ช่วงนี้กระแสแรงมากกับสเต็กเนื้อ Dry Aged ของลุง Arno เรียกว่ากว่าจะได้กินเนี่ยต้องโทรจองข้ามสัปดาห์กันเลยทีเดียว ร้านของลุง Arno หาไม่ยากครับ ตรงเข้าซอยนราธิวาสฯ 20 มาประมาณ150 เมตรก็จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือ แต่ที่หายากหน่อยก็คงจะเป็นที่จอดรถแหละครับ เพราะร้านคนแน่นทุกวัน ก็ราคาที่ลุงขายถูกกว่าร้านทั่วไปเกินครึ่งแบบนี้จะไม่ให้คนแน่นทุกวันได้ยังไง ภายในร้านมีแบ่งเป็น Indoor และ  Outdoor การตกแต่งเป็นสไตล์ loft ดิบๆ เรียบง่าย แต่ค่อนข้างมืด (ถ่ายรูปยากมากๆ T-T) ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือพนักงานเสริฟจะดูงงๆ มึนๆ และยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเนื้อมากนัก





เมื่อเดินเข้าไปในร้านจะเห็นห้องที่เปิดไฟสว่างจ้าอยู่ทางขวามือซึ่งก็คือห้องที่เราต้องไปเลือกเนื้อจากตู้แช่เนื้อนั่นเอง โดยเราจะต้องรอให้ลุง Arno ออกมาจากครัวเพื่อรับออร์เดอร์เนื้อเองเท่านั้น ซึ่งจุดนี้แหละที่ผมคิดว่าทำให้อาหารค่อนข้างช้า เพราะลุงแกต้องควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนตั้งแต่พูดคุยแนะนำเนื้อแต่ละส่วนให้ลูกค้าทุกคน เข้าไปควบคุมการย่างเนื้อในครัว แถมพอคนเยอะมากๆแกยังต้องออกมารับหน้าแทนพนักงานเสริฟที่ดูงงๆอีกด้วย แต่ก็ถือเป็นเสน่ห์ของร้านนะครับที่ได้เห็นลุงแกวิ่งวนไปวนมา แถมตอนเลือกเนื้อลุงก็น่ารักด้วยชวนคุยอย่างเป็นกันเอง รักจะกินก็ต้องทนรอกันหน่อยหละครับงานนี้





พริ้วไหวจนจับภาพไม่ทัน



หั่นแล้วก็หั่น




เมนูเครื่องเคียงอื่นๆและน้ำซอสครับ



หลังจากเลือกเนื้อและเครื่องเคียงต่างๆเรียบร้อยก็กลับไปนั่งรอที่โต๊ะอย่างใจเย็น สักพักเครื่องเคียงต่างๆก็ทยอยออกมา ไม่ช้าอย่างที่คิดไว้ เริ่มจาก Sauteed Mushroom (120 บาท) เห็ดผัดกับหัวหอม หัวหอมใหญ่ที่ผัดจนสุกทำให้ได้รสหวานธรรมชาติ อร่อยมากกกก จะสั่งจานที่สองก็ของหมดซะแล้ว เสียใจนิดนึง




ต่อด้วย Creamy Spinach (120 บาท) ไม่ค่อยมีครีมเหมือนชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ทานเล่นๆรอเนื้อไปพลางๆ




Pasta Garlic (90 บาท) รสชาติโอเคเลย แต่เส้นแข็งไปนิดแต่ผมกลับชอบนะ




ซอสผมเลือกมามี Thai Sauce (แจ่ว) กับ Pepper Sauce ถ้วยละ 40 บาท แต่หลังจากที่ได้ทานเนื้อแล้วผมว่าซอสก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ กินเนื้อเปล่าๆก็อร่อยอยู่แล้ว




ทาน side dish กันไปซักพัก เนื้อจานแรกก็มา เนื้อที่นี่จะย่างแบบ medium rare ด้านนอกสุกเกรียมนิดๆได้กลิ่นหอมของเนื้อ แต่ข้างในยังแดงๆอยู่ เสริฟมาบนกะทะร้อนๆ ถ่ายรูปกันอยู่ซักพักพนักงานเดินมาบอกว่าเสริฟผิดโต๊ะจ้าาา น่าจะเป็น Prime Rib ของโต๊ะที่สั่งก่อนหน้าผมครับ ก็เลยส่งคืนไปแต่ได้รูปมาเรียบร้อย ฮ่าฮ่า



รอต่อไปอีกซักพักเนื้อที่เฝ้ารอก็เผยโฉมออกมา Mouvant (315 กรัม / 547 บาท) เนื้อชิ้นนี้ลุง Arno แนะนำเอง บอกว่าเอาไปทานเถิดไม่ผิดหวัง ก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับเป็นจานที่ผมชอบที่สุดเลย เนื้อมีรสชาติเข้มข้นในตัวมันเองอยู่แล้ว เนื้อไม่เหนียวเลย แต่ก็ไม่ถึงขั้นละลายในปาก พอให้ได้เคี้ยว ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งได้รสชาติมากขึ้นไปด้วย




Prime Rib (1,090 กรัม / 1,308 บาท) จานนี้เนื้อนุ่มมากกก แทบจะไม่ต้องออกแรงเคี้ยวกันเลยทีเดียว แต่รสชาติจะอ่อนกว่า Mouvant จิ้มแจ่วเพิ่มรสหน่อย ก็อร่อยดี




Ribeye (616 กรัม/ราคา 915บาท) จานนี้ถ้าเทียบกับ Mouvant และ Prime Rib ถือเป็นทางสายกลางครับ นุ่มกว่า Mouvant แต่ไม่เท่า Prime Rib ส่วนรสชาติเข้มข้นกว่า Prime Rib แต่ไม่เท่า Mouvant แต่ก็คุ้มกับราคาที่จ่ายไป เอ้ากินนน!!!




เนื้อหมดไป 3 จาน side dish ก็หมดไป 3 จาน มากัน 4 คน มองหน้ากันแล้วขออีกจานละกันก็เลยสั่ง Sirloin มาอีกชิ้น (ประมาณ 300 กรัม / 472 บาท) จริงๆจะสั่ง Sauteed Mushroom แต่หมดแล้วเลยได้มาแค่เนื้อ ถึงราคาจานนี้จะถูกสุดเมื่อเทียบกับ 3 จานแรกแต่รสชาติก็อร่อยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตรงติดมันนี่หอมมาก ชุ่มฉ่ำ อร่อยเลย แต่จานสุดท้านนี้กว่าจะได้มารอไปอีกเกือบชั่วโมงเหมือนกัน ทางที่ดีสั่งให้พอรอบเดียวดีกว่าครับ ถ้าเพิ่มทีหลังจะได้ช้ามากๆ




สรุปแล้วต้องมาซ้ำแน่นอนครับแต่อาจจะรอให้ทางร้านเข้าที่เข้าทางอีกซักพัก ตอนนี้พนักงานยังดูงงๆ แถมคนก็แน่นล้นทะลักร้าน ส่วนใครที่ยังไม่เคยลองก็ลองโทรจองกันดูนะครับอาจจะรอนานหน่อย ตอนไปทานก็รองท้องไปนิดหน่อยเพราะออร์เดอร์ต้องรอนานพอสมควรอาจจะโมโหหิวได้ แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอนครับ

ติดตามเพิ่มเติมกันได้ที่ https://www.facebook.com/sheepsbutler

Address: 2090/2 ถนน นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 20, กรุงเทพฯ 10120

Open: ร้านอาหารเปิดเวลา 18.00น.-23.00น. (ครัวปิด 22.00น.)
ร้านขายเนื้อ 12.00น.-23.00น.
บริการส่งสินค้า 14.00-18.00น.

Tel: 02-678-8340, 061-864-6425 (12.00น.-18.00น.)