สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้า อัฐยาย ซื้อขนมยาย ถึงไม่ได้อะไร หลานยายก็ยังได้กินขนม
แต่ถ้า อัฐยาย(ภาษีประชาชน) เข้ากระเป๋าใครบางคนที่ไม่ใช่ประชาชนทั้งหมด ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์
ปัญหาที่แท้จริงของเศรษฐกิจตอนนี้ คือโลกเขาไม่คบค้ากับเรา เพราะเราชิ่งหนีพันธมิตรเก่าอย่างอเมริกา และยุโรป ด้วยพฤติกรรมที่เขารังเกียจคือการปฏิวัติรัฐประหาร ที่พยายามจะไปตีซี้เป็นพันธมิตรกับจีน ก็ถุกจีนทำท่าจะขูดรีดจนไม่เหลือประโยชน์อะไรให้กับเศรษฐกิจของเรา
ไม่ต้องให้สมคิด หรือโสภน มาพล่ามให้เปลืองน้ำลายเลย พูดไปก็แก้ไม่ได้ ถ้าหากโลกยังมองเราเช่นนี้อยู่
แต่ถ้าไปถามแม่ค้าขายกล้วยแขกปากซอยหมู่บ้านผม แกบอกแกแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะถ้าแกเป็นคนมีอำนาจ แกก็จะคืนอำนาจให้ประชาชน
แค่นั้น ต่างชาติก้เลิกตั้งข้อรังเกียจและกลับมาคบค้ากับเราแล้ว
แต่ถ้า อัฐยาย(ภาษีประชาชน) เข้ากระเป๋าใครบางคนที่ไม่ใช่ประชาชนทั้งหมด ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์
ปัญหาที่แท้จริงของเศรษฐกิจตอนนี้ คือโลกเขาไม่คบค้ากับเรา เพราะเราชิ่งหนีพันธมิตรเก่าอย่างอเมริกา และยุโรป ด้วยพฤติกรรมที่เขารังเกียจคือการปฏิวัติรัฐประหาร ที่พยายามจะไปตีซี้เป็นพันธมิตรกับจีน ก็ถุกจีนทำท่าจะขูดรีดจนไม่เหลือประโยชน์อะไรให้กับเศรษฐกิจของเรา
ไม่ต้องให้สมคิด หรือโสภน มาพล่ามให้เปลืองน้ำลายเลย พูดไปก็แก้ไม่ได้ ถ้าหากโลกยังมองเราเช่นนี้อยู่
แต่ถ้าไปถามแม่ค้าขายกล้วยแขกปากซอยหมู่บ้านผม แกบอกแกแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะถ้าแกเป็นคนมีอำนาจ แกก็จะคืนอำนาจให้ประชาชน
แค่นั้น ต่างชาติก้เลิกตั้งข้อรังเกียจและกลับมาคบค้ากับเราแล้ว
แสดงความคิดเห็น
กระตุ้นเศรษฐกิจแบบ “อัฐยาย ซื้อขนมยาย” จะพากันลงเหว? ดร.โสภณ ปะทะ ดร.สมคิด
ดร.โสภณ พรโชคชัย ได้วิพากษ์นโยบายและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติของรัฐบาลที่เสนอโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็นระยะ ๆ ดังนี้:
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มี "การปล่อยกู้ 1.37 แสนล้านบาท ผ่าน 3 โครงการ เริ่มจากให้แบงก์รัฐปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้านแบบไร้ดอกเบี้ย ใส่เงินลงไปตำบลละ 5 ล้านบาททั่วประเทศ รวมทั้งกระตุ้นการลงทุนโครงการขนาดเล็ก มุ่งหวังให้คนมีกำลังจับจ่ายใช้สอย . . . (รวมทั้ง) ให้แบงก์รัฐ 2 แห่ง คือ ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ปล่อยเงินกู้แห่งละ 30,000 ล้านบาท รวม 60,000 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้เงินก้อนนี้ไปปล่อยกู้ต่อให้สมาชิก แบบไม่มีดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี"
ข้อนี้ ดร.โสภณ เคยวิพากษ์ (http://bit.ly/1Pqr1bb) ไว้ว่า
1. ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ การลงทุนแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้น หากมีการกู้เงินเกิดขึ้น เกรงจะเป็นการกู้ไปใช้หนี้แทน หรือไม่ก็กู้ไปใช้จ่ายโดยไม่ได้กลายเป็นทุน หดหายหมดไปอย่างสูญเปล่า สร้างหนี้สินจนต่อไปอาจยิ่งเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว กลายเป็นการสร้างปัญหาสังคม เท่ากับไม่นำพาแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
2. การที่รัฐบาลมุ่ง "ปั้ม" ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นผลงานโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อชาตินี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
3. ยิ่งกว่านั้นการให้กู้เงินโดยไม่มีดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ก็ยิ่งทำให้ธนาคารเกิดความเสี่ยง ยิ่งต้องกันสำรองหนี้ไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสถาบันการเงินของรัฐ แต่ก็ควรมีความรับผิดชอบต่อผู้ฝากเงิน มีมาตรการเตรียมไว้หากเสียหาย ทำให้ธนาคารได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงในอนาคต
เคดิต : http://www.trebs.ac.th/Thai/news/index.php?nid=9