ผมไม่รู้ว่าต้องแท็กห้องไหนบ้างนะครับ
เรื่องค่อนข้างยาวตัวหนังสือค่อนข้างเยอะนะครับบอกไว้ก่อน แล้วมันอาจจะงงๆหน่อยนะครับ
สวสดีครับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับผมเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ผมเรียนอยู่มหาลัยแห่งหนึ่งในเชียงราย เป็นคนสูบบุรี่วันละครึ่งซอง นะครับ
ก่อนอื่นขออธิบายเกิดกับโรค ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ (Pneumothorax) หรือบางคนเรียกง่ายๆว่า โรคปอดแตก คือ ภาวะที่โพรงเยื่อหุ้มปอด (เป็นช่องว่างที่มีของเหลวเพียงเล็กน้อย) เกิดมีอากาศเข้าไปอยู่ในช่องว่างนี้ จึงทำให้ปอดไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่เวลาหายใจเข้า ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับปริมาณของอากาศที่เข้าไปอยู่ในช่องว่างนี้ และพยาธิสภาพของปอด ทั้งนี้ การรักษาภาวะนี้มีหลายวิธี ขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ
ในส่วนอันนี้ขอให้อ่านด้วยนะครับ น่าจะมีประโยชน์
ในกรณีของผมนั้นเป็น ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศชนิดเกิดเองโดยไม่ทราบสาเหตุ (Primary sponta neous pneumothorax ย่อว่า PSP) ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ไม่ได้มีโรคปอดที่ชัดเจน ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด ได้แก่ ผู้ที่สูบบุหรี่ โดยมีความสัมพันธ์กับจำนวนบุหรี่ที่สูบ เช่น หากสูบ 1-10 มวนต่อวัน จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 7 เท่า แต่หากสูบมากกว่า 20 มวนต่อวันจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า เป็นต้น ผู้ที่มีลักษณะรูปร่างผอมสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมากกว่าคนรูปร่างอื่นๆ ในผู้หญิงตั้งครรภ์ก็พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้าง พบว่าประมาณ 10% ของผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มนี้ มีประวัติของคนในครอบครัวเคยเกิดภาวะนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้ป่วยเหล่านี้แม้ไม่มีโรคปอดที่ชัดเจน แต่หากนำไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของปอด จะพบลักษณะของถุงลมที่พองตัวผิดปกติ (Blebs หรือ Bullae) ซึ่งจะเกิดเฉพาะที่ ถุงลมที่พองตัวนี้เมื่อแตกออก จะทำให้อากาศเข้าไปอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอดได้ แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่เผอิญตรวจพบว่ามีถุงลมพองนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดภาวะนี้ขึ้นทุกราย
โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ป่วยจากสาเหตุนี้พบมากในช่วงอายุ 20 ปี ผู้ชายพบมากกว่าผู้หญิงประมาณ 6 เท่า
มาเข้าเรื่องกันเลยละกันนะครับ อย่างที่บอกของผมนั้น ปอดแตกเองอยู่เฉยๆก็แตกชะอย่างนั้น ตอนที่ปอดแตก(เย็น วันที่ 30 พฤษา)ผมกำลังนอนอ่านการ์ตูนอยู่ แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าหายใจไม่เหมือนเดิมประมาณว่าหายสุดเหมือนไม่สุด ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็ทำตัวปกติคิดว่าพรุ่งนี้คงหาย
พอตื่นเช้ามาอีกวัน วันที่ 31 พฤษา รู้หายใจสุดเหมือนไม่สุดเหมือนแล้ว จากนั้นผมก็เดินออกไปซื้อของ แล้ตอนพูดกับคนขายของเสียงไม่มีครับ ทั้งๆที่กะลังพูดเหมือนว่าลมที่จะทำให้หลอดเสียงขยับไม่มีต้องออกแรงมากกว่าเดิมเพื่อให้มีเสียง พอตกเย็นๆค่ำๆรู้สึกเจ็บหน้าอกครับ พอนอนลงราบยิ่งรู้สึกเจ็บหนักกว่าเดิม ก็พยายามนอนให้หลับ
วันที่ 1 มิถุนา วันนี้เป็นวันจันทร์ ผมก็ไปเรียนตามปกติครับ(บ่ายโมง) แต่ก็ยังเจ็บหน้าบวกกับหายใจเร็ว รู้สึกเหนื่อยเวลาพูด ก็พยายามเรียนอยู่อย่างนั้นจนหมดคาบ(เลิกเรียน 5โมงเย็น) ผมก็เอาของมาเก็บที่หอ จากนั้นก็ไปคลินิก พอถึงผมก็เล่าอาการที่ผมเป็นให้หมอฟัง หมอเค้าก็เคาะๆที่หน้าแล้วก็ฟังเสียงหายใจ แล้วหมอก็พูดว่า”ถุงลมน่าจะรั่วเดี๋ยวจะให้ไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาล” แล้วหมอก็เขียนจดหมายให้เอาไปยื่นที่ห้องฉุกเฉินเลย พอได้จดหมายผมก็ขับมอไซค์ไปโรงพยาบาลทันที(คลินิกไม่ได้คิดตังสักบาท) พอถึงก็ยื่นจดหมายให้พยาบาลที่ห้องฉุกเฉิน พยาบาลก็อ่านๆแล้วก็บอกให้ผมนั่งจากนั้นก็วัดความดัน วัดออนชิเจน สอบถามอาการ แล้วก็มีเปลนอนมาบอกให้ผมขึ้นไปนอน เพิ่อรอหมอมาตรวจพอหมดมาก็ตรวจเหมือนหมอที่คลินิก แล้วก็ส่งผมไปเอ็กซเรย์ พอเอ็กซเรย์เสร็จก็นอนรอหมอสักแปปหมอก็มาแล้วบอกว่า ตอนนี้ปอดแตกต้องเจาะหน้าอกเพื่อเอาลมออกมา ไม่งั้นมีความเสี่ยงที่จะหายใจไม่ออกตายหรือหัวใจหยุดเต้นตาย
หมอก็บอกอีกว่าขับรถมาโรงพยาบาลเองแล้วไม่ซ็อตตายชะก่อนถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว จากนั้นพยาบาลก็เตรียมอุปกรณ์เจาะครับ ผมมองเห็นท่อที่ต้องใส่ขนาดประมาณ1ซ.ม. ได้แล้วหมอก็เอาสายออกชิเจนแบบเสียบจมูกมาใส่ ใส่เสร็จ ยาชาก็ตามมาจิ้มที่หน้าอกผมทันที หมอก็จัดการเจาะแล้วก็เสียบท่อเข้าไป ตอนท่อไปถึงตรงที่มีลมเนี่ยมีเสียงลมดังออกมาเลย ได้ยินชัดมาก ตอนนั้นตัวผมสั่นไปหมดเพราะกลัว พอหมอเจาะทำอะไรเสร็จผมก็โทรหาลุงผมทันทีบอกว่าให้มาหาผมที่โรงพยาบาลหน่อยปอดแตกต้องนอนโรงพยาบาล(ยังไม่ได้โทรหาพ่อกับแม่นะครับตอนนั้นแบตโทรศัพท์ใกล้หมด)หลังจากโทรบอกลุงผมเสร็จผมก็ถูกส่งไปพักอยู่ห้องรวมซึ่งคนเยอะมากๆ นะตอนนั้นผมอยู่ในสภาพที่ขยับตัวไม่ได้แล้วแม่ผมก็โทรเข้ามาพอดีผมก็เล่าให้แม่ฟังทั้งหมด แม่ก็บอกว่าพรุ่งนี้จะไปหาที่โรงพยาบาล(บ้านผมอยู่ลำพูนนะครับ)
พอสามทุ่มลุงผมก็มาถึงพอดีป้าผมก็ถามว่ามาโรงพยาบาลยังไงผมก็บอกว่าขับรภมาเองป้าผมก็ตกใจบอกว่า”โชคดีนะที่ ไม่หายใจไม่ออกตอนขับรถ”(ป้าผมเป็นพยาบาล) พอสักพักป้าผมก็กลับก่อนแล้วลุงผมก็อยู่ดูแลผมคืนแรก คืนแรกถือว่าเป็นอะไรที่ทรมาณมากๆ เพราะหลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ ผมเจ็บไปหมดทั้งตัวเลยโดยเฉพาะตรงแผลที่ถูกเจาะในสายระบายลมเจ็บสุดๆ คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืนแล้วก็ขอยาแก้ปวดไปสองรอบ
ปล.เดี๋ยวมาต่อครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับโรค
http://haamor.com/th/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/
แชร์ประสบการณ์ กับการเป็น โรคปอดแตก ครั้งแรก
เรื่องค่อนข้างยาวตัวหนังสือค่อนข้างเยอะนะครับบอกไว้ก่อน แล้วมันอาจจะงงๆหน่อยนะครับ
สวสดีครับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับผมเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ผมเรียนอยู่มหาลัยแห่งหนึ่งในเชียงราย เป็นคนสูบบุรี่วันละครึ่งซอง นะครับ
ก่อนอื่นขออธิบายเกิดกับโรค ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ (Pneumothorax) หรือบางคนเรียกง่ายๆว่า โรคปอดแตก คือ ภาวะที่โพรงเยื่อหุ้มปอด (เป็นช่องว่างที่มีของเหลวเพียงเล็กน้อย) เกิดมีอากาศเข้าไปอยู่ในช่องว่างนี้ จึงทำให้ปอดไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่เวลาหายใจเข้า ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับปริมาณของอากาศที่เข้าไปอยู่ในช่องว่างนี้ และพยาธิสภาพของปอด ทั้งนี้ การรักษาภาวะนี้มีหลายวิธี ขึ้นกับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ
ในส่วนอันนี้ขอให้อ่านด้วยนะครับ น่าจะมีประโยชน์
ในกรณีของผมนั้นเป็น ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศชนิดเกิดเองโดยไม่ทราบสาเหตุ (Primary sponta neous pneumothorax ย่อว่า PSP) ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ไม่ได้มีโรคปอดที่ชัดเจน ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด ได้แก่ ผู้ที่สูบบุหรี่ โดยมีความสัมพันธ์กับจำนวนบุหรี่ที่สูบ เช่น หากสูบ 1-10 มวนต่อวัน จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 7 เท่า แต่หากสูบมากกว่า 20 มวนต่อวันจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า เป็นต้น ผู้ที่มีลักษณะรูปร่างผอมสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมากกว่าคนรูปร่างอื่นๆ ในผู้หญิงตั้งครรภ์ก็พบว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้าง พบว่าประมาณ 10% ของผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มนี้ มีประวัติของคนในครอบครัวเคยเกิดภาวะนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้ป่วยเหล่านี้แม้ไม่มีโรคปอดที่ชัดเจน แต่หากนำไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของปอด จะพบลักษณะของถุงลมที่พองตัวผิดปกติ (Blebs หรือ Bullae) ซึ่งจะเกิดเฉพาะที่ ถุงลมที่พองตัวนี้เมื่อแตกออก จะทำให้อากาศเข้าไปอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอดได้ แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่เผอิญตรวจพบว่ามีถุงลมพองนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดภาวะนี้ขึ้นทุกราย
โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ป่วยจากสาเหตุนี้พบมากในช่วงอายุ 20 ปี ผู้ชายพบมากกว่าผู้หญิงประมาณ 6 เท่า
มาเข้าเรื่องกันเลยละกันนะครับ อย่างที่บอกของผมนั้น ปอดแตกเองอยู่เฉยๆก็แตกชะอย่างนั้น ตอนที่ปอดแตก(เย็น วันที่ 30 พฤษา)ผมกำลังนอนอ่านการ์ตูนอยู่ แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าหายใจไม่เหมือนเดิมประมาณว่าหายสุดเหมือนไม่สุด ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็ทำตัวปกติคิดว่าพรุ่งนี้คงหาย
พอตื่นเช้ามาอีกวัน วันที่ 31 พฤษา รู้หายใจสุดเหมือนไม่สุดเหมือนแล้ว จากนั้นผมก็เดินออกไปซื้อของ แล้ตอนพูดกับคนขายของเสียงไม่มีครับ ทั้งๆที่กะลังพูดเหมือนว่าลมที่จะทำให้หลอดเสียงขยับไม่มีต้องออกแรงมากกว่าเดิมเพื่อให้มีเสียง พอตกเย็นๆค่ำๆรู้สึกเจ็บหน้าอกครับ พอนอนลงราบยิ่งรู้สึกเจ็บหนักกว่าเดิม ก็พยายามนอนให้หลับ
วันที่ 1 มิถุนา วันนี้เป็นวันจันทร์ ผมก็ไปเรียนตามปกติครับ(บ่ายโมง) แต่ก็ยังเจ็บหน้าบวกกับหายใจเร็ว รู้สึกเหนื่อยเวลาพูด ก็พยายามเรียนอยู่อย่างนั้นจนหมดคาบ(เลิกเรียน 5โมงเย็น) ผมก็เอาของมาเก็บที่หอ จากนั้นก็ไปคลินิก พอถึงผมก็เล่าอาการที่ผมเป็นให้หมอฟัง หมอเค้าก็เคาะๆที่หน้าแล้วก็ฟังเสียงหายใจ แล้วหมอก็พูดว่า”ถุงลมน่าจะรั่วเดี๋ยวจะให้ไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาล” แล้วหมอก็เขียนจดหมายให้เอาไปยื่นที่ห้องฉุกเฉินเลย พอได้จดหมายผมก็ขับมอไซค์ไปโรงพยาบาลทันที(คลินิกไม่ได้คิดตังสักบาท) พอถึงก็ยื่นจดหมายให้พยาบาลที่ห้องฉุกเฉิน พยาบาลก็อ่านๆแล้วก็บอกให้ผมนั่งจากนั้นก็วัดความดัน วัดออนชิเจน สอบถามอาการ แล้วก็มีเปลนอนมาบอกให้ผมขึ้นไปนอน เพิ่อรอหมอมาตรวจพอหมดมาก็ตรวจเหมือนหมอที่คลินิก แล้วก็ส่งผมไปเอ็กซเรย์ พอเอ็กซเรย์เสร็จก็นอนรอหมอสักแปปหมอก็มาแล้วบอกว่า ตอนนี้ปอดแตกต้องเจาะหน้าอกเพื่อเอาลมออกมา ไม่งั้นมีความเสี่ยงที่จะหายใจไม่ออกตายหรือหัวใจหยุดเต้นตาย
หมอก็บอกอีกว่าขับรถมาโรงพยาบาลเองแล้วไม่ซ็อตตายชะก่อนถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว จากนั้นพยาบาลก็เตรียมอุปกรณ์เจาะครับ ผมมองเห็นท่อที่ต้องใส่ขนาดประมาณ1ซ.ม. ได้แล้วหมอก็เอาสายออกชิเจนแบบเสียบจมูกมาใส่ ใส่เสร็จ ยาชาก็ตามมาจิ้มที่หน้าอกผมทันที หมอก็จัดการเจาะแล้วก็เสียบท่อเข้าไป ตอนท่อไปถึงตรงที่มีลมเนี่ยมีเสียงลมดังออกมาเลย ได้ยินชัดมาก ตอนนั้นตัวผมสั่นไปหมดเพราะกลัว พอหมอเจาะทำอะไรเสร็จผมก็โทรหาลุงผมทันทีบอกว่าให้มาหาผมที่โรงพยาบาลหน่อยปอดแตกต้องนอนโรงพยาบาล(ยังไม่ได้โทรหาพ่อกับแม่นะครับตอนนั้นแบตโทรศัพท์ใกล้หมด)หลังจากโทรบอกลุงผมเสร็จผมก็ถูกส่งไปพักอยู่ห้องรวมซึ่งคนเยอะมากๆ นะตอนนั้นผมอยู่ในสภาพที่ขยับตัวไม่ได้แล้วแม่ผมก็โทรเข้ามาพอดีผมก็เล่าให้แม่ฟังทั้งหมด แม่ก็บอกว่าพรุ่งนี้จะไปหาที่โรงพยาบาล(บ้านผมอยู่ลำพูนนะครับ)
พอสามทุ่มลุงผมก็มาถึงพอดีป้าผมก็ถามว่ามาโรงพยาบาลยังไงผมก็บอกว่าขับรภมาเองป้าผมก็ตกใจบอกว่า”โชคดีนะที่ ไม่หายใจไม่ออกตอนขับรถ”(ป้าผมเป็นพยาบาล) พอสักพักป้าผมก็กลับก่อนแล้วลุงผมก็อยู่ดูแลผมคืนแรก คืนแรกถือว่าเป็นอะไรที่ทรมาณมากๆ เพราะหลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ ผมเจ็บไปหมดทั้งตัวเลยโดยเฉพาะตรงแผลที่ถูกเจาะในสายระบายลมเจ็บสุดๆ คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืนแล้วก็ขอยาแก้ปวดไปสองรอบ
ปล.เดี๋ยวมาต่อครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับโรค http://haamor.com/th/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/