เมื่อพูดถึงเนื้อโกเบแล้วมันก็ต้องพรีเมี่ยมอยู่แล้วเนอะ ฮ่าๆ
กินแหลกขอเสนอ ร้าน Mikaku ร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่า 80 ปีเลยครับ แต่อยู่ที่จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นโน่น
Mikaku ได้มาเปิดสาขานอกประเทศ คือที่ไทยเป็นที่แรก ถือว่าโชคดีมากเลย และยิ่งกว่านั้น เชฟเคนจิ มิโตะ ทายาทรุ่นที่3 ของร้าน เค้าได้มาดูแลร้านที่นี่เองเลยด้วย
ความพรีเมี่ยมของเนื้อร้านนี้ครับ จะใช้เนื้อโกเบระดับ A4 - A5 ที่มีใบรับรองครับ ส่วนเรื่องการเก็บรักษาเนื้อก็จะเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม
ร้าน Mikaku ตั้งอยู่ที่ชั้น2 ของร้าน Maison Eric Kayser ครับ ระหว่างซอยทองหล่อ 3 และซอยทองหล่อ 5
จุดสังเกตคืออยู่ฝั่งตรงข้ามธนาคารกรุงศรีอยุธยาเลยครับ มีที่จอดรถด้วย
มาถึงก็ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น2กันเลยครับ
แล้วก็เดินเข้ามาด้านในจะพบกับที่นั่งเรียงรายรอบเตาครับ
เมนูของร้านนี้จะมีเป็นแบบ course set ครับ **โน๊ตไว้หน่อย ต้องโทรจองล่วงหน้านะครับ ไม่งั้นอาจมาเสียเที่ยวได้**
สำหรับคนไม่กินเนื้อก็มีให้เลือกเหมือนกันครับ
นอกจากนี้ ที่ร้านก็ยังมี lunchtime set menu ด้วย อันนี้ไม่ต้องโทรจองครับ
ร่ายยาวเยอะละ มาลุยกันเลยดีกว่า
ถ้าเราสั่งแบบ course menu ที่ร้านก็จะมีอาหารเรียกน้ำย่อยมาให้ก่อนครับ
ในจานก็จะมีเนื้ออบ หอยเชลล์ราดทาท่าซอสแล้วนำไปอบ แล้วก็มะเขือม่วงอบ แค่นี้ก็อร่อยมากแล้วจริงๆครับ
และไม่ปล่อยให้รอนานเชฟเคนจิก็นำเนื้อชิ้นโตมากจากห้องลับ จริงๆก็ห้องเก็บเนื้อนั่นแหละครับ
คอร์สแรกที่จะได้กินกันก็คือ Steak (3500++/100g) ซึ่งในรูปจะเป็นส่วนของเนื้อสันใน (Tenderloin)
แล้วเชฟก็ปรุงผักเตรียมไว้ครับ
ไม่รีรออะไรทั้งสิ้นครับ ฉ่าาาา เนื้อลงกระทะเรียบร้อย พร้อมกลิ่นหอมโชยมา
จากนั้นก็นำเนื้อมาพัก ไม้ให้มันสุกจนเกินไป
ออกมาแล้วครับ จานแรกของเรา สั่งมาแบบ medium ครับ เนื้อนุ่มละมุนลิ้นมาก ฉ่ำกำลังดีเลย นี่ขนาดเนื้อไม่ติดมันนะครับ
จะกินให้อร่อยก็แตะเกลือนิด จิ้มโชยุหน่อย แล้วก็ตามด้วยกระเทียมซัก 2 ชิ้นครับ อื้มมมมมม ฟินครับ
คอร์สต่อมาก็คือ Oil-yaki (3500++/100g) ครับ ใช้เนื้อสันใน (Tenderloin) ชิ้นเดิมนั่นแหละครับ แต่จะแล่บางกว่าเดิม
แล้วเชฟก็ทำการปรุงตามสูตรลับของตระกูลครับ
และแล้วก็ ... ฉ่าาาา ลงกระทะตามระเบียบ
แบ่งใส่จานเล็กให้ด้วยครับ
เมนูนี้เชฟบอกว่าใช้ตะเกียบตัดได้เลย แล้วก็จริงซะด้วย จิ้มไปแล้วง้างตะเกียบเนื้อก็ขาดจากกันแล้วครับ
ชิ้นนี้กินเปล่าๆก็อร่อยแล้วครับ หรือจะกินคู่กับน้ำจิ้มที่ให้มาด้วยก็ได้อร่อยไปอีกแบบครับ สุดยอดมากจริงๆ
และเชฟก็นำเนื้อสันนอก (Sirloin) ลายสวยๆออกมาแล่ คราวนี้เชฟแล่บางๆ
บอกเลยว่าสไตล์การแล่เนื้อของเชฟเคนจินี่เท่มากจริงๆครับ
ได้เนื้อชิ้นบางๆออกมา
การที่จะแล่เนื้อได้บางขนาดนี้ต้องเป็นคนที่ฝึกฝนการใช้มีดมาอย่างเชี่ยวชาญนะครับ สุดยอดจริงๆ
แล้วก็มาถึงคอร์สต่อไปกับครับ Grilled Shabu-Shabu (3500++/100g) ลงกระทะกันเลยครับ ขั้นตอนของเมนูนี้ไม่มีอะไรมาก
หั่น เสิร์ฟ พร้อมทาน ดูง่ายๆใช่มั้ยครับ จิ้มกับน้ำจิ้มพอนสึ ผมนี่แทบลอย ความหอมหวานของมันที่แทรกในเนื้อออกมา
พร้อมกับรสเปรี้ยวของน้ำจิ้มพอนสึ ทำให้รสของเนื้อวัวเด่นขึ้นมาครับ แต่อย่าจิ้มเยอะนะ ไม้งั้นเปรี้ยวล้วน เสียรสชาติ
ต่อกันเลย เนื้อสันนอก (Sirloin) ชิ้นเดิมเพิ่มเติมคือเครื่องปรุงครับ Sukiyaki (3500++/100g) บอกเลยว่าคอร์สนี้ก็เด็ดไม่แพ้กันเลยครับ
ก่อนอื่น เชฟก็จะโรยเกลือบนกระทะครับ เอาเนื้อลงแล้วราดด้วยซอสสูตรพิเศษครับ
แล้วกลิ่นหอมก็ลอยออกมาแบบไม่หยุด ไม่ทันได้รอนานก็พร้อมกินครับ
จิ้มกินกับไข่ออนเซ็น เด็ดมาก รสเค็มๆที่มากับซอส และมันของเนื้อ รวมกับรสอ่อนๆของไข่แดงและไข่ขาว สุดยอดดด !!
หรือถ้าจะจิ้มต่อด้วยพอนสึก็ใช้ได้เลยครับ ความหวานมันนี่เกินบรรยายจริงๆ
ปิดท้ายด้วยของหวานจากที่ร้าน เป็นไอศครีมข้าวบาร์เลย์ครับ
อร่อยใช้ได้เลย หอมกลิ่นข้าวบาร์เลย์ รสไม่หวานเลี่ยน กินล้างปากได้ดีเลยครับ
มาถึงตรงนี้แล้วคงหิวกันใช่มั้ยล่ะครับ ผมว่าถ้าอยากจะหาร้านเทปันยากิบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
พร้อมด้วยอาหารรสชาติอร่อยๆ ร้านนี้ผมยกให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกต้นๆเลยครับ มันต้องไปลองจริงๆครับ
จริงๆก็อยากให้5ดาวนะครับ ถ้าไม่ติดเรื่องราคา ฮ่าๆ 4.5 ละกันเนอะๆ
สำหรับใครที่อยากติดตามร้านอาหาร และอาหารอร่อยๆเพิ่มเติม
ตามเราไปที่นี่เลยครับ
FB: www.facebook.com/kinlagthailand
IG: @KINLAG
[SR] เทปันยากิเนื้อโกเบ พรีเมี่ยมของจริงต้องร้านนี้
กินแหลกขอเสนอ ร้าน Mikaku ร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่า 80 ปีเลยครับ แต่อยู่ที่จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นโน่น
Mikaku ได้มาเปิดสาขานอกประเทศ คือที่ไทยเป็นที่แรก ถือว่าโชคดีมากเลย และยิ่งกว่านั้น เชฟเคนจิ มิโตะ ทายาทรุ่นที่3 ของร้าน เค้าได้มาดูแลร้านที่นี่เองเลยด้วย
ความพรีเมี่ยมของเนื้อร้านนี้ครับ จะใช้เนื้อโกเบระดับ A4 - A5 ที่มีใบรับรองครับ ส่วนเรื่องการเก็บรักษาเนื้อก็จะเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม
ร้าน Mikaku ตั้งอยู่ที่ชั้น2 ของร้าน Maison Eric Kayser ครับ ระหว่างซอยทองหล่อ 3 และซอยทองหล่อ 5
จุดสังเกตคืออยู่ฝั่งตรงข้ามธนาคารกรุงศรีอยุธยาเลยครับ มีที่จอดรถด้วย
มาถึงก็ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น2กันเลยครับ
แล้วก็เดินเข้ามาด้านในจะพบกับที่นั่งเรียงรายรอบเตาครับ
เมนูของร้านนี้จะมีเป็นแบบ course set ครับ **โน๊ตไว้หน่อย ต้องโทรจองล่วงหน้านะครับ ไม่งั้นอาจมาเสียเที่ยวได้**
สำหรับคนไม่กินเนื้อก็มีให้เลือกเหมือนกันครับ
นอกจากนี้ ที่ร้านก็ยังมี lunchtime set menu ด้วย อันนี้ไม่ต้องโทรจองครับ
ร่ายยาวเยอะละ มาลุยกันเลยดีกว่า
ถ้าเราสั่งแบบ course menu ที่ร้านก็จะมีอาหารเรียกน้ำย่อยมาให้ก่อนครับ
ในจานก็จะมีเนื้ออบ หอยเชลล์ราดทาท่าซอสแล้วนำไปอบ แล้วก็มะเขือม่วงอบ แค่นี้ก็อร่อยมากแล้วจริงๆครับ
และไม่ปล่อยให้รอนานเชฟเคนจิก็นำเนื้อชิ้นโตมากจากห้องลับ จริงๆก็ห้องเก็บเนื้อนั่นแหละครับ
คอร์สแรกที่จะได้กินกันก็คือ Steak (3500++/100g) ซึ่งในรูปจะเป็นส่วนของเนื้อสันใน (Tenderloin)
แล้วเชฟก็ปรุงผักเตรียมไว้ครับ
ไม่รีรออะไรทั้งสิ้นครับ ฉ่าาาา เนื้อลงกระทะเรียบร้อย พร้อมกลิ่นหอมโชยมา
จากนั้นก็นำเนื้อมาพัก ไม้ให้มันสุกจนเกินไป
ออกมาแล้วครับ จานแรกของเรา สั่งมาแบบ medium ครับ เนื้อนุ่มละมุนลิ้นมาก ฉ่ำกำลังดีเลย นี่ขนาดเนื้อไม่ติดมันนะครับ
จะกินให้อร่อยก็แตะเกลือนิด จิ้มโชยุหน่อย แล้วก็ตามด้วยกระเทียมซัก 2 ชิ้นครับ อื้มมมมมม ฟินครับ
คอร์สต่อมาก็คือ Oil-yaki (3500++/100g) ครับ ใช้เนื้อสันใน (Tenderloin) ชิ้นเดิมนั่นแหละครับ แต่จะแล่บางกว่าเดิม
แล้วเชฟก็ทำการปรุงตามสูตรลับของตระกูลครับ
และแล้วก็ ... ฉ่าาาา ลงกระทะตามระเบียบ
แบ่งใส่จานเล็กให้ด้วยครับ
เมนูนี้เชฟบอกว่าใช้ตะเกียบตัดได้เลย แล้วก็จริงซะด้วย จิ้มไปแล้วง้างตะเกียบเนื้อก็ขาดจากกันแล้วครับ
ชิ้นนี้กินเปล่าๆก็อร่อยแล้วครับ หรือจะกินคู่กับน้ำจิ้มที่ให้มาด้วยก็ได้อร่อยไปอีกแบบครับ สุดยอดมากจริงๆ
และเชฟก็นำเนื้อสันนอก (Sirloin) ลายสวยๆออกมาแล่ คราวนี้เชฟแล่บางๆ
บอกเลยว่าสไตล์การแล่เนื้อของเชฟเคนจินี่เท่มากจริงๆครับ
ได้เนื้อชิ้นบางๆออกมา
การที่จะแล่เนื้อได้บางขนาดนี้ต้องเป็นคนที่ฝึกฝนการใช้มีดมาอย่างเชี่ยวชาญนะครับ สุดยอดจริงๆ
แล้วก็มาถึงคอร์สต่อไปกับครับ Grilled Shabu-Shabu (3500++/100g) ลงกระทะกันเลยครับ ขั้นตอนของเมนูนี้ไม่มีอะไรมาก
หั่น เสิร์ฟ พร้อมทาน ดูง่ายๆใช่มั้ยครับ จิ้มกับน้ำจิ้มพอนสึ ผมนี่แทบลอย ความหอมหวานของมันที่แทรกในเนื้อออกมา
พร้อมกับรสเปรี้ยวของน้ำจิ้มพอนสึ ทำให้รสของเนื้อวัวเด่นขึ้นมาครับ แต่อย่าจิ้มเยอะนะ ไม้งั้นเปรี้ยวล้วน เสียรสชาติ
ต่อกันเลย เนื้อสันนอก (Sirloin) ชิ้นเดิมเพิ่มเติมคือเครื่องปรุงครับ Sukiyaki (3500++/100g) บอกเลยว่าคอร์สนี้ก็เด็ดไม่แพ้กันเลยครับ
ก่อนอื่น เชฟก็จะโรยเกลือบนกระทะครับ เอาเนื้อลงแล้วราดด้วยซอสสูตรพิเศษครับ
แล้วกลิ่นหอมก็ลอยออกมาแบบไม่หยุด ไม่ทันได้รอนานก็พร้อมกินครับ
จิ้มกินกับไข่ออนเซ็น เด็ดมาก รสเค็มๆที่มากับซอส และมันของเนื้อ รวมกับรสอ่อนๆของไข่แดงและไข่ขาว สุดยอดดด !!
หรือถ้าจะจิ้มต่อด้วยพอนสึก็ใช้ได้เลยครับ ความหวานมันนี่เกินบรรยายจริงๆ
ปิดท้ายด้วยของหวานจากที่ร้าน เป็นไอศครีมข้าวบาร์เลย์ครับ
อร่อยใช้ได้เลย หอมกลิ่นข้าวบาร์เลย์ รสไม่หวานเลี่ยน กินล้างปากได้ดีเลยครับ
มาถึงตรงนี้แล้วคงหิวกันใช่มั้ยล่ะครับ ผมว่าถ้าอยากจะหาร้านเทปันยากิบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
พร้อมด้วยอาหารรสชาติอร่อยๆ ร้านนี้ผมยกให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกต้นๆเลยครับ มันต้องไปลองจริงๆครับ
จริงๆก็อยากให้5ดาวนะครับ ถ้าไม่ติดเรื่องราคา ฮ่าๆ 4.5 ละกันเนอะๆ
สำหรับใครที่อยากติดตามร้านอาหาร และอาหารอร่อยๆเพิ่มเติม
ตามเราไปที่นี่เลยครับ
FB: www.facebook.com/kinlagthailand
IG: @KINLAG
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น