หลางผิงออกรายการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์

กระทู้ข่าว
นับตั้งแต่กลับมาจากการคว้าแชมป์เวิลด์คัพที่ญี่ปุ่น   หลางผิงให้สัมภาษณ์แบบเต็มๆยาวๆมีอยู่ไม่กี่ที่
และที่เห็นว่าเป็นไฮไลท์มีคนสนใจพูดถึง  ก็คือ การไปออกรายการสนทนา 风云会  ทางช่องกีฬา CCTV
ซึ่งออกอากาศไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2015 เดือนที่แล้ว   

รายการเกือบชั่วโมง  บทสัมภาษณ์จึงยาวมากกกก   จะมีตัดข้ามไปบ้างบางส่วน   
และเนื้อหาบางเรื่องก็จะซ้ำจากที่ได้เคยนำมาลงก่อนหน้านี้  แต่ก็มีบางเรื่องที่น่าสนใจ
หวังว่าจะค่อยๆอ่านกันจนจบ  ไม่ตาลายไปซะก่อน  +55555     



คลิปรายการ 风云会  CCTV
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


พิธีกร :  ดูคุณผอมลงจากแต่ก่อน

หลางผิง  :  ใช่  จากแคมป์ทีมชาติตอนต้นปีจนถึงตอนนี้ น้ำหนักลดไป 8 กิโล  แต่ไม่ใช่ลดฮวบทีเดียว  ค่อยๆลด
ปีนี้เป็นปีที่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย  หนักเหนื่อยทั้งใจกาย  



พิธีกร :  หลายคนถามว่าทำไมผมไม่ไปสัมภาษณ์โค้ชหลาง  ผมบอกว่า โค้ชหลางเจ็บคออยู่  แทบไม่มีเสียงพูด  
ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง?

หลางผิง :  ตอนนี้ดีขึ้นหน่อยแล้ว  สาเหตุก็มาจาก(เวิลด์คัพ)ที่ญี่ปุ่นทุกวันใช้เสียงมากเกินไป   ยิ่งในนัดสุดท้ายแข่งกับญี่ปุ่น  
เสียงเชียร์ดังรอบสนาม  น้อยครั้งที่จะเห็นกองเชียร์ญี่ปุ่นส่งเสียงเชียร์ตลอดตั้งแต่ต้นยันจบ  ไม่ใช่ว่าพอเล่นบอลแต้มนี้จบแล้ว
จะหยุดพักสักครู่  ไม่  ส่งเสียงเชียร์ตลอดไม่มีหยุด  และผู้เล่นเราวันนั้นก็ตื่นเกร็งมากไปด้วย   ฉันต้องออกแรงตะโกนสุดเสียง
เราตะโกนไป  ผู้เล่นก็พยักหน้ารับ  แต่ก็ไม่แน่ว่าจะรับรู้ได้ทั้งหมด



พิธีกร : ตอนที่คุณร้องไห้พวกเราต่างก็ไม่ได้อยู่ในยิมฯ ฝึกซ้อมแห่งนี้   แต่ก็มีคนถ่ายภาพคุณตอนนั้นได้  
โค้ชหลางร้องไห้ในที่สาธารณะน้อยครั้งมากที่จะได้เห็น   ตอนนั้นคือทนไม่ไหวแล้วใช่ไหม?

หลางผิง :  วันนั้นเป็นวันที่ตกลงแน่แล้วว่าฮุ่ยรั่วฉีจะไม่ได้ไปแข่งเวิลด์คัพ   จริงๆผู้เล่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก  เปลี่ยนแค่คนเดียว  
แต่ว่าตอนลงฝึกซ้อมก็รู้สึกว่าทุกคนจังหวะมันไม่ถูกไปหมด  เหมือนกับไม่มีวิญญาณ  เล่นวอลเลย์กันไม่เป็น   เห็นแล้วก็ให้ทั้งโมโหทั้งร้อนรุ่ม

รู้สึกว่าตัวเองคุมทีมมาก็ได้ 2 ปีครึ่งแล้ว  ถึงเวลาที่ควรต้องมีผลงานแล้ว   และรู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่ทีมเรามีพัฒนาการมากที่สุด    
แต่พอเกิดเหตุฉับพลันขึ้นแบบนี้   ทำให้รู้สึกอัดอั้นตันใจมาก  เป็นโค้ชมาก็นานหลายปี  ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน  
ผู้เล่นแข็งแรงอยู่ดีๆค่อยๆล้มลงไปทีละคน (*สวีหยุนลี่  หยางฟางซวี่  ฮุ่ยรั่วฉี )   เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก

ตอนนั้นในหัวมันมึนไปหมด  ไม่รู้จะทำยังไง?   ก็บอกกับลูกทีมว่าเราต้องเผชิญหน้าสู้กับความจริง  เราต้องพยามให้สภาพจิตใจ
กลับมาอยู่ในสภาวะสมดุลให้ได้   แต่ถึงฉันจะพูดกับลูกทีมออกไปอย่างนั้น  แต่กระทั่งตัวเองก็ยังหาความสมดุลให้ตัวเองยังไม่ได้เลย  



พิธีกร :  จึงร้องไห้ออกมา !!

หลางผิง :  ใช่ !   แต่ก็มีไม่กี่คนที่เห็น   ฉันเดินหลบเข้าไปที่ห้องเก็บของ  ไม่อยากให้ลูกทีมเห็น    พอได้ร้องไห้แล้วก็รู้สึกดีขึ้น
เป็นวิธีหนึ่งในการระบายออก   ตัวเองต้องพยามทำจิตใจสงบนิ่งให้ได้ก่อน   แล้วค่อยมาคิดหาวิธีแก้ไข   จากนั้นก็ค่อยๆไปพูดกับลูกทีม
ให้พยามดึงตัวเองกลับมาให้ได้



พิธีกร :  การที่ไม่มีฮุ่ยรั่วฉีและผู้เล่นคนอื่นที่บาดเจ็บ  ทำให้ทีมจำต้องมีการปรับเปลี่ยนไลน์อัพ   คุณใช้เวลาคิดเรื่องนี้นานหรือไม่?  

หลางผิง :  มีการปรับเปลี่ยนมากจริงๆ   ผู้เล่นสำรองอย่างจางฉางหนิง  หลิวเย่นหาน  หรือหลิวเสี่ยวถงพวกนี้   หลิวเสี่ยวถงยังดี
เคยผ่านชิงแชมป์โลกปีที่แล้วมา แต่ก็ไม่ใช่ผู้เล่นตัวหลัก   แต่กับหลิวเย่นหาน  จางฉางหนิงพวกนี้เพิ่งเล่นทีมชาติชุดใหญ่จริงๆเป็นปีแรก  
ไม่เคยเผชิญรายการใหญ่หรือบทพิสูจน์ในเกมใหญ่ๆมาก่อน   และยังเรื่องการเล่นประสานงานกับผู้เล่นตัวหลักอีก  เพราะฉะนั้น
ตัวเองไม่มีความมั่นใจเลย    



พิธีกร :  นัดแรกกับเซอร์เบีย  โค้ชเซอร์เบียมองมาที่คุณ  ใจคงกำลังคิดว่าทีมจีนเปลี่ยนผู้เล่นอะไรลงมา ?

หลางผิง : เล่นไปได้เซ็ตครึ่ง  เราตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำตลอด   ก็คิดว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนตัว  ต้องพลิกเปลี่ยนขนานใหญ่  
เพื่อทำลายจังหวะการเล่นของคู่แข่ง  (หลางผิงเปลี่ยนตัวเซ็ต เสิ่นจิ้งซื้อออก ติงเสียลง  เปลี่ยน opp เจิงชุนเหล่ยออก หลิวเย่นหานลง )

จริงๆไม่มั่นใจเลย   คุณลองคิดดูหลิวเย่นหานเคยเล่น opp ตอนไหนมาก่อนหรือเปล่า?   คือมันไม่มีทางเลือก !!
เรามาญี่ปุ่นล่วงหน้า 3 วันก่อนแข่ง ได้ลองซ้อมทีมใช้ไลน์อัพที่ไม่เหมือนกันอยู่หลายชุด  ซึ่งไลน์อัพเหล่านี้ยังไม่เคยลงสนามแข่งจริงมาก่อนทั้งนั้น    

นัดเล่นเซอร์เบีย  เซ็ต 2 มั๊ง  ตอนนั้นแต้มเราตามหลังอยู่เยอะ เหมือนจะ 9 -16    คือถ้ายังขืนเล่นกันไปแบบนี้เรื่อยๆ
คิดว่าเราแพ้แน่ 3 – 0   ก็ต้องงัดแผนสุดท้ายแล้ว  คือเปลี่ยนผู้เล่นลงไป  ซึ่งก็ทำกันได้ไม่เลว   เซ็ต 2 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญมาก



พิธีกร :  จางฉางหนิงก็เล่นใช้ได้

หลางผิง : จางฉางหนิงได้เป็นพักๆ   เมื่ออยู่แดนหน้าภาระตกหนักอยู่ที่เขา  ใจต้องนิ่ง   พอเราเปลี่ยนตัวผู้เล่น  
ฉันมองไปที่โค้ชเซอร์เบีย  โค้ชเซอร์เบียก็มองมาที่ฉัน  ในใจเขาคงคิดว่าจีนจะมาเล่นไม้ไหน   ฉันก็ตอบในใจว่า  
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  ลองดู



พิธีกร :  คนต่างก็ชมว่าหลางผิงเป็นคนอ่านเกมได้ขาด  ประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานหลายปี  ตั้งแต่เป็นผู้เล่นจนถึงตอนนี้  
ชีวิตอยู่กับวอลเลย์มาน่าจะ 40 ปีได้   นัดเล่นกับรัสเซีย  เป็นเพราะว่าหลายครั้งที่คุณอ่านเกมได้แม่นยำ ทำให้เก็บชัยชนะมาได้  

หลางผิง : คิดว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์   อีกอย่างคิดว่าตัวเองมีเซ้นต์ที่แม่นยำ  คงเป็นเพราะเล่นวอลเลย์มายาวนานมาก  
และก็ดูศึกษาคู่แข่งมาเยอะ   ช่วงแต้มสำคัญฉันจะรู้ว่าผู้เล่นคนนี้ชอบตบแบบนี้  มือเซ็ตคนนี้ชอบเล่นแบบไหน   เรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลา
ในการเก็บสั่งสม   เก็บเข้าไปอยู่ในหัว   ซึ่งก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าต้องให้ผู้เล่นดูเทปเยอะๆ  สมองทำงานหนักเกินไป  
มาเก็บไว้ที่ฉันนี่    ถึงตอนแข่งเราก็บอกสั่งไป  ผู้เล่นก็รู้สึกว่า มันใช่ ถูกต้อง

ฉันบอกว่าต้องเตรียมพร้อมนะ มันจะเกิดเรื่องนี้ๆขึ้นนะ  แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ  บ่อยๆเข้า ผู้เล่นก็ เออ  โค้ชคาดการณ์ได้แม่นยำ  
ผู้เล่นก็จะเล่นด้วยความมั่นใจ  มั่นใจในตัวโค้ช



นัดเล่นกับรัสเซีย ถือเป็นนัดชี้เป็นชี้ตายของจีนว่าจะได้ตั๋วไปโอลิมปิกหรือไม่?  

เจิงชุนเหล่ย :  นัดนั้นให้ความรู้สึกที่พิเศษ   รู้สึกเดือดพลุ่งพล่าน  เห็นบอลแล้วอยากตบให้ตายคามือ

หยวนซินเย่ว  :  นัดเล่นกับรัสเซีย  ตัวเองรู้สึกพอใจมากกับแต่ละแต้มที่ทำได้   สนุกไปกับมัน

เสิ่นจิ้งซื้อ :  ก่อนแข่งฉันคิดมาก   ถ้าเกิดเราแพ้ขึ้นมา  ปีที่แล้วเสียใจ  ถ้าปีนี้เสียใจอีก  ตลอดชีวิตการเป็นนักวอลเลย์
ฉันไม่อยากเสียใจไปตลอดชั่วชีวิต  

จูถิง :   ทุกครั้งที่ให้บอลไม่เข้าจุด  รัสเซียจะขึ้นบล็อก 3 คน   และทุกคนจะช่วยกันตะโกนดังมาก  
ป้องกันกอนช่าหยอด  ป้องกันกอนช่าหยอด    คุณรู้ไหม?  เสียงตะโกนมันดังมาก



พิธีกร :  อย่างที่จูถิงพูด  ทุกคนต่างตะโกนกันเสียงดังมาก  ป้องกันกอนช่าหยอดๆ   เหมือนเป็นที่รับรู้กันของทุกคนในทีม

หลางผิง :  ตอนที่เราดูเทปกัน  ก็พูดว่าตอนที่เราบล็อกบอลหลักเขาได้   เราต้องรีบเตรียมป้องกันลูกหยอด  ดังนั้น  
ทุกคนจึงช่วยส่งเสียงเตือนกันเรื่องนี้   เพราะการแข่ง WGP ที่ผ่านมาเราโดนลูกหยอดเล่นงานเยอะ  เดี๋ยวหยอด  เดี๋ยวหยอด
จนจิตใจผู้เล่นเราระส่ำไปหมด  ฉะนั้น  ตอนที่ประชุม  จะเน้นบอกว่าในสถานการณ์แบบไหนที่ทุกคนต้องช่วยกันเตือน  
อย่างตอนที่เขาเตรียมจะป้องกัน  ก็จะหยอดลูก  หรือเราขึ้นบล็อกได้สมบูรณ์  เขาก็จะหยอดลูกแน่    

ต้องช่วยกันเตือน ต้องพูดสื่อสารกัน  ไม่ใช่ว่าผู้เล่นแดนหน้าคิดจะทำอย่างนี้  แต่คนข้างหลังไม่รู้ว่าว่าคุณกำลังทำอะไร?  
ทุกคนต้องมีสมาธิให้มาก  จับตามองการเปลี่ยนแปลงการเล่นของคู่แข่ง


*** ยังมีต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่