดือนปีและเวลาตอนเช้าหรือตอนเย็นในวันนั้นๆ
โดยการเล่าเรื่องของทั้งสามคนจะนำเราเข้าไปสู่การไขปริศนาที่เกิดขึ้น
เรเชล เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่บนรถไฟ
ยัยขี้เมาเราควรเรียกเธอแบบนั้น
แต่เธอเป็นนางเอกของเรื่องนี้เลยนะ!
เรเชลจะทำสิ่งเดิมซ้ำๆทุกวันคือขึ้นรถไฟไปลอนดอน
ในขบวน 08:04น. และกลับในขบวน 17:56น.
เธอชอบนั่งมองวิวด้านนอกรถไฟ บ้านเรือนผู้คน
โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 15 เป็นพิเศษ
เพราะที่บ้านหลังนี้มีคู่รักคู่หนึ่งอาศัยอยู่ เมแกนกับสก๊อต
มันทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเคยมีความสุขกับสามีเก่าของเธอ
ทั้งคู่ช่างเป็นคู่รักที่วิเศษในสายตาของเรเชล
แต่นั่นมันก่อนที่เธอจะเห็นเมแกน
หญิงสาวคนนั้นจูบกับผู้ชายอีกคนที่สวนในบ้านของเธอกับสก็อต
มันเป็นเช้าวันศุกร์ และเรเชลเอาแต่นึกถึงเรื่องของเมแกนกับสก๊อต
เรเชลทนไม่ได้ที่เมแกนทำอย่างนี้กับสก็อต
มันทำให้เธอนึกถึงตอนที่ทอมนอกใจเธอไปหาแอนนา
เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
วันต่อมาเรเชลตัดสินใจไปที่บ้านของเมแกนและสก็อต
เธอดื่มเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง
เธอตั้งใจจะบอกให้สก็อตรู้ว่าเขากำลังโดนภรรยานอกใจอยู่
เรเชลจำเหตุการณ์หลังจากลงรถไฟในวันนั้นไม่ได้เลย
แต่เธอกลับบ้านมาในสภาพหัวแตก เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
เธอไม่แน่ใจอาจจะเลือดของเธอหรือของคนอื่น
และหลังจากนั้นหนึ่งวันเรเชลก็ได้เห็นข่าวจากการท่องอินเตอร์เน็ต
เมแกนก็หายตัวไปอย่างลึกลับในคืนวันเสาร์
เมแกน เธอใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเลขที่ 15 กับสก็อตสามีของเธอ
เขารักเธอมาก เธอรู้ดี แต่เหมือนเธอจะมีอาการป่วยทางจิต
เธอชอบอยู่คนเดียวนั่นทำให้สก็อตกังวล
เธอตัดสินใจทำงานช่วยเลี้ยงเด็กซึ่งเป็นลูกสาวของแอนนาและทอม
ในบ้านที่อยู่ถัดไปสี่หลังจากบ้านของเธอ บ้านเลขที่ 23 หลังนั้น
สก็อตดูดีใจมากที่เธอตัดสินใจพบปะกับคนอื่นบ้าง
แต่ไม่นานเธอก็เลิกทำเพราะมันช่างน่าเบื่อ
สก็อตพยายามอกให้เธอไปคุยกับจิตแพทย์ เผื่อจะช่วยได้
เธอตอบตกลง และมันก็เกิดขึ้น...
ความสัมพันธ์ของเมแกนกับจิตแพทย์ของเธอ
ใครล่ะจะไม่ชอบคนที่ดูเข้าใจและรับฟังทุกอย่างของเราได้
แต่มันไม่ถูกต้อง ทั้งสองคนจะทำแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้
จิตแพทย์ของเธอบอกแบบนั้น แต่เมแกนเป็นพวกชอบเอาชนะ
เธอจะทำมัน ถ้าเขาบอกว่าเราทำมันไม่ได้
นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย...
เธอจะทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง
แอนนา เธอเป็นชู้กับผู้ชายของผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่เธอไม่เคยรู้สึกผิด ทอมกับเธอกำลังมีชีวิตที่ดีด้วยกัน
เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดิมของทอมและภรรยาเก่าของเขา
เธอมีลูกสาวที่น่ารักคนหนึ่งกับทอม
แต่ชีวิตของเธอมีเรื่องเดียวที่กวนใจคือเรเชลภรรยาเก่าของทอม
หล่อนยังคงคอยตามสามีเธออยู่ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์
อีเมลล์ หรือแม้กระทั่งมาหาที่บ้าน
เรเชลเคยแอบเข้ามาในบ้านและอุ้มยัยหนูของเธอออกไป
วันนั้นเธอแทบใจสลาย หลายครั้งเธอขอให้ทอมแจ้งตำรวจให้จัดการสักที
แต่ทอมเอาแต่บอกว่าจะคุยให้ ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนนั้นมากไปกว่านี้
เรเชล เมแกน และแอนนา จะผลัดกันเล่าเรื่องในมุมของพวกเธอ
เพื่อเชื่อมโยงไปยังการหายตัวไปของเมแกน
ความสนุกของเรื่องนี้คือ เรื่องไหนคือเรื่องจริงไม่ใช่จินตนาการ
ของเรเชลยัยขี้เมาที่จำอะไรไม่ค่อยได้
เบื้องหลังชีวิตของเมแกนคืออะไร
ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนชอบเก็บตัวคนเดียว
เรื่องเล่าจากมุมของแอนนาต่อเรเชลเป็นความจริงแค่ไหน
เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอนท้ายจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เราอินมาก ทั้งกังวล กดดัน กลัว ตื่นเต้น
ยิ่งตอนใกล้จะจบบอกเลยว่ากลัวใจนักเขียนมาก 5555555555555"
นิยายแนวนี้เขียนให้จบแบบไหนก็ได้
อาจทำให้เรากระอักเลือดไปเลยตอนอ่านบรรทัดสุดท้าย
และหลังจากที่เราอ่านจบ...
เราพบว่าหัวใจของเราเต้นเร็วและแรงมาก
ต้องใช้เวลาพักหนึ่งมันถึงกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
ซึ่งอาการแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆเวลาที่ได้อ่านหนังสือสักเล่ม
เป็นตอนจบที่ดีจริงๆค่ะ
ถึงเราจะไม่ได้โล่งใจทั้งหมดตอนอ่านบรรทัดสุดท้าย
แต่เราก็ยิ้มออกมากได้หลังจากคิ้วขมวดอยู่นาน 555555555555
ดังนั้น.... ถ้าหากว่าใครกำลังมองหาหนังสือ
ที่จะทำให้คุณตื่นเต้น ลุ้นระทึก ท้าทาย
เราว่าหนังสือเล่มนี้ควรค่าแก่การลองหยิบไปอ่านจริงๆค่ะ
เราเพ้อเยอะมาก ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ._.
[CR] หลังจากอ่าน 'The Girl On The Train' จบ
เราเจอหนังสือเล่มนี้ตอนไปเที่ยวสิงคโปร์เมื่อกลางเดือน
สะดุดใจกับชื่อเรื่องของหนังสือที่สันหนังสือ
'The Girl On The Train'
จะเป็นเรื่องแบบไหนกันนะ?
แล้วพอหยิบออกมาจากชั้น
และอ่านเรื่องย่อหลังปก
เราพบว่าตัวเองต้องอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วล่ะ
เราไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนั้นทันทีเพราะภาษาอังกฤษเราห่วย
แต่เราควักโทรศัพท์ออกมาค้นหาข้อมูลใน Google
ว่านิยายเล่มนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยหรือยัง
และใช่... หนังสือได้รับการแปลเรียบร้อยและวางขายแล้ว
ถึงแม้ว่าชื่อหนังสือที่แปลเป็นภาษาไทยจะขัดใจเราอยู่นิดหน่อย
'ปมหลอน รางมรณะ'
สาบานว่าถ้าเราเห็นชื่อหนังสือเล่มนี้
ฉบับภาษาไทยเราจะไม่หยิบมันขึ้นมาดู
เรานิสัยเสียข้อนี้จริงๆ เราตัดสินหนังสือ
จากความรู้สึกตัวเอง 55555555555"
แต่นั่นแหละ... มันต้องเป็นชื่อที่ดีแล้วแหละจริงไหม?
เพราะกว่าหนังสือจะออกมาได้แต่ละเล่ม
คงได้รับการเกลาไปหลายขั้นอยู่
หลังกลับจากสิงคโปร์ได้หนึ่งสัปดาห์
เรามีโอกาสได้ไปร้านหนังสือ และก็แน่นอน
ได้หนังสือเล่มนี้มาอยู่ในครอบครอง
แต่เราก็ปล่อยหนังสือเล่มนี้นอนเล่นอยู่บนเตียง
เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เช่นกัน
จนกระทั่งเมื่อวาน... เราต้องไปทัศนศึกษากับโรงเรียน
เลยหยิบใส่เป้ไปด้วย กะเอาไปอ่านฆ่าเวลาตอนนั่งบนรถ
เพราะไม่อยากหลับ
เราอ่านไปได้ประมาณหนึ่งส่วนสี่ของเนื้อหา
ตอนที่รถของโรงเรียนไปถึงที่หมาย
และให้ตาย.... หนังสือเล่มนี้มันทำให้เรา
ติดอยู่กับตัวละครในหนังสือ
เอาแต่คิดว่าเรื่องจริงเป็นยังไงกันแน่
เราอยากให้เวลาของการทัศนศึกษาจบไปเร็วๆ
เมื่อถึงเวลากลับ แน่นอนเราใช้เวลาทั้งหมดบนรถกับหนังสือ
จมจ่อมอยู่กับทุกตัวอักษร แม้กระทั่งถึงบ้าน
เราตรงเข้าห้องนอนและนั่งอ่านอยู่บนเตียงจนจบเล่ม
มาถึงส่วนของเนื้อหาของนิยายเล่มนี้
เมื่อเปิดเข้ามา ตัวอักษรด้านขวามือจำนวนหนึ่งในสือเขียนไว้ว่า
เพลงนกกางเขนกล่อมเด็กดังขึ้นในหัว
'นกกางเขนฝูงหนึ่ง-หนึ่งความเศร้า สองความสุข สามเด็กหญิง'
ฉันนับได้แค่สามเท่านั้น ไปต่อไม่ได้อีก หัวของฉันเต็มไปด้วยสรรพเสียง
เลือดกลบปาก... 'สามเด็กหญิง' ...ฉันได้ยินเสียงนกกางเขน
มันกำลังหัวเราะ ล้อเลียนฉันเสียงขรม นี่คือลาง... ลางร้าย ฉันเห็นมันแล้ว
สีดำสนิททาบกับท้องฟ้า ไม่ใช่นก แต่เป็นอย่างอื่น
ใครบางคนกำลังก้มลงมา ใครบางคนกำลังพูดกับฉัน
'ดู ดูซิว่า เธอทำให้ฉันต้องทำอะไรลงไป'
หลังจากอ่านตรงนี้จบ
เรารู้สึกว่าคนที่เล่าเรื่องในไม่กี่บรรทัดนี้
คนที่แทนตัวเองว่า 'ฉัน'
เธอกำลังจะตาย...
เธอกำลังจะถูกฆ่าใช่หรือเปล่า?
เราตื่นเต้น ใจเต้นแรงมาก
รู้สึกได้ถึงความสนุกของหนังสือเล่มนี้
และคำถามของเราจะได้รับคำตอบในไม่ช้า
เราเปิดอ่านเนื้อหาเริ่มจากตอนแรกทันที
นิยายเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องผ่านตัวละครหญิงสามคน
โดยระบุวันที่เดือนปีและเวลาตอนเช้าหรือตอนเย็นในวันนั้นๆ
โดยการเล่าเรื่องของทั้งสามคนจะนำเราเข้าไปสู่การไขปริศนาที่เกิดขึ้น
เรเชล เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่บนรถไฟ
ยัยขี้เมาเราควรเรียกเธอแบบนั้น
แต่เธอเป็นนางเอกของเรื่องนี้เลยนะ!
เรเชลจะทำสิ่งเดิมซ้ำๆทุกวันคือขึ้นรถไฟไปลอนดอน
ในขบวน 08:04น. และกลับในขบวน 17:56น.
เธอชอบนั่งมองวิวด้านนอกรถไฟ บ้านเรือนผู้คน
โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 15 เป็นพิเศษ
เพราะที่บ้านหลังนี้มีคู่รักคู่หนึ่งอาศัยอยู่ เมแกนกับสก๊อต
มันทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเคยมีความสุขกับสามีเก่าของเธอ
ทั้งคู่ช่างเป็นคู่รักที่วิเศษในสายตาของเรเชล
แต่นั่นมันก่อนที่เธอจะเห็นเมแกน
หญิงสาวคนนั้นจูบกับผู้ชายอีกคนที่สวนในบ้านของเธอกับสก็อต
มันเป็นเช้าวันศุกร์ และเรเชลเอาแต่นึกถึงเรื่องของเมแกนกับสก๊อต
เรเชลทนไม่ได้ที่เมแกนทำอย่างนี้กับสก็อต
มันทำให้เธอนึกถึงตอนที่ทอมนอกใจเธอไปหาแอนนา
เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
วันต่อมาเรเชลตัดสินใจไปที่บ้านของเมแกนและสก็อต
เธอดื่มเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง
เธอตั้งใจจะบอกให้สก็อตรู้ว่าเขากำลังโดนภรรยานอกใจอยู่
เรเชลจำเหตุการณ์หลังจากลงรถไฟในวันนั้นไม่ได้เลย
แต่เธอกลับบ้านมาในสภาพหัวแตก เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
เธอไม่แน่ใจอาจจะเลือดของเธอหรือของคนอื่น
และหลังจากนั้นหนึ่งวันเรเชลก็ได้เห็นข่าวจากการท่องอินเตอร์เน็ต
เมแกนก็หายตัวไปอย่างลึกลับในคืนวันเสาร์
เมแกน เธอใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเลขที่ 15 กับสก็อตสามีของเธอ
เขารักเธอมาก เธอรู้ดี แต่เหมือนเธอจะมีอาการป่วยทางจิต
เธอชอบอยู่คนเดียวนั่นทำให้สก็อตกังวล
เธอตัดสินใจทำงานช่วยเลี้ยงเด็กซึ่งเป็นลูกสาวของแอนนาและทอม
ในบ้านที่อยู่ถัดไปสี่หลังจากบ้านของเธอ บ้านเลขที่ 23 หลังนั้น
สก็อตดูดีใจมากที่เธอตัดสินใจพบปะกับคนอื่นบ้าง
แต่ไม่นานเธอก็เลิกทำเพราะมันช่างน่าเบื่อ
สก็อตพยายามอกให้เธอไปคุยกับจิตแพทย์ เผื่อจะช่วยได้
เธอตอบตกลง และมันก็เกิดขึ้น...
ความสัมพันธ์ของเมแกนกับจิตแพทย์ของเธอ
ใครล่ะจะไม่ชอบคนที่ดูเข้าใจและรับฟังทุกอย่างของเราได้
แต่มันไม่ถูกต้อง ทั้งสองคนจะทำแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้
จิตแพทย์ของเธอบอกแบบนั้น แต่เมแกนเป็นพวกชอบเอาชนะ
เธอจะทำมัน ถ้าเขาบอกว่าเราทำมันไม่ได้
นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย...
เธอจะทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง
แอนนา เธอเป็นชู้กับผู้ชายของผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่เธอไม่เคยรู้สึกผิด ทอมกับเธอกำลังมีชีวิตที่ดีด้วยกัน
เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดิมของทอมและภรรยาเก่าของเขา
เธอมีลูกสาวที่น่ารักคนหนึ่งกับทอม
แต่ชีวิตของเธอมีเรื่องเดียวที่กวนใจคือเรเชลภรรยาเก่าของทอม
หล่อนยังคงคอยตามสามีเธออยู่ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์
อีเมลล์ หรือแม้กระทั่งมาหาที่บ้าน
เรเชลเคยแอบเข้ามาในบ้านและอุ้มยัยหนูของเธอออกไป
วันนั้นเธอแทบใจสลาย หลายครั้งเธอขอให้ทอมแจ้งตำรวจให้จัดการสักที
แต่ทอมเอาแต่บอกว่าจะคุยให้ ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนนั้นมากไปกว่านี้
เรเชล เมแกน และแอนนา จะผลัดกันเล่าเรื่องในมุมของพวกเธอ
เพื่อเชื่อมโยงไปยังการหายตัวไปของเมแกน
ความสนุกของเรื่องนี้คือ เรื่องไหนคือเรื่องจริงไม่ใช่จินตนาการ
ของเรเชลยัยขี้เมาที่จำอะไรไม่ค่อยได้
เบื้องหลังชีวิตของเมแกนคืออะไร
ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนชอบเก็บตัวคนเดียว
เรื่องเล่าจากมุมของแอนนาต่อเรเชลเป็นความจริงแค่ไหน
เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอนท้ายจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เราอินมาก ทั้งกังวล กดดัน กลัว ตื่นเต้น
ยิ่งตอนใกล้จะจบบอกเลยว่ากลัวใจนักเขียนมาก 5555555555555"
นิยายแนวนี้เขียนให้จบแบบไหนก็ได้
อาจทำให้เรากระอักเลือดไปเลยตอนอ่านบรรทัดสุดท้าย
และหลังจากที่เราอ่านจบ...
เราพบว่าหัวใจของเราเต้นเร็วและแรงมาก
ต้องใช้เวลาพักหนึ่งมันถึงกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
ซึ่งอาการแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆเวลาที่ได้อ่านหนังสือสักเล่ม
เป็นตอนจบที่ดีจริงๆค่ะ
ถึงเราจะไม่ได้โล่งใจทั้งหมดตอนอ่านบรรทัดสุดท้าย
แต่เราก็ยิ้มออกมากได้หลังจากคิ้วขมวดอยู่นาน 555555555555
ดังนั้น.... ถ้าหากว่าใครกำลังมองหาหนังสือ
ที่จะทำให้คุณตื่นเต้น ลุ้นระทึก ท้าทาย
เราว่าหนังสือเล่มนี้ควรค่าแก่การลองหยิบไปอ่านจริงๆค่ะ