[บทความ] หม่ายุ่นเหวิน : น้ำตาและเสียงหัวเราะ

กระทู้ข่าว
เพื่อนรัก

เผลอแป๊ปเดียวฉันก็มาบาคูได้ 1 เดือนแล้ว  ที่นี่ฉันดำเนินชีวิตผ่านไปอย่างมีความสุข   ช่วงนี้เนื่องจากผู้เล่นไทยต้องไป
ร่วมแข่งขัน WGCC   ลีกของเราจึงหยุดพักการแข่งขัน  ทุกๆวันนอกจากฝึกซ้อมก็คือการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่
ซึ่งทั้งหมดก็ OK ดี   แต่ที่อยากจะพูดถึงก็คือ  ฝีมือการทำอาหารของฉันก้าวหน้าได้เร็วกว่าวอลเลย์เสียอีก  55555  

ปี 2013 ที่กำลังจะผ่านไป  สำหรับฉันแล้วเป็นปีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย  มีเรื่องที่คาดคิดไม่ถึง  มีความท้าทายใหม่ๆเกิดขึ้น
มีทั้งเรื่องที่ดีและก็มีเรื่องที่แย่  แต่โชคดีที่ฉันไม่พลาดกับเรื่องดีๆที่เกิดขึ้น  ส่วนเรื่องแย่ที่เข้ามา ฉันก็ก้าวผ่านพ้นไปได้ ...

หลังจากโอลิมปิกที่ลอนดอนผ่านไป  ฉันคิดว่าอยากจะหยุดพักสักระยะ  และถ้ามีโอกาสเล่นทีมชาติก็จะลองสู้ดูอีกสักตั้ง
แต่ถ้าไม่มีโอกาส เมื่อเล่นกีฬาแห่งชาติจีนจบก็คิดจะเรียนต่อหรือไม่ก็ไปเล่นวอลเลย์ต่างประเทศ  


เดือนเมษายน  ขณะที่กำลังฝึกซ้อมอยู่กับสโมสรเพื่อเตรียมแข่งกีฬาแห่งชาติจีนอยู่นั้น  เมื่อได้รู้ว่าหลางผิงจะมาเป็นโค้ชทีมชาติจีน
ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก  ก่อนหน้านั้นที่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าจะเล่นต่อหรือไม่เล่นต่อทีมชาติดี  แต่เมื่อโค้ชหลางผิงมา ฉันก็ตัดสินใจแน่ชัดว่า
อยากจะเล่นต่ออีก 4 ปี  ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกน่าเสียดายเป็นอย่างมาก

แต่จะได้รับโอกาสหรือไม่?   โค้ชหลางจะต้องการฉันมั๊ย?  ฉันกลับไม่มีความมั่นใจ !!  
เมื่อประกาศรายชื่อเข้าแคมป์ทีมชาติ “รอบที่1” ออกมาปรากฏว่า ไม่มีชื่อฉันอยู่ในนั้น   พูดตามตรงฉันรู้สึกเสียใจมาก  
โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นผู้เล่นเก่าๆที่เคยเล่นทีมชาติด้วยกันมามีชื่อติดอยู่หลายคน  ก็รู้สึกว่าเราคงจบแล้วหล่ะ !  

ตอนนั้นคิดฟุ้งซ่านมาก  ได้แต่ถามตัวเองหลายครั้งว่าตั้งแต่เริ่มต้นติดทีมชาติจนมาถึงลอนดอนเกมส์  มันได้จบลงแล้วจริงๆหรือ?
ก่อนหน้านั้นไม่ว่าเรื่องอะไรฉันก็จะรู้สึกว่าปล่อยไปตามสบายได้  รวมถึงเรื่องการเลิกเล่นวอลเลย์  ฉัน OK ได้หมด ....  

แต่ตอนนั้นใจคิดอยากจะเล่นทีมชาติมาก  ในหัวสับสนไปหมด  ไม่มีสมาธิฝึกซ้อม  ผลลัพธ์ก็คือมีการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นตลอด
ในขณะฝึกซ้อม  ข้อเท้าพลิก  การบาดเจ็บหัวเข่าที่เป็นแผลเก่าก็กลับมากำเริบอีก  ต่อมานิ้วก็มาเจ็บอีก  มีช่วงหนึ่งที่กินข้าวเสร็จก็จะรู้สึก
หน้ามืด  ทำเอาโค้ชจางงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวฉัน

และในที่สุดฉันก็ตัดสินใจส่ง SMS ไปถึงโค้ชหลาง  บอกโค้ชว่า อยากขอลองสู้อีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมั๊ย?  
เมื่อส่งข้อความไปแล้ว  ตัวเองรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก  สิ่งที่อยากทำก็ได้ทำแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจอีกแล้ว  
แต่คิดไม่ถึงว่าโค้ชหลางจะส่งข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว  เธอบอกว่า รอบที่ 1 นั้น  จุดประสงค์หลักก็คือดูและทดสอบตัวผู้เล่น
ดาวรุ่งอายุน้อย  ให้ฉันดูแลอาการบาดเจ็บให้ดี  ยังมีโอกาสอยู่   สู้ สู้ !
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่