เห็นท่านจูกัดฯ พยามโต้แย้งมติของท่านเสถียร โพธินันทะ อันนี้ ผมก็เข้าใจ นะครับ ว่าท่านอยากปกป้องความเชื่อของท่านเอง
แต่กระนั้น มันก็ควรเป็นการโต้แย้ง ด้วยการแสดงเหตุผล ที่เป็นเหตุผลจริงๆ คือ อิงอรรถอิงธรรม อย่างบัณฑิต ที่วิญญูชนสามารถยอมรับได้ นะครับ
ทีนี้ การโต้แย้ง มติของท่านเสถียร โดยการกล่าวเลื่อนลอย ไร้สาระแบบนี้ มันจัดว่าเป็นเหตุผล ด้วยหรือครับท่าน ?
ทีนี้ ผมก็เคยบอกกับท่านจูกัดฯ ว่าเหตุใดจึง ไม่กลับไปอ่านหนังสือเล่มนั้นให้จบก่อนหละ
ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจ นี่คือผลของการอ่านหนังสือจนจบหรือเปล่า ?
ขออนุญาต สรุปความสั้นๆ นะครับท่าน
1 ท่านเสถียร อ้างหลักฐานทางโบราณคดี คือ พระคัมภีร์ ของนิกาย สรวาสติวาท ซึ่งยังมีหลักฐานอยู่ในพากษ์จีน
(ชาวพุทธไทยจะโง่ คือตาบอดในหลักฐานนี้ เพราะอ่านจีนไม่ได้)
2 บางท่าน พยายามปฏิเสธ คัมภีร์จากนิกายนี้ อ้างว่า ไม่ใช่เถรวาท เป็นเดียรถีย์ ฯลฯ ซึ่งเป็นการพูดที่ผิด ครับท่าน
เพราะที่จริง นิกายนี้ ก็คือ เถรวาท นั่นแหละครับ เพราะนิกายนี้ เป็นนิกายย่อยของเถรวาท แยกตัวออกมาจากเถรวาท เนื่องจากไม่ลงรอยกันในแง่ทิฐิ
แต่พระคัมภีร์ต่างๆ คือ พระสูตรพระวินัย ยังเป็นแบบเดียวกับเถรวาท เพราะ ไม่ได้มีการสังคายนาต่างหาก เหมือนพวก มหาสังฆิกะ
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ นิกายสรวาสติวาท ก็เหมือนสำนักวัดพระธรรมกาย ในปัจจุบันนี้แหละครับท่าน คือ มึปัญหาแตกต่างกันทางทิฐิ ความเห็น
แต่ก็ยังใช้พระคัมภีร์เดียวกันอยู่ และที่จริง โดยนิตินัย ก็ต้องระบุว่า สำนักพระธรรมกาย คือ เถรวาท แต่ชาวพุทธบางพวกในสมัยนี้
ก็เหมือนภิกษุลังกา ในสมัยโน้น ครับท่าน คือ ชอบด่าทอ ว่าร้าย ใส่ความ ผู้มีความเห็นต่างจากตน ว่าเป็นพวกอื่น นิกายอื่น เป็นอัญเดียรถีย์ ไปเสียหมด
3 ประเด็นที่ท่านเสถียร นำเสนอ ก็คือ พระสูตรพระวินัยของ พวกสรวาสติวาท และนิกายย่อยอื่นๆในฝ่ายเถรวาท ตรงกันหมด ต่างกันบ้างแค่เรื่องปลีกย่อย
เหตุที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะ นิกายย่อยเหล่านี้ ล้วนแต่ใช้พระคัมภีร์ จากปฐมสังคายนา ร่วมกัน (ก็เขาไม่ใช่พวก มหาสังฆิกะ ไงครับ)
4 ข้อสรุป ก็คือ ถ้าหาก อภิธรรมปิฎก มีอยู่จริงนับจากปฐมสังคายนา อภิธรรมปิฎกของนิกายย่อยเหล่านี้ จะต้องเหมือนกันกับเถรวาท(ลังกาวงศ์)
ไม่ใช่ ไม่มีของใครเหมือนกันเลยสักนิกายเดียวแบบนี้ ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่เราจะต้องสรุปตามความจริงว่า อภิธรรมปิฎก เป็นคำสาวก เป็นตำราแต่งใหม่
ที่ไม่มึอยู่ในปฐมสังคายนา ครับท่าน
อนุโมทนา สาธุ ครับท่าน
อภิธรรมปิฎก เป็นตำราแต่งใหม่ของพระสาวก เพราะ .......
แต่กระนั้น มันก็ควรเป็นการโต้แย้ง ด้วยการแสดงเหตุผล ที่เป็นเหตุผลจริงๆ คือ อิงอรรถอิงธรรม อย่างบัณฑิต ที่วิญญูชนสามารถยอมรับได้ นะครับ
ทีนี้ การโต้แย้ง มติของท่านเสถียร โดยการกล่าวเลื่อนลอย ไร้สาระแบบนี้ มันจัดว่าเป็นเหตุผล ด้วยหรือครับท่าน ?
ทีนี้ ผมก็เคยบอกกับท่านจูกัดฯ ว่าเหตุใดจึง ไม่กลับไปอ่านหนังสือเล่มนั้นให้จบก่อนหละ
ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจ นี่คือผลของการอ่านหนังสือจนจบหรือเปล่า ?
ขออนุญาต สรุปความสั้นๆ นะครับท่าน
1 ท่านเสถียร อ้างหลักฐานทางโบราณคดี คือ พระคัมภีร์ ของนิกาย สรวาสติวาท ซึ่งยังมีหลักฐานอยู่ในพากษ์จีน
(ชาวพุทธไทยจะโง่ คือตาบอดในหลักฐานนี้ เพราะอ่านจีนไม่ได้)
2 บางท่าน พยายามปฏิเสธ คัมภีร์จากนิกายนี้ อ้างว่า ไม่ใช่เถรวาท เป็นเดียรถีย์ ฯลฯ ซึ่งเป็นการพูดที่ผิด ครับท่าน
เพราะที่จริง นิกายนี้ ก็คือ เถรวาท นั่นแหละครับ เพราะนิกายนี้ เป็นนิกายย่อยของเถรวาท แยกตัวออกมาจากเถรวาท เนื่องจากไม่ลงรอยกันในแง่ทิฐิ
แต่พระคัมภีร์ต่างๆ คือ พระสูตรพระวินัย ยังเป็นแบบเดียวกับเถรวาท เพราะ ไม่ได้มีการสังคายนาต่างหาก เหมือนพวก มหาสังฆิกะ
ถ้าจะให้เปรียบเทียบ นิกายสรวาสติวาท ก็เหมือนสำนักวัดพระธรรมกาย ในปัจจุบันนี้แหละครับท่าน คือ มึปัญหาแตกต่างกันทางทิฐิ ความเห็น
แต่ก็ยังใช้พระคัมภีร์เดียวกันอยู่ และที่จริง โดยนิตินัย ก็ต้องระบุว่า สำนักพระธรรมกาย คือ เถรวาท แต่ชาวพุทธบางพวกในสมัยนี้
ก็เหมือนภิกษุลังกา ในสมัยโน้น ครับท่าน คือ ชอบด่าทอ ว่าร้าย ใส่ความ ผู้มีความเห็นต่างจากตน ว่าเป็นพวกอื่น นิกายอื่น เป็นอัญเดียรถีย์ ไปเสียหมด
3 ประเด็นที่ท่านเสถียร นำเสนอ ก็คือ พระสูตรพระวินัยของ พวกสรวาสติวาท และนิกายย่อยอื่นๆในฝ่ายเถรวาท ตรงกันหมด ต่างกันบ้างแค่เรื่องปลีกย่อย
เหตุที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะ นิกายย่อยเหล่านี้ ล้วนแต่ใช้พระคัมภีร์ จากปฐมสังคายนา ร่วมกัน (ก็เขาไม่ใช่พวก มหาสังฆิกะ ไงครับ)
4 ข้อสรุป ก็คือ ถ้าหาก อภิธรรมปิฎก มีอยู่จริงนับจากปฐมสังคายนา อภิธรรมปิฎกของนิกายย่อยเหล่านี้ จะต้องเหมือนกันกับเถรวาท(ลังกาวงศ์)
ไม่ใช่ ไม่มีของใครเหมือนกันเลยสักนิกายเดียวแบบนี้ ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่เราจะต้องสรุปตามความจริงว่า อภิธรรมปิฎก เป็นคำสาวก เป็นตำราแต่งใหม่
ที่ไม่มึอยู่ในปฐมสังคายนา ครับท่าน
อนุโมทนา สาธุ ครับท่าน