2ทางหลัก 3แพร่ง สู่พระนิพพาน

นรกมีจริง สวรรค์มีจริง ชาติหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ พระนิพพานมีจริง ใจดวงนี้มันมีความรู้สึกปกคุมใว้ ความรู้สึกมันเป็นได้ทุกอย่าง ไครหลงมันก็หลงในความรู้สึกในใจ วนเกิดวนตายในใจดวงนี้ละ เวลามาเกิดมันก็มาคนเดียว เวลามันตายมันก็ไปคนเดียว ทั้งเกิดและตายมันอยู่ในใจนั้นละ ความรู้สึกมันหลอก มันหลอกให้เกิดเป็นนั้นเกิดเป็นนี้ แล้วก็ตายในใจเจ้าของนั้นละ ธรรมชาติของใจมันครอบมันคุมไปหมดนะ เป็นธรรมชาติรู้ทุกสิ่งทั้งจักวาล ทั้งโลก ทั้งนรก ทั้งสวรรค์ ทั้งพรมโลก ทั้งนิพพาน มันอยู่ในใจดวงนี้ละ แต่ที่เห็นว่าโลกเป็นเช่นนี้ จักวาลเป็นเช่นนี้ นรก-สวรรค์เป็นเช่นนี้ พรมโลกเป็นเช่นนี้ พระนิพพานเป็นเช่นนี้ มันโดนความรู้สึกที่ปกคุมในใจหลอก จริงๆแล้วไม่มีสิ่งใดเกิดไม่มีสิ่งใดดับ แต่ที่เข้าใจว่ามีสิ่งใดเกิดสิ่งใดดับ มันคือความหลงไปยึด ความรู้สึกเท่านั้น      จักวาล โลก นรก สวรรค์ พรมโลก มันเกิดในใจนั้นละ แล้วก็ดับในใจนั้นละ เป็นแค่ความรู้สึกเกิด-ดับนั้นละ คราวนี้ใจมันหลงความรู้สึก มันเข้าใจว่าสิ่งทั้งปวงที่เกิดและดับในใจนั้น เป็นตัวเราตัวเขา มีเรามีเขาเข้าไป แต่ความจริงไม่มี มันเป็นแค่ความรู้สึก ไปนรก ไปสวรรค์ ไปพรมโลกมันเป็นเพียงใจที่หลงในความรู้สึกนั้นละ ความรู้สึกมันหลอก หลอกเป็นตุเป็นตะได้อย่างแยบยล จนหลงกันทั้งโลกจริงๆไม่มีไครเกิด จริงๆไม่มีไครตาย ที่เกิดตายมันแค่ความรู้สึก ใจมันหลงมันก็เข้าไปยึดยึดว่ามีเราเกิดยึดว่ามีเราตาย ยึดว่ามีเขาเกิดยึดว่ามีเขาตาย มันก็วนเวียนหลงในใจดวงนี้ละ เมื่อหมดหลงใจมันตื่นเลย ตื่นรู้เลยใจก็ไม่หลงเลยไม่หลงไปในความรู้สึก จากเดิมที่ความรู้สึกมันหลอก ให้เกิดเป็นโน่นเป็นนี้เวียนเกิดไปในนรก ไปสวรรค์ ไปพรมโลก มันตื่นรู้เลยเห็นว่าไม่มีเราเลย ไม่มีเขาด้วยมันเป็นแค่ความรู้สึกที่หลอกใจเท่านั้น พอใจหมดความหลงนี้ ตื่นรู้เลย คราวนี้จากเดิมที่ความรู้สึกมันจะเป็นโน่นเป็นนี้มันหมดเลย ใจมันไม่ไปตามความรู้สึก คือไม่ไปยึดความรู้สึก มันได้แต่รู้แต่ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นอะไร เพราะมันตื่นแล้วใจมันตื่น ตื่นจากความหลงของความรู้สึก ที่เกิดที่ตายกันมันเป็นแค่ความรู้สึก ที่ใจมันหลง พอมันปฏิบัติไปจนเข้าไปถึงใจมันรู้เลยว่า ขนาดของโลก ของจักวาล นรก สวรรค์ พรมโลก เป็นมายามันไม่มีความแน่นอน มันซ้อนทับเป็นกรรมของผู้หลง พอหมดหลง ใจมันรวมรู้เป็นหนึ่งเลยเป็นจิตหนึ่งเลย พระพุทธเจ้าไม่สามารถทำให้ไครนิพพานได้ แต่พระพุทธเจ้าชี้ทางนิพพานได้ ได้แค่ชี้ให้เท่านั้น เพราะใจแต่ละดวงมันหลง จะพ้นได้มันต้องหมดหลงด้วยใจตนเอง ไครยังไม่ตื่นก็เกิด-ตายตามความรู้สึกของใจไปเรื่อยไป เมื่อหมดหลงมันตื่นรู้เลย ธรรมชาติใจเป็นธรรมชาติรู้ แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าคือสิ่งใด บัญญัติขึ้นมาไม่ได้ ตัวอวิชชาที่มันสร้างภพสร้างชาติ เป็นอย่างโน่นเป็นอย่างนี้ มันแค่ความรู้สึกเท่านั้น ที่เกิดดับสืบต่อในใจสัตว์  2ทางหลักคือ เมื่อใจรู้แล้วปรุงแต่งต่อ อันนี้ทางหนึ่ง เมื่อรู้แล้วใจหยุดการปรุงแต่งต่ออันนี้ทางหนึ่ง
3แพร่งย่อยคือ เมื่อใจหยุดปรุงแต่งแล้ว ย่อมรู้อยู่ แพร่งแรกรู้ความสงบว่ามีเรา อันนี้เป็นรูปพรม แพร่งสองรู้ว่าความว่างไม่มีประมาณเป็นเราอยู่ อันนี้อรูปพรม แพร่งที่สามรู้อยู่ ทั้งสงบ และ ว่างไม่มีประมาณ แต่ถอนอัตตาออกได้ รูปราคะ และ อรูปราคะ ย่อมไม่มี แล้วเมื่อใจรู้ตื่นเต็มที่ จะบัญญัติไม่ได้ว่าใจรู้อะไร เมื่อบัญญัติไม่ได้ รู้นั้นจึงบริสุทธิ์ กลายเป็นวิมุติคือรู้ความจริง อวิชชาความไม่รู้จริง รู้สมมุติทั้งหลายจึงดับไปจากใจ ทางนี้ไปนิพพาน นรกมีจริง สวรรค์มีจริง ชาติหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ พระนิพพานมีจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่