ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34280583
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34285085
ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34290054
ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/34294223
ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/34307506
ตอนที่ 6
http://ppantip.com/topic/34332431
ตอนที่ 7
http://ppantip.com/topic/34343292
ตอนที่ 8
http://ppantip.com/topic/34358490
"แม่อุ่น..แม่อุ่น..ตื่น"
เสียงแผ่วเบาลอยมาตามลม ทำให้หญิงสาวผู้ที่กำลังเคลิ้มหลับตกใจตื่น ด้วยรู้สึกเหมือนมีมือเย็นเยียบมาสัมผัส มือเรียวได้รูปยันกายลุกขึ้นนั่ง สายตาหวาดระแวงกวาดมองไปรอบๆ แล้วสะดุดเข้ากับเงาเลือนลางที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้าต่าง ทำให้ใจหายวาบ มือควานหาผ้าห่มมาคลุมกายจับกระชับแน่น แล้วตัดสินใจเอ่ยถาม
"ผู้ใด...."
ความเงียบทำให้แม่อุ่นหวาดกลัว แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเงานั้นเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวขยี้ตาพร้อมตัดสินใจเปิดมุ้งออก แล้วก้าวเดินตรงไปยังหน้าต่าง มองหาคนที่บุกรุกเข้ามาในห้องนอน แต่กลับไร้ซึ่งวี่แวว แม่อุ่นส่ายหน้าแล้วคิดว่าตนเองนั้นคงจะตาฝาดไป จึงตัดสินใจปิดหน้าต่างเสีย ด้วยเกรงว่าอาจจะมีใครปีนเข้ามา
ขณะที่มือเอื้อมออกไปดึงบานพับ แสงไฟหลายดวงส่องร่ำไรอยู่ไกลๆ กำลังมุ่งตรงมา ด้วยสังหรณ์ใจหญิงสาวจึงจัดแจงใส่เสื้อผ้าอย่างรัดกุมเตรียมออกเดินทาง
หล่อนเดินออกมาจากห้อง เสียงฝีเท้าที่ย่างก้าวลั่นดังเอี๊ยดอาด ปลุกให้ชายหนุ่มหูไวให้ตื่นขึ้น มือแข็งแรงกำยำคลำหยิบดาบข้างกายแล้วถลันออกนอกมุ้ง ใบมีดคมปลาบถูกชักออกมาจากฝัก หมายดื่มเลือดผู้บุกลุก พ่อเพิ่มเดินย่องด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา ดวงจันทร์ส่องแสงสว่างไสวในความมืดมิด ทำให้เห็นรูปร่างอรชรได้ถนัดถนี่ ดาบถูกชักเก็บลงไปในฝักอย่างเดิม เมื่อเห็นใบหน้าผู้เป็นต้นเหตุแห่งเสียง
"พี่อุ่น ยังไม่นอนดอกรึ ตื่นมาทำกระไร"
"ตื่นเร็วพ่อเพิ่ม มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังตรงมาที่เรือน"
หญิงสาวพูดเสร็จ รีบตรงไปยังหน้าห้องผู้เป็นบิดาแล้วเคาะประตู "พ่อ..พ่อ ตื่นเถิดจ้ะ เราต้องเร่งเดินทางกันแล้ว"
เพิ่มถลันตัวไปอย่างรวดเร็วที่หน้าต่าง แสงไฟจากคบเพลิงหลายดวงกำลังมุ่งตรงมาที่นี่ เขากล่าวสบถออกมา แล้ววิ่งกลับมาสมทบกับแม่อุ่น นายเมฆเปิดประตูออกมาผูกผ้าขาวม้าคาดเอวแล้วเอ่ยถาม "มีกระไรเกิดขึ้น"
"รีบไปกันเถอะพ่อครู มีกลุ่มคนกำลังมุ่งตรงมาที่นี่ ...ท่าทางนางจันจะพูดจริง"
นายเมฆชะโงกไปดูที่หน้าต่างเห็นจริงดังว่าจึงรีบกล่าว "คงขนของไม่ทันเสียแล้ว เตรียมห่อผ้าของใช้จำเป็นไปก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาเอาของที่เหลือ"
เสียงฝีเท้าหลายคู่เร่งเดินอย่างไม่ลดละ จวบจนกระทั่งใกล้จะถึงเรือนเป้าหมาย ผู้เป็นนายจึงหยุดแล้วสั่งการ "ผ้าคาดหน้าเตรียมให้พร้อม อย่าเพิ่งให้พวกมันรู้ตัว"
ผ้าโพกสีดำถูกดึงออกมาคาดเพื่อปกปิดใบหน้า เพียงแค่ได้เห็นเรือนของแม่อุ่น ก็ทำให้หัวใจของชายผู้มักมากในกามารมณ์พองโต ภาพคลอเคลียลูบไล้เนื้อเนียนทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อนึกถึงเวลาที่จะได้สมอารมณ์หมาย
"ไปโว้ย! ห้ามใครแตะต้องแม่อุ่นนอกจากกู หากใครขวางจัดการมันให้หมด"
อ้ายแดงทับหน้าวิ่งบุกตะลุยไปคนแรก แล้วตามหลังด้วยสมัครพรรคพวกที่เหลือ เมื่อวิ่งมาถึงหน้าเรือนจึงชะลอฝีเท้ารั้งรอ แล้วหันไปพูดกับอ้ายปลั่งผู้ที่มีร่างกายใหญ่โตแต่ปัญญาหนาทึบว่า "เอ็งพังประตูเข้าไปก่อนเลย ประเดี๋ยวข้าระวังหลังให้"
อ้ายปลั่งได้ยินดังนั้นจึงเบาใจว่าด้านหลังมีคนคุ้มกันภัยให้ จึงเอาตัวกระแทกประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย เพียงไม่กี่ครั้งประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย จนชายหนุ่มตัวโตกลิ้งล้มคะมำไม่เป็นท่า โดยมีอ้ายแดงเดินเหยียบข้ามไปด้านหน้าแล้วกล่าว "ทางปลอดขอรับ คุณหลวง"
ในเรือนดูเงียบผิดปกติ สายตาคมปลาบกวาดตามอง แล้วตรงไปยังห้องแม่อุ่น ประตูถูกผลักเปิดออกโดยง่ายดาย เพราะด้านในไม่ได้ลงสลักเอาไว้ ในห้องว่างเปล่าไม่มีผู้คน หลวงนิมิตวรากรเริ่มว้าวุ่นใจแล้วหันไปสั่งกับลูกสมุน "ค้นให้ทั่ว"
ทุกคนออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในเรือนแต่ไม่พบผู้ใด "ไม่พบขอรับ"
ความโกรธปะทุขึ้นมาอีกครั้ง กรามขบแน่นจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปนขึ้นมา เสียงตะโกนร้องบ่งบอกถึงความกราดเกรี้ยว "แม่อุ่น!.."
หลวงนิมิตวรากรเดินพล่านไปทั่วเรือน ตามหาแม่อุ่นทั่วทุกห้องแต่ก็ไม่มีวี่แวว ข้าวของในห้องว่างเปล่า ความว้าวุ่นใจเกรงว่าจะเสียหญิงผู้เป็นที่รักไป ทำให้เขาเริ่มพร่ำเพ้อคนเดียว "หรือว่าแม่อุ่นจะหนีไปเสียแล้ว ทำไมไม่รอพี่ อีกนิดเดียวเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เพราะอ้ายเพิ่มใช่ไหม เป็นเพราะพาแม่อุ่นของกูหนีไปใช่ไหม งั้นกับกูอย่าอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันอีกเลย"
"เอาไฟมา...พวกจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีกต่อไป" เสียงร้องตะโกนดังลั่น ชายหนุ่มโยนคบเพลิงที่อ้ายแดงยื่นส่งมาให้ทิ้งลงบนพื้น เขาจ้องมองดูเปลวเพลิงที่กำลังเริ่มลุกลาม แสงที่ส่องสว่างให้ความรู้สึกที่ร้อนรุ่ม เหมือนดั่งชายผู้ผิดหวังในความรักผู้นี้
ใจที่พิโรธตะโกนสั่งลูกสมุน "ไปตามหาแม่อุ่นให้กูประเดี๋ยวนี้ ใครขวางทางฆ่ามันให้หมด"
เสียงฝีเท้าเหยียบใบไม้ดังสวบสาบตลอดทาง ทั้งสามคนเร่งออกเดินทางเพื่อให้พันจากน้ำมือคนจิตใจหยาบช้า แม่อุ่นก้าวย่างด้วยใจประหวั่นพรั่นพรึงมาได้ชั่วครู แต่ด้วยความอาลัยอาวรณ์เรือนเกิด จึงทำให้หันกลับไปดูอีกครั้ง ภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าทำให้เลือดในกายจับตัวแข็ง เข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้น เปลวไฟร้อนแรงที่พวยพุ่งสู่ด้านบน หน้าจั่วเรือนไทยที่มองเห็นไกลๆ กำลังโชติช่วงไปด้วยเปลวอัคคี
"แม่อุ่นเป็นกระไร"
ผู้เป็นบิดาฉุดรั้งบุตรสาวให้ลุกขึ้นยืน จึงเหลือบไปเห็นไฟที่ลุกถาโถมเผาเรือนของตน ทำให้หน้าที่เคยมีสีกลับซีดจางลงไปถนัดตา
พ่อเพิ่มผู้มีสติที่สุด เดินมาฉุดแม่อุ่นและนายเมฆขึ้นพร้อมกล่าวเตือน "เรารั้งรอที่นี่ไม่ได้แล้วหนา ภัยกำลังจะมาถึงตัว ถ้าเยี่ยงไรรีบเร่งออกเดินทางเสียก่อนเถิด"
ทั้งสามคนรีบเร่งเดินจากไป ทั้งๆ ที่ใจอยากจะกลับไปดูเรือน ที่กำลังถูกเปลวเพลิงเผาเผลิญ แต่ขืนชักช้ากว่านี้ ไม่ใช่แค่เรือนที่วอดวาย แต่ชีวิตก็อาจจะมอดม้วยไปตามกันเสียก็ได้ นายเมฆรู้สึกเหนื่อยหอบดั่งจะเป็นไข้ แต่ต้องกล้ำกลืนมันลงไป ฝืนสังขารไม่ได้เอ่ยปากออกมา
ฝีเท้าของชายฉกรรจ์เร่งเร็วขึ้น เพื่อไล่ตามให้ทันวิ่งกวดมาอย่างกระชั้นชิด "เห็นเงาตะคุ่มๆ ด้านหน้าแล้วขอรับ" อ้ายแดงบ่าวคนสนิทวิ่งรั้งท้ายแจ้งข่าวนาย
"ไปเอาตัวแม่อุ่นมาให้กู ส่วนใครจับตายอ้ายพวกที่เหลือได้ กูจักตบรางวัลอย่างงาม"
เมื่อได้ยินดังนั้นอ้ายโตลูกสมุนผู้มีฝีเท้าเร็วดั่งสายลม จึงรีบวิ่งปรี่นำไปก่อนหมายจะเอารางวัล เสียงฝีเท้าที่วิ่งใกล้เข้ามาทำให้เพิ่มหันหลังกลับ ดาบยาวที่คมปลาบฟาดลงมาหมายจะเอาชีวิต ชายหนุ่มใช้ฝักดาบรับไว้ได้ทันท่วงที แล้วเหยียดขายันคู่ต่อสู้เข้าที่กลางอก ดาบเหล็กน้ำพี้ถูกชักออกมาแล้วหมุนควงด้วยความชำนาญ สองดาบประสานฟาดฟันอย่างไม่ลดละ
"พ่อครู พาแม่อุ่นหนีไปก่อน" เพิ่มตะโกนพร้อมกับยกดาบขึ้นฟัน
สองคนพ่อลูกกอดประคองวิ่งหนี นายเมฆหันหลังมองศิษย์รักแล้วประเมินคู่ต่อสู้ ด้วยฝีมือเช่นนี้ชายหนุ่มคงรับมือได้ไม่ยาก จึงรีบเร่งนำไปก่อน
ชายสองคนเดินวนดูเชิงกัน เมื่อหาจังหวะได้อ้ายโตง้างดาบเข้าฟัน เพิ่มรับดาบแล้วประมือกันสองสามครั้ง เสียงฟาดฟันดังเป็นระยะ เมื่อมีจังหวะชายหนุ่มจึงเข้าไปเตะตัดขาคู่ต่อสู้ ทำให้ชายอีกคนล้มลงไปนอนกับพื้น ดาบกระเด็นกระดอนไปอีกทาง เพิ่มเก็บดาบเข้าฟักแล้วเดินตรงไปยังคู่ต่อสู้ที่กำลังลุกขึ้นมา ข้อศอกที่หนักหน่วงสะบัดฟาดเข้าที่ปลายคาง ทำให้คู่ต่อสู้หน้าหงายล้มตึงลงไป ร่างกำยำก้มลงเก็บดาบคู่ต่อสู้แล้ววิ่งตามพ่อครูไป
อ้ายแดงวิ่งมาด้วยความกระหืดกระหอบ พบอ้ายโตนอนไม่ได้สติจึงเอาขาเขี่ย "เฮ้ย! มานอนกระไรอยู่ตรงนี้โว้ย แล้วพวกอ้ายเพิ่มไปไหนเสีย" ชายหนุ่มนอนไม่ได้สตินิ่งไม่ไหวติง
สายตาสอดส่ายเห็นหลังไวๆ บ่าวคนสนิทจึงรีบแจ้งต่อนาย
"พวกมันหนีไปทางนู้นขอรับคุณหลวงเห็นหลังไวๆ "
"แล้วจะมาพูดพร่ำอยู่ทำไม ตามพวกมันไปซิโว้ย" ขาที่กำลังง้างหมายจะถีบก็ต้องวืดไป ด้วยอ้ายแดงบ่าวคนสนิทไหวตัวทันวิ่งหนีไปเสียก่อน
เพิ่มวิ่งตามหลังมาสมทบกับพ่อครู แม่อุ่นที่เดินอยู่ไม่ห่างรู้สึกเป็นห่วงจึงเอ่ยถาม "เป็นกระไรมั่งพ่อเพิ่ม"
"ไม่เป็นไรจ้ะ เรารีบเร่งไปกันเถิดพวกมันตามมาสมทบกันแล้ว"
ชายสูงวัยเริ่มรู้สึกหนาวสั่น เหงื่อไหลโซมกาย ขาที่ย่างก้าวเริ่มไร้เรี่ยวแรง นายเมฆทรุดลงไปนั่งกับพื้น แม่อุ่นที่หันมาเห็นผู้เป็นพ่อผิดปกติไป จึงตกใจเอ่ยถาม "พ่อ ๆ เป็นกระไรไป"
"ไม่เป็นกระไรมาก แค่สะดุดเท่านั้นเอง เจ็บขานิดหน่อย" ผู้อาวุโสกล่าวเท็จด้วยไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง
เพิ่มรีบเข้ามาประคองแล้วยันกายขึ้น แม่อุ่นสอดแขนเข้าอีกข้าง แล้วหิ้วประคองนายเมฆออกเดิน "แข็งใจไว้ก่อนหนาพ่อครู"
ทั้งสามคนก้าวเดินด้วยความเชื่องช้า เสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังใกล้เข้ามา อาการไข้จับสั่นของนายเมฆจู่ๆ ก็กำเริบขึ้นมา เขาจึงคิดว่าขืนฝืนประคองกันไปเช่นนี้ พวกหลวงนิมิตวรากรคงจะตามมาทันในไม่ช้า และบุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ คงไม่พ้นมีมลทินเพราะอ้ายหลวงชั่วเป็นแน่แท้
ส่วนชีวิตตนเองที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่งจะตายวันตายพรุ่งเมื่อใดไม่รู้ หากแม้จะตายแล้ว ขอตายด้วยรักษาเกียรติของผู้เป็นบุตรสาวผู้เป็นที่รัก
"ข้าขอกระไรเอ็งสักอย่างได้ไหมพ่อเพิ่ม" น้ำเสียงสั่นเทาเอ่ยถามผู้เป็นศิษย์
"ได้จ้ะพ่อครู แต่ฉันว่าอย่าเพิ่งพูดกระไรเลย แข็งใจไว้ก่อน หากหนีรอดไปได้แล้วเราค่อยคุยกันดีหรือไม่" เพิ่มพะว้าพะวงกับเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"เอาเป็นว่าข้าฝากแม่อุ่นด้วยหนา สัญญาของลูกผู้ชาย"
"ฉันสัญญา ไม่ว่าจะเป็นพ่อครู แลพี่อุ่น ฉันจะดูแลทุกคนเอง"
สิ้นคำพ่อเพิ่ม นายเมฆแข็งใจเฮือกสุดท้ายสลัดมือจากคนทั้งสอง ชักดาบออกจากฟักแล้ววิ่งตรงไปยังศัตรูที่กำลังตรงมา แล้วหันหลังกลับมาตะโกน "พ่อเพิ่ม พาแม่อุ่นหนีไป เอ็งสัญญากับข้าแล้วหนา"
ทั้งสองคนยืนตกตะลึงกับการกระทำของนายเมฆ ร่างกายหญิงสาวสั่นเทา น้ำตาที่คลอเบ้าเริ่มเอ่อท้นขึ้นมาอาบสองแก้ม แล้วตะโกน
"พ่อๆ อย่าไป"
ขาวิ่งออกไปหมายจะตามผู้เป็นบิดา แต่แล้วมือแข็งแรงคู่หนึ่งดึงรั้งร่างบางให้วิ่งตรงไปข้างหน้า
"ปล่อยฉันหนาพ่อเพิ่ม บอกให้ปล่อย ฉันจะไปหาพ่อ" เสียงตะโกนร้องโหยไห้ดั่งจะขาดใจ
แขนแข็งแรงโอบรัดแน่นไม่ฟังเสียงยังคงฉุดกระชากลากถู น้ำตาแห่งลูกผู้ชายไหลหลั่งรินแล้วตะโกนตอบ "มีสติหน่อยซิพี่อุ่น พ่อครูเสียสละขนาดนี้เพื่อใครกัน ลองตรองดู หากฉันปล่อยพี่ไป พ่อครูคงจะ....ตายเปล่า" เสียงพูดประโยคสุดท้ายแผ่วเบา ดั่งมีก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่คอ
ภาพครอบครัวที่เคยอยู่พร้อมตาอย่างมีความสุขเริ่มเลือนลาง ผู้เป็นมารดาละสังขารลาไปก่อนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ผู้เป็นบิดากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายที่อาจถึงชีวิต เพื่อปกป้องบุตรสาวผู้เป็นดั่งดวงใจ เสียงดาบปะทะฟาดฟันกันอยู่เบื้องหลัง
จอมใจจอมขวัญ ตอนที่ 9
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34280583
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34285085
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/34290054
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/34294223
ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/34307506
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/34332431
ตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/34343292
ตอนที่ 8 http://ppantip.com/topic/34358490
"แม่อุ่น..แม่อุ่น..ตื่น"
เสียงแผ่วเบาลอยมาตามลม ทำให้หญิงสาวผู้ที่กำลังเคลิ้มหลับตกใจตื่น ด้วยรู้สึกเหมือนมีมือเย็นเยียบมาสัมผัส มือเรียวได้รูปยันกายลุกขึ้นนั่ง สายตาหวาดระแวงกวาดมองไปรอบๆ แล้วสะดุดเข้ากับเงาเลือนลางที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้าต่าง ทำให้ใจหายวาบ มือควานหาผ้าห่มมาคลุมกายจับกระชับแน่น แล้วตัดสินใจเอ่ยถาม
"ผู้ใด...."
ความเงียบทำให้แม่อุ่นหวาดกลัว แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเงานั้นเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวขยี้ตาพร้อมตัดสินใจเปิดมุ้งออก แล้วก้าวเดินตรงไปยังหน้าต่าง มองหาคนที่บุกรุกเข้ามาในห้องนอน แต่กลับไร้ซึ่งวี่แวว แม่อุ่นส่ายหน้าแล้วคิดว่าตนเองนั้นคงจะตาฝาดไป จึงตัดสินใจปิดหน้าต่างเสีย ด้วยเกรงว่าอาจจะมีใครปีนเข้ามา
ขณะที่มือเอื้อมออกไปดึงบานพับ แสงไฟหลายดวงส่องร่ำไรอยู่ไกลๆ กำลังมุ่งตรงมา ด้วยสังหรณ์ใจหญิงสาวจึงจัดแจงใส่เสื้อผ้าอย่างรัดกุมเตรียมออกเดินทาง
หล่อนเดินออกมาจากห้อง เสียงฝีเท้าที่ย่างก้าวลั่นดังเอี๊ยดอาด ปลุกให้ชายหนุ่มหูไวให้ตื่นขึ้น มือแข็งแรงกำยำคลำหยิบดาบข้างกายแล้วถลันออกนอกมุ้ง ใบมีดคมปลาบถูกชักออกมาจากฝัก หมายดื่มเลือดผู้บุกลุก พ่อเพิ่มเดินย่องด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา ดวงจันทร์ส่องแสงสว่างไสวในความมืดมิด ทำให้เห็นรูปร่างอรชรได้ถนัดถนี่ ดาบถูกชักเก็บลงไปในฝักอย่างเดิม เมื่อเห็นใบหน้าผู้เป็นต้นเหตุแห่งเสียง
"พี่อุ่น ยังไม่นอนดอกรึ ตื่นมาทำกระไร"
"ตื่นเร็วพ่อเพิ่ม มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังตรงมาที่เรือน"
หญิงสาวพูดเสร็จ รีบตรงไปยังหน้าห้องผู้เป็นบิดาแล้วเคาะประตู "พ่อ..พ่อ ตื่นเถิดจ้ะ เราต้องเร่งเดินทางกันแล้ว"
เพิ่มถลันตัวไปอย่างรวดเร็วที่หน้าต่าง แสงไฟจากคบเพลิงหลายดวงกำลังมุ่งตรงมาที่นี่ เขากล่าวสบถออกมา แล้ววิ่งกลับมาสมทบกับแม่อุ่น นายเมฆเปิดประตูออกมาผูกผ้าขาวม้าคาดเอวแล้วเอ่ยถาม "มีกระไรเกิดขึ้น"
"รีบไปกันเถอะพ่อครู มีกลุ่มคนกำลังมุ่งตรงมาที่นี่ ...ท่าทางนางจันจะพูดจริง"
นายเมฆชะโงกไปดูที่หน้าต่างเห็นจริงดังว่าจึงรีบกล่าว "คงขนของไม่ทันเสียแล้ว เตรียมห่อผ้าของใช้จำเป็นไปก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาเอาของที่เหลือ"
เสียงฝีเท้าหลายคู่เร่งเดินอย่างไม่ลดละ จวบจนกระทั่งใกล้จะถึงเรือนเป้าหมาย ผู้เป็นนายจึงหยุดแล้วสั่งการ "ผ้าคาดหน้าเตรียมให้พร้อม อย่าเพิ่งให้พวกมันรู้ตัว"
ผ้าโพกสีดำถูกดึงออกมาคาดเพื่อปกปิดใบหน้า เพียงแค่ได้เห็นเรือนของแม่อุ่น ก็ทำให้หัวใจของชายผู้มักมากในกามารมณ์พองโต ภาพคลอเคลียลูบไล้เนื้อเนียนทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อนึกถึงเวลาที่จะได้สมอารมณ์หมาย
"ไปโว้ย! ห้ามใครแตะต้องแม่อุ่นนอกจากกู หากใครขวางจัดการมันให้หมด"
อ้ายแดงทับหน้าวิ่งบุกตะลุยไปคนแรก แล้วตามหลังด้วยสมัครพรรคพวกที่เหลือ เมื่อวิ่งมาถึงหน้าเรือนจึงชะลอฝีเท้ารั้งรอ แล้วหันไปพูดกับอ้ายปลั่งผู้ที่มีร่างกายใหญ่โตแต่ปัญญาหนาทึบว่า "เอ็งพังประตูเข้าไปก่อนเลย ประเดี๋ยวข้าระวังหลังให้"
อ้ายปลั่งได้ยินดังนั้นจึงเบาใจว่าด้านหลังมีคนคุ้มกันภัยให้ จึงเอาตัวกระแทกประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย เพียงไม่กี่ครั้งประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย จนชายหนุ่มตัวโตกลิ้งล้มคะมำไม่เป็นท่า โดยมีอ้ายแดงเดินเหยียบข้ามไปด้านหน้าแล้วกล่าว "ทางปลอดขอรับ คุณหลวง"
ในเรือนดูเงียบผิดปกติ สายตาคมปลาบกวาดตามอง แล้วตรงไปยังห้องแม่อุ่น ประตูถูกผลักเปิดออกโดยง่ายดาย เพราะด้านในไม่ได้ลงสลักเอาไว้ ในห้องว่างเปล่าไม่มีผู้คน หลวงนิมิตวรากรเริ่มว้าวุ่นใจแล้วหันไปสั่งกับลูกสมุน "ค้นให้ทั่ว"
ทุกคนออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในเรือนแต่ไม่พบผู้ใด "ไม่พบขอรับ"
ความโกรธปะทุขึ้นมาอีกครั้ง กรามขบแน่นจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปนขึ้นมา เสียงตะโกนร้องบ่งบอกถึงความกราดเกรี้ยว "แม่อุ่น!.."
หลวงนิมิตวรากรเดินพล่านไปทั่วเรือน ตามหาแม่อุ่นทั่วทุกห้องแต่ก็ไม่มีวี่แวว ข้าวของในห้องว่างเปล่า ความว้าวุ่นใจเกรงว่าจะเสียหญิงผู้เป็นที่รักไป ทำให้เขาเริ่มพร่ำเพ้อคนเดียว "หรือว่าแม่อุ่นจะหนีไปเสียแล้ว ทำไมไม่รอพี่ อีกนิดเดียวเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว เพราะอ้ายเพิ่มใช่ไหม เป็นเพราะพาแม่อุ่นของกูหนีไปใช่ไหม งั้นกับกูอย่าอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันอีกเลย"
"เอาไฟมา...พวกจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีกต่อไป" เสียงร้องตะโกนดังลั่น ชายหนุ่มโยนคบเพลิงที่อ้ายแดงยื่นส่งมาให้ทิ้งลงบนพื้น เขาจ้องมองดูเปลวเพลิงที่กำลังเริ่มลุกลาม แสงที่ส่องสว่างให้ความรู้สึกที่ร้อนรุ่ม เหมือนดั่งชายผู้ผิดหวังในความรักผู้นี้
ใจที่พิโรธตะโกนสั่งลูกสมุน "ไปตามหาแม่อุ่นให้กูประเดี๋ยวนี้ ใครขวางทางฆ่ามันให้หมด"
เสียงฝีเท้าเหยียบใบไม้ดังสวบสาบตลอดทาง ทั้งสามคนเร่งออกเดินทางเพื่อให้พันจากน้ำมือคนจิตใจหยาบช้า แม่อุ่นก้าวย่างด้วยใจประหวั่นพรั่นพรึงมาได้ชั่วครู แต่ด้วยความอาลัยอาวรณ์เรือนเกิด จึงทำให้หันกลับไปดูอีกครั้ง ภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าทำให้เลือดในกายจับตัวแข็ง เข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้น เปลวไฟร้อนแรงที่พวยพุ่งสู่ด้านบน หน้าจั่วเรือนไทยที่มองเห็นไกลๆ กำลังโชติช่วงไปด้วยเปลวอัคคี
"แม่อุ่นเป็นกระไร"
ผู้เป็นบิดาฉุดรั้งบุตรสาวให้ลุกขึ้นยืน จึงเหลือบไปเห็นไฟที่ลุกถาโถมเผาเรือนของตน ทำให้หน้าที่เคยมีสีกลับซีดจางลงไปถนัดตา
พ่อเพิ่มผู้มีสติที่สุด เดินมาฉุดแม่อุ่นและนายเมฆขึ้นพร้อมกล่าวเตือน "เรารั้งรอที่นี่ไม่ได้แล้วหนา ภัยกำลังจะมาถึงตัว ถ้าเยี่ยงไรรีบเร่งออกเดินทางเสียก่อนเถิด"
ทั้งสามคนรีบเร่งเดินจากไป ทั้งๆ ที่ใจอยากจะกลับไปดูเรือน ที่กำลังถูกเปลวเพลิงเผาเผลิญ แต่ขืนชักช้ากว่านี้ ไม่ใช่แค่เรือนที่วอดวาย แต่ชีวิตก็อาจจะมอดม้วยไปตามกันเสียก็ได้ นายเมฆรู้สึกเหนื่อยหอบดั่งจะเป็นไข้ แต่ต้องกล้ำกลืนมันลงไป ฝืนสังขารไม่ได้เอ่ยปากออกมา
ฝีเท้าของชายฉกรรจ์เร่งเร็วขึ้น เพื่อไล่ตามให้ทันวิ่งกวดมาอย่างกระชั้นชิด "เห็นเงาตะคุ่มๆ ด้านหน้าแล้วขอรับ" อ้ายแดงบ่าวคนสนิทวิ่งรั้งท้ายแจ้งข่าวนาย
"ไปเอาตัวแม่อุ่นมาให้กู ส่วนใครจับตายอ้ายพวกที่เหลือได้ กูจักตบรางวัลอย่างงาม"
เมื่อได้ยินดังนั้นอ้ายโตลูกสมุนผู้มีฝีเท้าเร็วดั่งสายลม จึงรีบวิ่งปรี่นำไปก่อนหมายจะเอารางวัล เสียงฝีเท้าที่วิ่งใกล้เข้ามาทำให้เพิ่มหันหลังกลับ ดาบยาวที่คมปลาบฟาดลงมาหมายจะเอาชีวิต ชายหนุ่มใช้ฝักดาบรับไว้ได้ทันท่วงที แล้วเหยียดขายันคู่ต่อสู้เข้าที่กลางอก ดาบเหล็กน้ำพี้ถูกชักออกมาแล้วหมุนควงด้วยความชำนาญ สองดาบประสานฟาดฟันอย่างไม่ลดละ
"พ่อครู พาแม่อุ่นหนีไปก่อน" เพิ่มตะโกนพร้อมกับยกดาบขึ้นฟัน
สองคนพ่อลูกกอดประคองวิ่งหนี นายเมฆหันหลังมองศิษย์รักแล้วประเมินคู่ต่อสู้ ด้วยฝีมือเช่นนี้ชายหนุ่มคงรับมือได้ไม่ยาก จึงรีบเร่งนำไปก่อน
ชายสองคนเดินวนดูเชิงกัน เมื่อหาจังหวะได้อ้ายโตง้างดาบเข้าฟัน เพิ่มรับดาบแล้วประมือกันสองสามครั้ง เสียงฟาดฟันดังเป็นระยะ เมื่อมีจังหวะชายหนุ่มจึงเข้าไปเตะตัดขาคู่ต่อสู้ ทำให้ชายอีกคนล้มลงไปนอนกับพื้น ดาบกระเด็นกระดอนไปอีกทาง เพิ่มเก็บดาบเข้าฟักแล้วเดินตรงไปยังคู่ต่อสู้ที่กำลังลุกขึ้นมา ข้อศอกที่หนักหน่วงสะบัดฟาดเข้าที่ปลายคาง ทำให้คู่ต่อสู้หน้าหงายล้มตึงลงไป ร่างกำยำก้มลงเก็บดาบคู่ต่อสู้แล้ววิ่งตามพ่อครูไป
อ้ายแดงวิ่งมาด้วยความกระหืดกระหอบ พบอ้ายโตนอนไม่ได้สติจึงเอาขาเขี่ย "เฮ้ย! มานอนกระไรอยู่ตรงนี้โว้ย แล้วพวกอ้ายเพิ่มไปไหนเสีย" ชายหนุ่มนอนไม่ได้สตินิ่งไม่ไหวติง
สายตาสอดส่ายเห็นหลังไวๆ บ่าวคนสนิทจึงรีบแจ้งต่อนาย
"พวกมันหนีไปทางนู้นขอรับคุณหลวงเห็นหลังไวๆ "
"แล้วจะมาพูดพร่ำอยู่ทำไม ตามพวกมันไปซิโว้ย" ขาที่กำลังง้างหมายจะถีบก็ต้องวืดไป ด้วยอ้ายแดงบ่าวคนสนิทไหวตัวทันวิ่งหนีไปเสียก่อน
เพิ่มวิ่งตามหลังมาสมทบกับพ่อครู แม่อุ่นที่เดินอยู่ไม่ห่างรู้สึกเป็นห่วงจึงเอ่ยถาม "เป็นกระไรมั่งพ่อเพิ่ม"
"ไม่เป็นไรจ้ะ เรารีบเร่งไปกันเถิดพวกมันตามมาสมทบกันแล้ว"
ชายสูงวัยเริ่มรู้สึกหนาวสั่น เหงื่อไหลโซมกาย ขาที่ย่างก้าวเริ่มไร้เรี่ยวแรง นายเมฆทรุดลงไปนั่งกับพื้น แม่อุ่นที่หันมาเห็นผู้เป็นพ่อผิดปกติไป จึงตกใจเอ่ยถาม "พ่อ ๆ เป็นกระไรไป"
"ไม่เป็นกระไรมาก แค่สะดุดเท่านั้นเอง เจ็บขานิดหน่อย" ผู้อาวุโสกล่าวเท็จด้วยไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง
เพิ่มรีบเข้ามาประคองแล้วยันกายขึ้น แม่อุ่นสอดแขนเข้าอีกข้าง แล้วหิ้วประคองนายเมฆออกเดิน "แข็งใจไว้ก่อนหนาพ่อครู"
ทั้งสามคนก้าวเดินด้วยความเชื่องช้า เสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังใกล้เข้ามา อาการไข้จับสั่นของนายเมฆจู่ๆ ก็กำเริบขึ้นมา เขาจึงคิดว่าขืนฝืนประคองกันไปเช่นนี้ พวกหลวงนิมิตวรากรคงจะตามมาทันในไม่ช้า และบุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ คงไม่พ้นมีมลทินเพราะอ้ายหลวงชั่วเป็นแน่แท้
ส่วนชีวิตตนเองที่เหมือนไม้ใกล้ฝั่งจะตายวันตายพรุ่งเมื่อใดไม่รู้ หากแม้จะตายแล้ว ขอตายด้วยรักษาเกียรติของผู้เป็นบุตรสาวผู้เป็นที่รัก
"ข้าขอกระไรเอ็งสักอย่างได้ไหมพ่อเพิ่ม" น้ำเสียงสั่นเทาเอ่ยถามผู้เป็นศิษย์
"ได้จ้ะพ่อครู แต่ฉันว่าอย่าเพิ่งพูดกระไรเลย แข็งใจไว้ก่อน หากหนีรอดไปได้แล้วเราค่อยคุยกันดีหรือไม่" เพิ่มพะว้าพะวงกับเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"เอาเป็นว่าข้าฝากแม่อุ่นด้วยหนา สัญญาของลูกผู้ชาย"
"ฉันสัญญา ไม่ว่าจะเป็นพ่อครู แลพี่อุ่น ฉันจะดูแลทุกคนเอง"
สิ้นคำพ่อเพิ่ม นายเมฆแข็งใจเฮือกสุดท้ายสลัดมือจากคนทั้งสอง ชักดาบออกจากฟักแล้ววิ่งตรงไปยังศัตรูที่กำลังตรงมา แล้วหันหลังกลับมาตะโกน "พ่อเพิ่ม พาแม่อุ่นหนีไป เอ็งสัญญากับข้าแล้วหนา"
ทั้งสองคนยืนตกตะลึงกับการกระทำของนายเมฆ ร่างกายหญิงสาวสั่นเทา น้ำตาที่คลอเบ้าเริ่มเอ่อท้นขึ้นมาอาบสองแก้ม แล้วตะโกน
"พ่อๆ อย่าไป"
ขาวิ่งออกไปหมายจะตามผู้เป็นบิดา แต่แล้วมือแข็งแรงคู่หนึ่งดึงรั้งร่างบางให้วิ่งตรงไปข้างหน้า
"ปล่อยฉันหนาพ่อเพิ่ม บอกให้ปล่อย ฉันจะไปหาพ่อ" เสียงตะโกนร้องโหยไห้ดั่งจะขาดใจ
แขนแข็งแรงโอบรัดแน่นไม่ฟังเสียงยังคงฉุดกระชากลากถู น้ำตาแห่งลูกผู้ชายไหลหลั่งรินแล้วตะโกนตอบ "มีสติหน่อยซิพี่อุ่น พ่อครูเสียสละขนาดนี้เพื่อใครกัน ลองตรองดู หากฉันปล่อยพี่ไป พ่อครูคงจะ....ตายเปล่า" เสียงพูดประโยคสุดท้ายแผ่วเบา ดั่งมีก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่คอ
ภาพครอบครัวที่เคยอยู่พร้อมตาอย่างมีความสุขเริ่มเลือนลาง ผู้เป็นมารดาละสังขารลาไปก่อนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ผู้เป็นบิดากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายที่อาจถึงชีวิต เพื่อปกป้องบุตรสาวผู้เป็นดั่งดวงใจ เสียงดาบปะทะฟาดฟันกันอยู่เบื้องหลัง