บทที่ 11
ค่าตอบแทน
เรือหัวกระสุนแล่นออกจากท่าไปตามลำธารสายเล็กๆ สีแดงข้นที่ขนาดของลำน้ำและทิศทางข้างหน้ายากจะคะเนว่าเป็นอย่างไร บางช่วงขอบเขตของลำน้ำบานออกเป็นเวิ้งกว้าง บางช่วงที่มีก้อนกรวดมาขวางทางไว้ก็คอดเข้ามาเหลือแค่พอให้ลำเรือผ่านไปได้เท่านั้น ตลอดเส้นทางจะมีธารน้ำสายเล็กแยกแขนงออกจากธารสายหลักอยู่เต็มไปหมด แต่กัปตันเรือยังคงยึดมั่นเดินเรืออยู่บนเส้นทางหลักไม่เปลี่ยนแปร
แม้เส้นทางจะลดเลี้ยวเคี้ยวคดเพียงไรก็ตาม กัปตันแบ็คก็ไม่ยอมชะลอความเร็วของเรือลงเลย เขาไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารมากเท่ากับความต้องการไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด ทำให้มีหลายครั้งที่เหล่าสเปิร์มต้องไหลไปกองรวมกันทางกราบเรือซีกหนึ่งเมื่อหัวเรือหักเลี้ยวอย่างฉับพลัน และไหลกลับมากองกันอีกซีกหนึ่งเมื่อหักหัวเรือกลับคืน ถึงแม้จะไม่มีสเปิร์มตัวใดกระเด็นตกน้ำลงไปก็ตามแต่ก็สร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้พวกเขาอยู่ตลอดเวลา
แม้กระนั้น..ก็ยังไม่มีสเปิร์มตัวไหนกล้าแสดงท่าทีไม่พอใจการทำหน้าที่ของกัปตันแบ็คเลยสักตัวเดียว
“นี่กระมัง ผลของการไม่ได้รับค่าจ้าง” คงมีแต่เสียงบ่นให้สเปิร์มด้วยกันฟังเท่านั้น
เรือหัวกระสุนแล่นผ่านเส้นทางที่วิบากที่สุดออกมาได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางความโล่งอกของสเปิร์มทั้งลำเรือ เบื้องหน้าสายน้ำสงบราบเรียบเหมือนแผ่นกระดาน ตะเกียงน้ำมันบนเสากระโดงหยุดแกว่งไกว แต่..ความเร็วของเรือกลับชะลอลง ท่ามกลางความงุนงงของบรรดาสเปิร์ม
“อ้าว..ไหงทางราบเรียบกลับไม่ขับเร็วล่ะ”
“กัปตันคงอยากให้เราได้พักหายใจหายคอบ้างมั้ง”
“เขาปรารถนาดีกับพวกเราปานนั้นเชียวหรือ” สเปิร์มพิณคิดในใจ
หลังจากถูกโยกคลอนมาอย่างหนักเมื่อได้กลับมายืนอยู่บนความราบเรียบอีกครั้ง ทำให้สเปิร์มหลายตัวรู้สึกมึนศีรษะและเสียสมดุลในการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ
ความเงียบเข้าปกคลุมเหนือดาดฟ้าเรือเหมือนทุกตัวกำลังรอคอยสัญญาณอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่แน่ใจ ..กัปตันแบ็คเองก็เช่นกัน..
ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องของสเปิร์มตัวหนึ่งดังขึ้นมาจากบริเวณเสากระโดง..
“กัปตันครับ..ช่วยด้วย..! มีสเปิร์มอาเจียนออกมาเต็มพื้นเลย”
เสียงร้องตะโกนทำให้สเปิร์มทั้งลำเรือแตกตื่นกันใหญ่และต่างก็ขยับตัวจะลุกไปดู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงสั่งการที่ดังกึกก้องกว่าห้ามเอาไว้
“หยุด..! ห้ามทุกตัวลุกจากที่นั่งโดยเด็ดขาด ปล่อยเป็นหน้าที่ของฉันเอง” ดูเหมือนอาการพูดเหยาะๆ แหยะๆ ของกัปตันแบ็คจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาปัดไมโครโฟนทิ้งอย่างไม่ใยดีแล้วกระโดดผลุงออกจากที่นั่งในทันที
กัปตันแบ็คเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจากท้ายเรือมาสู่บริเวณตอนกลางของเรือที่สเปิร์มจิงกำลังก้มหน้ากับพื้นและไอสะดุดติดต่อกัน สเปิร์มที่รุมล้อมอยู่เปิดทางผ่านให้กัปตันแบ็คเข้ามาอย่างสะดวก
“ถอยออกไป..ถอยออกไปให้หมด..!” กัปตันแบ็คสั่งอย่างเด็ดขาด มือเท้าของมันวาดไปมากลางอากาศกินบริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนสเปิร์มที่รายล้อมอยู่แตกกระเจิดกระเจิง หลังจากนั้น กัปตันแบ็คก็เข้าไปสำรวจอาการโดยยืนโอบร่างของสเปิร์มจิงเอาไว้จนมิด
“เธอคงทานอาหารก่อนที่จะขึ้นเรือ..มามากไปหน่อย.. ตัวเล็กอย่างนี้..ไม่น่าทานเยอะนะ.. นี่เป็นอาการเมาเรือธรรมดาๆ” กัปตันแบ็คกลับมากล่าวเสียงเหยาะๆ แหยะๆ และขาดเป็นห้วงๆ อีกครั้งหลังจากได้สำรวจอาการของสเปิร์มจิงแล้ว
คำกล่าวของกัปตันแบ็คทำให้สเปิร์มที่ได้ยินโล่งใจ คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมาก
“เป็นยังไงบ้างสาวน้อย” กัปตันแบ็คก้มศีรษะลงไปหาสเปิร์มจิงที่เปลี่ยนเป็นนอนราบอยู่บนพื้น เสียงของมันทุ้มต่ำจนเกือบจะจมหายลงไปในพื้นเรือ ตาข้างเดียวที่มองสเปิร์มจิงมีประกายเจิดจ้าขึ้นมาเหมือนสมิงร้ายกำลังจับตามองเหยื่ออันโอชะ
“เอ่อ..ค่อ..ค่อยดี..ขึ้นแล้ว..ขะ..ค่ะ” สเปิร์มจิงคิดจะผงกศีรษะขึ้นมาแต่พอเห็นหน้ากัปตันแบ็คที่กำลังก้มลงมาหาก็ทำให้เธอต้องเปลี่ยนใจเป็นพลิกตัวนอนตะแคงข้างทันที น้ำลายเหนียวหนืดของกัปตันแบ็คที่ย้อยลงมาอยู่ตรงหน้าสร้างความรู้สึกขยะแขยงและพะอืดพะอมจนเธออยากจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง
“เออ..เออะ..แหวะ”
กัปตันแบ็ครีบโถมตัวลงไปหาสเปิร์มจิงอย่างรวดเร็ว ใช้ลำตัวห่อร่างของสเปิร์มจิงจนมิด
“ไหนบอกว่า..ดีขึ้นแล้วไงล่ะ..เหอะ..เหอะ..เหอะ..ทำใจดีๆ ไว้นะ” เสียงแหบพร่าของกัปตันแบ็คดังอยู่ที่ข้างหูของสเปิร์มจิงที่กำลังสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัวสุดขีด
“ชะ..ช่วย..ช่วยด้วย..!” สเปิร์มจิงร้องลั่นทันทีเมื่อรู้สึกว่า มีแขนขาหลายสิบข้างกำลังไต่อยู่บนลำตัวของเธอ
กัปตันแบ็คคร่อมร่างของสเปิร์มจิงเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เสียงร้องขอความช่วยเหลือถูกตัดขาดไปเมื่อมีแขนข้างหนึ่งของกัปตันแบ็คยัดเข้าไปในปากของเธอ สเปิร์มจิงพยายามดิ้นรนแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกแขนขาจำนวนมากของกัปตันแบ็คบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด เธอก็หมดแรงและยอมให้แขนขาเหล่านั้นหยิบร่างของเธอใส่เข้าไปในปากที่หน้าท้องของกัปตันแบ็คที่เปิดอ้ารออยู่แล้ว
ไม่มีใครมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างใต้ร่างดั่งผ้าขี้ริ้วที่ห่อหุ้มร่างของสเปิร์มจิงอยู่ หลายตัวคิดว่าอาจเป็นวิธีการเยียวยาผู้ประสบเคราะห์กรรมของกัปตันแบ็ค จนเมื่อมันเหยียดร่างขึ้นยืนอีกครั้ง จึงพบว่า ไม่มีร่างของสเปิร์มจิงปรากฏอยู่ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว
“เฮ้ย..ย..!!”
“ว๊าย..ตายแล้ว..!!”
“เขากลืนเธอเข้าไปจริงๆ ด้วย..!”
สเปิร์มต่างส่งเสียงร้องกันอย่างตื่นตกใจ ไม่มีใครคิดว่ากัปตันแบ็คจะกลืนสเปิร์มทั้งตัวเข้าไปได้โดยง่ายดายเช่นนี้
กัปตันแบ็คหันหลังกลับแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ตัวอย่างระแวดระวัง แววตาของมันดุดันแข็งกร้าวยิ่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก
“หยุด..ห้ามทุกตัวเคลื่อนไหวเป็นอันขาด..!” กัปตันแบ็คออกคำสั่งมากำราบความเคลื่อนไหวอย่างเฉียบขาด สเปิร์มทุกตัวใครทำท่าอะไรอยู่ก็ค้างอยู่อย่างนั้นเหมือนถูกสาปเป็นหิน
เมื่อเห็นว่าสเปิร์มทุกตัวสงบนิ่งอย่างเชื่อฟังดีแล้ว กัปตันแบ็คก็ค่อยๆ เยื้องย่างกลับมาทางเดิมพร้อมกับสายตาที่สอดส่ายไปยังทุกทิศทุกทาง เมื่อไปประสานสายตากับสเปิร์มตัวไหนเข้า สเปิร์มตัวนั้นเป็นต้องเบือนหลบไปทางอื่นทันที
“ฉันจะไม่ทำร้ายพวกเธอตราบใดที่พวกเธออยู่ในความสงบ และจะไม่มีใครเป็นอันตรายอีกจนกว่าเราจะถึงจุดหมายปลายทาง” กัปตันแบ็คประกาศเสียงดังฟังชัด ไม่เหยาะๆ แหยะๆ ไม่เป็นห้วงๆ และไม่แตกพร่าเลยสักนิดเดียว
“ไม่เห็นจำเป็นต้องทำกับเธออย่างนั้นนี่นา” ในเวลาที่สเปิร์มทุกตัวหัวหดกันหมด คงมีแต่คุณครูบาลเฮดเท่านั้นที่กล้าลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนสวนออกไปอย่างไม่พอใจ
ทั้งลำเรือเวลานี้จึงมีแต่คุณครูบาลเฮดและกัปตันแบ็คเท่านั้นที่ยืนจ้องหน้าใส่กันอยู่
กัปตันแบ็คขยับเข้ามาหาคุณครูบาลเฮดที่อยู่ทางท้ายเรืออย่างช้าๆ เสียงจี๊ดๆ จ๊าดๆ ของแขนขาที่เสียดสีกันไปมาประดุจเสียงลับใบมีดเพื่อเตรียมประลองยุทธดังเสียดแก้วหู สเปิร์มที่หมอบอยู่ระหว่างกลางของสิ่งมีชีวิตต่างประเภทสองตัวนี้แทบไม่มีตัวไหนกล้าสูดลมหายใจแรงๆ เลย
เมื่อกัปตันแบ็คเดินมาหยุดตรงหน้าของคุณครูบาลเฮด ทั้งสองตัวยืนเปรียบเทียบสัดส่วนกันอย่างไม่มีใครเกรงกลัวใคร เมื่อคุณครูบาลเฮดแหงนหน้าขึ้นมอง กัปตันแบ็คที่สูงกว่าสองเท่าตัวก็ต้องก้มศีรษะลงมาเพื่อจ้องหน้า
“ครูบาลเฮดเองหรอกรึ..ครูฝึกที่โดนปลดออกเพราะไร้ประสิทธิภาพนี่เอง..หวังว่า..นายจะรู้ดีว่า ใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จบนเรือลำนี้” กัปตันแบ็คกล่าวเย้ยหยัน
“ฉันรู้ว่าแกมีอำนาจควบคุมจัดการทุกอย่างบนเรือลำนี้ แต่..ไม่น่าใช้วิธีกินเด็ก” คุณครูบาลเฮดเขย่งตัวขึ้นไปเอาศีรษะยันที่หน้าอกของกัปตันแบ็คแล้วโต้กลับอย่างไม่หวั่นเกรง
“ต่างกันตรงไหนกับการที่แกส่งเด็กเข้าห้องเก็บกวาดน่ะ..สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน..นายรู้อะไรหรือเปล่า สัญญาที่ฉัน..ทำไว้กับคุณครูใหญ่ คือ..มีอำนาจเบ็ดเสร็จบนเรือ สามารถกำจัดสเปิร์มที่..แสดงอาการอ่อนแอให้เห็นได้ทันที..ด้วยวิธีใดก็ได้..สิ่งที่แกเห็นเป็นกฎของธรรมชาติ..มันเกิดขึ้นบนเรือลำเลียงทุกเที่ยวที่ไปสู่ฐานยิงจรวด.. และนี่คือ‘ค่าตอบแทน’..อันน้อยนิด..ที่ฉันได้รับจากการทำงานให้ที่นี่” กัปตันแบ็คตะคอกเสียงขาดๆ หายๆ ใส่หน้าคุณครูบาลเฮด ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ กดศีรษะลงมาเพื่อสยบการท้าทายของเขา
และแล้ว คุณครูบาลเฮดก็ค่อยๆ ย่อตัวลงมาและกลับมานั่งถอนหายใจยาวๆ อย่างสงบเสงี่ยม ถ้าสิ่งที่กัปตันแบ็คกระทำลงไปอยู่ในข้อปฏิบัติที่คุณครูใหญ่เห็นชอบด้วยแล้ว มันก็คือกฎระเบียบที่ทุกตัวต้องยึดถือ ผู้ใดที่ขัดขวางผู้คุมกฎระเบียบก็เท่ากับละเมิดกฎและต้องถูกลงโทษ ซึ่งเขาเองในฐานะที่เคยคุมกฎมาก่อนก็เคยกระทำการเยี่ยงนั้นต่อสเปิร์มหลายตัวมาแล้วเช่นกัน
“ค่าตอบแทนเหรอ..งี่เง่าสิ้นดี คุณครูใหญ่ไม่น่าตกลงกับมันอย่าง..อุ๊บ” สเปิร์มพิณโพล่งออกมาอย่างไม่พอใจ สเปิร์มปันต้องรีบยกหางขึ้นไปอุดปากของเธอไว้
กัปตันแบ็คเหลียวมาจ้องสเปิร์มทั้งสองเหมือนคาดโทษแล้วหันกลับไปประกาศก้อง
“ไม่เฉพาะสเปิร์มที่อ่อนแอเท่านั้นนะ ..สเปิร์มที่คิดแข็งข้อ..ก็อาจถูกจัดการด้วยวิธีการนั้นได้เช่นกัน” กัปตันแบ็คประกาศต่อหน้าสเปิร์มทั้งลำเรือพร้อมกับชูแขนที่ถือปืนชี้ขึ้นไปด้านบนแล้วเหนี่ยวไกประกาศศักดา
โป้ง..ง..!
“มีใครข้องใจในการกระทำของฉันอีกไหม” กัปตันแบ็คตะโกนก้องพร้อมกับยืนชูปืนจังก้าอยู่ท่ามกลางสะเก็ดไฟที่ตกลงมาเหมือนลูกตาของปีศาจ แสงว้อบๆ แว้บๆ ของไฟกระพริบช่วยสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้ร่างที่ยืนผงาดนั้นไม่ต่างไปจากปีศาจจากขุมนรก
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอแยด้วยแล้ว กัปตันแบ็คก็ทิ้งศีรษะลงมาอยู่ในเกาะกับพื้นเพื่อเตรียมเดินกลับไปห้องกระจก แต่พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับสเปิร์มสาวตัวหนึ่งที่กระโดดออกมายืนขวางทางด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ยิงปืนทำไม..แค่นี้ก็ต้องยิงด้วยเหรอ จะบ้าอำนาจไปถึงไหน” สเปิร์มพิณกล่าวอย่างเหลืออดหลังจากที่เธอต้องสะดุ้งตกใจเพราะเสียงปืนเป็นครั้งที่สามแล้ว และไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงต่อไปได้
“หือ..เธอว่ายังไงนะ” กัปตันแบ็คแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่มีสเปิร์มริอาจท้าทายอำนาจของมันหลังจากประกาศศักดาแล้ว
สเปิร์มพิณรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาเป็นอย่างดี เธอถอยหลังไปจนติดกับห้องกระจกที่ท้ายเรือ ถ้าต้องต่อสู้กันเธอรู้ตัวดีว่าแพ้วันยังค่ำ แผนที่จะจัดการกับกัปตันแบ็คจึงไม่ใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัว ซึ่งเธอกำลังภาวนาให้เพื่อนผู้กล้าหาญของเธอชิงลงมืออย่างทันการก่อนที่เธอจะถูกขย้ำ
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครกระโดดเข้ามาช่วย จนถึงวินาทีที่ร่างของกัปตันแบ็คที่เหยียดขึ้นสุดตัวถาโถมลงมาใส่เธออย่างรวดเร็ว
“ว๊าย..! อย่านะ..อย่า..” สเปิร์มพิณก้มศีรษะแล้วย่อตัวลงจนติดพื้นก่อนที่ร่างของเธอจะถูกกดทับด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมดของกัปตันแบ็ค หนังหน้าท้องที่ยืดหยุ่นได้ของมันไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บแต่มันทำหน้าที่สกัดกั้นมิให้เธอดิ้นหลุดออกไป เมื่อกดทับจนเห็นว่าเหยื่อไม่ไหวติงแล้ว ปากที่หน้าท้องก็ค่อยๆ อ้าออก กล้ามเนื้อที่โอบรอบตัวสเปิร์มพิณค่อยๆ นวดค่อยๆ เค้น น้ำลายที่หลั่งออกมาช่วยทำให้ร่างของเหยื่อลื่นไหลเข้าไปในปากได้ง่ายขึ้น แขนขาที่อยู่โดยรอบทำหน้าที่เหมือนลูกกรงชั้นดีที่ตั้งอยู่บนพื้นและส่วนหนึ่งช่วยเขี่ยและดันร่างของเหยื่อให้เข้าไปในปาก
**กว่าจะเป็นพวกเธอในวันนี้ (The sperm's story) บทที่ 11..ค่าตอบแทน**
ค่าตอบแทน
เรือหัวกระสุนแล่นออกจากท่าไปตามลำธารสายเล็กๆ สีแดงข้นที่ขนาดของลำน้ำและทิศทางข้างหน้ายากจะคะเนว่าเป็นอย่างไร บางช่วงขอบเขตของลำน้ำบานออกเป็นเวิ้งกว้าง บางช่วงที่มีก้อนกรวดมาขวางทางไว้ก็คอดเข้ามาเหลือแค่พอให้ลำเรือผ่านไปได้เท่านั้น ตลอดเส้นทางจะมีธารน้ำสายเล็กแยกแขนงออกจากธารสายหลักอยู่เต็มไปหมด แต่กัปตันเรือยังคงยึดมั่นเดินเรืออยู่บนเส้นทางหลักไม่เปลี่ยนแปร
แม้เส้นทางจะลดเลี้ยวเคี้ยวคดเพียงไรก็ตาม กัปตันแบ็คก็ไม่ยอมชะลอความเร็วของเรือลงเลย เขาไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารมากเท่ากับความต้องการไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด ทำให้มีหลายครั้งที่เหล่าสเปิร์มต้องไหลไปกองรวมกันทางกราบเรือซีกหนึ่งเมื่อหัวเรือหักเลี้ยวอย่างฉับพลัน และไหลกลับมากองกันอีกซีกหนึ่งเมื่อหักหัวเรือกลับคืน ถึงแม้จะไม่มีสเปิร์มตัวใดกระเด็นตกน้ำลงไปก็ตามแต่ก็สร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้พวกเขาอยู่ตลอดเวลา
แม้กระนั้น..ก็ยังไม่มีสเปิร์มตัวไหนกล้าแสดงท่าทีไม่พอใจการทำหน้าที่ของกัปตันแบ็คเลยสักตัวเดียว
“นี่กระมัง ผลของการไม่ได้รับค่าจ้าง” คงมีแต่เสียงบ่นให้สเปิร์มด้วยกันฟังเท่านั้น
เรือหัวกระสุนแล่นผ่านเส้นทางที่วิบากที่สุดออกมาได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางความโล่งอกของสเปิร์มทั้งลำเรือ เบื้องหน้าสายน้ำสงบราบเรียบเหมือนแผ่นกระดาน ตะเกียงน้ำมันบนเสากระโดงหยุดแกว่งไกว แต่..ความเร็วของเรือกลับชะลอลง ท่ามกลางความงุนงงของบรรดาสเปิร์ม
“อ้าว..ไหงทางราบเรียบกลับไม่ขับเร็วล่ะ”
“กัปตันคงอยากให้เราได้พักหายใจหายคอบ้างมั้ง”
“เขาปรารถนาดีกับพวกเราปานนั้นเชียวหรือ” สเปิร์มพิณคิดในใจ
หลังจากถูกโยกคลอนมาอย่างหนักเมื่อได้กลับมายืนอยู่บนความราบเรียบอีกครั้ง ทำให้สเปิร์มหลายตัวรู้สึกมึนศีรษะและเสียสมดุลในการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ
ความเงียบเข้าปกคลุมเหนือดาดฟ้าเรือเหมือนทุกตัวกำลังรอคอยสัญญาณอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่แน่ใจ ..กัปตันแบ็คเองก็เช่นกัน..
ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องของสเปิร์มตัวหนึ่งดังขึ้นมาจากบริเวณเสากระโดง..
“กัปตันครับ..ช่วยด้วย..! มีสเปิร์มอาเจียนออกมาเต็มพื้นเลย”
เสียงร้องตะโกนทำให้สเปิร์มทั้งลำเรือแตกตื่นกันใหญ่และต่างก็ขยับตัวจะลุกไปดู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงสั่งการที่ดังกึกก้องกว่าห้ามเอาไว้
“หยุด..! ห้ามทุกตัวลุกจากที่นั่งโดยเด็ดขาด ปล่อยเป็นหน้าที่ของฉันเอง” ดูเหมือนอาการพูดเหยาะๆ แหยะๆ ของกัปตันแบ็คจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาปัดไมโครโฟนทิ้งอย่างไม่ใยดีแล้วกระโดดผลุงออกจากที่นั่งในทันที
กัปตันแบ็คเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจากท้ายเรือมาสู่บริเวณตอนกลางของเรือที่สเปิร์มจิงกำลังก้มหน้ากับพื้นและไอสะดุดติดต่อกัน สเปิร์มที่รุมล้อมอยู่เปิดทางผ่านให้กัปตันแบ็คเข้ามาอย่างสะดวก
“ถอยออกไป..ถอยออกไปให้หมด..!” กัปตันแบ็คสั่งอย่างเด็ดขาด มือเท้าของมันวาดไปมากลางอากาศกินบริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนสเปิร์มที่รายล้อมอยู่แตกกระเจิดกระเจิง หลังจากนั้น กัปตันแบ็คก็เข้าไปสำรวจอาการโดยยืนโอบร่างของสเปิร์มจิงเอาไว้จนมิด
“เธอคงทานอาหารก่อนที่จะขึ้นเรือ..มามากไปหน่อย.. ตัวเล็กอย่างนี้..ไม่น่าทานเยอะนะ.. นี่เป็นอาการเมาเรือธรรมดาๆ” กัปตันแบ็คกลับมากล่าวเสียงเหยาะๆ แหยะๆ และขาดเป็นห้วงๆ อีกครั้งหลังจากได้สำรวจอาการของสเปิร์มจิงแล้ว
คำกล่าวของกัปตันแบ็คทำให้สเปิร์มที่ได้ยินโล่งใจ คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมาก
“เป็นยังไงบ้างสาวน้อย” กัปตันแบ็คก้มศีรษะลงไปหาสเปิร์มจิงที่เปลี่ยนเป็นนอนราบอยู่บนพื้น เสียงของมันทุ้มต่ำจนเกือบจะจมหายลงไปในพื้นเรือ ตาข้างเดียวที่มองสเปิร์มจิงมีประกายเจิดจ้าขึ้นมาเหมือนสมิงร้ายกำลังจับตามองเหยื่ออันโอชะ
“เอ่อ..ค่อ..ค่อยดี..ขึ้นแล้ว..ขะ..ค่ะ” สเปิร์มจิงคิดจะผงกศีรษะขึ้นมาแต่พอเห็นหน้ากัปตันแบ็คที่กำลังก้มลงมาหาก็ทำให้เธอต้องเปลี่ยนใจเป็นพลิกตัวนอนตะแคงข้างทันที น้ำลายเหนียวหนืดของกัปตันแบ็คที่ย้อยลงมาอยู่ตรงหน้าสร้างความรู้สึกขยะแขยงและพะอืดพะอมจนเธออยากจะอาเจียนออกมาอีกครั้ง
“เออ..เออะ..แหวะ”
กัปตันแบ็ครีบโถมตัวลงไปหาสเปิร์มจิงอย่างรวดเร็ว ใช้ลำตัวห่อร่างของสเปิร์มจิงจนมิด
“ไหนบอกว่า..ดีขึ้นแล้วไงล่ะ..เหอะ..เหอะ..เหอะ..ทำใจดีๆ ไว้นะ” เสียงแหบพร่าของกัปตันแบ็คดังอยู่ที่ข้างหูของสเปิร์มจิงที่กำลังสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัวสุดขีด
“ชะ..ช่วย..ช่วยด้วย..!” สเปิร์มจิงร้องลั่นทันทีเมื่อรู้สึกว่า มีแขนขาหลายสิบข้างกำลังไต่อยู่บนลำตัวของเธอ
กัปตันแบ็คคร่อมร่างของสเปิร์มจิงเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เสียงร้องขอความช่วยเหลือถูกตัดขาดไปเมื่อมีแขนข้างหนึ่งของกัปตันแบ็คยัดเข้าไปในปากของเธอ สเปิร์มจิงพยายามดิ้นรนแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกแขนขาจำนวนมากของกัปตันแบ็คบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด เธอก็หมดแรงและยอมให้แขนขาเหล่านั้นหยิบร่างของเธอใส่เข้าไปในปากที่หน้าท้องของกัปตันแบ็คที่เปิดอ้ารออยู่แล้ว
ไม่มีใครมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างใต้ร่างดั่งผ้าขี้ริ้วที่ห่อหุ้มร่างของสเปิร์มจิงอยู่ หลายตัวคิดว่าอาจเป็นวิธีการเยียวยาผู้ประสบเคราะห์กรรมของกัปตันแบ็ค จนเมื่อมันเหยียดร่างขึ้นยืนอีกครั้ง จึงพบว่า ไม่มีร่างของสเปิร์มจิงปรากฏอยู่ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว
“เฮ้ย..ย..!!”
“ว๊าย..ตายแล้ว..!!”
“เขากลืนเธอเข้าไปจริงๆ ด้วย..!”
สเปิร์มต่างส่งเสียงร้องกันอย่างตื่นตกใจ ไม่มีใครคิดว่ากัปตันแบ็คจะกลืนสเปิร์มทั้งตัวเข้าไปได้โดยง่ายดายเช่นนี้
กัปตันแบ็คหันหลังกลับแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ตัวอย่างระแวดระวัง แววตาของมันดุดันแข็งกร้าวยิ่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก
“หยุด..ห้ามทุกตัวเคลื่อนไหวเป็นอันขาด..!” กัปตันแบ็คออกคำสั่งมากำราบความเคลื่อนไหวอย่างเฉียบขาด สเปิร์มทุกตัวใครทำท่าอะไรอยู่ก็ค้างอยู่อย่างนั้นเหมือนถูกสาปเป็นหิน
เมื่อเห็นว่าสเปิร์มทุกตัวสงบนิ่งอย่างเชื่อฟังดีแล้ว กัปตันแบ็คก็ค่อยๆ เยื้องย่างกลับมาทางเดิมพร้อมกับสายตาที่สอดส่ายไปยังทุกทิศทุกทาง เมื่อไปประสานสายตากับสเปิร์มตัวไหนเข้า สเปิร์มตัวนั้นเป็นต้องเบือนหลบไปทางอื่นทันที
“ฉันจะไม่ทำร้ายพวกเธอตราบใดที่พวกเธออยู่ในความสงบ และจะไม่มีใครเป็นอันตรายอีกจนกว่าเราจะถึงจุดหมายปลายทาง” กัปตันแบ็คประกาศเสียงดังฟังชัด ไม่เหยาะๆ แหยะๆ ไม่เป็นห้วงๆ และไม่แตกพร่าเลยสักนิดเดียว
“ไม่เห็นจำเป็นต้องทำกับเธออย่างนั้นนี่นา” ในเวลาที่สเปิร์มทุกตัวหัวหดกันหมด คงมีแต่คุณครูบาลเฮดเท่านั้นที่กล้าลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนสวนออกไปอย่างไม่พอใจ
ทั้งลำเรือเวลานี้จึงมีแต่คุณครูบาลเฮดและกัปตันแบ็คเท่านั้นที่ยืนจ้องหน้าใส่กันอยู่
กัปตันแบ็คขยับเข้ามาหาคุณครูบาลเฮดที่อยู่ทางท้ายเรืออย่างช้าๆ เสียงจี๊ดๆ จ๊าดๆ ของแขนขาที่เสียดสีกันไปมาประดุจเสียงลับใบมีดเพื่อเตรียมประลองยุทธดังเสียดแก้วหู สเปิร์มที่หมอบอยู่ระหว่างกลางของสิ่งมีชีวิตต่างประเภทสองตัวนี้แทบไม่มีตัวไหนกล้าสูดลมหายใจแรงๆ เลย
เมื่อกัปตันแบ็คเดินมาหยุดตรงหน้าของคุณครูบาลเฮด ทั้งสองตัวยืนเปรียบเทียบสัดส่วนกันอย่างไม่มีใครเกรงกลัวใคร เมื่อคุณครูบาลเฮดแหงนหน้าขึ้นมอง กัปตันแบ็คที่สูงกว่าสองเท่าตัวก็ต้องก้มศีรษะลงมาเพื่อจ้องหน้า
“ครูบาลเฮดเองหรอกรึ..ครูฝึกที่โดนปลดออกเพราะไร้ประสิทธิภาพนี่เอง..หวังว่า..นายจะรู้ดีว่า ใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จบนเรือลำนี้” กัปตันแบ็คกล่าวเย้ยหยัน
“ฉันรู้ว่าแกมีอำนาจควบคุมจัดการทุกอย่างบนเรือลำนี้ แต่..ไม่น่าใช้วิธีกินเด็ก” คุณครูบาลเฮดเขย่งตัวขึ้นไปเอาศีรษะยันที่หน้าอกของกัปตันแบ็คแล้วโต้กลับอย่างไม่หวั่นเกรง
“ต่างกันตรงไหนกับการที่แกส่งเด็กเข้าห้องเก็บกวาดน่ะ..สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน..นายรู้อะไรหรือเปล่า สัญญาที่ฉัน..ทำไว้กับคุณครูใหญ่ คือ..มีอำนาจเบ็ดเสร็จบนเรือ สามารถกำจัดสเปิร์มที่..แสดงอาการอ่อนแอให้เห็นได้ทันที..ด้วยวิธีใดก็ได้..สิ่งที่แกเห็นเป็นกฎของธรรมชาติ..มันเกิดขึ้นบนเรือลำเลียงทุกเที่ยวที่ไปสู่ฐานยิงจรวด.. และนี่คือ‘ค่าตอบแทน’..อันน้อยนิด..ที่ฉันได้รับจากการทำงานให้ที่นี่” กัปตันแบ็คตะคอกเสียงขาดๆ หายๆ ใส่หน้าคุณครูบาลเฮด ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ กดศีรษะลงมาเพื่อสยบการท้าทายของเขา
และแล้ว คุณครูบาลเฮดก็ค่อยๆ ย่อตัวลงมาและกลับมานั่งถอนหายใจยาวๆ อย่างสงบเสงี่ยม ถ้าสิ่งที่กัปตันแบ็คกระทำลงไปอยู่ในข้อปฏิบัติที่คุณครูใหญ่เห็นชอบด้วยแล้ว มันก็คือกฎระเบียบที่ทุกตัวต้องยึดถือ ผู้ใดที่ขัดขวางผู้คุมกฎระเบียบก็เท่ากับละเมิดกฎและต้องถูกลงโทษ ซึ่งเขาเองในฐานะที่เคยคุมกฎมาก่อนก็เคยกระทำการเยี่ยงนั้นต่อสเปิร์มหลายตัวมาแล้วเช่นกัน
“ค่าตอบแทนเหรอ..งี่เง่าสิ้นดี คุณครูใหญ่ไม่น่าตกลงกับมันอย่าง..อุ๊บ” สเปิร์มพิณโพล่งออกมาอย่างไม่พอใจ สเปิร์มปันต้องรีบยกหางขึ้นไปอุดปากของเธอไว้
กัปตันแบ็คเหลียวมาจ้องสเปิร์มทั้งสองเหมือนคาดโทษแล้วหันกลับไปประกาศก้อง
“ไม่เฉพาะสเปิร์มที่อ่อนแอเท่านั้นนะ ..สเปิร์มที่คิดแข็งข้อ..ก็อาจถูกจัดการด้วยวิธีการนั้นได้เช่นกัน” กัปตันแบ็คประกาศต่อหน้าสเปิร์มทั้งลำเรือพร้อมกับชูแขนที่ถือปืนชี้ขึ้นไปด้านบนแล้วเหนี่ยวไกประกาศศักดา
โป้ง..ง..!
“มีใครข้องใจในการกระทำของฉันอีกไหม” กัปตันแบ็คตะโกนก้องพร้อมกับยืนชูปืนจังก้าอยู่ท่ามกลางสะเก็ดไฟที่ตกลงมาเหมือนลูกตาของปีศาจ แสงว้อบๆ แว้บๆ ของไฟกระพริบช่วยสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้ร่างที่ยืนผงาดนั้นไม่ต่างไปจากปีศาจจากขุมนรก
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอแยด้วยแล้ว กัปตันแบ็คก็ทิ้งศีรษะลงมาอยู่ในเกาะกับพื้นเพื่อเตรียมเดินกลับไปห้องกระจก แต่พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับสเปิร์มสาวตัวหนึ่งที่กระโดดออกมายืนขวางทางด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ยิงปืนทำไม..แค่นี้ก็ต้องยิงด้วยเหรอ จะบ้าอำนาจไปถึงไหน” สเปิร์มพิณกล่าวอย่างเหลืออดหลังจากที่เธอต้องสะดุ้งตกใจเพราะเสียงปืนเป็นครั้งที่สามแล้ว และไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงต่อไปได้
“หือ..เธอว่ายังไงนะ” กัปตันแบ็คแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่มีสเปิร์มริอาจท้าทายอำนาจของมันหลังจากประกาศศักดาแล้ว
สเปิร์มพิณรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาเป็นอย่างดี เธอถอยหลังไปจนติดกับห้องกระจกที่ท้ายเรือ ถ้าต้องต่อสู้กันเธอรู้ตัวดีว่าแพ้วันยังค่ำ แผนที่จะจัดการกับกัปตันแบ็คจึงไม่ใช่การต่อสู้แบบตัวต่อตัว ซึ่งเธอกำลังภาวนาให้เพื่อนผู้กล้าหาญของเธอชิงลงมืออย่างทันการก่อนที่เธอจะถูกขย้ำ
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครกระโดดเข้ามาช่วย จนถึงวินาทีที่ร่างของกัปตันแบ็คที่เหยียดขึ้นสุดตัวถาโถมลงมาใส่เธออย่างรวดเร็ว
“ว๊าย..! อย่านะ..อย่า..” สเปิร์มพิณก้มศีรษะแล้วย่อตัวลงจนติดพื้นก่อนที่ร่างของเธอจะถูกกดทับด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมดของกัปตันแบ็ค หนังหน้าท้องที่ยืดหยุ่นได้ของมันไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บแต่มันทำหน้าที่สกัดกั้นมิให้เธอดิ้นหลุดออกไป เมื่อกดทับจนเห็นว่าเหยื่อไม่ไหวติงแล้ว ปากที่หน้าท้องก็ค่อยๆ อ้าออก กล้ามเนื้อที่โอบรอบตัวสเปิร์มพิณค่อยๆ นวดค่อยๆ เค้น น้ำลายที่หลั่งออกมาช่วยทำให้ร่างของเหยื่อลื่นไหลเข้าไปในปากได้ง่ายขึ้น แขนขาที่อยู่โดยรอบทำหน้าที่เหมือนลูกกรงชั้นดีที่ตั้งอยู่บนพื้นและส่วนหนึ่งช่วยเขี่ยและดันร่างของเหยื่อให้เข้าไปในปาก