********
ปี 2013 ปีแรกที่หลางผิงกลับเข้ามาเป็นโค้ชคุมทีมชาติจีนอีกครั้ง และได้ประกาศเรียกนักวอลเลย์บอลเข้าแคมป์ทีมชาติครั้งแรก
บทความชิ้นนี้นักข่าวจีนหม่ายิ๋นเขียนลงเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2013 บอกเล่าถึง 15 วันแรกของหลางผิงในฐานะโค้ชทีมชาติจีน
ผมได้แปลเก็บบทความนี้ไว้นานแล้ว แต่ว่าเนื้อเรื่องเก่านานหลายปีแล้ว ผู้อ่านคงต้องนึกย้อนไปด้วยเพื่อทำความเข้าใจประกอบ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นับจากวันที่ 10 พ.ค. 2013 วันแรกของการเข้าแคมป์ฝึกซ้อมทีมชาติ จนถึงวันที่ 17 พ.ค. 2013 ที่ทีมวอลเลย์บอลหญิง
ลงแข่งขันเป็นครั้งแรกในรายการกระชับมิตรกับทีมเปอร์โตริโก มีเวลาฝึกซ้อมเพียงแค่ 8 วัน และจนถึงวันที่ 24 พ.ค. 2013
ที่ทีมจีนคว้าแชมป์รายการแข่งขันกระชับมิตร 2 สนาม (เป่ยหลุน , เชิ้นเจิ้น) หลางผิงเข้ามารับหน้าที่คุมทีมชาติได้ 15 วัน
เป็น 15 วันที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงจีนกลับมาฮึกเหิมมีชีวิตชีวาอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามาจากโค้ช
ที่ชื่อ หลางผิง
การพบกันครั้งแรกของหลางผิงกับนักวอลเลย์บอลหญิง ก็คือ กระดาษแบบสอบถาม 1 แผ่น
ให้พูดถึงนิสัยเด่นของตัวเอง
ให้พูดถึงฝีมือเด่นของตัวเอง
คุณคิดว่าเป้าหมายของทีมจีนในรอบโอลิมปิกที่ริโอควรจะเป็นอะไร?
คุณสามารถทำประโยชน์ให้กับทีมด้านไหนได้บ้าง?
คุณอยากให้โค้ชช่วยเหลือคุณด้านไหนบ้าง?
...............
แบบสอบถามนี้หลางผิงใช้เวลาว่างจัดทำขึ้นตอนที่พาสโมสรเหิงต้าไปแข่งขันชิงแชมป์สโมสรเอเชียที่เวียดนาม
แบบสอบถามถูกส่งไปถึงมือผู้เล่นทุกคนผ่านทางผู้ช่วยโค้ชทีมชาติ ซึ่งขณะนั้นหลางผิงยังไม่ได้เข้ามาที่แคมป์ทีมชาติ
ก่อนที่จะเริ่มต้นภารกิจทีมชาติจีนรอบใหม่นี้ เธออยากจะทำความรู้จักตัวผู้เล่นก่อน
18 ปีก่อนเมื่อครั้งที่เธอรับเป็นโค้ชทีมชาติจีนครั้งแรก ก็เริ่มต้นจากการทำความรู้จักตัวผู้เล่นก่อน
18 ปีต่อมากลับมาเป็นโค้ชทีมชาติจีนอีกครั้ง และด้วยอายุผู้เล่นที่ห่างจากเธอประมาณ15 ปีบวกลบ ผู้เล่นส่วนใหญ่เกิดหลังปี 90
ผู้เล่นที่อายุมากสุดเกิดปี 1985 เธออยากจะรู้จักพวกเธอ ฟังถึงความกังวลใจของพวกเธอ .....
การพูดคุยสื่อสารกับเด็กๆเหล่านี้ หลางผิงเลือกวิธีที่สบายๆเปิดกว้าง
การฝึกซ้อมในแคมป์ทีมชาติวันแรก ผู้เล่นทั้งหลายกำลังนึกภาพของวันรุ่งขึ้นว่า โค้ชซุปตาร์คนนี้จะมาปรากฏตัวที่สนาม
ในลักษณะแบบไหนกันนะ ผลปรากฏว่าหลางผิงเธอมาถึงสนามซ้อมก่อนกำหนดเวลาฝึกซ้อม 15 นาที
เมื่อผู้เล่นเดินงัวเงียเข้ามาถึงสนามซ้อมก็เห็นโค้ชหลางที่อยู่ในชุดฝึกซ้อมมายืนพร้อมรอทุกคนด้วยท่าทางมุ่งมั่น
เมื่อเรียกรวมตัวเข้าแถว เธอก็ไม่ได้กล่าวเยิ่นเย้อเป็นพิธีการเหมือนอย่างที่คุ้นเคยกัน มาถึงก็พูดถึงโปรแกรมการฝึกซ้อม
ภาคเช้ากันเลยว่ามีอะไรบ้าง?
เธอเรียกชื่อ “เสี่ยวขุย” เสิ่นจิ้งซื้อตกใจ คิดไม่ถึงว่าโค้ชหลางจะรู้จักชื่อที่เพื่อนร่วมสโมสรปาอีใช้เรียกเธอ
เริ่มต้นการวอร์มอัพ เธอมองอย่างไม่ละสายตา ผู้เล่นคนไหนทำท่ายืดกล้ามเนื้อไม่ถูกวิธี เธอจะกล่าวเตือนจนไปถึงจับปรับท่าทาง
ให้ถูกต้อง เมื่อเห็นโค้ชเอาใจใส่จริงจัง ผู้เล่นแต่ละคนก็เริ่มจะหันมาสำรวจตัวเองดูว่าทำได้ถูกต้องหรือไม่ ?
การฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลางผิงลงมือฝึกซ้อมด้วยตัวเอง ตั้งบอล ตบบอล
เธอชี้ไปตรงไหนก็ให้ตีบอลไปตรงนั้น เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นฝีมืออันยอดเยี่ยมของโค้ชคนนี้
แน่ล่ะ ! จีนมี “ค้อนเหล็ก” เพียงคนเดียว
“ ฉันอายุ 50 แล้วยังทำได้ พวกเธอก็ต้องทำได้ ! ”
“ ดูเท้าด้วย ! ”
“ พยามอย่าให้กลิ้งล้มกับพื้น ! พยามรักษาความสมดุลของร่างกายไว้ ! ”
หลางผิงจะพูดชี้แนะถึงจุดบกพร่องของผู้เล่นแต่ละคน แนะนำพวกเธอถึงวิธีที่ถูกต้อง
เพียง 1 ชั่วโมง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างหลางผิงกับลูกทีมก็เริ่มเข้ากันได้ดี
ผู้เล่นรุ่นพี่คนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักสนิทกับโค้ชหลางมาก่อนได้พูดในภายหลังว่า
“ เธอเหมือนมีพลังดึงดูดผู้คน ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเธอดึงดูดตั้งแต่เมื่อไร อยากเก็บคำพูดทุกคำที่เธอพูด รู้สึกรักเคารพตัวเธอ .....”
การฝึกซ้อมในวันแรก สะท้อนให้เห็นว่าทักษะเทคนิคของผู้เล่นย่ำแย่กว่าที่เธอคาดคิดไว้เสียอีก
นักกีฬายังไม่เข้าใจถึงแนวความคิดของโค้ชหลาง ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนยังต้องการเวลาสักระยะในการเชื่อมหลอมกัน
แต่อีก 7 วันให้หลังก็ต้องไปแข่งขันรายการกระชับมิตรกันแล้ว และหนึ่งในคู่แข่งที่ต้องเจอก็คือ ทีมไทย !
เพิ่งลงฝึกซ้อมไปได้แค่ 2 วันก็จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว เวลาก็ไล่หลังมา ยังจะให้ผู้เล่นหยุดพักไหม?
“ต้องหยุดสิ ! ”
วันพฤหัส หยุดครึ่งวันบ่าย วันอาทิตย์ให้หยุดทั้งวัน
“ ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานได้ 2 วัน แต่พวกเด็กๆซ้อมกันมา 1 อาทิตย์แล้ว ก็ต้องการพักบ้าง ”
คืนวันเสาร์ หลังเสร็จจากการพาลูกทีมดูเทปการเล่นของทีมไทย หลางผิงก็ขับรถกลับบ้าน มีความสุขกับการให้พี่สาวบีบนวดให้
แม้ว่าทีมชาติจะมีทีมแพทย์ แต่เธอเห็นว่าลูกทีมฝึกเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่อยากไปใช้เวลาในการบำบัดฟื้นฟูของพวกเธอ
วันอาทิตย์ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ได้อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนกับแม่ในวันแม่ ตอนบ่ายรีบกลับไปที่อาคารที่พักนักกีฬา
ตารางการฝึกซ้อมประจำวันรอให้เธอมาตรวจดู เธอเขียนถึงความคาดหวังลงไปในช่องผู้เล่นแต่ละคน
วันจันทร์ 13 พ.ค. 2013 เป็นการฝึกซ้อมวันที่ 4 ของหลางผิง และก็เป็นวันสุดท้ายที่ปักกิ่งก่อนที่จะออกเดินทาง
ไปแข่งรายการกระชับมิตรที่เป่ยหลุน
ตอนเรียกผู้เล่นมาเข้าแถว เธอพูดถึงการเตรียมเล่นกับทีมไทย หลางผิงถาม
“ เสี่ยวขุย เธอลองพูดมาสิถึงตำแหน่งการยืนรอบที่ 1 ของทีมไทย ”
“ เหยาตี๋ ยุทธวิธีการเล่นของทีมไทยในรอบที่1 มีอะไรบ้าง? ”
“ เสี่ยวฮุ่ย เธอพูดมาสิว่ารอบที่ 1 ผู้เล่นไทยชอบตีลูกไปทิศทางใด? ”
ผู้เล่น 3 คนที่ถูกเรียกต่างหน้าตาเคร่งเครียด แต่ก็มีเพียงเหยาตี๋ที่ตอบผิดไปเล็กน้อย ซึ่งพอเธอพูดจบก็รู้ว่าตัวเองตอบผิด
ได้แต่แลบลิ้นแก้เขิน แต่เวลานั้นโค้ชหลางสีหน้าจริงจังมาก ไม่ต่างจากตอนที่เธอคุมทีมลงแข่งขัน
การฝึกซ้อมวันนั้นเน้นไปที่เกมรับและการบล็อกสกัดกั้น ฝึกซ้อมกันไม่ทันถึงอาทิตย์ก็ต้องออกไปแข่งแล้ว
ด้วยเวลาที่มีจำกัดทั้งฝึกซ้อมและก็ต้องเตรียมแผนการเล่น หลางผิงจึงได้แต่จับไปที่การแก้ปัญหาข้อบกพร่องสำคัญๆ
อย่างเช่นเรื่องการบล็อก ก่อนอื่นต้องจับมาปรับแก้เรื่องของรูปมือ เรื่องวิธีการเคลื่อนที่ จากนั้นก็มาเน้นว่าจะรับมือยังไง
กับสไตล์การเล่นของทีมไทย? อ่านบล็อกยังไง? เอาเนื้อหาที่มีอยู่มากมายนี้จับมาอัดแน่นอยู่ในการฝึกซ้อม1-2 คลาสนี้
ลำบากที่สุดคงเป็นหลางผิง ที่ต้องทำการบ้านขนานใหญ่เตรียมไว้ จดจำจุดเด่นของทีมไทยจนขึ้นใจ แล้วก็เอาจุดสำคัญนั้นๆ
มาจัดแผนฝึกซ้อมในแต่ละด้าน
“ วันที่ 3 ของการฝึกซ้อมเริ่มดูจะเข้าที่เข้าทางกว่าวันแรก ใจค่อยชื้นขึ้นมาหน่อย ” สำหรับหลางผิงแล้วตลอดที่เวลาผ่านมา
ความสุขมาพร้อมกับความเหนื่อยยาก
“ดูท่าทางพวกเขาที่ตั้งใจฟังฉันพูด ฟังแล้วก็เอาไปฝึก ตั้งใจฝึกกันมาก ทำให้ฉันรู้สึกมีพลัง แม้ว่าตอนนี้เรายังห่างไกลจากเป้าหมายมากๆ
ขอแต่ฉันผลักดันพวกเขาไปทุกวันๆละนิด ก็จะเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นอีกนิด ก็คิดไปอย่างนี้ ”
ภาพการฝึกซ้อมแคมป์ทีมชาติครั้งแรก 10 พ.ค. 2013
*** ยังมีต่อ
[บทความ] 15 วันแรกในการคุมทีมชาติจีน หลางผิงเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง?
บทความชิ้นนี้นักข่าวจีนหม่ายิ๋นเขียนลงเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2013 บอกเล่าถึง 15 วันแรกของหลางผิงในฐานะโค้ชทีมชาติจีน
ผมได้แปลเก็บบทความนี้ไว้นานแล้ว แต่ว่าเนื้อเรื่องเก่านานหลายปีแล้ว ผู้อ่านคงต้องนึกย้อนไปด้วยเพื่อทำความเข้าใจประกอบ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ลงแข่งขันเป็นครั้งแรกในรายการกระชับมิตรกับทีมเปอร์โตริโก มีเวลาฝึกซ้อมเพียงแค่ 8 วัน และจนถึงวันที่ 24 พ.ค. 2013
ที่ทีมจีนคว้าแชมป์รายการแข่งขันกระชับมิตร 2 สนาม (เป่ยหลุน , เชิ้นเจิ้น) หลางผิงเข้ามารับหน้าที่คุมทีมชาติได้ 15 วัน
ที่ชื่อ หลางผิง
ให้พูดถึงฝีมือเด่นของตัวเอง
คุณคิดว่าเป้าหมายของทีมจีนในรอบโอลิมปิกที่ริโอควรจะเป็นอะไร?
คุณสามารถทำประโยชน์ให้กับทีมด้านไหนได้บ้าง?
คุณอยากให้โค้ชช่วยเหลือคุณด้านไหนบ้าง?
...............
แบบสอบถามถูกส่งไปถึงมือผู้เล่นทุกคนผ่านทางผู้ช่วยโค้ชทีมชาติ ซึ่งขณะนั้นหลางผิงยังไม่ได้เข้ามาที่แคมป์ทีมชาติ
ก่อนที่จะเริ่มต้นภารกิจทีมชาติจีนรอบใหม่นี้ เธออยากจะทำความรู้จักตัวผู้เล่นก่อน
18 ปีต่อมากลับมาเป็นโค้ชทีมชาติจีนอีกครั้ง และด้วยอายุผู้เล่นที่ห่างจากเธอประมาณ15 ปีบวกลบ ผู้เล่นส่วนใหญ่เกิดหลังปี 90
ผู้เล่นที่อายุมากสุดเกิดปี 1985 เธออยากจะรู้จักพวกเธอ ฟังถึงความกังวลใจของพวกเธอ .....
การพูดคุยสื่อสารกับเด็กๆเหล่านี้ หลางผิงเลือกวิธีที่สบายๆเปิดกว้าง
ในลักษณะแบบไหนกันนะ ผลปรากฏว่าหลางผิงเธอมาถึงสนามซ้อมก่อนกำหนดเวลาฝึกซ้อม 15 นาที
เมื่อผู้เล่นเดินงัวเงียเข้ามาถึงสนามซ้อมก็เห็นโค้ชหลางที่อยู่ในชุดฝึกซ้อมมายืนพร้อมรอทุกคนด้วยท่าทางมุ่งมั่น
ภาคเช้ากันเลยว่ามีอะไรบ้าง?
เธอเรียกชื่อ “เสี่ยวขุย” เสิ่นจิ้งซื้อตกใจ คิดไม่ถึงว่าโค้ชหลางจะรู้จักชื่อที่เพื่อนร่วมสโมสรปาอีใช้เรียกเธอ
เริ่มต้นการวอร์มอัพ เธอมองอย่างไม่ละสายตา ผู้เล่นคนไหนทำท่ายืดกล้ามเนื้อไม่ถูกวิธี เธอจะกล่าวเตือนจนไปถึงจับปรับท่าทาง
ให้ถูกต้อง เมื่อเห็นโค้ชเอาใจใส่จริงจัง ผู้เล่นแต่ละคนก็เริ่มจะหันมาสำรวจตัวเองดูว่าทำได้ถูกต้องหรือไม่ ?
เธอชี้ไปตรงไหนก็ให้ตีบอลไปตรงนั้น เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นฝีมืออันยอดเยี่ยมของโค้ชคนนี้
แน่ล่ะ ! จีนมี “ค้อนเหล็ก” เพียงคนเดียว
“ ฉันอายุ 50 แล้วยังทำได้ พวกเธอก็ต้องทำได้ ! ”
“ ดูเท้าด้วย ! ”
“ พยามอย่าให้กลิ้งล้มกับพื้น ! พยามรักษาความสมดุลของร่างกายไว้ ! ”
เพียง 1 ชั่วโมง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างหลางผิงกับลูกทีมก็เริ่มเข้ากันได้ดี
ผู้เล่นรุ่นพี่คนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักสนิทกับโค้ชหลางมาก่อนได้พูดในภายหลังว่า
“ เธอเหมือนมีพลังดึงดูดผู้คน ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเธอดึงดูดตั้งแต่เมื่อไร อยากเก็บคำพูดทุกคำที่เธอพูด รู้สึกรักเคารพตัวเธอ .....”
นักกีฬายังไม่เข้าใจถึงแนวความคิดของโค้ชหลาง ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนยังต้องการเวลาสักระยะในการเชื่อมหลอมกัน
แต่อีก 7 วันให้หลังก็ต้องไปแข่งขันรายการกระชับมิตรกันแล้ว และหนึ่งในคู่แข่งที่ต้องเจอก็คือ ทีมไทย !
“ต้องหยุดสิ ! ”
วันพฤหัส หยุดครึ่งวันบ่าย วันอาทิตย์ให้หยุดทั้งวัน
“ ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานได้ 2 วัน แต่พวกเด็กๆซ้อมกันมา 1 อาทิตย์แล้ว ก็ต้องการพักบ้าง ”
แม้ว่าทีมชาติจะมีทีมแพทย์ แต่เธอเห็นว่าลูกทีมฝึกเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่อยากไปใช้เวลาในการบำบัดฟื้นฟูของพวกเธอ
วันอาทิตย์ได้นอนหลับเต็มอิ่ม ได้อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนกับแม่ในวันแม่ ตอนบ่ายรีบกลับไปที่อาคารที่พักนักกีฬา
ตารางการฝึกซ้อมประจำวันรอให้เธอมาตรวจดู เธอเขียนถึงความคาดหวังลงไปในช่องผู้เล่นแต่ละคน
ไปแข่งรายการกระชับมิตรที่เป่ยหลุน
ตอนเรียกผู้เล่นมาเข้าแถว เธอพูดถึงการเตรียมเล่นกับทีมไทย หลางผิงถาม
“ เสี่ยวขุย เธอลองพูดมาสิถึงตำแหน่งการยืนรอบที่ 1 ของทีมไทย ”
“ เหยาตี๋ ยุทธวิธีการเล่นของทีมไทยในรอบที่1 มีอะไรบ้าง? ”
“ เสี่ยวฮุ่ย เธอพูดมาสิว่ารอบที่ 1 ผู้เล่นไทยชอบตีลูกไปทิศทางใด? ”
ผู้เล่น 3 คนที่ถูกเรียกต่างหน้าตาเคร่งเครียด แต่ก็มีเพียงเหยาตี๋ที่ตอบผิดไปเล็กน้อย ซึ่งพอเธอพูดจบก็รู้ว่าตัวเองตอบผิด
ได้แต่แลบลิ้นแก้เขิน แต่เวลานั้นโค้ชหลางสีหน้าจริงจังมาก ไม่ต่างจากตอนที่เธอคุมทีมลงแข่งขัน
ด้วยเวลาที่มีจำกัดทั้งฝึกซ้อมและก็ต้องเตรียมแผนการเล่น หลางผิงจึงได้แต่จับไปที่การแก้ปัญหาข้อบกพร่องสำคัญๆ
อย่างเช่นเรื่องการบล็อก ก่อนอื่นต้องจับมาปรับแก้เรื่องของรูปมือ เรื่องวิธีการเคลื่อนที่ จากนั้นก็มาเน้นว่าจะรับมือยังไง
กับสไตล์การเล่นของทีมไทย? อ่านบล็อกยังไง? เอาเนื้อหาที่มีอยู่มากมายนี้จับมาอัดแน่นอยู่ในการฝึกซ้อม1-2 คลาสนี้
ลำบากที่สุดคงเป็นหลางผิง ที่ต้องทำการบ้านขนานใหญ่เตรียมไว้ จดจำจุดเด่นของทีมไทยจนขึ้นใจ แล้วก็เอาจุดสำคัญนั้นๆ
มาจัดแผนฝึกซ้อมในแต่ละด้าน
ความสุขมาพร้อมกับความเหนื่อยยาก
“ดูท่าทางพวกเขาที่ตั้งใจฟังฉันพูด ฟังแล้วก็เอาไปฝึก ตั้งใจฝึกกันมาก ทำให้ฉันรู้สึกมีพลัง แม้ว่าตอนนี้เรายังห่างไกลจากเป้าหมายมากๆ
ขอแต่ฉันผลักดันพวกเขาไปทุกวันๆละนิด ก็จะเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นอีกนิด ก็คิดไปอย่างนี้ ”
ภาพการฝึกซ้อมแคมป์ทีมชาติครั้งแรก 10 พ.ค. 2013
*** ยังมีต่อ